ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FanFic] โซเคนโย - สามีภรรยา&พ่อแม่จำเป็น!

    ลำดับตอนที่ #7 : Mom&Dad 7 : เลนยะ&คิเอ็นจิ เข้าเรือนหอ!! (Rewrited)

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 52


    Chapter 7 : เลนยะ&คิเอ็นจิ เข้าเรือนหอ!!

     

                        ฟิ้ววววววววววว

                สายลมหนาวที่โบกพัดพาทุกอย่างที่สงบนิ่งยามราตรีให้เคลื่อนไหว เสี้ยงจันทร์บางที่เกี่ยวท้องฟ้าสีนิลส่องประกายแสงนวลลงมาต้องผืนดินชุ่มฉ่ำน้ำค้าง ใบไม้แห้งที่ผลัดลงจากต้นไม้ใหญ่ทิ้งตัวกลางอากาศลงมานอนนิ่งบนหลังคาสีอิฐ แต่ทว่าภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมของเด็กสาวนามโซเคนโย เลนยะยังคงมีเสียงรบกวานความเงียบงันยามรัตติกาลอยู่เรื่อยๆเป็นระยะ

                        เขยิบไปหน่อยสิวะ แกจะเบียดฉันให้ตายไปเลยรึไงห๊า ไอ้ลูกหมา!”

                หมอผีสาวแหวขึ้นท่ามกลางความมืดสลัวซึ่งมีเพียงเทียนเล่มเล็กๆให้แสงสว่างริบหรี่แก่สามชีวิตบนเตียงหนาที่ดูคับแคบไปแล้ว

                        เจ้าก็เลิกนอนดิ้นสักทีสิเลนยะคิเอ็นจิกล่าวเสียงดุ ก่อนจะนอนลงบนเตียงช้าๆเมื่อลูกชายจอมป่วนของเขาและเลนยะไม่ยอมให้ทั้งพ่อทั้งแม่นอนไกลตัวเองเลย ทั้งสองสามีภรรยาชั่วคราวจึงต้องมาเบียดกันเป็นซูชิคน-ปีศาจ-ครึ่งปีศาจ แบบนี้

                        โอ๊ยยย เจ็บนะเฟ้ยไอ้หมาบ้า ทำเบาๆไม่เป็นรึไงวะ

                        ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้เจ้าเจ็บนะ เจ็บมากรึเปล่า

                        แค่นี้ไกลหัวใจ นอนไปได้แล้ว แกไม่รู้รึไงว่าตัวหนักแค่ไหนน่ะ

                        แล้วใครใช้ให้เจ้ามาคร่อมข้าล่ะ

                ผีน้อยที่ลอยอยู่ข้างนอกฟังบทสนทนาของทั้งสองด้วยความระทึกใจ เพราะถึงแม้จะคิดในแง่ดีเท่าไหร่ก็ไม่ได้ช่วยให้อาการคิดลึกหายไปได้เลย โยชิฮาระพยายามเบนความสนใจไปที่อื่นเพราะเขารู้แก่ใจว่าถ้าไปฟังสถานการณ์แบบทาโร่เขาคงไม่เลิกไปถึงเช้าแน่ๆ

                เด็กสาวช้อนนัยน์ตาสีน้ำเงินไปมองใบหน้าของเจ้าปีศาจที่พยายามข่มตาหลับ ใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสง่าและหล่อเหลากว่าชายใดในโลก เส้นผมสีดำสนิทเงางามทอประกายราวกับอัญมณี เปลือกตาที่หลับลงทำให้ชายหนุ่มดูน่าครอบครองไม่แพ้ยามตื่น

                        เจ้าจะจ้องหน้าข้าอีกนานไหมเสียงทุ้มต่ำถามขึ้นทั้งๆที่ดวงตายังปิดสนิท แต่เพราะประสาทสัมผัสระดับเจ้าปีศาจทำให้รู้ได้ง่ายๆว่าหมอผีสาวกำลังมองเขาอยู่ เลนยะบุ้ยปากเล็กน้อย ก็มันไม่มีอะไรทำ แถมไอ้ไฟบ้าดันมาดับซะตอนนี้

                คิเอ็นจิลืมตาสีเทาขึ้นมองเลนยะที่นอนตะแคงข้างเข้ามาหาเขา จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของเลนยะ ซึ่งก็มีเพียงลูกชายตัวน้อยที่หลับตาพริ้มสนิทกั้นกลางเอาไว้เท่านั้นใบหน้าน่ารักน่าชังดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดเพราะมีพ่อและแม่นอนอยู่ข้างๆ มือใหญ่ลูบแก้มแดงๆของเด็กชายอย่างเบามือ

                        มันหน้าตาเหมือนแกเปี๊ยบเลยนะ ไอ้เด็กนี่

                เลนยะพูดพลางชื่นชมหน้าตาลูกชายใกล้ๆเป็นคราวแรก(ก็ตอนแรกเล่นเกาะหัวแน่น เลยมองไม่ชัด) ก่อนนำมาเทียบกับพ่อของเด็กซึ่งกำลังมองเธออย่างอ่อนโยน นิ้วมือเรียวลูบเส้นผมฟูๆของทารกน้อยช้าๆ ดวงตาสีน้ำเงินฉายประกายบางอย่างจนแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังแปลกใจ

                หมาป่าหนุ่มลุกขึ้นจากเตียง ชุดประจำที่ใส่ทุกวันเหลือเพียงแค่กิโมโนสีขาวบางๆแนบเนื้อสำหรับนอนหลับ ดวงตาสีเทามองขึ้นไปบนฟากฟ้าที่พร่างพราวไปด้วยดวงดาวเล็กใญ่ดารดาษไปทั่ว ทำไม ทุกชีวิตถึงอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้

                หมอผีสาวเลื่อนสายตาจากลูกชายไปยังคิเอ็นจิที่ยังค้างนัยน์ตานิ่งบนดวงจันทร์เสี้ยวที่มีหมู่ดาวประดับประดาอยู่เคียงข้าง

                คิเอ็นจิเอ่ยถาม พลางมองเลนยะในชุดนอน ดวงตาสีน้ำเงินสบเข้ากับดวงตาสีเทา ฉันจะไปรู้ไหม ฉันเป็นมนุษย์ธรรมดานะเว้ย ไม่ใช่พระเจ้า ตาแก่ที่วันๆเอาแต่สร้างสรรค์ทุกอย่างน่ะหมอผีสาวกล่าวตอบเจ้าปีศาจที่อยากรู้สิ่งที่ต้องใช้หัวใจคิด ซึ่งไม่ใช่ความถนัดของเลนยะเลยแม้แต่น้อย

                ปีศาจหนุ่มลูบหน้าผากของลูกชายอย่างเบาๆ มือเล็กๆดึงนิ้วใหญ่เอาไว้กับตัวเองราวกับเป็นของมีค่ายิ่ง ทำให้ใบหน้าคมคายปรากฏรอยยิ้มบางด้วยความรักและเอ็นดู

                        ก็เพราะทุกชีวิต ไม่ได้เกิดมาเพื่อจะอยู่เพียงลำพัง

                คำตอบจากเลนยะทำให้หมาป่าหนุ่มเงียบไป สายลมที่พานพัดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้บรรยากาศเริ่มเงียบงัน เสียงหรีดหริ่งเรไรและหิงห้อยส่งประสานกันขับกล่อมเป็นดนตรีแห่งชั่วโมงอันเงียบเหงา กลิ่นดอกไม้ที่ผลิบานเองตามธรรมชาตินอกบ้านส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วห้องนอน

                        คนบางคนคิดว่าตัวเองเข้มแข็งพอที่จะก้าวเดินคนเดียวโดยไม่มีใครอยู่รอบข้าง สามารถเลือกที่จะอยู่เพียงลำพัง แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้หรอกว่าที่ๆจิตใจเรียกร้องอยากกลับไปที่สุดคือบ้านเด็กสาวกล่าวขึ้นท่ามกลางห้องที่มีแสงสว่างสลัว ดวงตาสีน้ำเงินมองไปบนฟากฟ้าที่สว่างด้วยแสงดาว ก่อนว่าต่อที่ที่มีคนต้อนรับเราเสมอ ที่ที่มีคนที่เรารักและรักเรา จุดศูนย์รวมจิตใจของมนุษย์ทุกคน

                คิเอ็นจิสัมผัสปลอกคออาคมบนต้นคอของตนเมื่อพูดถึงบ้าน คำพูดของเลนยะทำให้เขาหวนย้อนนึกถึงตนเอง

                        ...เขาเคยคิดว่าตนเองแข็งแกร่ง...

                        ...เคยคิดว่าสามารถอยู่ได้เพียงคนเดียวบนโลกใบนี้....

                        ....ทั้งที่เขาก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นจริง...

                        ....มันทำให้จิตใจของเขาว่างเปล่า...

                        ….เงียบเหงา...ไม่มีใคร

                        ..เขาจึงต้องทนอยู่กับความโดดเดี่ยวเย็นชาเรื่อยมา..

                        ...สร้างกำแพงป้องกันตัวเองจากคนอื่น...และสิ่งรอบข้าง...

                        ...ถึงมีที่อยู่...มันก็ไม่เหมือนบ้าน..

                        ...จนกระทั่ง...ได้มาพบกับ...โซเคนโย...เลนยะ

                        ...มนุษย์ที่ไม่เหมือนมนุษย์คนใดที่เขารู้จัก...

                        ...ความโกรธเกลียดมากมายที่สุมกองจิตใจ..

                        บัดนี้แปรเปลี่ยนกลายเป็นความเข้าใจ...

                        ...ที่ใดที่มีเด็กสาวนามโซเคนโย เลนยะผู้นี้อยู่...ที่นั่นก็คือบ้านสำหรับเขา..

                        ...ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่ที่เขายืนอยู่..มักจะมีเธออยู่เคียงข้างเสมอ..

                        ...ผู้ทลายกำแพงหัวใจที่ด้านชาเข้ามาอย่างง่ายๆ

                        ..มนุษย์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆเขาในตอนนี้..

                        ...โซเคนโย....เลนยะ

                        แล้วแกจะจ้องหน้าฉันอีกนานมั้ย ไอ้ลูกหมาเสียงยียวนของเด็กสาวแขวะเจ้าปีศาจเล่นในความมืดมิด ทำให้เรียกรอยยิ้มจากใบหน้าคมคายได้อย่างง่ายๆ คิเอ็นจิลุกขึ้นจากเตียงฝั่งของตัวเองและเดินไปนั่งลงใกล้ๆเลนยะ

                        แกยังเจ็บแผลอยู่อีกรึเปล่าหมอผีสาวถามหมาป่าหนุ่มที่มานั่งใกล้ๆตัวเอง ดวงตาสีน้ำเงินสอดส่องดูรอยแผลภายใต้ปลอกคออาคม คิเอ็นเบิกตาขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ เจ้า...รู้ งั้นเหรอ

                ร่างสูงในชุดนอนแขนยาวถูมือตัวเองเพื่อเพิ่มความอบอุ่นของร่างกาย เกือบตายขนาดนั้น ถ้าไม่ได้พลังอสูรแกมาช่วยฉันคงม่องเท่งไปนานแล้วเลนยะว่า ก่อนจะหันไปดึงผ้าห่มหนาอุ่นคลุมร่างเล็กที่ยังคงนอนนิ่งไม่รู้ประสีประสา คืนนี้หนาวชะมัดยาดเลยแฮะ

                เด็กสาวหันไปทางคิเอ็นจิที่เงียบไป ก่อนจะตัดสินใจแตะเบาๆเข้าที่ปลอกคอราคาแพงอย่างเบามือ ร่างสูงสะดุ้งเล็กๆพลางตวัดดวงตาสีเทาที่มีกระแสความอ่อนโยนไปทางเลนยะ

                นิ้วมือเรียวของหมอผีสาวดึงปลอกคอลงมาช้าๆ ภาพที่เห็นคือรอยแดงเข้มที่รักษาตัวเองไปบ้างแล้วเหตุเพราะชายหนุ่มเป็นปีศาจ แต่ท่าทางก่อนนี้คงสาหัสพอดู ดวงตาสีน้ำเงินแข็งกร้าวที่แฝงเร้นด้วยความเป็นห่วงชายตรงหน้าเลื่อนขึ้นมองเจ้าตัวที่ตอนนี้เผยยิ้มราวจะละลายใจให้กับเธอ

                        แกรู้มั้ยว่าปลอกคอนี่ได้มาจากไหน

                เลนยะเอ่ยขึ้นเบาๆ นิ้วมือเรียวยังคงสัมผัสบนปลอกคอนิ่ง คิเอ็นจิมองเลนยะในเชิงต้องการคำตอบ ยิ้มปีศาจใต้แสงสลัวจึงแยกขึ้นบนใบหน้าของเด็กสาว ก็แค่ไอ้หมาจรจัดอวดเก่งตัวหนึ่ง

                เจ้าปีศาจแทบจะล้มโครมลงไปกับพื้นเดี๋ยวนั้นเมื่อรู้ว่าปลอกคอที่เขาหลงใส่มาตั้งนานมาจากใคร นี่คุณเธอไม่คิดจะลงแรงซื้ออะไรอย่างเขาเองบ้างเลยหรือ

                        แต่มันเป็นหมาที่เหมือน...เหมือนแกมากจริงๆ

                คิเอ็นจิสะดุดกับคำพูดนั้น นัยน์ตาสีเทากลับมาจดจ่ออยู่ที่เด็กสาวคนสำคัญ เลนยะมองขึ้นบนฟากฟ้าเมื่อยามนึกถึงความหลัง มันเกลียดและไม่เชื่อใจมนุษย์หน้าไหน ต่อให้ตาย มันก็ไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากมนุษย์ หึ ไอ้หมาหยิ่ง เลนยะกล่าวด้วยน้ำเสียงตรงกันข้ามกับคำพูดที่ดูราวกับเหยียดหยามนั้นอย่างสิ้นเชิง มันเป็นน้ำเสียงที่เข้าใจ ยอมรับในการกระทำ จะว่าชื่นชมก็ได้

                        เพราะมันยึดมั่นในสิ่งที่มันเชื่อถือ ไม่เหมือนกับมนุษย์บางคน

                        แม้จะไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีนัก แต่จิตใจของสัตว์เดรัจฉานนี้ก็มีสิ่งที่สำคัญต่อการเดินทางบนเส้นทางสายมนุษย์อยู่

                        ความมั่นคง...เชื่อมั่น....ความหวัง...ความรักและทะนงในศักดิ์ศรี

                        สาเหตุที่มันเป็นแบบนั้น ก็คงเพราะมันถูกทรยศหักหลังจากคนที่มันเชื่อมั่นมากที่สุด การสูญเสียของที่รักและหวงแหนแบบไม่มีทางหวนกลับดวงตาสีน้ำเงินช้อนขึ้นมองที่ปลอกคอหนาและใบหน้าของเจ้าปีศาจซึ่งกำลังคิดถึงอดีตที่ผ่านพ้นมาของตนเช่นกัน มันเลยไม่เชื่อใจใครอีก เพราะมัน ไม่อยากจะเจ็บปวดอีก...

                        ใช่ไหม ไอ้ลูกหมา

                ทว่าไม่มีเสียงตอบกลับจากหมาป่าหนุ่ม ในดวงตาสีเงินแวววาบด้วยความรู้สึกที่ผ่านล่วงเลยมานานนับพันปีสะสมตนจนเต็มก้นบึ้งจิตใจ ตะกอนที่เคยถูกปล่อยไว้รอการแหลกสลายได้ลอยขึ้นหล่อเลี้ยงจิตใจที่ด้านชา สติของเจ้าปีศาจคิดใคร่ครวญเรื่องราวต่างๆเงียบๆ

                        ชีวิต....ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อสิ่งเดียว

                        หน้าที่...ที่หนักหนาสาหัส...จำต้องแบกรับอย่าไม่อาจต่อต้าน

                        บางที จิตใจที่ไร้ความรู้สึกนี้ ก็อยากได้ทำตามที่ต้องการและปรารถนาบ้าง

                        ต้องการ...และปรารถนา

                        หมับ

                มือใหญ่ที่เคยทอดกายบนฟูกสีขาวยกขึ้นจับมือเล็กของเด็กสาวเบาๆ ใบหน้ารูปสลักที่เคยดูนิ่งเฉยเย็นชาอย่างที่เคยพบคราวแรก บัดนี้มันคือใบหน้าของคนที่มีชีวิตและจิตใจเป็นของตัวเอง ดวงตาสีเทาแผ่ความรู้สึกมากมายในใจมายังร่างของเลนยะ คิเอ็นจิยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้เลนยะมากเรื่อยๆ ร่างบางถูกโอบกอดเข้าชิดอกแกร่งด้วยสัมผัสนุ่มนวล

                        ก่อนนี้ข้าเคยคิดว่าข้าทำได้เพียงสิ่งเดียว คิดได้เพื่อสิ่งเดียว คือหน้าที่ ข้าเกิดมาเพื่อจะทำแค่หน้าที่เท่านั้นเสียงทุ้มต่ำข้างหูเอ่ยน้ำเสียงที่เร้นแฝงด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจซ่อน คนที่ถูกกอดยังนิ่งรอฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่ชายหนุ่มต้องการบอก

                        ข้าไม่เคยให้ใครเข้าใกล้ เพราะข้าไม่อยากให้ใครมาทำลายสิ่งที่ข้าต้องการรักษามันเอาไว้ ...ความโดดเดี่ยวที่ข้าแสนเกลียดชังอ้อมกอดถูกกระชับแน่นขึ้น เลนยะหลับตาลงฟังเสียงหัวใจของหมาป่าหนุ่มที่เต้น     ในทุกชั่วขณะลมหายใจ แต่เมื่อเวลาได้เปลี่ยนไป ความคิดของข้าก็ได้เปลี่ยนไปด้วย หัวใจของข้าก็เป็นก้อนเนื้อธรรมดาๆที่มีความต้องการเหมือนกัน

                ดวงตาสีเทาเปล่งประกายแวววาวสะท้อนท่ามกลางความมืด มือใหญ่บรรจงจับที่ใบหน้าของเด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาที่มองเขาอย่างไร้ความหวาดกลัว หมาป่าหนุ่มเอ่ยเบาๆข้างหูของหมอผีสาวเมื่อแน่แก่ใจจนไม่อาจหลบหนีความปรารถนาในใจของตัวเอง

                        ข้า...

                        แง๊...งง......งงงงงงง...!!!”

                เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งทั้งหมด ดวงตาทั้งสองคู่ที่สบกันตวัดฉับมาทางต้นเสียงร้องไห้อย่างหนักแทบจะในทันที ร่างเล็กแหกปากลั่นโดยไร้ที่มาของความไม่พึงพอใจ น้ำตาใสๆไหลพรูออกจากเปลือกตาที่ปิดสนิท เลนยะถอนหายใจเบาๆ

                        ฝันร้าย...

                        ป่ะป๋า..~~~หม่าม้า!!!!”

                เสียงร้องลั่นบ้านทำให้ทั้งสองต้องผละจากภวังค์ไปยังร่างเล็กเจ้าปัญหา คิเอ็นจิอุ้มลูกชายขึ้นอย่างเบาๆ มือเล็กกำเสื้อสีขาวสะอาดตาแน่นจนข้อขาว ดูท่าความฝันนี้จะรุนแรงมากทีเดียว

                        ไหนลองให้ฉันอุ้มซิ

                เสียงจากเลนยะทำให้คิเอ็นจิต้องมองด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะส่งเด็กน้อยที่สั่นเทาด้วยความหวาดกลัวแม้ในยามนิทราให้แก่เด็กสาวผู้รังเกียจเด็ก

                        โอ่...โอ...หลับซะนะคนดีดนตรีที่เริ่มในลำคอดังขึ้นเรื่อยๆข้างหูเล็กๆ มือที่พันผ้าพันแผลของเด็กสาวลูบบนหลังของเด็กชาย ต้นหญ้าเขียวยังอยู่ข้าง...รั้ว..รอเจ้าไป..เก็บ ดอกไม้หลากสี...ย...ยังเบ่งบานอยู่ในสวนเฝ้ารอ..เจ้าไปชม.... เพลงที่ติดๆขัดยังคงดังอยู่เรื่อยๆ เสียงร้องเริ่มเหลือแค่เสียงสะอึกสะอื้น นิ้วหัวแม่มือขวาที่พันมิดด้วยผ้าสีขาวถูกดูดในปากสีชมพูได้รูปนั้น

                เจ้าปีศาจยังเฝ้ามองการกล่อมที่จัดได้ว่าแย่ของแม่มือใหม่ ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบไปมองข้างบนบ้าง ล่างบ้าง ซ้ายบ้างราวกับเนื้อร้องของเพลงกล่อมนี้เป็นตุ๊กแกที่ติดอยู่ตามข้างฝาผนัง ดูนั่นเห็นไหม..ปุยเมฆขาวๆ..ล่องลอยบนฟ้าสีคราม ด...ดวงอาทิตย์ยิ้มแฉ่งแดงสดใส..เหมือนลูกกวาด..รสหอมหวาน

                        จูงมือกันแล้วร้องเพลง..วิ่งวนกันท่ามกลางสายลม แสงแดดอบอุ่น..ยังสาดส่อง ยังรอเจ้าไปชื่นชม..หลับเสียนะคนดี...เด็กสาวเริ่มตัดปัญหาจำเนื้อไม่ได้ด้วยการฮัมเพลงซ้ำไปซ้ำมา แต่ทว่าร่างน้อยเริ่มคลี่ยิ้มน่ารักออก เสียงสะอึกสะอื้นทั้งมวลหายไปแล้ว ใบหน้าของเด็กน้อยดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด

                            ความมืดที่ปกคลุมนั้น...มันหายไปแล้ว...

                            มีแสงสว่างส่องขึ้นมา...มือหนึ่งยื่นเข้ามาจากแสงนั้น....

                            มือนั้น...แสนอบอุ่นอ่อนโยน...มือ....ของหม่าม้า...

                            ..ไม่....ไม่เหงาอีกแล้ว...

                หมาป่าหนุ่มรับร่างเล็กที่กรนฟี้ๆมาวางบนเตียงอีกรอบ ผ้านุ่มอุ่นถูกดึงขึ้นคลุมร่างทารกชาย ดวงตาคมยังคงจดจ่ออยู่ที่หมอผีสาวที่เหงื่อโชกโทรมกายราวกับไปวิ่งร้อยเมตรมาสามสิบรอบ เพลงกล่อมเด็ก..งั้นเหรอ..

                        แล้วแกได้ยินเป็นเพลงงานศพใครล่ะ ไอ้ลูกหมาเลนยะโต้อย่างหัวเสียเมื่อเจ้าปีศาจยังมีความสุขกับการมองเธออับสิ้นหนทาง ร่างสูงบางสูดหายใจเข้าอย่างลึกๆก่อนพูด สมัยก่อนพ่อชอบร้องให้ฟัง โยชิฮาระก็ชอบร้องเวลาฉันนอนไม่หลับ เห็นบอกว่าเพลงนี้แต่งตอนที่แม่แต่งงานกับพ่อ จะเอาไว้ร้องเวลาได้ลูกสาว...เฮ้ออ..จริงๆมันยาวกว่านี้นะ แต่มันก็ตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว

                คิเอ็นจินึกอยากชื่นชมมาซาโกะแม่ของเลนยะจริงๆเพราะเธอทำทุกอย่างเตรียมไว้เพื่อเลนยะ แม้ว่าหญิงสาวไม่มีโอกาสแม้กระทั่งได้ยินคำว่า แม่ จากปากของเลนยะผู้เป็นลูกสาว แต่ทุกอย่างที่เธอทำก็เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าความรักที่เธอมีให้ไม่ได้น้อยกว่าแม่คนใดเลย

                        แล้วเมื่อกี้...แกจะพูดอะไร ไอ้ลูกหมา

                คำถามจากหมอผีสาวทำให้ร่างสูงสง่าบนเตียงสะดุ้งเฮือก ใบหน้ารูปสลักรีบเบนออกไปจากระดับสายตาของเลนยะเมื่อมันเริ่มมีสีแดงเรื่อ เอาไว้ถ้าข้าแน่ใจกว่านี้..ข้าจะบอกเจ้า ดวงตาสีเทาเปลี่ยนจุดสนใจไปหาลูกชายทันที ทั้งที่เรื่องจะให้แน่ใจนั้น

                        เขาแน่ใจ...มาตั้งนานแล้ว

                        ความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้หมอผีสาว

                        แต่ที่ข้าอยากรู้ คือความรู้สึกของเจ้าต่างหากเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นช้าๆ มือใหญ่จับปลอกคอที่พันธนาการทุกสิ่งทุกอย่างของเขาไว้กับเธอ เขาทนไม่ได้จริงๆถ้ามันจะขาดออกไปจากเขา เจ้าคิดยังไง...กับข้า...เลนยะ

                ไม่มีคำตอบจากเด็กสาวทายาทตระกูลต้องคำสาป หมาป่าหนุ่มก้มหน้านิ่งพยายามรอสิ่งที่เลนยะจะเอ่ยจากปากของเธอเอง แต่ทว่า..

                        คร่อกกกกกกกกกกกก....

                        เสียงกรนของเจ้าตัวเล็กรึ....ไม่ใช่

                        หรือว่า.........!!

                ใบหน้าคมคายรีบหันไปทางคู่กรณีที่เงียบไร้สาเหตุเร็วเท่าความคิด ภาพที่นัยน์ตาสีเทาเห็นคือเด็กสาวในชุดนอนแขนยาวซึ่งหลับเหมือนตายอยู่บนฟูกหนาข้างๆลูกชายที่นอนไม่รู้สึกรู้สาอะไรพอๆกัน คิเอ็นจิอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าไปครู่หนึ่ง

                        ยัยนี่หลับไปตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย..

                คิเอ็นจิทอดถอนใจอย่างปลงๆ ชายหนุ่มดึงผ้ามาคลุมทั้งแม่ทั้งลูกที่หนีเข้าเมืองนิทรา ทิ้งเขาเอาไว้กับค่ำคืนที่เหงาหงอยนี้เพียงลำพัง เจ้าปีศาจส่ายหัวให้กับพันธุกรรมไหลตายของหมอผีสาวที่ถ่ายทอดมายังลูกน้อยแบบไม่มีตกหล่นสักนิดเดียว

                นิ้วเรียวสวยสีขาวสะอาดเกลี่ยเส้นผมยุ่งๆสีน้ำตาลที่บังใบหน้าที่ไม่จัดว่าสวยหรือขี้เหร่ออกไป หมาป่าหนุ่มยิ้มอบอุ่นให้กับภรรยาสาวซึ่งเขาก็รู้ดีว่าเธอคงไม่รับรู้อะไรหลังจากนี้อีกแล้ว แล้วข้าจะมาทวงคำตอบนะ โซเคนโย เลนยะ

                คิเอ็นจิดับเทียนบนโต๊ะเล็กๆข้างเตียงลงจนทั้งห้องมืดมิดไร้แสงสว่าง แผ่นหลังกว้างเอนลงบนเตียงที่คับแคบก่อนจะพริ้มหลับ ปล่อยตัวเองให้ดิ่งลงสู่ห้วงนิทรา โดยไม่รู้ถึงดวงตาสีน้ำเงินที่ยังคงลืมอยู่ท่ามกลางความมืดมิดที่กินพื้นที่ทั้งห้องนอน

                        แกอยากรู้จริงๆรึไงวะ...ไอ้ลูกหมาเสียงเบาหวิวราวขนนกถูกกลบด้วยเสียงบรรดาสรรพสัตว์ยามราตรีจนหมดสิ้น ความรู้สึก...ของฉันน่ะ

                ดวงจันทร์เสี้ยวทอประกายแสงจันทร์อันริบหรี่เป็นเส้นไหมทองที่ถักประดับท้องฟ้าอันมืดมนให้มีมนต์ขลัง หมู่ดวงดาวแวววาวราวกับอยากบ่งบอกความนัยของมันให้ถ้วนทั่วทุกชีวิตได้รับรู้ หากแต่มันพูดได้

                 คืนนี้มันเพิ่งเริ่มต้นต่างหาก ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เจ้าต้องเผชิญในเช้าถัดไป

                 รุ่งเช้าแห่งการเลี้ยงลูกชายจอมจุ้นใกล้เข้ามาแล้ว

               

               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×