คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Mom&Dad 6 : จงรู้ซึ้งถึงวิบากกรรม (Rewrited)
จ๊วบๆๆๆๆๆ....
“เฮ้ยย ใจเย็นๆสิวะ เดี๋ยวก็สำลักตายกันพอดี”
คุณแม่เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินดุลูกชายวัยกำลังน่ารักบนตักของตนเองโหวกเหวกเมื่อทารกน้อยเอาแต่ดูดนมในขวดนมไม่เลิก จนไม่สนใจที่จะหายใจเข้าหายใจออก คิเอ็นจิมองไปรอบๆก็เห็นแต่ชาวญี่ปุ่นทั้งหลายที่เฝ้ามองพฤติกรรมการเลี้ยงบุตรแปลกๆของหมอผีสาวเป็นตาเดียว ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มซีดด้วยเพราะอายแทน
นี่เหรอ ที่บอกว่าไม่อยากเป็นจุดเด่น
เด็กน้อยในอ้อมแขนที่เพิ่งดื่มนมเสร็จเริ่มหายใจเข้าลึกๆอย่างลำบากเมื่อตัวเองเล่นซัดนมด้วยความหิวจัดแบบลืมเดือนลืมตะวัน เลนยะหยิบขวดนมขึ้นวางบนโต๊ะศูนย์อาหารห้างฮาราชิ พลางมองลูกชายซึ่งขณะนี้ทำหน้าไม่สู้ดีนัก
“เป็นอะไรไป” เสียงเหี้ยมจากร่างบางถามเด็กน้อย ซึ่งต่อให้เป็นใครก็ไม่อยากตอบคำถามเป็นแน่ ดวงตาสองสีที่มีแววเว้าวอนน้ำตาคลอเบ้าเบนไปทางพ่อของตัวเองที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“อาจจะท้องอืดก็ได้นะขอรับ”
โยชิฮาระเอ่ยขึ้นเมื่อเดาอาการออก เลนยะขมวดคิ้วเมื่อผีประจำกายเริ่มทำตัวเป็นพี่เลี้ยงเด็กอีกแล้ว เพราะโยชิฮาระนี่กระมังทำให้เกิดเรื่อง ซามูไรพ่อลูกอ่อน ขึ้นมา
“ท้องอืดรึ” ปีศาจพ่อหมาหันไปถามโยชิฮาระ วิญญาณซามูไรพยักหน้าก่อนว่าต่อพลางยิ้มพอใจที่ได้ถ่ายทอดความรู้กุมารเวชแก่เจ้าปีศาจ “ใช่แล้วขอรับ เพราะเวลาเด็กดื่มนมจะมีลมเข้าไปด้วย ถ้าไม่ช่วยให้อาการดีขึ้นจะแน่นท้อง ท้องอืดและร้องไห้โยเย ตอนเด็กๆท่านเลนยะก็เป็นอยู่บ่อยๆนะขอรับ ท่านทั้งสองนี่มีอะไรเหมือนกันเยอะนะขอรับ” สิ้นคำ ทาโร่มองเลนยะกับเจ้าหนูน้อยที่ทำหน้าเหมือนลูกหมาป่วยสลับกันไปมา
ไอ้เหมือนตอนนี้น่ะ ไม่ว่าอะไรหรอก
แต่ถ้าโตขึ้นไปแล้วเหมือนแม่ล่ะก็ น่าสงสารแย่เลย
หมับ
แต่แล้วการนินทาในใจของผีน้อยก็ต้องถูกลบออกไปจากสมองแทบจะในทันทีเมื่อหมาป่าหนุ่มอุ้มร่างเล็กขึ้นมาชิดอกกว้างอุ่นๆและวางเด็กน้อยพาดไหล่ของตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลาซบลงบนผมนุ่มๆฟูๆ ก่อนที่มือใหญ่จะลูบบนแผ่นหลังเล็กๆของลูกชายอย่างเบามือ
เลนยะจ้องการกระทำที่อ่อนโยนของคิเอ็นจิตาไม่กระพริบ นัยน์ตาสีเทาอัญมณีเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อ่อนโยนคล้ายกับที่มักแสดงออกมาเวลาเขาสบตากับเธอ คล้ายกับดวงตาของไคเอ็นจิ ริมฝีปากเรียวได้รูปของเจ้าปีศาจกระซิบแผ่วเบาใกล้ๆใบหูของลูกชาย ร่างเล็กๆขยับตัวเล็กน้อยด้วยความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย
“เอิ้ก~~~~ก”
เสียงเรอใสแจ๋วดังขึ้นทำลายบรรยากาศซาบซึ้งนั้น ใบหน้าของลูกหมาตัวน้อยดูมีชีวิตชีวาและน่ารักน่าหยิกเหมือนเดิม ดวงตากลมโตมองบิดาของตนด้วยความรัก มือเล็กๆเกาะกอดร่างใหญ่แน่น จนทุกชีวิตอดขำอย่างเอ็นดูไม่ได้
“ทำได้ไง” หมาป่าหนุ่มหันไปทางเจ้าของคำถามซึ่งยังอึ้งกับการกระทำเมื่อครู่ คิเอ็นจิตอบในขณะที่ลูบผมนุ่มๆเหมือนขนลูกหมาของทารก “จำๆเขามา”
“เขาน่ะใคร” เสียงของเลนยะเริ่มเข้มขึ้นเมื่อคิเอ็นจิเริ่มเฉไปหาบุคคลที่สามในเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กๆแบบนี้ ผีทั้งสองเริ่มขยิบตาให้กันอย่างรู้ทัน
นี่แหละน้า ความรู้สึกลูกผู้หญิง
เจ้าปีศาจรูปงามขยับยิ้มมุมปาก พลางมองเด็กสาวที่เริ่มอารมณ์ขึ้น “ในป่ากักปีศาจก่อนนี้มีปีศาจมากมายที่คลอดลูกและเลี้ยงดูลูกแบบนี้ ข้าก็พอรู้มาบ้าง แม้ว่าไม่ได้ตั้งใจศึกษานักก็เถอะ” เสียงทุ้มต่ำกล่าว ดวงตาสีเทาหรี่มองเด็กสาวอย่างจับพิรุธ “กลัวข้าจะมีลูกมาก่อนรึไง” “.....”
เลนยะเลือกที่จะโต้ตอบด้วยความเงียบเพราะถ้าพูดอะไรมากไปกว่านี้ก็จี้ใจดำตัวเองซะเปล่าๆ ทาโร่แทบกระโดดเต้นด้วยความสะใจเมื่อเห็นหมอผีสาวจอมเจ้าเล่ห์สิ้นท่า คิเอ็นจิยิ้มบางๆก่อนจะดึงลูกชายลงมานั่งบนตักเมื่อเจ้าตัวเล็กเริ่มอยู่ไม่สุก
ตุบ!
“เจ้าตัวเล็ก!!”
เสียงของทั้งคนทั้งผีประสานกันทันทีเมื่อเด็กน้อยที่อยู่บนตักคิเอ็นจิอยู่ดีๆก็กระโดดลงพื้นอย่างเหมาะเจาะ แล้ววิ่งปรู๊ดไปท่ามกลางศูนย์อาหารกว้างใหญ่ที่แออัดไปด้วยผู้คน
“ไอ้เด็กบ้า แกจะไปไหน!!” เลนยะตะโกนลั่นเมื่อเด็กชายวิ่งหายไปในกลุ่มคนหนาแน่น คิเอ็นจิหันไปรอบทิศพร้อมทั้งอาศัยดมกลิ่นไปด้วย แต่เพราะมีคนมากมายทำให้หาได้ยากมากขึ้น เลนยะสะบัดหน้าเข้ามาหาวิญญาณทั้งสองที่ลอยหาเด็กน้อยอยู่ “โยชิฮาระ แกไปหาทางขวา ทาโร่แกไปทางซ้าย ฉันกับไอ้ลูกหมาจะไปตรงกลางเอง”
สิ้นเสียงคำสั่งที่แฝงไปด้วยความหวั่นวิตก เด็กสาวกับหมาป่าหนุ่มก็วิ่งฝ่าฝูงชนไปตรงกลางแทบในทันที ดวงตาสีน้ำเงินสาดส่องไปทั่วเพื่อมองหาเด็กน้อย
“ว่าแล้วเชียวว่าต้องเกิดเรื่องซวยขึ้น เซ็งจริงๆเลยโว้ย”
หมอผีสาวคำรามกับตัวเองเมื่อตนเองมองหาลูกชายไม่เห็น มือของเด็กสาวกำหมัดแน่นจนสั่นระริก ชุดที่พะรุงพะรังถูกดึงอย่างหัวเสียจนเหลือแค่ชุดไปรเวทธรรมดาที่สวมใส่อยู่ภายใน ร่างบางโชกเหงื่อหายใจหอบรัว ความหวาดหวั่นและเป็นห่วงเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเลนยะ
หมับ
“ทางนี้เลนยะ ข้าได้กลิ่น” เสียงทุ้มต่ำกล่าวขึ้นกับเด็กสาว หมาป่าหนุ่มบีบมือของเด็กสาวแน่นส่งความอบอุ่นไปให้และดึงร่างสูงฝ่ากลุ่มคนไปตามทิศทางที่เด็กน้อยอยู่
หมาป่าหนุ่มเพ่งนัยน์ตาสีเทาคู่สวยไปข้างหน้าตามทางที่มีกลิ่นของลูกชาย ร่างสูงชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเพิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นของบุคคลที่อยู่ใกล้ๆกับเด็กน้อยอย่างมาก เจ้าปีศาจรีบหันไปเตือนเลนยะ แต่ว่า ไม่ทันแล้ว...
เรื่องซวยเกิดขึ้นจริงๆ
“ปล่อยนะเจ้าหนู!!”
ชายหนุ่มวัยใกล้เคียงกับเลนยะเจ้าของกรอบแว่นหนาและเด็กเรียนดีเด่นแห่งสายชั้นโรงเรียนโยโคกำลังงัดทุกกระบวนท่าในการดึงร่างเล็กในชุดสีขาวหลวมๆออกจากเสื้อสีฟ้าซึ่งดูสะอาดเรียบร้อยของเขา ผมสีดำยุ่งเหยิงเพราะมือเล็กของทารกน้อยทายาทโซเคนโย แต่ใบหน้าของผู้กระทำการยังดูสนุกสนานไม่เดือดไม่ร้อน
วิญญาณหญิงสาวผู้ลอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆต่างทำหน้าระอาใจเมื่อร่างโปร่งใสของเธอรู้สึกได้ถึงสายตาคนหลายสิบที่มองทะลุร่างเธอไปยังชายหนุ่มคนสำคัญซึ่งยังคงดึงเด็กชายจากร่างกายไม่ออก นัยน์ตาสีงาช้างช้อนขึ้นมามองอาคันตุกะผู้มาใหม่ซึ่งยืนจังก้าอยู่สองร่าง พลางเลิกคิ้วขึ้นสูง “ท่านคิเอ็นจิ...และ...เจ้า” อาเคเดะก้มหัวลงเคารพเมื่อเอ่ยชื่อชายหนุ่ม ก่อนจะมองเลนยะด้วยหางตา
“ข้ามา....ขอเด็กคืน” คิเอ็นจิกล่าวอย่างไม่รู้จะแต่งประโยคยังไงให้ดูสวยหรูไปกว่านี้ เพราะเจ้าเด็กที่ว่ายังคงซนแสบเกาะชายโครงซานาดะไว้มั่น
ร่างใหญ่สง่าของคิเอ็นจิย่อลงก่อนจะจับตัวลูกชายอย่างเบาๆ เด็กน้อยทำหน้าเบะ น้ำตาใสๆเริ่มคลอเบ้าตา หมาป่าหนุ่มส่ายหัวช้าๆ พลางส่งสายตาดุเล็กน้อยไปให้ลูกชายซึ่งให้ผลได้ดีกว่าการห้ามปราม
มือน้อยที่ขยำเสื้อของซานาดะแน่นปล่อยจากของเล่นอันน่าสนุกอย่างเสียดาย ก่อนที่จะโผเข้าหาพ่อหมาของตนเอง เลนยะถอนหายใจด้วยความเหนื่อย ดวงตาสีน้ำเงินตวัดฉับไปที่ลูกชายแทบจะในทันที “ทีหลังถ้าแกทำอะไรแบบนี้อีกล่ะก็ ฉันจะอัดแกซะ ไอ้เด็กบ้า” เด็กน้อยในอ้อมแขนคิเอ็นจิทำหน้าเศร้าหมองลงทันทีเมื่อโดนป๊ะป๊ากับหม่าม้าดุ
“เธอไปมีเจ้านี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลยล่ะ”
คำถามนิ่มๆที่ส่งออกมาทำเอาเลนยะและคิเอ็นจิรู้สึกเหมือนตัวเองโดนฟันเข้าด้วยง้าวเอาจริงๆ เลนยะหันไปทางชายหนุ่มดวงตาสีดำที่เพิ่งได้รับอิสรภาพจากหลานชายตัวเองไม่นานนี้ “แกพล่ามอะไรของแก ไอ้ท่ามาก”
“ก็เห็นว่าไม่กี่เดือนมานี้เธอดูแปลกๆ ที่แท้ก็เรื่องนี้” ซานาดะพูดพลางมองเด็กน้อยที่มองเขาตาใสแป๋ว “นิสัยบ้าดีเดือดเหมือนเธอเด๊ะ”
ทั้งพ่อเด็กและแม่เด็กเริ่มตัวแข็งขึ้นช้าๆเพราะถูกชายหนุ่มผู้ใช้นามโซเคนโยเช่นเดียวกับเลนยะต้อนให้จนมุมเล่นๆ ซานาดะขยับกรอบแว่นขึ้นบนดั้งจมูกก่อนว่าต่อ “ไม่ไหวเลยนะเธอเนี่ย ตั้งท้องตั้งแต่อายุสิบหกปี อย่างที่เขาว่าล่ะนะ ชายหนุ่มหญิงสาวอยู่บ้านเดียวกัน ตลอด24 ชั่วโมง บรรยากาศมันพาไปถึงไหนต่อไหนได้อยู่แล้วนี่นะ”
กร๊อกกก..(เสียงนิ้วเลนยะ)
“แล้วจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ล่ะ”
โครมมมมม
“ตายซะเถอะ ไอ้ท่ามาก!!”
หมัดขวาของเลนยะพุ่งตัดอากาศอย่างแรงเฉี่ยวเข้าที่หัวคิ้วของลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งมันเกือบจะทำให้เขาไม่สามารถไปงานแต่งงานของเธอกับเจ้าปีศาจหนุ่มได้ถ้าเขาหลบไม่ทัน โต๊ะศูนย์อาหารถูกถีบลงบนพื้นห้างอย่างแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องของคนรอบๆ ซานาดะเอี้ยวตัวหลบเลนยะอย่างว่องไวเมื่อญาติสาวท่าทางเอาจริง
วิญญาณทั้งสองที่ลอยกลับมารีบลอยผ่านร่างญี่ปุ่นมุงทั้งหลายเข้ามาใกล้ๆสถานที่เกิดเหตุ คิเอ็นจิทำหน้านิ่งมองภรรยาเลือดร้อนอย่างปลงๆ ส่วนลูกชายในอ้อมแขนตบมือเชียร์หม่าม้าอย่างสนุกสนาน
“ไม่ไปห้ามหน่อยเหรอขอรับท่านคิเอ็นจิ” โยชิฮาระเอ่ยถามปีศาจหนุ่มในร่างมนุษย์อย่างมีความหวัง แต่ทว่าหมาป่าหนุ่มส่ายใบหน้าคมคายของตนช้าๆ ดวงตาสีเทายังมองที่การต่อสู้อันสูสีแบบเรียบเฉย “มันเรื่องในครอบครัวเขา ข้าไม่อยากยุ่ง”
ร่างสูงหมุนตัวไปข้างหลังก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไป ทาโร่มองเลนยะที่เลือดขึ้นหน้าไม่ฟังอะไรอย่างหวั่นๆ แถมคิเอ็นจิก็ไม่สนใจห้าม สงสัยก่อนจะได้จัดงานแต่งคงต้องมีงานศพซานาดะก่อนเนี่ยแหละ
“แต่ตอนนี้คิเอ็นจิก็เป็นครอบครัวเดียวกับเลนยะแล้วนี่ฮะ”
กึก
เสียงฝีเท้าที่ก้าวอย่างสม่ำเสมออยู่ๆก็ชะงักค้าง เนตรคู่งามตวัดไปหาทาโร่ ใบหน้าที่เรียบเฉยตะลึงงัน
“เจ้าหนูคนนั้นเป็นลูกของเลนยะกับคิเอ็นจิไม่ใช่เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเป็นโซ่ที่คล้องคิเอ็นจิเข้าไว้กับเลนยะ แปลว่าคิเอ็นจิกับเลนยะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วอย่างสมบูรณ์” ผีน้อยกล่าวขึ้น เรียกให้ร่างสูงสง่ามองทารกในอกเหมือนกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ดวงตาสีน้ำเงินของเด็กน้อยจะว่าไปแล้วก็ราวกับเป็นดวงตาดวงเดียวกันกับเลนยะผู้เป็นแม่ไม่มีผิดเพี้ยน หัวคิ้วเข้มของคิเอ็นจิเริ่มผูกกัน
ครอบครัว...งั้นรึ
ผลั่ก!!
โครม!!
“หึ...ลาก่อน ไอ้ท่ามาก”
หมัดสังหารที่ง้างสุดแขนของเลนยะซึ่งยังค้างอยู่กลางอากาศพุ่งเข้าหาดวงหน้าของซานาดะอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาถูกกดลงพื้นด้วยกำลังมหาศาลจนเหมือนเป็นอัมพาต ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงรออาการบาดเจ็บสาหัสที่กำลังจะเกิดในอีกไม่กี่เสี้ยววินาที
หมับ
“พอซะทีเลนยะ”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ดวงตาสีน้ำเงินของเลนยะค่อยๆเลื่อนไปที่หมัดของตนเองที่ห่างจากใบหน้าของซานาดะเพียงไม่กี่เซนติเมตร มันถูกรั้งไว้ด้วยมือใหญ่อบอุ่นของหมาป่าหนุ่ม เส้นผมสีดำปลิวสยายสะท้อนกับแสงไฟในห้างสรรพสินค้า โดยมืออีกข้างของเจ้าปีศาจรวบเด็กน้อยเอาไว้ชิดกาย
“กลับบ้าน” คำพูดในเชิงห้ามปรามทำให้เลนยะค่อยๆดึงหมัดของตนเองออก เด็กสาวค่อยๆยืนขึ้นพลางปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า ทาโร่รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ผ่อนออกมาด้วยความโล่งอกของประชาชนตาดำๆที่อยู่รายล้อม ซานาดะดึงแว่นที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาเช็ดเบาๆก่อนจะดันมันขึ้นอยู่บนจมูก
ฟุ่บ
มือที่พันมิดด้วยผ้าพันแผลของเด็กสาวยืนเข้าไปใกล้ๆหน้าของญาติหนุ่มของญาติหนุ่มอีกครา อาเคเดะมองเลนยะอย่างไม่วางใจนัก ซานาดะจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำเงิน ก่อนจะยื่นมือจับมือญาติสาวพลางดึงตัวขึ้นยืน โดยไม่รู้ถึงรอยยิ้มปีศาจที่แสยะให้เขาเลย
โครม!!
“ยัยบ้า ทำอะไรของเธอ!”
ทาโร่ที่อุตส่าห์คิดว่าเรื่องมันหันเหไปในทางที่ดีแล้วแว้ดใส่เด็กสาวอย่าหมดความอดทน คนที่เป็นแม่คนกอดอกขึ้นพลางเหยียดยิ้มมองซานาดะที่ล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปบนพื้นแข็งๆอีกครั้งเหตุก็เพราะเธอเองนี่แหละที่ปล่อยมือ เลนยะหุบยิ้มปีศาจก่อนหันไปทางบรรพบุรุษสาวที่ทำหน้าเหมือนอยากฆ่าเธอทิ้งเสียถ้าทำได้
“แปลกใจอะไรกัน ในเมื่อไอ้ลูกหมาอยากให้ฉันลดโทษให้ ฉันก็ลดให้แล้ว เจ็บแค่นี้มันไม่ตายหรอก อย่ามาทำสำออยเลยน่า” คำพูดที่ตอบกลับมาบ่งบอกถึงนิสัยอันแสนดีของเด็กสาวได้เป็นอย่างดี คิเอ็นจิเริ่มรู้สึกผิดที่ตัวเองกลายมาเป็น 1 ในเครื่องมือแก้แค้นของเลนยะโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ร่างสูงเพรียวกลับหลังหันให้ร่างของญาติที่เหลืออยู่ซึ่งแอ้งแม้งอยู่บนพื้นห้างแบบไม่ใยดี เลนยะดึงลูกชายมาอุ้มเอาไว้เอง พลางหันไปสั่งการกับปีศาจและวิญญาณ “ยืนบื้อหาพระแสงอะไรอยู่อีกล่ะวะ กลับบ้านไง”
คิเอ็นจิ โยชิฮาระ และทาโร่มองคุณแม่จอมโหดเป็นตาเดียว ก่อนจะเดินตามเลนยะไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่ทั้งหมดก็ต้องสะดุดและหันไปทางต้นเสียงที่พยุงร่างกายขึ้นจากพื้นอย่างลำบาก
“ฉันไปด้วย” เสียงของซานาดะทำให้เลนยะเลิกคิ้วขึ้นสูง “เพราะฉันต้องไปต่อรถแถวบ้านเธอ กลับด้วยกันเนี่ยแหละ” ทาโร่มองเด็กหนุ่มดวงตาสีดำสนิทอย่างอึ้งๆ
ยังไม่เข็ดอีกรึไงนะ
“ก็ตามใจแกนะ ไอ้ท่ามาก”
หมอผีสาวเหยียดยิ้มที่ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนถูกจับกดลงในบ่อยาพิษให้แก่ญาติหนุ่มที่รักที่อุตส่าห์อยากติดตามเธอไปหาจุดจบมรณะด้วยกัน ทั้งปีศาจทั้งผีเริ่มห่วงความปลอดภัยของซานาดะซะแล้วที่อยากเล่นพิเรนทร์ไปยุ่มย่ามกับปีศาจในร่างเด็กผู้หญิงอย่างเลนยะ
“คิกคิกคิก เอิ้กๆๆๆ”
“พอแล้วน่าเจ้าหนู”
ร่างเล็กที่ได้รับอิสระในการเล่นหัวลุงได้ตามสบายหัวเราะอย่างสนุกสนาน พลางยีเส้นผมที่หวีอย่างเรียบร้อยให้ยุงเหยิงเหมือนผมของตัวเอง เลนยะมองลูกชายอย่างไม่เข้าใจ “พิศวาสอะไรกะหัวมันนักหนาหาไอ้เด็กบ้า อยากท่ามากเหมือนมันรึไง”
เด็กชายยังคงเล่นกับของเล่นชิ้นเก่าของตัวเองต่อโดยไม่สนใจหมอผีสาวสักนิด จนเลนยะบุ้ยหน้าอย่างเบื่อๆเมื่อหาเรื่องใครไม่ได้ อาเคเดะที่ตามมามองทารกน้อยน่ารักด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะเปลี่ยนมามองแม่ของเด็กด้วยสายตาอีกแบบหนึ่ง “ไม่มีชื่อหรอกหรือ?”
เลนยะเบิกตามองวิญญาณสาว พลางว่า ”อืม..จริงสิ ฉันก็ยังไม่ได้ตั้งชื่อให้มันเลยแฮะ”
เด็กสาวเดินทำท่าชันคางใช้ความคิด ก่อนจะปิ๊งไอเดีย “ชื่อ ยาสึฮิโระ ดีมะ”
อาเคเดะพ่นลมออกทางจมูกเมื่อเลนยะเบนมาหาเรื่องเธอเพื่อความสนุกแทน ผีสาวลอยเข้าไปหาเจ้าปีศาจที่เดินอย่างเงียบกริบมาตั้งแต่ออกจากห้างฮาราชิท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย ที่มีทั้งมองเลนยะอย่างหวาดกลัว และมองเขาเองแบบคลั่งไคล้หลงใหล
“ท่านคิดชื่อให้ลูกชายของท่านรึยังเจ้าคะ ท่านคิเอ็นจิ” เสียงอ่อนหวานปนเคารพนับถือเอ่ยขึ้นถามเจ้าปีศาจผู้สูงศักดิ์กว่า คิเอ็นจิหลุบดวงตาสีเทาคู่สวยลงช้าๆ
“ข้าเองก็ยังไม่ได้คิด”
คิเอ็นจิกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงปกติของตน แต่ทว่าในดวงตาสีเทาเกิดประกายขึ้นมานิดหน่อยเมื่อคิดถึงการตั้งชื่อลูกชาย อาเคเดะยิ้มบางๆให้แก่เจ้าปีศาจ “การตั้งชื่อเป็นสิ่งที่สำคัญมากเจ้าค่ะ ท่านคิเอ็นจิ” อาเคเดะกล่าว พลางมองเจ้าปีศาจซึ่งมองไปที่เลนยะและลูกชายตัวน้อยอย่างไม่รู้ตัว “มันเป็นทั้งการยอมรับการมีตัวตนขึ้นมาของคนคนหนึ่ง และเป็นหลักฐานสำคัญสำหรับคนๆนั้นว่าคนที่ตั้งชื่อนั้นให้ความสำคัญและ’รัก’เขามากเพียงใด”
“ข้าขอตั้งชื่อเจ้าว่า คิเอ็นจิ แล้วกัน”
ให้ความสำคัญและ’รัก’มากเพียงใด
หมาป่าหนุ่มนิ่งไป ร่างทั้งร่างกำลังตกอยู่ในห้วงการคิดคำนึง ดวงเนตรสีเทาช้อนขึ้นมองเด็กสาวคนสำคัญที่เขาเฝ้าปกป้องเธอมาตลอด รอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งเผยขึ้นเมื่อเจ้าปีศาจได้มองเลนยะ “ข้าอยากให้นาง...เป็นคนตั้ง”
อาเคเดะมองตามสายตาของคิเอ็นจิไปยังเลนยะ ดวงหน้างดงามพยักอย่างช้าๆในเชิงรับรู้ “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านคิเอ็นจิ”
“ฉันขอแยกตรงนี้แหละ”
ซานาดะเอ่ย ทำเอาทาโร่ถึงกับหัวใจพองโตเพราะไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นระหว่างทาง แต่เด็กน้อยนัยน์ตาสองสีกลับทำหน้ามุ่ยเมื่อของเล่นชิ้นโปรดจะกลับบ้านซะแล้ว เด็กหนุ่มเรือนผมสีดำยิ้มให้กับหลานชาย ก่อนจะหยิกแก้มนุ่มๆของเด็กชายเบาๆ “เอาน่า วันหลังถ้าเจอกันเดี๋ยวลุงจะมาเล่นด้วยอีกนะ”
“อ้าว~~แล้วไม่ไปในบ้าน ดื่มน้ำท่าให้หายเหนื่อยก่อนเหรอคะ คุณญาติที่รักขา”เสียงดัดจริตผิดธรรมชาติของเลนยะดังขึ้นอย่างผิดหวังและผิดแผน เมื่อเด็กสาวอยากล่อให้ญาติหนุ่มเข้าไปในบ้านแล้วแกล้งให้มันสะใจเสียหน่อย ซานาดะหุบยิ้มอ่อนโยนก่อนขยับกรอบแว่นเพราะรู้ทัน “ขอบใจ แต่มันเย็นมากแล้ว ฉันต้องกลับบ้านไปท่องหนังสือ”
“โถโถโถ..อย่าอ่านให้มันฉลาดไปกว่านี้เลยค่ะคุณญาติขา ก็ได้ค่ะ อยากกลับก็รีบกลับไปสิคะ เดี๋ยวเปลี่ยนใจไม่รู้นะคะ” เลนยะกล่าวพลางทำท่าเหมือนนางเอกละคร แต่มันกลับทำให้ผีน้อยอยากลอยกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อโก่งคออ้วกลงคอห่าน ซานาดะและท่านหญิงที่จ้องเด็กสาวเขม็งเดินผ่านร่างของกลุ่มคนทั้งหมดไป โดยที่วิญญาณสาวและซานาดะไม่ลืมที่จะทำความเคารพคิเอ็นจิก่อนจาก เลนยะมองตามหลังทั้งสองคนที่เดินจากไปจนลับตาอย่างเซ็งๆ
“เออ พวกเราก็กลับบ้านกันมั่งเถอะ อากาศมันเริ่มเย็นๆแล้ว เดี๋ยวเจ้าเด็กบ้ามันจะเป็นหวัดซะก่อน” หมอผีสาวพูด เมื่อเด็กชายในอกเริ่มทำหน้าเพลียๆเพราะใช้พลังงานในการเล่นมากไปหน่อย โยชิฮาระมองนายน้อยในอกเลนยะพลางพูดขึ้น “แล้วคืนนี้จะให้นายน้อยผู้นี้นอนที่ไหนล่ะขอรับ”
ความเงียบปกคลุมบริเวณทันทีเมื่อทุกคนลืมนึกถึงเรื่องสำคัญเรื่องนี้ไปเสียได้ ถ้าให้เด็กชายนอนกับเลนยะมีหวังได้ขึ้นหน้าหนึ่งเรื่องแม่ยังสาวนอนทับลูกชายตายคาบ้าน เด็กสาวเขย่าลูกน้อยที่กำลังพริ้มจะหลับอย่างแรงเพื่อกันไม่ให้หลับ(แม่คนไหนมาเห็นคงอยากกระโดดอัดก้านคอเลนยะเป็นแน่แท้) ก่อนจะถามเสียงโหด “แกจะนอนกับใคร”
ดวงตาสองสีที่งัวเงียลืมขึ้นอย่างลำบากลำบน มือเล็กปัดใบหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะกระตุกเสื้อเลนยะเบาๆ “หม่าม้า...”
ความเงียบเริ่มปกคลุมหนักขึ้นอีกเมื่อทุกคนแม้แต่เลนยะเองก็ไม่เชื่อในสวัสดิภาพของเด็กน้อย เมื่อหมอผีสาวเวลาหลับน่ะรู้ทิศรู้ทางที่ไหน ขนาดครั้งก่อนยังแอบลวนลามพ่อหมาคิเอ็นจิเลย แต่ทุกคนต้องชะงักไปเมื่อเด็กน้อยก็ดึงเส้นผมยาวพลิ้วลมของคิเอ็นจิมาด้วย
“จะนอนกะป่ะป้าหม่าม้า~~~”
.... --_--
.......... o--!
............................ O[]o !!
“ไม่ว้อยยย!!!”
“ข้าก็ไม่นอน”
เสียงโอเปร่าครั้งใหม่ที่ประสานกันอย่างพร้อมเพรียงระหว่างเลนยะกับคิเอ็นจิดังไปทั่ว ทำเอาทั้งผีและเด็กครึ่งอสูรขวัญหนีดีฝ่อ ทั้งพ่อและแม่มือใหม่มองกันและกันแบบแปลกๆ ทาโร่มองเลนยะและคิเอ็นจิที่ไม่ยอมนอนด้วยกันพลางคิด
กลัวเขามาทำอะไรตัวเอง
หรือกลัวทนใจตัวเองไม่ได้กันแน่
“เห็นแก่นายน้อยสักครั้งเถอะขอรับ ท่านไม่ได้ดูข่าวบ้างเหรอขอรับ เด็กที่ไม่ได้รับความอบอุ่นจากพ่อแม่น่ะส่วนใหญ่โตมาเป็นเด็กมีปัญหานะขอรับ” โยชิฮาระพูดขึ้นเมื่อเห็นเด็กน้อยครึ่งปีศาจเริ่มน้ำตาคลอเบ้า กลัวพ่อแม่ไม่รัก
เลนยะและคิเอ็นจิมองลูกชายอย่างรู้สึกผิดที่ลืมความรู้สึกของเด็กชายไป ทาโร่รีบเสริมขึ้นทันที “เอาน่าเลนยะ แค่คืนเดียวเองน่า” เพราะถ้าเป็นเด็กมีปัญหาล่ะก็ โตขึ้นมาก็เหมือนเลนยะน่ะสิ
ความคิดเห็น