ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ D18 ] Only Fiction

    ลำดับตอนที่ #4 : ........คนที่....ฉัน.....ไม่ต้องการ.........????? [Part 2 End]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 368
      1
      24 พ.ย. 55

    Reborn Fiction

     

    ........คนที่....ฉัน.....ไม่ต้องการ.........????? [Part 2 End]

     

    [D18] Dino X Hibari

     

    ..........................................................................

     

    ทำไมคนเราถึงชอบใช้คำว่า รัก มาเป็นเหตุผลหลักในการมีใครสักคน

     

    คำว่า รัก มันสำคัญขนาดนั้นเลยรึไง........

     

    แล้วตกลงคำว่า รัก มันเป็นความรู้สึกยังไงกันแน่???

     

    แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเรากำลังมี รัก...........

     

     

     

     

     

     

     

     

    เพราะ....ฉัน......รัก......เคียวยะ คำตอบที่แสนจะดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความจริงใจ......มันไม่ได้ทำให้ใบหน้าหวานลดความโกรธลงได้แม่แต้น้อย กลับยิ่งทำให้ความรู้สึกคุกรุ่นยิ่งกว่าเดิม

     

    ใช่....เพราะฉันรักนาย ฉันถึงไม่ตอบโต้ ไม่มีใครอยากทำให้คนที่ตัวเองรักต้องเจ็บหรอกนะ นัยน์ตาสีทองที่จ้องมองมาด้วยความเจ็บปวด.......ยิ่งทำให้รู้สึกสงสัย.....

     

    เคียวยะ ถ้านายเริ่มรักใครสักคนแล้ว นายก็จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องไร้สาระซักนิด ว่า......อะไรคือ ความรัก

     

    มันก็แค่ความงี่เง่าของพวกอ่อนแอ ร่างบางเอ่ยออกมาด้วยความหงุดหงิด ตั้งแต่จบเรื่องบนดาดฟ้า.....ความรู้สึกนี้ก็ไม่ยอมหายไป มันกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกครั้งที่นึกถึง.....แม้แต่ทุกครั้งที่หลับตา

     

    ชิ.....ทำไมมันน่าเบื่อแบบนี้นะ ร่างบางล้มตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวพลางครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา

     

     

    นานแค่ไหนแล้วนะ......ที่เอาแต่โมโหแล้วก็พาลไปทั่ว

     

    นานเท่าไหร่แล้ว......ที่คอยมองหาเวลาที่ไม่เจอ

     

    แล้วมันจะนานอีกซักเท่าไหร่.......ที่จะเลิกหงุดหงิดใส่คน....เพียงแค่คนเดียว

     

    มันเริ่มตั้งแต่ตอนนั้นสินะ……..’

     

     

     

     

     

     

    นายคือฮิบาริ เคียวยะใช่มั๊ย? ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

     

    น่าหมั่นไส้ ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในความคิดของร่างบางเจ้าของห้อง

     

    ฉันเป็นลูกศิษย์ของรีบอร์น จะมาขอพูดเรื่องแหวนที่มีรูปเมฆาที่อยู่ในมือนาย ใบหน้าหล่อเหลายังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น

     

    งั้นก็คงจะเก่งสินะ ฉันไม่สนใจเรื่องแหวนหรอก แค่ได้ขย้ำนายให้ตายก็พอ ร่างบางลุกขึ้นพร้อมกับดึงอาวุธคู่กายออกมาใช้

     

    อย่างที่ว่า ตัวปัญหาจริงๆ ไม่ได้สะทกสะท้านใดๆ รอยยิ้มนั่นยิ่งฉายชัดกว่าเดิม

     

     

     

     

     

    อย่าพุ่งเข้าใส่คนอื่นอย่างไม่ระวังสิ เคียวยะ ร่างสูงเอ่ยพร้อมกับหลบการโจมตีของร่างบาง

     

    อย่าพูดมากจะได้มั๊ย ใบหน้าหวานส่อเค้าเริ่มหงุดหงิด แต่ท่าทางกลับยังคงสนุกกับการไล่ล่าอีกฝ่าย

     

    ก็อ่ะนะ..... ร่างสูงได้แต่ยิ้มอย่างเอือมระอา พร้อมกับตวัดแส่ในมือเพื่อหยุดการกระทำของร่างบาง

     

    นายเล่นฟาดเอา ฟาดเอาแบบนี้ คนที่เหนื่อยจะกลายเป็นนายนะ ร่างสูงว่าพลางใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าหวานของร่างบาง

     

    อย่ามาแตะต้องตัวฉัน แก้มใสแดงระเรื่อ ผิดกับร่างกายที่ตวัดทอนฟาใส่อีกฝ่ายโดยไม่ทันตั้งตัว

     

    โอ๊ย!!!!!!!” ร่างสูงล้มลงกับพื้นสภาพดูแทบไม่ได้

     

    สมน้ำหน้า ใบหน้าหวานแอบอมยิ้มน้อยๆ

     

    ดีขึ้นนี่เคียวยะ นายเริ่มยิ้มบางแล้วนะ ร่างสูงเอ่ย นัยน์ตาสีทองจ้องมองมาอย่างชื่นชม

     

    พล่ามอะไรของนาย ร่างบางหันหน้าหนีสายตาของอีกฝ่าย

     

    ก็ตั้งแต่วันแรกที่เจอนายจนถึงเมื่อกี้ นายพึ่งจะยิ้มเป็นครั้งแรก แปลว่าการสอนของฉันก็คงจะไม่เปล่าประโยชน์ ร่างสูงเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นมายืนข้างๆ

     

    ฮึ.....หลงตัวเอง คนอย่างนายมัน...... ร่างบางหันหน้ามาหวังจะเอาเรื่องแต่ก็ต้องชะงักไป

     

    อะไรเหรอ? ใบหน้าคม เลื่อนเข้ามาใกล้จนห่างกันเพียงเล็กน้อย

     

    ปะ.....ไปห่างๆเลย ร่างบางผลักอีกฝ่ายให้ออกห่าง

     

    นี่.....เคียวยะ ฉันมีอะไรจะบอกล่ะ ร่างสูงยังคงเดินเข้ามาใกล้อีกครั้ง

     

    อะไร? ร่างบางทำเป็นไม่สน แต่ในใจก็คงอยากรู้เช่นกัน

     

    ฉัน........ชอบนาย เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาราวกับว่าไม่ต้องการให้ใครรู้ยกเว้นแค่คนตรงหน้า

     

    ............................................ ไม่ได้มีเสียงตอบรับอันใด สายลมที่พัดผ่านเริ่มหมุนวน....แล้วก็ค่อยๆจางหายไป.....นั่นเหมือนกับเวลาที่เดินมาตลอดถูกหยุดยั้ง.....เพื่อจะเก็บเกี่ยวความทรงจำ ณ ตรงนี้ ไม่ว่าจะ....เจ็บปวด....หรือ....จะมีความสุขก็ตาม

     

    มันอาจจะเร็วเกินไปนะ แต่ฉันก็อยากจะบอกให้นายได้รู้ กลายเป็นร่างสูงเองที่เกิดอาการอาย

     

    จะบ้ารึไง.....พูดได้ไม่อาย ร่างบางว่าก่อนจะตั้งท่าเดินหนี

     

    มะ...ไม่ได้เหรอ ฉันชอบนายไม่ได้รึไง? ร่างสูงเริ่มเสียกำลังใจ หากอีกฝ่ายตอบกลับมาว่า ได้ ก็คงดี แต่ถ้าที่หวังนี่มันกลายเป็น ไม่ ล่ะ......หัวใจดวงนี้จะยังคงอยู่ได้อีกหรือ..........

     

    ก็แล้วแต่นาย...........ใครจะไปบังคับได้ ร่างบางตอบพลางเดินจากไปทันที ทิ้งให้ร่างสูงได้แต่ยืนหาข้อสรุปจากคำตอบที่ได้........เพียงลำพัง

     

     

     

     

     

     

    ฮะๆ จริงเหรอครับคุณดีโน่ เสียงหวานจากใครบางคนลอยมากระทบโสตประสาท พร้อมๆกับชื่อที่แสนคุ้นเคย ถึงแม้เขาจะไม่เคยเอ่ยเรียกเลย......แม้เพียงครั้ง

     

    จริงสิสึนะ ถ้าได้ล่ะก็ ฉันจะช่วยให้เต็มที่เลย และอีกหนึ่งเสียงที่ฟังอยู่ทุกวันเมื่อถึงเวลาฝึก ไม่สิ.....เวลาที่จะขย้ำหมอนั่นให้ตายต่างหาก

     

    ไม่รอช้าร่างบางที่ได้ยินเสียงคุยโหวกเหวกของกลุ่มบุคคลที่เขามักเรียกว่า พวกสัตว์กินพืชอ่อนแอ อารมณ์ที่ดีๆอยู่ก็ปะทุขึ้นมาซะเดี๋ยวนั้น แม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็ตาม สองขาพาร่างเพรียวมาถึงจุดต้นเสียง.....ภาพที่เห็นคือ ซาวาดะ สึนะโยชิ และ ม้าพยศ ดีโน่ คาวัลโลเน่ ยืนคุยกันด้วยท่าทางสนุกสนาน ประโยคและหัวข้อที่สนทนาก็ดูไร้สาระ....แต่ทำไม?....ทำไมมันถึงดูแตกต่างจากเวลาที่เขากับหมอนั่นคุยกัน.......ทุกครั้ง.....มันจะเต็มไปด้วยเรื่องที่เป็นปัญหา.....บ่อยครั้งก็พูดถึงแต่เรื่องกลุ่มมาเฟีย ทั้งที่รู้ว่าเขาเกลียดการรวมกลุ่มมากแค่ไหน....

     

    สึนะเป็นบอส ต้องพยายามให้มากทำไมกัน....รอยยิ้มนั่นถึงมีให้แต่คนอื่นที่ไม่ใช่.....ฉัน

     

    ฉันเองก็อยากให้นายเข้มแข็งขึ้นเร็วๆ กำลังใจที่มอบให้คนอื่น....แล้วฉันล่ะ

     

    ฉันชอบนายที่เป็นคนแบบนี้ สึนะ อะไรนะ.........ชอบเหรอ?......

     

    ฉัน.......ชอบนายหมายความว่าไง.....เที่ยวบอกใครต่อใครว่า ชอบ งั้นที่พูดกับฉัน ก็พูดกับคนอื่นได้สินะ.....ตกลงที่พูดมาจริงใจรึเปล่า..........ฉันไม่เข้าใจ........ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงอ่อนแอได้ขนาดนี้.......กับอีแค่คำหลอกลวง.......ยังรู้สึก......หวั่นไหว....

     

    จับกลุ่มกันคุยซะเสียงดังขนาดนี้ กล้าจังนะ ร่างบางหยุดความคิดทั้งหมดไว้ ก่อนจะทนไม่ไหวกระโดดเข้าไปขย้ำอีกฝ่าย

     

    อะ.....เคียวยะ ยังไม่ถึงเวลาฝึกเลยนะ.........ทำไม?...ยังไม่ถึงเวลาแล้วฉันจะมาซ้อมพวกชอบโกหกไม่ได้รึไง

     

    ก็ฉันอยากขย้ำพวกนายตอนนี้ มือไวเท่าความคิดร่างบางไม่รอช้าเข้าประทุษร้ายทั้งสองคนทันที

     

    อย่านะ!...เคียวยะ ร่างสูงตะโกนห้ามพร้อมกับพยุงศิษย์น้องไปด้วย ทำเอาร่างบางยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่

     

    ปกป้องกันดีจริงนะ ใบหน้าแสดงอาการโมโหออกมาอย่างชัดเจน

     

    สึนะ หลบไปก่อน ฉันจัดการเอง ร่างสูงว่าพลางดันตัวศิษย์น้องเข้าไปในห้องเรียนเพื่อความปลอดภัย

     

    กลัวเจ้าสัตว์กินพืชนั่นตาย...จนต้องพาไปซ่อนเลยเหรอ เสียงหวานเอ่ยอย่างเย็นชา

     

    ฉันว่าไปคุยกันที่อื่นดีกว่า เดี่ยวคนอื่นเขาจะแตกตื่นกันหมด ร่างสูงถอยหลังไปจนสุดทางลงบันได

     

    ไม่ต้องมาหาข้ออ้าง ฉันไม่ชอบทำอะไรพร่ำเพรื่อ แทบไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างบางก็กระโจนเข้าใส่ร่างสูงทันที

     

    ทำไมนายไม่ยอมฟังที่ฉันพูดบ้างเลยนะ......แต่ก็เอาเหอะ ร่างสูงเอ่ยปลงๆ ก่อนจะตวัดแส้ขึ้นพร้อมสู้......แต่ก็คงจะลืมไปว่าตนไม่มีลูกน้องอยู่ด้วย มันก็เลย.........

     

    อะ!!!!!!” แส้กลับฟาดลงที่พื้นตรงจุดที่ร่างบางกำลังจะผ่าน โดยสัญชาตญาณ ร่าบางกระโดดหลบจึงทำให้เสียการทรงตัว....จนก้าวพลาดตกบันได

     

    เคียวยะ!!!!!!!!” เมื่อเห็นดังนั้น ร่างสูงก็ไม่รอช้าที่จะกระโดดเข้าไปช่วย......จนกลิ้งตกลงไปอีกคน

     

    โอ๊ย!...อ่ะ...เคียวยะเป็นอะไรรึเปล่า ด้วยแรงกระแทกทำเอาร่างสูงลุกยืนแทบไม่ไหว แต่ก็ไม่วายจะเป็นห่วงร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอด

     

    ฉันไม่เป็นไร ร่างบางรีบลุกออกจากวงแขนแกร่งทันที ก่อนจะสำรวจดูบาดแผลของตน

     

    กะ...ก็ดีแล้ว...เจ็บหัวชะมัด ร่างสูงเอ่ยยิ้มๆ

     

    หืม....เลือด นายเลือดออกนี่ ไหนดูสิ ร่างบางถึงกับตกใจ เมื่อสังเกตเห็นของเหลวสีแดงสดไหลออกมาจากปากแผลของอีกฝ่าย

     

    ฉันชอบนายที่เป็นคนแบบนี้ สึนะ ประโยคเสียดแทงหัวใจแล่นแปลบเข้ามาในหัว ทำเอาร่างบางที่กำลังจะเอื้อมมือไปดูด้วยความเป็นห่วง?...ถึงกับชะงัก

     

    รีบไปทำแผลซะ ฉันไม่อยากถูกหาว่า ทำให้คนที่ช่วยฉันไว้ ต้องนอนจมกองเลือดตาย กลายเป็นว่ากลับมาเยือกเย็นเหมือนเดิม.....ผิดกับท่าทีร้อนลนเมื่อครู่

     

    ช่วยพยุงหน่อยสิ คำขอร้องจากร่างสูงถูกส่งมา ถึงแม้จะรู้ว่าไม่เป็นผลก็ตาม

     

    ถ้ามีแรงพูดก็น่าจะมีแรงลุกขึ้นเองได้นี่ และก็เป็นไปตามที่คาดไว้ไม่มีผิด

     

    บอส!!! เป็นอะไรมากมั๊ย? โรมาริโอ้ที่เดินขึ้นมาเห็น จึงรีบเข้ามาพยุงทันที

     

    เกิดอะไรขึ้น ทำไมเลือดออกอย่างนี้ล่ะบอส ลูกน้องคนสนิทถามด้วยความเป็นห่วง

     

    ไม่มีอะไร ฉันก็แค่ซุ่มซ่ามเดินตกบันได แล้วเคียวยะก็เดินมาเจอเข้าเท่านั้นเอง ร่างสูงตอบ

     

    ทำไมไม่ตอบไปว่าช่วยฉัน.....คิดว่าว่าฉันจะเห็นใจรึไงเจ้าม้าพยศ ร่างบางคิด ถึงแม้จะพยายามทำเป็นไม่สนใจก็ตาม

     

    งั้นไปทำแผลก่อนดีกว่านะบอส โรมาริโอ้เอ่ย พร้อมกับพาเจ้านายของตนเดินลงไป

     

    อืม....แล้วเจอกันตอนเย็นนะเคียวยะ ร่างสูงยังคงหันกลับมาส่งยิ้มให้คนที่ยืนอยู่ด้านบน

     

    วันนี้ฉันเหนื่อย ไม่อยากไป แล้วอีกอย่างฉันไม่อยากขย้ำสัตว์ที่อ่อนแอเพราะบาดแผล ร่างบางกล่าวเสียงเย็น

     

    เหมือนเดิมเลยนะ.....นายนี่น่ารักจริงๆ แล้วเจอกันวันหลัง ร่างสูงโบกมือลา ก่อนจะหายไปจากคลองสายตาของคนที่ได้แต่ยืนส่งเพียงแค่นั้น

     

    ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี ฉันจะไม่มีวันทำดีกับคนอย่างนายเด็ดขาด มือเรียวกำแน่น

     

    ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยนะ.......บ้าจริง กำปั้นเล็กๆทุบลงที่ราวบันได ความเจ็บปวดแล่นผ่านปลายนิ้วราวกับจะย้ำการกระทำและความรู้สึกที่เกินความเป็นตัวเองไป.......

     

     

     

     

     

     

     

    นั่นสินะ ทำไมต้องหงุดหงิด ไม่มีเรื่องอะไรมารบกวน ก็ดีแล้ว ร่างบางคิด พร้อมกับพยายามข่มตาหลับให้ได้ เผื่อว่าถ้าหลับแล้วคงจะลืมมันไปได้ซักที

     

     

     

     

     

    เคียวยะ คิดถึงจังเลย ภาพของร่างสูงเริ่มเข้ามารบกวนความคิดอีกครั้ง

     

    นานสิตั้ง 48 ชั่วโมงเชียวนะ ฉันแทบขาดใจตายเลยรู้มั๊ย........บ้าชะมัด นี่ขนาดฉันหลับ นายก็ยังจะตามมาหลอนในฝันอีกรึไง

     

    แง่.....เคียวยะใจร้าย......ทำไมนะ.....ทำไมทั้งๆที่พยายามลืม แต่กลับยังจำมันทุกครั้ง

     

    งั้นฉันไปนะ.......ทุกคำพูด ทุกความรู้สึกของเจ้านั่น

     

    ฉันนะ ตระเวนหาจนทั่วเลยล่ะ กว่าจะเจอร้านนี้ได้ก็แทบแย่เลย........ทุกความใส่ใจที่มีให้

     

    เป็นไงเคียวยะ ถูกใจมั๊ย? ทั้งๆที่ก็รู้ว่า.....ฉันจะตอบกลับไปแบบไหน

     

    ถ้าเคียวยะชอบ ฉันก็ดีใจ”......ก็ยังจะมีให้มาอีกใช่มั๊ย?

     

    เที่ยงแล้ว เคียวยะ...กินข้าวกัน อ้าว~~กินแล้วเหรอ นายไม่เหนื่อยบ้างรึไง.....ที่ต้องทนทำอะไรแบบนี้

     

    แย่จังเนอะ ฉันอุตส่าห์ทำเองเลยนะ ถึงแม้จะให้โรมาริโอ้ช่วยสอนก็เถอะ......เพียงเพราะความรู้สึกที่นายเรียกมันว่า รัก แค่นี้นะเหรอ

     

    เคียวยะไม่กินด้วยกันจริงๆเหรอ?........นายจะให้ความสำคัญกับมันไปเพื่ออะไร?

     

    น้า.......เคียวยะซักคำนึงก็ยังดี.... ถึงแม้นายจะยัดเยียดความรู้สึกบ้าๆนี่ให้ฉันแค่ไหน

     

    เคร้ง!!!!”........ฉันก็ไม่สามารถตอบรับมันได้หรอก

     

    ก็ฉัน......รักเคียวยะนี่ ฉันก็แค่อยากทำอะไรเพื่อนายบ้าง เพราะฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร.......

     

    แต่ฉันรักเคียวยะคนเดียว แล้วจะให้ฉันไปบอกใครที่ไหนกัน........และไม่รู้ว่ายังไงคือ.....รัก

     

    อืม......ฉันจะไม่มาให้เคียวยะ เห็นหน้าอีก จะไม่มายุ่งหรือมาทำให้รำคาญเลย แต่ถ้านายเห็นหน้าฉันอีก จะซัดฉันให้ตายอยู่ตรงนั้นเลยก็ได้ ...........แล้วสิ่งที่จะตามมานั่นอีกล่ะ

     

    ลาก่อนนะ เคียวยะ........ทั้งความคาดหวัง ทั้งความผิดหวัง......ฉันไม่มีวันรับมันได้หรอก.....ไม่มีทาง…….

     

     

     

     

     

     

     

    อึก......ให้ตายเถอะ......สุดท้ายก็นึกถึงจนได้ ร่างบางลุกขึ้นพลางสะบัดหน้าไล่ความคิดทั้งหมดออกไป

     

    ตื่นแล้วเหรอครับ หัวหน้า คุซาคาเบะเดินเข้ามาพร้อมกับรินน้ำชายามบ่ายส่งให้

     

    อืม........ร่างบางตอบสั้นๆพลางหยิบถ้วยชาขึ้นดื่มอย่างไม่ใส่ใจ

     

    เอ่อ.......หัวหน้าครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั๊ยครับ คุซาคาเบะเอ่ยขึ้น

     

    มีอะไร ร่างบางตอบกลับ

     

    หัวหน้าชอบคุณดีโน่รึเปล่าครับ คุซาคาเบะกล่าวอย่างกล้าๆกลัวๆ

     

    อึก.........มือเรียวที่ถ้วยชาอยู่ ถึงขั้นชะงักจนเห็นได้ชัด

     

    คะ......คือผมแค่ถามเพราะสงสัยนิด......หน่อยน่ะครับ ผู้เป็นลูกน้องเริ่มเสียงสั่น

     

    สงสัยอะไร......... ร่างบางเอ่ยเสียงเย็น พลางส่งสายตาอาฆาตไปให้

     

    ก็หัวหน้า....ไม่เคยหงุดหงิดแบบนี้มาก่อนเลยนี่ครับ คุซาคาเบะบอกเหตุผล

     

    ................................... มันก็ใช่อย่างที่ว่า........

     

    แถมบางครั้งยังถาม...แต่เรื่องของคุณดีโน่ตลอด

     

    .................................... พักหลังๆยิ่งเป็นบ่อย......

     

    เวลาคุณดีโน่.....ไม่มา.....หัวหน้าก็จะนั่งรอ....แล้วก็คอยมองหาด้วย

     

    .....................................ฉันทำขนาดนั้นเลยเหรอ

     

    “บางครั้งตอนหลับ...หัวหน้ายังเผลอละเมอเรียกชื่อคุณดีโน่ออกมาเลยนี่ครับ”

     

    ...................... อันนี้ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

     

    “แต่ทำไมเวลาเจอหน้ากัน.....หัวหน้าถึงต้องทำอะไรรุนแรงขนาดนั้นด้วยล่ะครับ?

     

    “ฉันทำอะไร? ที่ว่ารุนแรงน่ะ” ร่างบางเริ่มฉุนกับคำถามที่ผู้เป็นลูกน้องเอ่ยออกมา

     

    “ก็บนดาดฟ้านั่นไงครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเห็นหรอกครับ แต่สภาพคุณดีโน่น่ะ......เขา”

     

    “ก็หมอนั่นบอกให้ฉันทำเอง แล้วจะมาว่าฉันได้ไง” ร่างบางโมโหยิ่งกว่าเดิม

     

    “แต่ก็น่าเห็นใจเขานะครับ อุตส่าห์พยายามเอาใจหัวหน้าถึงขนาดนี้.....” คุซาคาเบะพูดเตือนเพื่อให้ร่างบางสงบลงบ้าง

     

    “เอาใจเหรอ? น่ารำคาญมากกว่า จะทำไปทำไมก็ไม่รู้” ร่างบางสบถ

     

    “เพราะ "รัก" ไงครับ เขาถึงยอมทำทุกอย่าง.....แล้วก็....”

     

    “งี่เง่า!!! เลิกพูดเรื่องไร้สาระนี่ซักที ใครจะไปเชื่อลง โกหกทั้งนั้น” ร่างบางตวาดลั่น

     

    "ผมว่าไม่นะครับ เขาดูจริงจังมากเลยด้วยซ้ำ" แต่ผู้เป็นลูกน้องกลับยังคงยืนยันแทนเจ้าตัวอย่างหนักแน่น

     

    "พอได้แล้ว....ถ้านายยังไม่เลิกแก้ตัวแทนเจ้านั่น ฉันจะขย้ำนายซะเดี๋ยวนี้" ร่างบางว่าพลางรุกขึ้นฉวยเอาทอนฟาขึ้นมาพาดไว้ใกล้ๆกับใบหน้าของอีกฝ่าย

     

    "ขออภัยด้วยครับ" คุซาคาเบะโค้งเป็นเชิงเคารพก่อนจะเงียบไป

     

    "ฮึ...ฉันเบื่อแล้ว จะออกไปข้างนอก" ร่างบางเอ่ยพร้อมกับเดินออกไปในทันที

     

     

     

     

     

     

     

    "ไม่ว่าหน้าไหน ก็อ่อนแอทั้งนั้น" ร่างบางเดินไปตามถนนในเมือง โดยไม่มีจุดหมายว่าจะเป็นที่ใด

     

    "นี่มันบ้านเจ้าสัตว์กินพืช ที่เจ้าหนูนั่นอยู่ด้วยสินะ" จนมาถึงบ้านหลังหนึ่ง.....ที่ป้ายหน้าบ้านเขียนว่า....ซาวาดะ

     

    "เจอกันวันหลังนะ.....สึนะ" เสียงที่แสนคุ้นเคยดังมาจากในบ้าน พร้อมๆกับร่างสูงผมทองที่เดินออกมา

     

    "ม้าพยศ....." ร่างบางเอ่ย นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองไปยังคนตรงหน้าที่หันมาตามเสียงเรียก

     

    "คะ....เคียวยะ" เสียงทุ้มเอ่ยสั่นๆ พร้อมกับเจ้าของเสียงนั้นที่ตั้งท่าจะเดินหนี......เพียงเพื่อไม่อยากให้ตัวเองต้องเจ็บปวด....เพราะต้องยอมรับความเป็นจริงของเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไป

     

    "ไหนว่าจะไม่มาเหยียบนามิโมริอีกไงล่ะ...แค่นี้ก็ทำไม่ได้ซะแล้วสินะ" ร่างบางกล่าวเย้ย

     

    "นั่นสิ....ฉันนี่แย่จริงๆ" ร่างสูงกล่าว ทั้งยังพยายามเลี่ยงการมองหน้าตรงๆอีกด้วย

     

    "ถ้าเป็นแบบนี้ นายก็คงเตรียมใจมาแล้วสินะ ว่าต้องถูกขย้ำให้ตาย" ร่างบางเอ่ยทวง

     

    "อืม.....ตามสบาย..." ร่างสูงพยักหน้ารับ พร้อมกับเดินเข้าใกล้ร่างบางมากกว่าเดิม

     

    "ก็คงจะบอกว่า ให้ฉันซัดนายอย่างเดียว โดยที่นายไม่ตอบโต้อีกเหมือนเดิม"

     

    "................" ไม่มีคำตอบใด จะมีก็เพียงนัยน์ตาสีทองที่หลับลงและร่างสูงที่โค้งลงมา....เหมือนรอรับการลงโทษ

     

    "หึ...นายมันก็แค่สัตว์กินพืชที่อ่อนแอ...ถ้านายไม่คิดจะสู้ ก็ตายๆมันไปซะ อย่ามาอยู่ให้ฉันเห็นหน้าเลยดีกว่า” เสียงหวานเอ่ยประชดท่าทีของอีกฝ่าย

     

    “อึก!.........” นัยน์ตาคมเบิกโพลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบกับสายตาที่ถูกส่งมาด้วยความเหยียดหยาม

     

    “การที่นายยังมัวแต่ทำตัวไร้ค่าแบบนี้..มันน่าอายชะมัด จะไปไหนก็ไป” ร่างบางเบือนหน้าหนี พร้อมกับออกคำสั่งไล่อีกคนที่ยื่นตัวแข็งอยู่ให้จากไป

     

    “ขะ...ขอ..โทษนะ....เคียวยะ” ราวกับพายุนั้นโหมกระหน่ำซ้ำเติมความเจ็บปวดในใจอย่างไม่รู้จบ ร่างสูงก้มหน้าลงต่ำก่อนจะเดินหนีไป ด้วยความชอกช้ำที่ถูกหยิบยื่นมา...น้ำตาหยาดใสไหลอาบแก้ม...หากแต่ไร้เสียงสะอื้น เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรับรู้...ถึงความอ่อนแอในตอนนี้ของเขา สองขาค่อยๆ...พาร่างที่อ่อนล้าเดินจากมาให้ไกล มือใหญ่ยกขึ้นปิดบังใบหน้า...เพื่อไม่ให้ผู้ที่พบเห็นมาใส่ใจ

     

    “พูดแรงไปรึเปล่านะ...........บ้าจริง!!....ทำไมฉันต้องไปใส่ใจหมอนั่นด้วย” ร่างบางพึมพำ ทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาจากแผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไป

     

     

     

     

     

     

    เช้าวันต่อมา......

     

     

    “นี่.....” เสียงหวานเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ขณะที่ผู้เป็นลูกน้องกำลังวางถ้วยชาลงบนโต๊ะตรงหน้า

     

    “คะ...ครับ หัวหน้า” อีกฝ่ายรับคำอย่างตกใจ พลางค่อยๆหันกลับไปมอง ก็พบกับนัยน์ตาคู่สวยที่กำลังจ้องตรงมาอย่างสงสัย

     

    “ฉันขอถามอะไรนายหน่อย....” ร่างบางเอ่ย พลางชี้ให้อีกคนนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม

     

    “ครับ” เมื่อเห็นดังนั้น ผู้เป็นลูกน้องจึงรีบทำตามในทันที เพราะกลัวว่าตนอาจจะมีความผิด

     

    “อะไรคือ.....ไอ้ที่เรียกว่า....ความรักน่ะ” เสียงหวานเอ่ยถามเบาๆ

     

    “ห๊ะ! อะไรนะครับหัวหน้า” อีกฝ่ายถึงกลับตกใจในคำถามที่คนตัวเล็กเอ่ยขึ้น

     

    “........................................” มือเรียวยกถ้วยชาขึ้นจิบ โดยไม่สนใจปฏิกิริยาของผู้เป็นลูกน้อง

     

    “เอ่อ...คือ.....ความรักงั้นเหรอครับ มันก็คงจะเป็นความรู้สึกประมาณว่า อยากอยู่ใกล้ๆ คอยเอาใจ คอยดูแล อยากจะทำให้คนที่เรารักมีความสุข รวมถึงการที่เราคิดถึงคนที่เรารักตอนที่ไม่ได้เจอกันมั้งครับ” อีกฝ่ายเอ่ย

     

    “มีอะไรที่เข้าใจง่ายมากกว่านี้มั๊ย” ร่างบางถาม ใบหน้าหวานยังคงนิ่งสนิท ราวกับไม่ได้ฟังประโยคที่ผ่านมา

     

    “ขออนุญาตถามกลับได้มั๊ยครับ.....หัวหน้า...รู้สึกยังไงเวลาเจอคุณดีโน่....เหรอครับ”

     

    “นายมีสิทธิ์ถามฉันกลับเหรอ” เสียงหวานเย็นยะเยือก

     

    “ผมก็แค่...คิดว่า มันอาจจะอธิบายสิ่งที่หัวหน้าถามได้ง่ายขึ้นน่ะครับ” อีกฝ่ายแก้ตัว

     

    “หึ......เจ้านั่นมันน่ารำคาญ ทำตัวร่าเริงจนน่าหมั่นไส้ เจ้ากี้เจ้าการ คิดเองเออเอง...ไม่มีความรับผิดชอบ ชอบจับกลุ่มพูดแต่เรื่องไร้สาระ แล้วก็.......”

     

    ฉัน........ชอบนายประโยคเดิมๆยังคงย้ำอยู่ในความรู้สึก

     

    มะ...ไม่ได้เหรอ ฉันชอบนายไม่ได้รึไง? แม้ในตอนนั้นจะไม่รู้ว่าควรเชื่อ หรือ ตอบรับยังไง

     

    ฉันชอบนายที่เป็นคนแบบนี้ สึนะ แต่เมื่อรับรู้แบบนี้.....ก็คงไม่จำเป็นต้องคิดอีกต่อไปสินะ

     

    “.....ชอบ.....พูด......โกหก” ร่างบางเอ่ยออกมาเบาๆ ทำให้คนที่รอฟังจับสังเกตได้ จนต้องแอบอมยิ้มเล็กๆ

     

    “แล้วเวลาที่....หัวหน้าไม่เจอคุณดีโน่...หัวหน้าจะรู้สึก....โมโห แล้วก็หงุดหงิด....ใช่มั๊ยครับ?” ผู้เป็นลูกน้องเอ่ยถาม

     

    “..........................................” ไม่มีคำตอบใดๆ หากแต่ใบหน้าหวานกลับเผลอก้มลงเป็นเชิงตอบรับเล็กๆ

     

    “งั้นผมบอกเลยนะครับ....ว่า หัวหน้ากำลังมี.....ความรัก” เสียงเข้มเอ่ยด้วยความมาดมั่น

     

    “ยังไง?” คิ้วแทบจะขมวดจนชนกันกับบทสรุปสั้นๆที่ได้รับ

     

    “หัวหน้าไม่พอใจเวลาคุณดีโน่มา นั่นคงจะมีเหตุผลมาจากอะไรซักอย่างที่ใจของหัวหน้าเองก็อาจจะรู้ แต่ตอนเวลาที่คุณดีโน่ไม่อยู่....หัวหน้าก็มักจะนั่งรอ หรือไม่ก็อารมณ์เสียขึ้นมาเฉย....อาจจะเป็นเพราะว่า....คิดถึงคุณดีโน่...ล่ะมั้งครับ” อีกฝ่ายอธิบายพร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้

     

    “อึก............” ใบหน้าสวยเริ่มขึ้นสี ร่างบางจึงเบือนหน้าหนีเป็นเชิงปฏิเสธ

     

    “ถ้าไม่ใช่แบบนั้น...ผมก็คงตอบอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะครับ เพราะฉะนั้น หัวหน้าต้องลองหาคำตอบด้วยตัวเอง ลองใช้....หัวใจ....บอกสิครับว่า จริงๆหัวหน้ารู้สึกยังไงกันแน่ ผมขอตัวก่อนนะครับ” ผู้เป็นลูกน้องบอก ก่อนจะลุกขึ้นโค้งเคารพแล้วเดินออกจากห้องไป

     

    “ฉันนี่นะจะมี...ความรัก....ไม่มีทาง” นัยน์ตาสีรัตติกาลหลับลง ริมฝีปากเรียวสวยเหยียดยิ้ม พลางเอ่ยคำเย้ยหยันสุดท้าย ก่อนจะเข้าสู่นิทราอันแสนสงบ

     

    “รักงั้นเรอะ...........................ไร้สาระไม่จบไม่สิ้นจริงๆ”

     

     

     

     

    “....ความรักคืออะไรใครรู้บ้าง

    ความรักคือ.....หนทางสู่ความผิดหวัง

    อีกนัยหนึ่ง......ความรักคือพลัง

    .....คือเส้นทางจากความหวังสู่ความจริง.....”

     

     

     

     

     

     

    ยามบ่าย ณ เมืองนามิโมริ

     

                    แสงแดดแผดไปทั่วพื้นดิน พร้อมกับสายลมที่หอบเอาความร้อนขึ้นมาจากทะเล ส่งผลให้อากาศนั้นแสนจะอบอ้าว เมฆก้อนใหญ่สีหม่นเริ่มเคลื่อนเข้าปกคลุมท้องฟ้าอย่างช้าๆ ในเวลาแบบนี้แทบไม่มีใครอยากจะขยับเขยื้อนไปไหน เพราะทุกคนต่างรู้ว่าอีกไม่นานพายุฝนคงกระหน่ำตกลงมาอย่างแน่นอน แต่กลับมีเพียงร่างบางที่กลับยังคงเดินไปตามถนนในเมืองพร้อมกับชุดนักเรียนที่มีเสื้อคลุมสีดำพาดบนไหล่ โดยไม่สนใจสภาพอากาศแม้แต่น้อย สองขาพาร่างเพรียวก้าวไปอย่างไร้จุดหมาย ใบหน้าสวยดูหมองลงเล็กๆเมื่อเทียบกับเมื่อตอนเช้า อาจคงเพราะมีความกังวลที่ติดค้างอยู่ในใจก็เป็นได้

     

    อะไรกันนะ....ฝันนั่นมือเรียวยกขึ้นกุมขมับอย่างสงสัย พลางนึกย้อนกลับไปถึงความฝันที่รบกวนการนอนกลางวันของตน จนต้องออกมาข้างนอกเพื่อสงบจิตใจที่ฟุ้งซ่าน

     

     

     

    “น่ะ....นี่มัน.....เลือด.....” ของเหลวสีแดงสดเปรอะเปื้อนไปทั่วพื้นรอบๆตัว ร่างบางสั่นไหว เมื่อยกมือของตนขึ้นมาก็พบว่าในมือของตนนั้นถืออาวุธคู่ใจอยู่

     

    “ฉันทำอะไร.....นั่น! ใครน่ะ?” ร่างบางเริ่มเกิดอาการตกใจ ก่อนจะเหลือบไปเห็นร่างของใครบางคนอยู่ไกลออกไป ร่างบางจึงไม่รอช้าลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้าไปหา ตลอดทางที่เริ่มเข้าไปใกล้ๆร่างนั้น ความรู้สึกกังวลก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อเห็นลางๆว่าร่างของใครคนนั้นกำลังนอนจมอยู่บนกองเลือด....สองขาเรียวเริ่มชะลอความเร็วลง....ความรู้สึกบางอย่างแทรกเข้ามาในจิตใจ.....ร่างตรงหน้านั้นคุ้นตาอย่างมาก ถึงจะยังไม่เห็นว่าเป็นใครก็ตาม....ผมสีทองสด....กับเสื้อคลุมสีไพร...และรอยสักที่โผล่พ้นเสื้อออกมา

     

    “อึก.............................” ร่างบางทรุดตัวลงที่พื้นสีแดงฉานข้างๆร่างนั้น มือเรียวค่อยเอื้อมไปพลิกตัวอีกฝ่ายให้หันกลับมาทางตน

     

    “มะ....ไม่จริง.....ม้า..พยศ” ร่างทั้งร่างแทบสิ้นเรี่ยวแรง เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ.....ว่าคนตรงหน้าคงไม่ใช่ใครอื่นอีกแล้ว .......ดีโน่ คาวัลโลเน่.....

     

    “ทำไมกัน...........” ใบหน้าคมมีแต่รอยช้ำ ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผล ริมฝีปากซีดเผือด ผิวที่ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดลงราวกับแผ่นกระดาษ เสียงหัวใจที่เคยเต้นดัง บัดนี้แผ่วเสียจนราวกับว่าจะหยุดได้ทุกเมื่อ.....

     

    “ม้าพยศ.....นี่ ม้าพยศ” ร่างบางเขย่าตัวคนตรงหน้าเบาๆ พร้อมกับส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายไม่หยุด แต่ก็ไม่มีสัญญาณใดๆตอบรับกลับมาจากร่างตรงหน้า

     

    “..แค่ก..ๆ..ค...ะ...เคี...ย.....ว....ยะ....” นัยน์ตาสีทองลืมขึ้นอย่างอยากลำบาก เสียงที่เปล่งออกมาแทบเป็นเสียงกระซิบ

     

    “นี่นาย” ร่างบางยิ้มออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายรู้สึกตัว ก่อนจะจับมืออีกฝ่ายไว้แน่น

     

    “รั.....ก.......นะ...อึก...เคียว....ยะ....” ร่างสูงฝืนแรงยิ้มออกมาด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลง.....ประโยคที่อยากพูดออกมา ก็ได้เอ่ยมันออกมาแล้ว....ถึงจะไม่ได้รอรับฟังคำตอบรับก็ตาม หยาดน้ำตาหยดสุดท้ายจากดวงตาที่ปิดสนิท ร่วงหล่นกระทบพื้นก่อนจะจางไป ผสมกับสายธารสีโลหิต จังหวะการเต้นของหัวใจสงบลงอย่างช้าๆ.......ความเย็นเริ่มเข้าแทนที่ความอบอุ่นที่เคยมี.......

     

    “.....มะ....ไม่....นะ......ม้าพยศ......” เสียงหวานสั่นเครือ หยาดน้ำตาพรั่งพรูอออกมาจากนัยน์ตาคู่สวย โดยที่เจ้าตัวเองยังไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าตนจะ.........ร้องไห้

     

    “ทำไม.....ทะ..ทำ....ไมเป็นแบบนี้” มือเรียวยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา หากแต่....ยิ่งเช็ดเท่าไหร่ น้ำตานั้นกลับยิ่งไหลออกมา.....ไม่ยอมหยุด

     

    เสียใจไงล่ะ ฮิบาริ เคียวยะ....ที่นายร้องไห้ก็เพราะ....นายเสียใจ ภายใต้ความเงียบและความมืดมิดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นโดยไม่รู้ที่มา

     

    “ฮึก.........” ร่างบางหยุดนิ่งราวกับต้องการให้ได้ยินเสียงนั้นให้ชัดที่สุด

     

    นายทำร้ายดีโน่ คาวัลโลเน่ ทั้งร่างและจิตใจ เพราะนายโกรธที่คิดว่าเขาโกหกนายใช่มั๊ยอีกเสียงที่ดูเข้มกว่าเอ่ยขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่ง

     

    แต่นั่นนายอาจจะคิดไปเอง ทั้งๆที่นายไม่เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของเขาสักนิดและอีกเสียงที่ดังแทรกขึ้นมา

     

    “ก็หมอนี่....เอาแต่พูดตามใจตัวเอง” ร่างบางเถียง

     

    นายต่างหากที่เอาแต่ใจตัวเอง แล้วก็ยังไม่รู้ใจตัวเองอีกด้วย ที่นายเสียใจก็เพราะนายทำร้ายคนที่นาย...รักไงล่ะ

     

    “ฉันรักหมอนี่งั้นเหรอ” ร่างบางยังคงเกิดความสงสัยในเรื่องนี้อยู่ดี

     

    ถ้านายไม่รัก นายจะเสียใจมั๊ย ถ้านายไม่สนใจเขา นายจะคิดถึงเขาทำไมล่ะ เสียงแล้วเสียงเล่าที่ดังขึ้นมานั้น ราวกับตอกย้ำจิตใจของร่างบาง เพื่อให้ยอมรับความรู้สึกที่อยู่ภายในใจของตน

     

    “ไม่............”

     

    ถ้านายยังคงปฏิเสธ สักวันนายอาจจะเสียเขาไปเหมือนในวันนี้ ยอมรับความรู้สึกของตัวเองซะ แล้วไปอยู่เคียงข้างกัน ไม่อย่างนั้นนายจะต้องอยู่คนเดียว.....ตลอดไปเสียงสุดท้ายเอ่ยจบ ทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง

     

    “อ่ะ.....” ร่างบางร้องขึ้นมาเมื่อทุกๆสิ่งรอบตัวหายไป แม้แต่เลือดที่เปรอะเปื้อนไปทั่วก็ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย

     

    “...........ฉัน...............” ร่างบางหลับตาลงช้า ก่อนที่สติจะกลับคืนสู่ความเป็นจริง....และรับรู้ว่า...ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นยังคงเป็นแค่ความฝัน.....

     

     

     

     

    “ก็แค่ความฝันหรอกน่ะ....” ร่างบางสบถออกมาเบาๆ แต่ในใจก็คงรู้สึกปั่นป่วยไม่น้อย

     

    “เฮอะ...น่าเบื่อ.......นั่น.....ม้าพยศ!!” ร่างทั้งร่างหยุดยืนนิ่ง เมื่อเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ไม่ไกลตรงข้างๆถนนฝั่งเดียวกัน

     

    บรืน......ปิ๊นๆ เสียงแตรของรถบรรทุกปลุกให้ร่างบางหลุดจากภวังค์ และมองไปตามเสียงทันที ก็พบว่าร่างสูงทำท่าจะเดินข้ามไปอีกฝั่งโดยอาจไม่ทันสังเกตเห็นรถที่กำลังแล่นมา

     

    “เจ้าบ้านั่นจะทำอะไรน่ะ” กลับเป็นร่างบางที่ตกใจยิ่งกว่า

     

    “..แค่ก..ๆ..ค...ะ...เคี...ย.....ว....ยะ....” นัยน์ตาสีทองลืมขึ้นอย่างอยากลำบาก เสียงที่เปล่งออกมาแทบเป็นเสียงกระซิบ

     

    “รั.....ก.......นะ...อึก...เคียว....ยะ....” ร่างสูงฝืนแรงยิ้มออกมาด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลง.....ประโยคที่อยากพูดออกมา ก็ได้เอ่ยมันออกมาแล้ว....ถึงจะไม่ได้รอรับฟังคำตอบรับก็ตาม หยาดน้ำตาหยดสุดท้ายจากดวงตาที่ปิดสนิท ร่วงหล่นกระทบพื้นก่อนจะจางไป ผสมกับสายธารสีโลหิต จังหวะการเต้นของหัวใจสงบลงอย่างช้าๆ.......ความเย็นเริ่มเข้าแทนที่ความอบอุ่นที่เคยมี.......

     

    ถ้านายยังคงปฏิเสธ สักวันนายอาจจะเสียเขาไปเหมือนในวันนี้ ยอมรับความรู้สึกของตัวเองซะ แล้วไปอยู่เคียงข้างกัน ไม่อย่างนั้นนายจะต้องอยู่คนเดียว.....ตลอดไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฝันย้อนกลับเข้ามาในหัวราวกลับมาเตือนว่าอาจจะเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้นอีก

     

    “ม้าพยศ!!!!!!!!!!!!!!!” ร่างบางพรุ่งตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที

     

    “เอี๊ยด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! สิ้นเสียง ทุกอย่างราวกลับลอยคว้าง ก่อนจะหยุดนิ่งลงอย่างช้าๆ

     

     

     

     

    “คุณครับๆ ไม่เป็นไรนะครับ” คนขับรถรีบรุดลงมาดูคนทั้งสองที่กลิ้งลงมากองกันอยู่ข้างๆถนน

     

    “ฮะ....อ่ะ ครับ...ไม่เป็นอะไรครับ” ชายหนุ่มผมสีทองที่ได้สติก่อนตอบรับ พลางโบกมือให้คนถามคลายกังวล อีกฝ่ายจึงโค้งเป็นเชิงขอโทษก่อนจะกลับขึ้นรถไป

     

    “เฮ้อ....นายทำอะไรน่ะ เคียวยะ” ร่างสูงถามคนที่ยังนั่งทำอยู่บนตัวของตน

     

    “.........ยังมีหน้ามาถามฉันอีก............นายนั่นแหละที่จะทำอะไร” ร่างบางยังคงนั่งนิ่ง ก้มหน้าลงโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

     

    “ก็ฉัน....ฉัน.....จะไปให้พ้นๆหน้านายไง ขนาดตอนนี้......นายยังไม่อยากมองหน้าฉันเลย” ร่างสูงเอ่ย

     

    “..................................” ไม่มีการตอบรับใดๆ

     

    “.....ฉันก็แค่จะตายๆไปซะ เหมือนที่นายบอก...” ร่างสูงเอ่ยเศร้าๆ

     

    “งี่เง่า” ร่างบางสบถออกมาเบาๆ

     

    “แปะ....แปะ....ซ่าๆๆ....” สายฝนร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน เพื่อลบเลือนอากาศที่ร้อนระอุ รวมทั้งความรู้สึกของใครบางคนที่ร้อนยิ่งกว่า.....

     

    “เคียวยะ...ฝนตกแล้วรีบเข้าไปหลบฝนก่อนเถอะ” ร่างสูงเรียกอีกฝ่าย

     

    “ไม่!! ฉันจะไม่ไปไหนจนกว่านายจะตอบให้ฉันพอใจว่าเพราะอะไรนายถึงคิดจะ....” ร่างบางหยุดพูดไปเสียดื้อๆ

     

    “เฮ้อ....ฉันตอบไป นายก็จะโมโหอีก เพราะไม่ว่านายจะถามอีกกี่ครั้ง ฉันก็ยังจะตอบเหมือนเดิม” ร่างสูงตอบ

     

    “ว่า....รัก....งั้นสินะ” ร่างบางเอ่ยออกมาเบาๆ

     

    “ใช่ เคียวยะ ฉันรักนาย ฉันจะยังคงตอบแบบนี้กับนายตลอดไป” ร่างสูงเอ่ยอย่างหนักแน่น

     

    “ถ้านายบอกว่านายรักฉัน นายชอบฉัน.....ทำไมนายถึงเที่ยวบอกใครต่อใครว่า....ชอบ” มือเรียวกำเสื้อของอีกฝ่ายแน่น

     

    “ห๊ะ!! ฉันไปบอกใครตอนไหนว่าชอบกัน” ร่างสูงตกใจ

     

    “เจ้าสัตว์กินพืช....ซาวาดะ สึนะโยชิ” ร่างบางเสียงแผ่ว ร่างสูงตลึงกับคำตอบไปเสี้ยววินาที ก่อนจะหันกลับมาอมยิ้มอย่างมีความสุข และใช้วงแขนแกร่งโอบคนตัวเล็กเข้ามากอด

     

    “ฮะๆ นี่เคียวยะนายชอบฉันแล้วใช่มั๊ยเนี่ย” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

     

    “นายพูดบ้าอะไร ปล่อยเดี๋ยวนี้” ร่างบางดิ้น

     

    “ไม่.....ก็เคียวยะกำลังบอกอยู่นี่ว่า หึง ฉันน่ะ” ร่างสูงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

     

    “อึก...........ฉะ..ฉันไม่เคยมีความคิดแบบนั้น” ร่างบางสะบัดตัวหนีก่อนจะลุกขึ้นยืน

     

    “ถ้างั้นเคียวยะจะร้องไห้ทำไมล่ะ....ที่นายร้องไห้เพราะนาย....กลัวฉันจะตายใช่มั๊ย” ร่างสูงเอ่ยถาม

     

    “ใครร้องไห้ ฝนมันตกแบบนี้ นายมันชอบคิดมั่วไปเอง” ร่างบางตอบกลับ

     

    “แล้วทำไมนายไม่ยอมมองฉัน หันกลับมาหาฉันสิ” ร่างสูงลุกขึ้นไปยืนอยู่ด้านหลัง พร้อมกับจับข้อมือเรียวไว้

     

    “......................................” ร่างบางไม่ยอมหันกลับไป ทั้งยังฝืนดึงข้อมือของตน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อย

     

    “แปลว่า.....เคียวยะไม่ต้องการฉันอีกแล้ว....จริงๆใช่มั๊ย” ร่างสูงเอ่ยถามเสียงเรียบ

     

    “ฉันไปบอกเมื่อไหร่กันว่าไม่ต้องกะ......” ร่างบางหันกลับมาจะต่อว่าด้วยความโกรธ แต่กลับถูกอีกฝ่ายชิงปิดปากด้วยจุมพิตที่แสนจะอ่อนโยนกับอ้อมกอดจากร่างกายที่ยัง.....อบอุ่นอยู่ในเวลานี้.....

     

    “เคียวยะ....ได้โปรดเถอะ....ให้ฉันได้รักนายต่อไปเถอะนะ ให้ฉันได้อยู่ใกล้ๆกับนาย” ร่างสูงถอนริมฝีปากก่อนจะปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ

     

    “ฉันไม่เชื่อคนอย่างนายหรอก!!” ร่างบางตวาดลั่น

     

    “นายอาจจะบอกว่าฉันพูดว่าชอบนาย แล้วก็ยังไปพูดกับคนอื่น แต่ความรู้สึกที่ฉันมีให้นาย ฉันไม่เคยมีให้ใคร ความรู้สึกที่เรียกว่า รัก ของฉันมีให้แค่นาย...คนเดียว” ร่างสูงถอยออกไปเล็กน้อยพลางคุกเข่าลง และจับมือข้างซ้ายของอีกฝ่ายไว้

     

    “นะ...นายจะทำอะไร” ร่างบางสะดุ้งเล็กๆเมื่อเห็นปฏิกิริยาของร่างสูง

     

    “เคียวยะ....ฉันขอสัญญาต่อท้องฟ้าและพายุฝนนี้ ว่าลมหายใจที่ฉันมีและชีวิตของฉันที่เหลืออยู่ ฉันจะมีให้แค่นาย จะรักเพียงแค่นายคนเดียว....ตลอดไป” ร่างสูงล้วงเอาของที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมออกมา พลางสวมสิ่งนั้นที่นิ้วนาง....แหวนเกลี้ยงทองคำขาว...ที่สลักไว้ชัดเจนด้วยตัวหนังสือสีทองว่า....Forever Love, Dino  Kyoya

     

    “..........................”ใบหน้าหวานแดงระเรื่อด้วยความอาย แต่ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำตามใจโดยไม่รู้จะต่อว่าอย่างไร ใบหน้าคมก้มลงจุมพิตเบาๆตรงแหวนที่นิ้วนาง.....

     

    “แล้วเคียวยะล่ะ...มีอะไรจะบอกฉันรึเปล่า” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นพลางส่งยิ้มให้

     

    “มะ...ไม่มี....แค่ทำตามที่นายพูดให้ได้ก็แล้วกัน” ร่างบางหันหน้าหนีสายตาที่จ้องมา

     

    “รับทราบครับ” ร่างสูงตอบรับ พลางลุกขึ้นมายืนข้างๆ

     

    “แปะๆ ๆดีแล้วนะบอส” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลังทั้งสองคน

     

    “หัวหน้าก็รู้ความรู้สึกตัวเองแล้วนะครับ” พร้อมกับอีกคนที่เดินตามมาส่งยิ้มให้ และกางร่มให้คนทั้งคู่ที่ตากฝนกันจนเปียกปอน

     

    “ฮะๆ พวกนายนี่ ขอบใจมากนะ โรมาริโอ้ คุซาคาเบะ” ร่างสูงเอ่ยขอบคุณทั้งสองคนที่ให้กำลังใจ

     

    “ผมว่าเรารีบเข้าไปหลบฝนก่อนดีกว่านะครับ” โรมาริโอ้เอ่ย

     

    “ไปหาเครื่องดื่มร้อนๆ กับอาหารอร่อยๆทานกันดีกว่าครับ ฝนก็ใกล้หยุดแล้วด้วย” คุซาคาเบะออกความเห็น

     

    “ดีๆ ไปกันเถอะนะ เคียวยะ” ร่างสูงโอบไหล่คนตัวเล็กไว้

     

    “หึ.....ก่อนไปพวกนาย..........ต้องให้ฉันขย้ำก่อน ข้อหาที่สุมหัวกันต่อหน้าฉัน” ร่างบางขู่พลางยกอาวุธคู่ใจขึ้นมาตั้งท่าเตรียม

     

    “ดะ..เดี๋ยวสิ เคียวยะ!!!!!!” ทั้งสามคนต่างวิ่งเตลิดไปคนละทาง ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ค่อยสาดส่องมาจาหลังก่อนเมฆสีหม่นที่เคยครอบคลุมทั่วท้องนภา....ราวกับเรื่องดีๆกำลังจะกลับมาสู่เส้นทางชีวิตนี้อีกครั้ง....หลังจากผ่านมรสุมอุปสรรคมาได้....และต่อไปก็คงจะมีแต่เรื่องดีๆเข้ามา ร่วมถึงความสุขที่จะเติมเต็มหัวใจให้สมบูรณ์ ความลำบากที่ผ่านมานั้น เทียบกันแล้วมันอาจคุ้มค่ากว่าที่คิดไว้เสียอีก.....

     

                                                      แล้วถ้าหากคุณกำลังรักใครสักคนอยู่.....ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้ทุ่มเทและพยายามอย่างเต็มที่...อย่าเพิ่งท้อ ขอให้นึกถึงว่าหากความพยายามนั้นสำเร็จขึ้นมาเมื่อไหร่.....วันที่คุณได้มีเขาอยู่ข้างกาย...ชีวิตคุณจะมีความสุขมากขนาดไหนกัน...

     

    The End.....................................


    ในที่สุดมันก็เสร็จจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจ
    หลังจากรอคอยกันมานานกว่า 2 ปี
    พี่ปั่นเสร็จแล้วค่ะ ไม่รู้จะสมการรอคอยของทุกคนรึเปล่า
    แต่เวลาพี่มีจำกัดจริงๆค่ะได้แค่นี้แหละน้า
    จะรีบปั่นอันอื่นๆมาลงให้เร็วที่สุดเลยค่ะ
    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ
    คอมเมนท์กันเยอะๆนะพี่จะได้มีกำลังใจ
    คิดถึงผู้อ่านทุกคนนะคะ Jub Jub

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×