คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Mom&Dad 8 : อาคันตุกะผู้มาเยือน (Rewrited)
Chapter 8 : อาคันตุกะผู้มาเยือน
แสงแดดจ้าสัญญาณของวันใหม่ส่องแสงร้อนแรงผ่านม่านบางมายังร่างของพ่อแม่ลูกที่นอนอัดกันอยู่สามชีวิต เตียงหนาที่ดูกว้างใหญ่ยามที่มันรับเพียงร่างของเด็กสาวดูคับแคบไปถนัดตา ทั้งฟูกและผ้าห่มถูกถีบกระจุยกระจายด้วยท่านอนกวาดธรณีของทั้งแม่และลูก
ดวงตาสีน้ำเงินกร้าวค่อยกระพริบถี่ๆเพื่อรับแสงจ้าที่ส่องเข้ามาอาบใบหน้า มือขวาพันผ้าพันแผลถูกยกจากข้างตัวมาขยี้ตาจนมองเห็นอะไรได้ชัดขึ้น ความรู้สึกแปลกๆบนใบหน้าทำให้สติเริ่มไหลเวียนเข้าสมองของหมอผีสาวอย่างช้าๆ
มันนุ่ม เกินกว่าจะเป็นฟูก
เหมือน...ผิวหนัง....ซะมากกว่า
..ผิ....ผิวหนังเหรอ???
”ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!”
โครม!!
เสียงรับอรุณยามเช้าที่มักจะมีทุกวันกังวานทั่วบ้านเก่าโทรม แต่ผู้ที่ลงไปกองกับพื้นหาใช่เด็กสาวขี้เซาไม่ แต่กลับเป็นเจ้าปีศาจผู้สูงศักดิ์รูปงาม ซึ่งใครมาเห็นสภาพหมาป่าหนุ่มตอนนี้แล้วกั้นหัวเราะได้ถึงสิบวินาทีก็ถือว่าคนคนนั้นไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
เท้าเรียวงามของเลนยะท่ามกลางแสงแดดยามรุ่งเช้ายังยกในท่าที่มันถีบชายหนุ่มที่เป็นเตียงอันมีชีวิตให้กับเธอลงมากองกับพื้นหนาๆอันด้วยแรงช้างสาร ร่างสูงพรวดขึ้นจากพื้น แม้จะไม่พูดอะไรแต่สายตาเย็นเยียบก็เตือนให้รู้ว่าปีศาจหนุ่มเอาเรื่องขนาดไหน
“เจ้าทำอะไรของเจ้า!”
“แล้วใครใช้ให้แกมานอนกอดฉันไม่ทราบ!!”
“เจ้ามากอดข้าก่อน จำไม่ได้แล้วอย่ามาพูด”
“โว้ยย ถ้าจำได้ฉันก็ไม่ไปกอดแกหรอกเว้ย! แถมบ้านพร้อมที่ดินฉันยังไม่เอาเลย!”
วิญญาณทั้งสองดวงที่ค่อยๆลอยเข้ามาเมื่อรู้ว่าทั้งสองสามีภรรยาตื่นแล้วเพราะเสียงไพเราะเสนาะโสตยามเช้า โยชิฮาระส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อทั้งคิเอ็นจิและเลนยะยังทะเลาะกันไม่สนอะไรทั้งสิ้น ทว่าทาโร่กลับหันไปทางทารกน้อยที่ยังนอนอ้าซ่าพลางคิดอวยพรเด็กชายในใจ
เห็นเขาว่าคู่ไหนยิ่งทะเลาะกัน ลูกยิ่งดก
จะมีน้องกับเขาแล้วนะ เจ้าหนู
ร่างที่ได้รับคำอวยพรของทาโร่ลุกขึ้นจากเตียงพลางโงนเงนไปมาจนล้มตุบลงกับเตียงหลายรอบเพราะยังตื่นไม่เต็มที่ ดูคล้ายตุ๊กตาตัวเล็กๆที่โดนหัตถ์ที่มองไม่เห็นกดเล่นลงบนเตียงไปมาด้วยความรักและเอ็นดู
ดวงตาสองสีค่อยๆลืมขึ้นอย่างเต็มที่ ก่อนจะมองพ่อและแม่ที่ทะเลาะกันชวนให้เยาวชนเอาเป็นตัวอย่างที่ดีไปมา แต่ใบหน้าน่าเอ็นดูมองอย่างสนุกสนานมากกว่าจะรู้สึกว่าครอบครัวแตกแยก ทาโร่ถึงกับคอตกเมื่อทารกน้อยดูจะชื่นชอบให้พ่อแม่ด่าทอกันมากๆ
มันส์เขาล่ะ
“หนวกหูโว้ย!! วันนี้ต้องไปเรียนแต่เช้า ไม่มีอารมณ์มาทะเลาะกับลิ่วล้ออย่างแกหรอกเว้ยไอ้ลูกหมา ถ้าจะให้ดีหัดนั่งเจียมเนื้อเจียมตัวให้มาก นั่งเฝ้าบ้านดีๆก็พอแล้ว” เสียงเซ็งๆตะโกนก้องเพื่อจบบทสนทนาที่เรียงร้อยด้วยถ้อยคำภาษาดอกไม้ทั้งนั้น เจ้าปีศาจหนุ่มทำหน้านิ่งเฉยไม่เหลือเค้าคิเอ็นจิคนเมื่อคืนที่โอบกอดเด็กสาวอย่างนิ่มนวลเลยแม้แต่น้อย
เด็กสาวก้มตัวลงดึงร่างน้อยที่จมฟูกขึ้นมาอุ้ม มือเล็กดึงเส้นผมสีน้ำตาลละเอียดของมารดาเล่น “ไปอาบน้ำกันเหอะ ไค..”
กึก
ทั้งปีศาจและผีถึงกับชะงักทุกสิ่งที่ตนเองกำลังทำหันมามองเลนยะเป็นตาเดียว แต่เด็กสาวแสร้งควานหาของใช้สำหรับเด็กในถุงพลาสติกทั้งๆที่มันก็ครบแล้ว
“..เลนยะ”
“พวกแกนี่มันน่ารำคาญชะมัด ไม่เบื่อรึไงเรียกมันเจ้าหนู เจ้าตัวเล็กอยู่นั่นแหละ เวลาเด็กเกิดมันก็ต้องมีชื่อสิฟะ แปลกใจอะไรกัน” หมอผีสาวหันมาทางปีศาจที่เป็นพ่อบังเกิดเกล้าของ ’ไค’ เด็กน้อยในอ้อมอกของเด็กสาวนั้น
ลูกชายของเธอและเขา
โซเคนโย ไค
“ชื่อเท่ห์ชะมัดเลยอ่ะเลนยะ!! แล้วทำไมทีฉันถึงชื่อทาโร่ล่ะ ดูบ้องแบ้วเกินไปนะ!!”
ผีน้อยทาโร่เรียกร้องความเป็นธรรมเมื่อหมอผีสาวตั้งชื่อลูกชายคนเดียวไว้ซะดิบดี ทีเขาล่ะเอามาจากหมาจรจัด
“ก็แกมันเห่ยไง เอาแค่นี้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
เจ้าปีศาจยืนนิ่งมองทั้งสองชีวิตที่อยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้ด้วยความรู้สึกที่แล่นวาบเข้ามาในอก รู้สึกเหมือนบางอย่างที่ว่างเปล่าเอ่อล้นขึ้นมาจนเต็ม “ทำไม..เจ้าถึงตั้งชื่อว่าไค”
หมอผีสาวหยิบพวงกุญแจรูปหมาป่าขึ้นมาชูต่อหน้าหมาป่าหนุ่ม เสียงสะท้อนของเงินแท้ก้องกังวานไปทั่วบริเวณเมื่อสายลมพัดมาแตะต้องตัวของมัน “ไอ้หมาหัวหงอกนั่นมันชื่อไคเอ็นจิไม่ใช่รึไง จำก็ไม่ค่อยได้หรอก แต่ถ้าใช่ มันก็คือคนที่ทำให้ฉันกับแกได้เจอกับเจ้าเด็กบ้านี่ ดังนั้น ฉันก็เลยตั้งชื่อมันว่าไค” สิ้นคำ พวงกุญแจที่ถูกกำแต่ส่วนบนก็ถูกปล่อยลงให้ร่วงลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่ทว่าพวงกุญแจที่ควรจะตกกลับเหมือนมีอะไรรั้งดึงเอาไว้
พวงกุญแจสีเงินสว่างบัดนี้ถูกผูกเข้ากับเชือกสีดำสนิทจนกลายเป็นสร้อยคออย่างที่มันเคยเป็นเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว สร้อยงินโอคามิถูกสวมลงบนคอเล็กๆของไค ทารกชายมองสร้อยคอในบนต้นคอของตนอย่างฉงนใจ
“ตอนนี้มันเป็นของแกแล้ว เจ้าไค”
มือขาวของเลนยะลูบบนเส้นผมสีดำขลับละเอียดเหมือนของพ่อของไคคุง ก่อนจะสาวเท้าฉับๆมุ่งหน้าไปห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวของทั้งแม่และลูก คิเอ็นจิมองตามหลังของเด็กสาวคนสำคัญไป เนตรคู่งามเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจหักห้ามได้
ความรู้สึก ที่เดินผ่านก้าวพ้นเส้นขนาน
ความอบอุ่นของการมีครอบครัว..ได้อยู่ร่วมกับคนที่เรารัก
...บ้าน.......
มันเป็นอย่างนี้เอง...งั้นหรือ
แสงแดดอ่อนๆทอดยาวไล้ใบอ่อนของต้นไม้ที่เติบโตให้เงาร่มรื่นตลอดสองข้างทางของโรงเรียนโยโค บ่งบอกได้ถึงบรรยากาศเช้าที่สดใส เด็กสาวเรือนผมน้ำตาลผู้ถูกคนทั้งโรงเรียนเกลียดขี้หน้าค่อเดินขึ้นบันไดไปยังห้องเรียนโดยมีวิญญาณเด็กชายติดตามมาด้วยดังเช่นทุกวัน
ดวงตาในกรอบแว่นมีกระแสครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลายามเดินขึ้นบันไดทุกๆย่างก้าว มือขวาลูบบนไหล่ซ้ายที่บาดแผลสมานตัวไปมากแล้วเพราะพลังของคิเอ็นจิ พลันความทรงจำในสมองยามเป็นยามตายที่ผ่านมาไม่นานก็แล่นเข้าสู่สติของหมอผีสาว
พลั่ก!!!
หมัดของเธอที่ชกเข้าเต็มหน้าบิดาจอมปลอม ถ้าในสายตาคนอื่นอาจจะเห็นเพียงว่าเธออ่อนแอเกินกว่าจะฆ่าผู้ก๊อปปี้ลักษณะของพ่อตนเองมาได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน แต่ที่จริงแล้ว ใบหน้านั่นไม่เหมือนชิมิสึเลยแม้แต่น้อย
มันทั้งดูยียวน ส่อแววเลวร้าย น่ารังเกียจ
ไม่เหมือนเลย...แม้แต่นิดเดียว
แต่เธอก็ต้องขอบคุณจิโงคุ ที่ทำให้เธอนึกถึงเคล็ดวิชาที่เธอใช้เอาชนะบิดาบังเกิดเกล้าได้ แม้แต่คนทรยศอย่างพี่ชายแท้ๆเธอเองก็ยังไม่เคยรู้
วิชายันต์วารีสังหาร
ตูม!!!
ร่างเด็กหญิงอายุประมาณเจ็ดขวบกระโดดหลบพลังวิญญาณของชายวัยกลางคนออกมาได้อย่างฉิวเฉียด ดวงตาสีน้ำเงินทั้งสี่ดวงจ้องประสานกันอย่างแรงกล้า ถ้าใครมาเห็นคงไม่รู้แน่ว่าทั้งสองคนที่โรมรันกันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นี้คือพ่อลูกกัน
“พ่อ มีอะไรที่มันส์กว่านี้อีกมั้ย ฉันเบื่อแล้วนะ หลบกันไปหลบกันมาอยู่ได้”
เสียงเล็กๆที่แฝงไปด้วยความไร้เดียงสาและเจ้าเล่ห์เหลือร้ายเอ่ยขึ้นท่ามกลางฝุ่นผงจากพลังการทำลายล้าง กลุ่มควันที่ค่อยๆจางทำให้เห็นร่างเด็กหญิงในฮากามะเตรียมพร้อมซึ่งขาดชำรุดปะชุนหลายแห่งแถมเปื้อนมอมแมม เลือดจากแผลหลายตำแหน่งบนลำตัวและใบหน้าซึมออกมาไหลละเลียด ถ้าเป็นเด็กหญิงธรรมดาคงจะร้องไห้งอแงฟูมฟายแทบขาดใจไปแล้ว
แต่มันใช่ไม่ได้กับโซเคนโย เลนยะ ผู้นี้
บนพื้นดินที่เด็กหญิงยืนอยู่คือหลุมกว้างที่ลึกมือจนไม่สามารถมองเห็นว่าจุดที่ลึกที่สุดอยู่ตรงไหนกันซึ่งเป็นสิ่งยืนยันชัดถึงกำลังมหาศาลของบุคคลที่ได้ชื่อว่า พ่อ และไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าสิ่งมีชีวิตตกลงไป จะมีโอกาสกลับมาอีกรึไม่
“พึงระวังเอาไว้เถอะเลนยะ สักวันจะตายเพราะปากตัวเอง”
ชายวัยกลางคนในฮากามะสีดำสนิทไม่มีแม้รอยเปื้อนซึ่งแตกต่างกับลูกสาวตนเองโดยสิ้นเชิง ใบหน้าคมดูหล่อเหลาแม้จะมีอายุมากแล้วก็ตาม เส้นผมสีดำสนิทปลิวไปกับสายลมที่พัดมานำฝุ่นดินให้จากไปเพื่อให้พ่อลูกเปิดฉากสงครามกันโดยสะดวกอีกครั้งหนึ่ง
“เอาแบบนี้ไหมล่ะ ให้เอาชนะกันด้วยสิ่งที่ไม่ใช่อาวุธ แต่ระหว่างนั้นจะทำอะไรก็ได้ แม้แต่ควักลูกตาหรือแทงแหวกลำไส้ก็ไม่มีใครว่า ตกลงไหม”
ผัวะ!!!
เลนยะที่ลอยตัวอยู่บนอากาศเตะตวัดอัดใบหน้าของพ่อตัวเองเต็มแรงไม่มีออมแรงแม้แต่น้อย ใบหน้าช้ำเลือดแยกยิ้มที่ไม่รู้จะให้ดูน่ารักหรือน่าฆ่าทิ้งดี “งั้นก็เริ่มกันเลยเถอะ!”
โครม!!
ตุ้บ!!
ผัวะ...ผัวะ!!
เคล้ง!!!
การต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆโดยที่ร่างเล็กเป็นฝ่ายรุกเสียมากกว่า ชิมิสึใช้ดาบคูใจของตนกันกงจักรการาสึที่ดูใหญ่กว่าร่างของลูกสาวมากอย่างสบายๆ ดวงตาสีน้ำเงินชำเลืองมองเลือดเนื้อเชื้อไขของตนในอีกฝั่งคมอาวุธ “มีปัญญาทำได้แค่นี้หรือไงเลนยะ”
ตูมมมม!!!
ดาบยาวและเจ้าของดาบถูกแรงกำลังช้างสารในร่างเด็กเจ็ดขวบปัดจนกระเด็น แต่ทว่าชิมิสึก็กระโดดลงพื้นได้อย่างสวยงาม ไร้ร่องรอยการบาดเจ็บแม้เพียงนิด
“อย่ามั่นใจไปสิป๋า...ยังไม่รู้เลยไม่ใช่เหรอว่าจะใช้อะไรจัดการฉันน่ะ”
กงจักรใหญ่รูปตัวเอสถูกมือเล็กๆบิดจนกลไกดีดตัวเพิ่มเป็นกงจักรวงกลม เลนยะเหวี่ยงอาวุธในมือไปยังร่างสูงที่เป็นเป้าหมายเต็มแรง ชิมิสึขยับยิ้มมุมปากก่อนจะหายไปจากบริเวณในพริบตา แต่เด็กหญิงทายาทโซเคนโยกลับไม่มีท่าทีร้อนรน กลับหลับตาลงช้าๆเหมือนกำลังย่างก้าวสู่เมืองนิทรา
วาบบบ
คมดาบยาวถูกวางพาดเหนือคอขาวที่ปกคลุมด้วยผมยาวติดพื้นที่รุงรังเป็นสังกะตัง ผู้ได้ชื่อว่า พ่อ อย่างชิมิสึหลุบดวงตามองเด็กหญิงเจ้าของดวงตายาสึฮิโระในอ้อนแขนสังหารอย่างสนุกใจ “มีอะไรจะเล่นงั้นสิ”
สิ้นคำ ดวงตาสีน้ำเงินกลมโตที่ดูแกร่งกร้าวไม่แพ้บิดาก็เบิกโพลง หมัดเล็กกอปรพลังวิญญาณชกเข้าอย่างแรงกลางลำตัวใหญ่บึกบึนจนไถลดินห่างจากร่างของเธอไปไกล แต่คมดาบยาวที่จ่อคอหอยเด็กหญิงอยู่ก็เฉือนปอยผมของเลนยะไปหน่อยหนึ่ง
“จงฝังรากของเจ้าลงสู่เส้นเลือด--ผนึกแน่นแกร่งดุจพื้นดิน--ต้นไม้ปีศาจ”
ชิมิสึในฮากามะสีดำเริ่มรู้สึกเหมือนมีรากต้นไม้ใหญ่ชำแรกรากเข้ามากลางร่างกาย ร่างทั้งร่างทรุดลงติดแน่นกับพื้นดิน กำลังและแรงทั้งหมดซึ่งพยายามดันตัวขึ้นสูญหายไปสิ้น ดุจมีปรสิตจำนวนมากมายเข้าทำลายเส้นใยในการเคลื่อนไหวตามใจปรารถนาของเขาไป
เลนยะเดินเข้ามาหาพ่อแท้ๆของตน ก่อนจะนั่งยองๆลงดูผลงานของตัวเอง รอยยิ้มปีศาจผุดขึ้นกลางใบหน้าที่ดูไร้เดียงสา “งงล่ะสิว่าเกิดอะไรขึ้น ให้ทายเอามั้ย”
“
..” คำตอบคือความเงียบกริบ ดวงตาสีน้ำเงินจ้องลูกสาวที่ดูบิดาบังเกิดเกล้าทรมานลำตัวตรึงแน่นกับดินเหมือนทองไม่รู้ร้อน แถมตอนนี้ยังหลับตาพริ้มแอ๊บน่ารักใส่ “หนึ่ง..”
“สองแล้วน้า...ทายมาเร็วๆสิ”
โยชิฮาระนั่งชมการฝึกต่อสู้ของพ่อลูกโซเคนโยอย่างระอาใจเมื่อรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าเหมือนศัตรูที่ทรมานศัตรูเล่นก่อนตัวหัวชัดๆ วิญญาณซามูไรหนุ่มผ่อนลมหายใจปล่อยไปกับลมยามบ่าย ดวงตาอำพันทอดมองสาวน้อยเส้นผมสีน้ำตาลที่เล่นเกมมัจจุราชพ่อตัวเองอย่างสบายใจแบบหนักใจเล็กๆ
ถ้าเปรียบเด็กคนอื่นคงเป็นผ้าสีขาวสะอาดตาที่ถอยร่นเป็นสีดำไปเรื่อยๆเมื่อเติบโต
แต่เลนยะคงจะเป็นผ้าสีดำที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งขาวขึ้น หรือดำลง
นั่นแหละ คงจะทำให้เธอไม่เหมือนใครๆ
และคงเป็นสิ่งที่ทำให้เธอได้รับเลือกจากโชคชะตา
ซามุไรหนุ่มหรี่ดวงตาคู่งามลง พลางสะบัดใบหน้าของตนไปมาเมื่อความคิดเรื่องที่’เขาคนนั้น’มอบหมายให้เมื่อ 500 ปีก่อนกลับมารบกวนจิตใจ ชายหนุ่มกลับไปจดจ่อกับศึกสายเลือดตรงหน้าอีกครั้ง
เกมมัจจุราชของจริง มันใกล้เข้ามาแล้ว
ท่านคงรู้อยู่แก่ใจสินะขอรับ ท่านชิมิสึ
ถึงได้ยืดเวลาการอยู่กับลูกๆให้ได้นานที่สุดเช่นนี้
“สามแล้วนะพ่อ...เฮ้อออ ไม่อยากตอบก็ตามใจ จะบอกให้แล้วกัน” เลนยะทำหน้ามุ่ยเมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับจากชิมิสึที่ถูกเธอเองนั่นแหละใช้วิชาผนึกชนิดซาดิสม์ทรมานลำดับต้นๆ ดวงตาสีน้ำเงินส่อแววสนุกแบบบ้าเลือด “จงทำลายทุกกิ่งก้าน--สลายเป็นธุลีดิน--คลายผนึกต้นไม้ปีศาจ”
ร่างใหญ่ค่อยๆขยับตัวได้ทีละส่วน แต่ทว่าในท้องรู้สึกปั่นป่วนแปลกๆ ลมหายใจของชายวัยกลางคนติดขัดๆก่อนจะสำรอกสิ่งที่จุกติดอยู่ในลำคออกมากองบนพื้นดินหนา
เลนยะหยิบดาบยาวของชิมิสึขึ้นมาเขี่ยสิ่งที่ออกมาจากร่างของเจ้าของดาบ ดวงตาสีน้ำเงินของชิมิสึถึงกับค้างเมื่อเห็นวัตถุนั้น
...แผ่นยันต์...
แผละ!!
คำตอบแรกในใจชิมิสึที่เป็นแผ่นยันต์อยู่ๆก็ละลายลงราวกับน้ำแข็งที่ถูกโยนลงกระทะร้อนจัด เหลือเพียงน้ำที่เจิ่งนองซึมลงพื้นดิน
“คุณไสย...หรือยังไง”
เลนยะยิ้มยียวนก่อนตอบ “ให้เวลาให้ทายตั้งสามวิไม่ทาย จะมาถามอะไรตอนนี้”
สายตาดุดันส่งจากร่างชายเรือนผมสีดำรัตติกาล หากเป็นคนขวัญอ่อนคงจะขนลุกได้ง่ายๆ เลนยะหลับตาลงข้างหนึ่งพลางยักไหล่แสดงอาการเหนื่อยหน่าย “ก็ได้ๆ จะว่าใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่นะ”
ชิมิสึลุกขึ้นเก็บดาบเข้าฝักเมื่อคำตอบที่ตอบมาไม่ได้แตกต่างกับคราวแรกแม้แต่น้อย เก่งนักหาเรื่องใส่ตัว
“วิชายันต์วารีสังหาร” เลนยะกล่าวไล่หลังพ่อที่กำลังจะเดินจากไปเมื่อตนเองแพ้ลูกสาวในนัดนี้ “ชื่อทุเรศไปนิด แต่นึกชื่อกว่านี้ไม่ออก มันคือการใช้อาคมพรางตาชนิดห่วย คาถาปลุกเสกจำแลง คาถาชำแรกร่างและคาถาผนึก โจมตีโดยใช้เพียงน้ำมนต์นิดหน่อย ลงทุนน้อย แต่ให้ผลการทำลายล้างสูง”
เด็กหญิงกล่าวสรรพคุณวิชาที่ตนเองคิดค้นจากประสบการณ์ของตัวเองอย่างพอใจ ชิมิสึเลิกคิ้วขึ้นเบาๆมองลูกสาวที่ดูยังไงก็ไม่น่าใช่เด็กอายุเจ็ดขวบ
“ก็แค่ใช้นำมนต์ปลุกเสกให้เป็นยันต์ต่างๆแล้วแต่การโจมตีตามหลังการแปรธาตุ แล้วชำแรกร่างเข้าไปในเป้าหมายรอการสั่งการคล้ายยาสั่งตามหลักการของไสยศาสตร์ แล้วใช้คาถาตามแต่ต้องการในการโจมตี ทำได้ตั้งแต่ผนึกไปจนถึงระเบิดร่างเป้าหมายให้ออกจากกัน”
ฟิ้วววววววว
สายลมยามบ่ายที่หนาวกว่าครั้งใดๆพานพัดเข้าสู่ร่างของทั้งสอง ดวงตาสีน้ำเงินของบิดาจดจ้องธิดาอย่างหนักใจ
นับวัน...ยิ่งเติบโต...ยิ่งอันตราย
หากไร้ซึ่งฝักดาบที่ดีเยี่ยมแล้ว..ดาบเล่มนี้จะเป็นอย่างไร
ร่างใหญ่ก้าวจากลูกสาวที่ยังนิ่งมองผลงานของตนที่ซึมลงพื้นดินแห้งแตกระแหง ย่างผ่านโยชิฮาระ เข้าไปยังห้องพักของตนเอง รูปวาดเหมือนจริงของมาซาโกะผู้จากไปยังคงยิ้มพรายเสมอตั้งแต่วินาทีแรกแห่งความทรงจำจนกระทั่งถึงวันสุดท้าย
“ฉันจะเป็นฝักดาบให้นาย แม้นายไม่ต้องการฉันก็จะอยู่ข้างนาย โซเคนโย ชิมิสึ ”
เสียงในความทรงจำที่ไม่เคยเลือนรางดังก้องในจิตใจส่วนลึกของชายหนุ่ม ดวงตาคู่งามของหญิงสาวในภาพวาดยังคงจ้องมองเขา ดวงตาสีน้ำเงินมีประกายวาววาบขึ้น รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นหลังจากมันได้หายไปพร้อมกับลมหายใจสุดท้ายของหญิงที่เขารักสุดหัวใจ
สักวันข้างหน้า...เลนยะก็ต้องเจอเหมือนกัน...คนที่จะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ
ฝักดาบ ที่จะอยู่กับดาบเล่มนี้ตลอดไป
กึก..
ฝีเท้าของเลนยะชะงักกึกเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่ภายในห้องเรียน ก่อนถอนหายใจเบาๆอย่างปลงตามแบบคิเอ็นจิ “มีงานรวมญาติรึไงหา แล้วลุงจะมานั่งในนี้ทำไม อยากย้อนมาเป็นนักเรียนมัธยมอีกรอบนึงเหรอ สายไปม้าง”
คำทักทายชนิดใครได้ฟังก็อยากดักตีหัวเลนยะดังขึ้นกลางห้องซึ่งมีซานาดะ ท่านหญิงอาเคเดะและผอ.โยโคซึ่งนั่งคุยกันอยู่ ลุงที่อยากย้อนเวลายิ้มบางให้แก่เด็กสาว “อรุณสวัสดิ์โซเคนโยคุง อืม..ก็ใช่นะ ถ้าย้อนเวลาได้ก็จะทำล่ะ เวลาคนเรามันมีน้อย อยากจะทำอะไรก็ต้องรีบทำสินะ จริงมั้ย”
เลนยะยักไหล่นิดหน่อยก่อนจะกระแทกกระเป๋าลงบนโต๊ะเรียนของตัวเอง อาเคเดะชำเลืองมองหญิงสาวด้วยหางตาก่อนจะตวัดกลับมายังซานาดะ
“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ ท่านคิเอ็นจิน่ะ คงจะเหนื่อยมากเลยสิ”
คำพูดของชายแก่ทำเอาทั้งเลนยะทั้งทาโร่หันไปหาคอแทบหัก ทาโร่ลูบคอตัวเองเบาๆเมื่อรู้สึกเหมือนจะตายรอบสองเพราะการบิดอย่างแรงเมื่อกี้
“พูดอย่างนี้หมายความยังไง” เลนยะถาม(ขู่)เสียงเข้มใส่ชายชราใจดีซึ่งในขณะเดียวกันก็จ้องลูกพี่ลูกน้องตัวเองในเชิงเค้นคำตอบ
“อ้าว...ฉันก็หมายถึงว่าอยู่เฝ้าบ้านให้เธอคงจะเหนื่อย แดดก็ร้อนว่ามั้ย นึกว่าท่านคิเอ็นจิเหนื่อยเพราะเรื่องอะไรเหรอ...โซเคนโยคุง...”
หมอผีสาวยืนอึ้งเหมือนถูกระเบิดหล่นใส่ตัวประมาณสามสิบรอบ ชายแก่ทำเสียงสงบเยือกเย็นเวลาพูด แต่ที่แสดงออกทางดวงตานี่ไม่ใช่เลย
ผีน้อยมองเลนยะสลับผอ.โยโคไปมา ในใจทาโร่ก็รู้ดีว่าตอนนี้เลนยะคงกำลังวางแผนเผาบ้านชายแก่ตรงหน้าอยู่แน่ๆ แต่จะโทษโยโคอย่างเดียวก็ไม่ถูก
เพราะถ้าไม่ได้เหนื่อยเพราะเฝ้าบ้านให้เลนยะแล้ว
ทั้งบ้านก็มีเพียงชายหนุ่มหญิงสาว
กลางค่ำ...กลางคืน..
จะให้เหนื่อยเรื่องอะไรอีกน้อ...
วิญญาณเด็กชายแทบจะปล่อยก๊ากเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ต่อไป เหงื่อกาฬเม็ดโตไหลจากใบหน้าของเลนยะราวน้ำตกเพราะรู้สึกได้ว่าประโยคเมื่อกี้เริ่มทำให้ทั้งคนทั้งผีในห้องจินตนาการไปไกลเกิน ทั้งๆที่ตัวเองก็เคยจินตนาการอะไรแนวนี้มาแล้วเหมือนกัน
“
จะหา..หม่าม้า~~”
ทารกน้อยที่เพิ่งได้นามว่า ไค หยกๆส่งสายตาสองสีอ้อนวอนบิดาของตนเองซึ่งกำลังใช้ผ้านุ่มบางเช็ดริมฝีปากของเด็กน้อยหลังจากป้อนข้าวเสร็จ คิเอ็นจิลูบเส้นผมสีดำขลับของลูกชายเบาๆ “แม่เขาไปเรียนหนังสือน่ะ เดี๋ยวเย็นๆก็กลับมา”
“อยากเจอ...หม่าม้า...คิดถึงหม่าม้า~~”
คำตอบจากร่างเล็กแสดงได้ชัดเจนว่าคำพูดเมื่อกี้ไม่ได้เข้าหูไคคุงเลยแม้แต่นิดเดียว หมาป่าหนุ่มถอนหายใจเพราะนับวันเจ้าหนูน้อยก็เหมือนแม่เข้าไปทุกที
“พ่อก็คิดถึงแม่..แต่แม่เขาก็ต้องมีหน้าที่ทำ อีกเดี๋ยวก็กลับมา ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกไค” หมาป่าหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงบางเบา เพราะเวลาเลนยะไปเขาก็คอยเป็นห่วงอยู่ทุกวันว่าจะไปเจอกับอะไรบ้าง แถมได้ข่าวมาว่าถูกกลั่นแกล้งแรงๆเกือบทุกวัน ถ้าไม่ติดที่เป็นห่วงและต้องดูแลไค เขาก็จะไปคอยเฝ้าดูเธอแล้ว
เด็กชายช้อนดวงตากลมโตไปทางหน้าต่าง แสงแดดยามเช้าตอนนี้อ่อนลงเรื่อยๆจนกระทั่งไม่นานนักหลังจากนั้นปุยหิมะสีขาวก็ลอยลงจากฟากฟ้า ค่อยๆทับถมกันบนถนนใหญ่จนทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นสีขาวสะอาดตา มือเล็กที่เกาะหน้าต่างแก้วรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่ไหลผ่านเข้าสู่ร่างกาย
หิมะครั้งแรก...ในชีวิตของเขา
“ป่ะป้า...อะไร..”
เด็กชายชี้ผ่านกระจกซึ่งมีขนนกสีขาวจากสรวงสวรรค์ปลิวลงสู่พื้นดินอย่างไม่ขาดสาย ดวงตาสีเทามองบุตรชายตัวน้อยอย่างอบอุ่นอ่อนโยน “หิมะน่ะลูก....หิมะ”
“หิ..มะ”
ดวงตากลมใสจ้องหิมะที่หล่นร่วงลงบนถนนอย่างชื่นชม ท้องฟ้ากว้างใหญ่สีเทายังคงปลดปล่อยเหล่าทูตสวรรค์แห่งเหมันต์ฤดูลงมาเรื่อยๆทำให้บรรยากาศภายนอกเปรียบดังสรวงสวรรค์ที่ถูกโอบอุ้มเอาไว้ด้วยเมฆขาว ล่องลอยในอากาศ
ร่างใหญ่คุกเข่าลงมองตามจุดที่นัยน์ตาสองสีจับจ้องอย่างสนใจ รอยยิ้มบางคลี่ขึ้นบนใบหน้ารูปสลักงดงามเกินมนุษย์ “อยากเล่นงั้นเหรอ”
ใบหน้าน่ารักพยักเบาๆตอบรับคำพูดของพ่อ พลางโผเข้าอกแกร่งของหมาป่าหนุ่มเพื่อไปสัมผัสเกล็ดหิมะที่รออยู่ภายนอกบ้าน คิเอ็นจิอุ้มลูกชายแน่นชิดตัวเมือสัมผัสได้ว่าข้างนอกอากาศติดลบมากเท่าไหร่
ตุบ
“คิกคิกคิกกกก เอิ้กๆๆ”
“อย่าสิไค..เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
มือเล็กๆกอบหิมะสาดใส่เจ้าปีศาจซึ่งบัดนี้เปลี่ยนแปลงสภาพภายนอกจนดูไม่ออกแล้วว่าเขาเคยเป็นอมนุษย์มาก่อน หมาป่าหนุ่มนั่งลงกับพื้นหิมะหนาวเหน็บพลางดึงแขนเล็กเข้ามาใกล้ตัว มืออีกข้างก็กำหิมะก้อนเล็กๆปาใส่ใบหน้าที่ถอดพิมพ์เขาไปไม่มีเพี้ยน ส่งผลให้ไคหัวเราะสนุกสนาน ก่อนจะวิ่งไปปั้นหิมะมาแก้แค้นบิดาบ้าง
ร่างเล็กในสเวตเตอร์นิ่งไปเมื่อหมอกขาวที่ลอยตัวอยู่มีเงาเลือนรางคล้ายรูปตัวคน ดวงตากลมโตเบิกกว้างพร้อมความสุขที่ถาโถมเข้าสู่จิตใจลิงโลด
“หม่าม้า~~!!!”
“ไค!!”
ร่างเล็กของเด็กชายวิ่งหายเข้าไปในหมอกหนาแทบในทันที เจ้าปีศาจรีบตามด้วยความเร็วสูงเมื่อประสาทสัมผัสของเขาตรวจจับได้ว่าไม่ใช่เลนยะ แต่ทว่าดวงเนตรสีเทาต้องชะงักค้างเมื่อพบร่างอาคันตุกะผู้มาใหม่ในม่านหมอก
“หึหึ..ฉันไม่ใช่แม่ของหนูหรอกนะ”
หญิงสาวรูปร่างสิริโฉมงดงามราวกับนางฟ้ายืนอยู่ทามกลางหมกหนาโดยข้างๆตัวมีทารกชายยืนมองทั้งด้วยความประหลาดใจระคนผิดหวังที่มิใช่แม่ของตน ดวงตาสีดำช้อนขึ้นจากร่างน้อยขึ้นมาทางเจ้าปีศาจในร่างมนุษย์ชาย “คุณพ่อมาตามแล้วจ้ะ”
ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ๆลูกชายที่ยืนจ้องคนสวยไม่วางตา ดวงหน้างดงามซึ่งมีแววขี้เล่นยิ้มให้แก่คุณพ่อที่พูดถึง ก่อนจะมองขึ้นไปบนฟากฟ้าสีเทาคล้ายนัยน์ตาของคิเอ็นจิ ”ขอโทษนะคะ จะเป็นการรบกวนไหมถ้าฉันจะขอเข้าไปหลบหิมะในบ้านของคุณ ตอนนี้มันเริ่มตกหนักแล้วน่ะค่ะ”
เจ้าปีศาจเงียบไปสักครู่เพราะตนเองก็ไม่ค่อยชินกับการที่มีคนแปลกหน้ามาขอเข้าบ้านเช่นนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเวลาอยู่ใกล้หญิงสาวตรงหน้ากลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก “เชิญ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
หญิงสาวก้มหัวลงเคารพชายหนุ่มจนเส้นผมยาวสีน้ำตาลระพื้นหิมะ หมาป่าหนุ่มเดินเข้าไปในบ้านก่อนจะเปิดประตูให้หญิงสาวเข้ามาหลบในบ้าน นัยน์ตาสีนิลจับจ้องสิ่งของทั่วบ้านพลางขบขันเล็กๆโดยไร้สาเหตุ
แก้วชาอุ่นๆถูกวางลงบนโต๊ะอย่างรู้งานต่อหน้าแขกของบ้านจนคิเอ็นจิก็ยังอดรำพันสงสารตัวเองในใจไม่ได้ว่าเมื่อมาอยู่ที่นี่เขาก็ทำงานบ้านเป็นมากขึ้น ถ้าหมอผีสาวมาเห็นคงจะชื่นชมเบ๊เลือดบริสุทธิ์คนนี้แน่ๆ ดวงตาสีเทาเหลือบไปยังหญิงสาวนิรนามที่นั่งเล่นกับไคอย่างสบายอารมณ์และดูท่าว่าเด็กชายกับเธอจะเข้ากันได้ดี
“ขอโทษนะคะ บ้านนี้ดูเงียบจัง คุณอยู่กับลูกชายแค่สองคนเองหรือคะ”
คำถามจากร่างระหงทำให้คิเอ็นจิต้องมองหาโยชิฮาระซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปนั่งชมธรรมชาติอยู่ส่วนไหนของบ้าน แต่ถ้าจะให้บอกไปว่ายังมีวิญญาณอีกดวงเธอว่าจะว่าอย่างไร
“ยังมีแม่ของเด็กคนนี้อีกคน แต่ตอนนี้ก็ไม่อยู่บ้านหรอก”
หมาป่าหนุ่มกล่าวตามสไตล์พ่อบ้านที่ต้องอยู่เลี้ยงลูกอยู่บ้านแล้วภรรยาออกไปทำงานหาเงิน ใบหน้าหวานพยักรับรู้ ก่อนจะลูบเส้นผมฟูๆของไคที่นั่งจ้องเธอตาแป๋ว
“ชื่อ ไค สินะคะ” เสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้นเบาๆ ดวงตาสีนิลสำรวจไปทั่วใบหน้า แต่ที่จับจ้องอยู่นานคือนัยน์ตาข้างสีน้ำเงินที่แทบจะเป็นนัยน์ตาเดียวกับเลนยะ “เวลาที่ฉันเห็นเจ้าหนูนี่ครั้งแรก ทำให้ฉันคิดถึงลูกสาวน่ะค่ะ ฉันมีลูกสาวอยู่คนนึง แต่ก็ไม่ได้เห็นแกมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า” คำถามที่ไม่ผ่านการไตร่ตรองของสมองออกจากปากคิเอ็นจิแทบในทันทีที่หญิงสาวกล่าวจบประโยค ในใจยังอดคิดไม่ได้ว่าทำไมต้องไปอยากรู้เรื่องของเขาด้วย
ใบหน้างดงามของแขกสาวที่ดูร่าเริงสดชื่นดูเศร้าหมองไปพลัน ดวงตาสีดำกลมโตหลุบลงต่ำมองแหวนสีทองที่นิ้วนางซ้าย “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่ฉันก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกับสามีและลูกๆของฉันได้ แม้ว่าฉันจะอยากแค่ไหนก็ตามเถอะ”
ความเงียบเริ่มเข้ามาคั่นระหว่างบทสนทนา เจ้าปีศาจทอดสายตาไปยังหญิงสาวที่ไม่อาจอยู่กับครอบครัวของเธอได้ เขารู้ได้ถึงความทรมานอันมากมายที่แฝงเร้นในแววตา ทำให้ในใจของเจ้าปีศาจมีคำถามผุดขึ้นภายในใจ
หากเขาจะต้องถูกพรากจากครอบครัวบ้าง
เขาจะทนอยู่ได้ไหม
จะยังหายใจ จะยังขยับเขยื้อน จะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือเปล่า
จบความคิด ความเจ็บปวดแผ่เข้าสู่หัวใจของคิเอ็นจิอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ สิ่งที่ดุจดังเป็นกำแพงขวางกั้นเขา มันคือคำว่า ‘เวลา’ คำเดียวเท่านั้น
แม้ว่ารู้อยู่เต็มอกว่าไม่อาจฝืนเวลา
แต่เขาก็ไม่อยากจะสูญเสียสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขาไป
“ตาข้างนี้คงเหมือนแม่สินะคะ”
เสียงของหญิงสาวดึงเจ้าปีศาจออกจากภวังค์อันปวดร้าว อารมณ์ที่กำลังมุดดิ่งลงสู่หลุมดำต้องสลายไปโดยปริยายยามที่เขาจับจ้องดูลูกชาย ดูดวงตาของเลนยะข้างๆดวงตาของเขา
“แม่หนูคงต้องสวยมากแน่ๆเลยใช่มั้ยจ๊ะ หรือไม่ก็ต้องมีเสน่ห์มัดใจพ่อหนูได้ พยานรักถึงได้น่ารักขนาดนี้”
คิเอ็นจิแทบคว่ำเมื่อจบคำ
สวยมาก
เสน่ห์มัดใจ
จะให้บอกดีมั้ยว่าไม่มีเลยสักอย่าง
“ลูกชายก็โตขนาดนี้แล้ว คุณสองคนแต่งงานกันมานานเท่าไหร่แล้วล่ะคะ”
เจ้าปีศาจคว่ำไปอีกเป็นรอบที่สองเมื่อคำถามที่ยิงมามันแทงใจดำเข้าเต็มๆ ไม่รู้ว่าที่รับแขกคนนี้มาคิดถูกหรือผิดกันแน่ แต่เวลาอยู่ใกล้หญิงสาวนิรนามกลับทำให้ความคิดที่จะไล่เธอไปเสียหายไปจากหัวสมองได้ง่ายๆ
“..คือ..ข้า...ย.....ยัง..ไม่ได้แต่งงาน..”
พรืด..
เสียงหัวเราะที่กลั้นไว้ของอาคันตุกะสาวถูกปลดปล่อยออกมาราวเขื่อนขำแตก น้ำหูน้ำตาไหลจนหมดรูปความงดงามปานนางฟ้าที่มีเลย คิเอ็นจิผู้เย็นชาบัดนี้ปั้นหน้าไม่ถูกกับแขกที่ฮาท้องแข็งที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม
แต่ระหว่างนั้นเอง ประโยคหนึ่งก็ทำให้อารมณ์อยากเอาปี๊ปคลุมหัวของหมาป่าหนุ่มหายไปในบัดดล แหวนสีทองจากนิ้วมือเรียวขาวถูกวางลงบนโต๊ะและเลื่อนมาใกล้ๆปีศาจหนุ่ม
“แล้วทำไมถึงไม่ขอเสียเลยล่ะคะ”
นัยน์ตาสีเทาจ้องหญิงสาวเขม็ง พูดอะไรไม่คิด
ให้เขา...ไปขอ...โซเคนโย เลนยะ...แต่งงาน?!
จับเขามัดมือมัดเท้าโยนลงบ่อฉลาม จระเข้ยังน่าทำซะกว่า
แค่นี้ยังเป็นทาสเทวีไม่พอใจอีกงั้นหรือ
แกร๊ก..
แหวนสีทองถูกนิ้วมือขาวดึงออกจากกัน ทำให้รู้ว่าเป็นแหวนสองวงซึ่งสามารถติดเชื่อมกันได้เป็นวงเดียว แหวนสีทองแวววาวทั้งสองวงตั้งตระหง่านข้างเคียงกันเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตคู่
“แหวนสองวงนี้เป็นสมบัติตกทอดต่อมาของสามีฉันเองค่ะ มันคือแหวนคู่ฮิรุ-โยรุ ความหมายคือทิวาและราตรี คือความรักยืนยงชั่วกัลปาวสาน ไม่เว้นแม้กลางวันหรือกลางคืน”
“เจ้าจะเอามาให้ข้าทำไม ทำไมไม่เก็บเอาไว้เอง”
ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อคลี่ยิ้มบางคล้ายดอกกุหลาบสีชมพูที่กำลังผลิท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิ ดวงตาสีนิลมองคิเอ็นจิอย่างให้ความเชื่อมั่น “เพราะฉันไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกแล้ว ฉันอยากให้มันอยู่กับคนที่ต้องการมันจริงๆ รับเอาไว้เถอะค่ะ”
เจ้าปีศาจหนุ่มก้มมองแหวนคู่ฮิรุโยรุอย่างพินิจพิจารณา จิตใจที่วุ่นวายสับสนเริ่มกลับมานิ่งสงบอีกครั้ง ความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างในใจราวกับถูกดึงขึ้นมาจากความวุ่นวายด้วยอำนาจของแหวนคู่ทั้งสอง
“หิมะจะหยุดตกแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณสำหรับชานะคะ”
ร่างเพรียวบางน่าทะนุถนอมกล่าวขึ้นพลางลุกจากเก้าอี้ไม้ มือขาวลูบเส้นผมสีดำวาววับของทารกน้อยในเชิงบอกลา ก่อนจะช้อนนัยน์ตาสีนิลมามองชายหนุ่ม “ลาก่อนค่ะ”
“เจ้าเป็นใครกันแน่”
คำถามด้วยเสียงเยือกเย็นทำให้หญิงสาวนิรนามหยุดนิ่ง ก่อนจะหันกลับมาทางผู้ถามคำถาม ใบหน้างดงามยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ร่างบางก้มหัวลงคำนับคิเอ็นจิเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากไป
“ฉันชื่อ โซเคนโย มาซาโกะค่ะ”
หิมะที่โปรยปรายเนิ่นนานลดกำลังลงอย่างช้าๆ แสงแดดอุ่นๆส่องมาต้องหิมะบางเกิดประกายสดใสราวรุ้งพราว หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลยาวเดินลุยหิมะอย่างลำบากลำบนเพราะชุดมันไม่เอื้ออำนวยเอาเลย
“ปัดโธ่!!..รู้งี้น่าจะพักอยู่ในบ้านพ่อลูกเขยอีกสักนิดนะเนี่ย หิมะหนาชะมัด”
เสียงบ่นงึมงำดังจากร่างบางที่บัดนี้จมหิมะร้อยเปอร์เซ็นต์ ดวงตาสีนิลมองนิ้วนางซ้ายของตนอย่างห่วงหาจากใจลึกๆ
ไม่อยู่แล้วสินะ
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าหวานขัดซึ่งกับนิสัยจอมลุยของเธอโดยสิ้นเชิง แต่ตอนนี้ก็ถึงช่วงเวลาขำไม่ออกเพราะจอมลุยกลับติดแหงกในกองหิมะหนาขยับไม่ได้เสียแล้ว
“เธอนี่ไม่เคยดูแลตัวเองเหมือนเดิมเลยนะ”
เสียงนุ่มที่คุ้นเคยเรียกให้ดวงตาสีรัตติกาลตวัดไปทางต้นเสียงทันที ภาพที่นัยน์ตาที่สองเห็นคือชายหนุ่มใบหน้าคมคายหล่อเหลาถือร่วมคันใหญ่ เส้นผมสีดำตัดกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มแม่สีที่จับจ้องเธอด้วยกระแสอ่อนโยนอย่างที่เคยใช้เสมอมา
“มาช้าจริงๆเลยนะ อดไปเห็นหน้าหลานเลย สมน้ำหน้า”
มาซาโกะเอ่ยน้ำเสียงขี้เล่นทั้งๆที่ตัวเองก็ยังแช่ตัวกลมดิ๊กเป็นสโนว์วูแมนในหิมะ ชิมิสึส่ายหน้าอย่างระอาใจก่อนจะยืนมือใหญ่อบอุ่นไปให้กับหญิงสาว
“อยากนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงนี้นานๆก็เชิญนะ ไม่มีใครว่า และอีกอย่าง ฉันเห็นหน้าไคตั้งนานแล้ว ก่อนเธอซะอีก” ชายหนุ่มกล่าวเอาคืนจนศรีภรรยาทำหน้ามุ่ยใส่ “ไปเมื่อไหร่ไม่เห็นมาบอกกันมั่ง”
“ช่างเถอะ กลับกันได้แล้วล่ะ ถ้าช้าคนอื่นจะรอนาน”
มือเล็กถูกยกขึ้นจากข้างร่างบางในถูกปั้นกลมด้วยหิมะและวางลงในมือใหญ่อันคุ้นเคย ชายหนุ่มพยุงร่างหญิงสาวผู้เป็นที่รักขึ้น
“แล้วจะมาเยี่ยมใหม่นะ พ่อลูกเขย”
ความคิดเห็น