ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FanFic] โซเคนโย - สามีภรรยา&พ่อแม่จำเป็น!

    ลำดับตอนที่ #4 : Mom&Dad 4 : พ่อแม่มือใหม่ (Rewrited)

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 52


    Chapter 4 : พ่อแม่มือใหม่

              

                        ฮ้าววววววววววววว

                เสียงหาวปนบิดขี้เกียจของเด็กสาวผู้ใช้สกุลต้องสาปโซเคนโยดังขึ้นท่ามกลางห้องนอนมุมฉาก แต่เด็กสาวก็ต้องทำหน้าเหยเกเมื่อบิดผิดท่าไปหน่อย ไปเจอแผลที่ยังไม่หายสนิทเข้า ดวงตาสีน้ำเงินหรี่มองเก้าอี้ไม้ข้างตัวซึ่งมีร่องรอยว่ามีคนนั่งอยู่ทั้งคืน บนโต๊ะเล็กข้างเตียงมีกล่องปฐมพยาบาลกล่องใหญ่วางอยู่ เลนยะสำรวจไปทั่วตัวก็พบผ้าพันแผลและพลาสเตอร์ที่ติดเต็มตัวไปหมด ซึ่งผู้ทำให้ก็ทำอย่างเบามือมาก ทั้งประณีตและเรียบร้อย

                        อ้า...ตื่นแล้วเหรอเลนยะ ทุกคนเป็นห่วงเธอแทบแย่แน่ะ!” ทาโร่ผีน้อยซึ่งลอยทะลุกำแพงมาหาเลนยะเป็นคนที่สองของเช้านี้ ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจอย่างสุดซึ้งซึ่งกำลังจะทำให้เลนยะอ้วกในไม่ช้า แล้วนี่ไปไหนกันหมดล่ะ

                        โยชิฮาระเหรอ อยู่แถวๆนี้แหละ เดี๋ยวฉันไปตามมาให้ไหม

                        ไม่ต้อง แล้วเจ้าลูกหมาล่ะ หายไปไหนของมัน

                ทาโร่ยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนว่ากลับ อ้าว ฉันก็นึกว่าเธอจะตื่นมาเห็นคิเอ็นจิเป็นคนแรกซะอีก ไม่เหมือนในละครเลยนะผีน้อยกล่าว แถมเอาจินตนาการของตัวเองบวกกับละครน้ำเน่าที่ได้ดูไม่นานมานี้

                นางเอกผู้น่าสงสารยืนตากฝนอย่างเดียวดาย..ทรมานร่างกายอันบอบบางน่าถนอมจนเป็นไข้หวัดนอนซม

                พระเอกผู้แสนดี ไปเฝ้าไข้คอยดูแลหญิงสาวที่รักจนตัวเองผล็อยหลับไป ข้างกายยังมีอุปกรณ์ในการเฝ้าไข้อยู่ครบครัน (แถมบางเรื่องยังนอนซุกหน้ากับเตียงนางเอกซะอีก)

                เช้าขึ้นมา นางเอกก็ตื่นขึ้นพบกับพระเอกสุภาพบุรุษที่อุตส่าห์ดูแลเฝ้าไข้ให้เธอ ความรักเบ่งบาน แต่งงานกลางทะเล เป็นลูคีเมียระยะสุดท้าย ....

                        ปัง!

                เสียงปิดประตูโดยเลนยะทำลายจินตนาการไข้เลือดออกของทาโร่จนจบสิ้น ผีน้อยยิ้มอย่างดีใจแทนหมาป่าหนุ่ม

                        ยังไงซะ ที่อุตส่าห์ทุ่มใจดูแลขนาดนี้ ก็โกยคะแนนสงสารขึ้นมาบ้างแหละ

     

                ร่างใหญ่นั่งอยู่บนหลังคาตากอากาศบริสุทธิ์ ดวงตาสีเทามองไปยังท้องฟ้าสีครามที่มีปุยเมฆน้อยล่องลอยประดับไปทั่ว แต่ทว่าความสนใจของเจ้าปีศาจสุนัขป่าก็ถูกเบนไปอย่างรวดเร็วเมื่อเนตรคู่งามเห็นร่างครึ่งมัมมี่ที่เดินออกมาหน้าบ้าน

                        เจ้าออกมาเดินทำไม ไปนอนพักซะ แผลเจ้ายังไม่หายดี หมอจำเป็นเอ่ยสั่งคนไข้หัวดื้ออย่างปลงอนิจจานิดๆเพราะมันแน่ว่าต้องมีประโยคปฏิเสธพ่วงมาอย่างแน่นอน แต่ทว่า...

                        .....

                คิเอ็นจิมองไปยังเลนยะที่เงียบผิดปกติ ร่างที่พันทั่วด้วยผ้าสีขาวสะอาดยืนนิ่งไม่ตอบโต้อะไรทั้งๆที่ผิดอุดมการณ์ที่สั่งสมมาอย่างแรง เจ้าปีศาจลงจากหลังคาอิฐมาหาร่างเล็กกว่าทันที เพราะอาจจะเป็นพิษบาดแผลก็ได้ที่เป็นตัวการสำคัญ

                        ..ขอ..โทษ...นะเว้ย

                สิ้นคำ นัยน์ตาสีเทาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ เพราะถึงแม้คำลงท้ายจะไม่ค่อยพิสมัยรูหูไปสักหน่อย แต่เธอ

                        ขอโทษเขา

                        ขอโทษที่ไม่เชื่อแก ถึงได้เป็นอย่างนี้เลนยะกล่าวพลางหรี่ดวงตามองพื้นดินหน้าบ้าน สายลมพัดผ่านร่างทั้งสองซึ่งยืนเงียบสบตากันและกันราวกับอยากให้ทั้งสองพูดอะไรกันสักอย่าง ริมฝีปากช้ำเลือดขยับขึ้นอีกครั้ง ขอบคุณ..ที่ช่วยทำแผล และก็ที่นั่งเฝ้าด้วย

                เด็กสาวกล่าวอย่างแผ่วเบาจนลมเย็นแทบจะพัดพามันให้ปลิวไปได้ แต่ทว่าหูเรียวยาวของคิเอ็นจิฟังทุกถ้อยคำได้อย่างชัดเจน รอยยิ้มอบอุ่นที่หาได้ยากปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคายส่งให้แกหมอผีสาวคนสำคัญเพียงผู้เดียว เลนยะหมุนตัวกลับเข้าไปในตัวบ้าน พลางหันกลับไปหาเจ้าลูกหมารูปงามอีกครั้ง ฉัน...จะไปนอน

                ดวงตาสีเทางดงามมองตามหลังเลนยะอย่างเหลือเชื่อ ใบหน้าหล่อเหลามีรอยแห่งความสุขใจอย่างชัดเจน ปีศาจหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าของวันนี้อีกครั้ง สายลมเย็นโชยพัดมาคลายอากาศที่ร้อนรุ่มยามบ่าย ทำให้เส้นผมสีนิลปลิวไสวไปตามแรงลม ยิ่งเพิ่มพูนความสง่างามให้แก่ร่างสูงอีกมากมาย

                        วันนี้จะมีอะไรที่น่าประหลาดใจกว่านี้อีกไหมนะ

     

                        โธ่เว้ยยยยเสียงสบถด่าตัวเองดังขึ้นในห้องนอนที่ปิดตายเรียบร้อย ใบหน้าที่แดงด้วยแผลรอยฟกช้ำยิ่งแดงร้อนจัดยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเธอกล้าพูดคำที่นานๆทีจะหลุดออกมาจากปากให้กับเจ้าลูกหมา

                แถมรอยยิ้มนั่นอีก

                เลนยะข่มความอายของตัวเองอย่างเบาๆคนเดียวในห้อง เด็กสาวทิ้งตัวลงบนเตียงซึ่งถูกเปลี่ยนผ้าปูเรียบร้อยแล้วโดยแม่บ้านมืออาชีพอย่างคิเอ็นจิ เลนยะใช้มือข้างที่ไม่หักลูบเตียงหนานุ่มอบอุ่นของตัวเองเบาๆ

                        ไอ้นี่น่าจะเกิดมาเป็นผู้หญิงนะเนี่ย

                        วาบ!

                ดวงตาสีน้ำเงินชะงักค้าง เมื่อพวงกุญแจสีเงินที่เธอเคยคิดว่าแค่ของธรรมดา บัดนี้เปล่งแสงแรงกล้าจนสว่างวาบวาวไปทั่ว จะเป็นเพราะแสงอาทิตย์ก็ไม่ใช่ หมอผีสาวยื่นมือเข้าไปก่อนจะจับพวงกุญแจเอาไว้

                        ตึ่ก..ตึ่ก..!!

                        อึ่ก...นี่มัน...อะไร...กันเนี่ย

                เลนยะเอามือกุมหน้าอกเอาไว้แน่น ร่างของเด็กสาวตะเกียกตะกายอย่างทรมาน ลมหายใจเริ่มขาดตอนเป็นช่วงๆ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาสีน้ำเงินเริ่มพร่าเลือน

                        นี่ฉัน...กำลังจะตาย..รึไงวะ

                ริมฝีปากแตกถูกกัดข่มความเจ็บแสบร้อนทั่วร่างจนกระทั่งสร้างแผลใหม่ให้กับตัวเอง เด็กสาวรู้สึกเหมือนกับถูกไฟเผาทั้งเป็น เหงื่อใสผุดขึ้นเต็มใบหน้าไหลเลียอาบทั่วร่าง นัยน์ตาเริ่มว่างเปล่างุนงงกับสิงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง มือขวาที่เหยียดออกไปด้านหน้าพยายามไขว่คว้าทุกสิ่งทุกอย่างแต่ไม่เป็นผล ลมหายใจสุดท้ายของเธอใกล้เข้ามาทุกที

                        ฟิ้ววววววว..

                ลำแสงจากพวงกุญแจพุ่งตัวขึ้นลอยเปล่งแสงสว่างอยู่เหนือร่างของเลนยะเริ่มดึงพลังจากร่างของเลนยะไปเรื่อยๆคล้ายพรายดูดวิญญาณ ลมหายใจร้อนๆรดเส้นผมสีน้ำตาลที่ชุ่มโชกด้วยเหงื่อ ทุกอย่างดูหมุนไปมาและซ้อนทับกัน

                        มันเกิด...อะไรขึ้น

                ท่ามกลางแสงสีเงินแรงกล้า พลังที่เปล่งออกมาไม่หยุดหย่อนรวมลอยมารวบรวมกัน ดวงตาพร่ามัวของเลนยะแม้จะพยายามแค่ไหนจะเห็นเพียงแสงสว่างเจิดจ้าที่รวมเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ และเริ่มจะกลายเป็น

                        รูปร่างคน

                ร่างของเลนยะค่อยๆหยุดนิ่งเมื่อพลังในร่างกายไม่มีเหลือ ความอ่อนล้าผลักดันให้ร่างบางสลบซบใบหน้าลงกับพื้นไม้เก่าโทรม โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอและทุกคนที่เกี่ยวข้องไปในชั่วข้ามคืน แสงสว่างสีเงินที่พุ่งไปรอบทิศค่อยๆหยุดลงพร้อมๆกับประจุพลังมหาศาลที่ค่อยๆถูกกลืนโดยอำนาจของอากาศที่ไร้ตัวตน แสงสว่างสีเงินบนพวงกุญแจหมาป่าค่อยๆหายไป

                        แต่ทว่า มันกลับทิ้งสิ่งหนึ่งเอาไว้

                        ข้างๆเลนยะ...

     

                        โซเคนโย เลนยะ เจ้านี่ตื่นยากเย็นจริงๆนะ มิน่าล่ะน้องชายข้าถึงได้เหนื่อยทุกๆวันเสียงอบอุ่นที่แฝงไปด้วยความเอ็นดูดังขึ้นในโสตประสาทของเลนยะ เด็กสาวเริ่มลืมดวงตาสีน้ำเงินทะเลลึกอย่างช้าๆก่อนจะกระพริบอย่างถี่รัวเมื่อดวงตาที่ยังขยายไม่เต็มที่ก็ต้องเข้ากับแสงสว่างอย่างรวดเร็ว

                มือของเลนยะยันตัวขึ้นจากพื้นอย่างช้าๆ แต่ทว่าเด็กสาวก็ต้องสะดุ้งเมื่อร่างกายของเธอไร้ซึ่งรอยบาดแผลจากการสู้รบปรบมือกับจิโงคุ แขนซ้ายที่หักและถูกทำร้ายอย่างแรงด้วยอาคมสายฟ้าบัดนี้หายสนิทจนเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น แต่เรื่องใหญ่กว่ากลับเกิดขึ้นเมื่อหมอผีสาวมองไปรอบตัว

                        ป่ากักปีศาจ!

                ร่างสูงดูคล่องแคล่วแข็งแรงยืนมองรอบตัวอย่างหาคำตอบให้กับคำถามในใจไม่ได้ แสงแดดที่อบอุ่นสาดส่องผ่านแมกไม้ที่สูงใหญ่ครอบคลุมป่า หญ้าเล็กบางที่อยู่ใต้เท้าให้ความรู้สึกชุ่มชื่นสดใส ท้องฟ้าสีครามตัดกับความเขียวขจีเข้มของพืชพรรณนานาในป่าได้เป็นอย่างดี

                        สวัสดีโซเคนโย เลนยะ ยินดีที่ได้รู้จักเจ้านะ

                ผู้ถูกเรียกชื่อหันขวับไปทางต้นเสียงเมื่อทัศนียภาพงดงามของป่าดึงความสนใจของเธอออกไปจนลืมว่าเธอตื่นขึ้นมาเพราะเสียงของใครบางคน

                ชายหนุ่มร่างสูงในอาภรณ์เจ้าปีศาจที่คลุมด้วยเสื้อนอกสีขาวสะอาดตาและดูสบายๆกำลังส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมายังเด็กสาว ใบหน้าหล่อหวานไม่ดูเย็นชานี้ถ้าเป็นสาวๆคนอื่นคงหลงใหลได้ปลื้มจนคุมสติไม่อยู่ เส้นผมยาวสีเงินรับกันดีกับดวงตาสีฟ้างดงามที่ดูคุ้นตา

    หูเรียวแหลมเป็นสิ่งบ่งบอกได้ดีว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา

                        ทว่าสิ่งที่เลนยะให้ความสนใจ ไม่ใช่ที่รูปโฉมอันสง่างามของปีศาจหนุ่ม

                        แต่เป็นสิ่งที่อยู่บนหน้าผากขาว สิ่งที่เจ้าลูกหมาของเธอก็มีเช่นเดียวกัน

                        แกเป็นใคร

                เด็กสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยะเยือก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็แปลกๆ แถมยังมีปีศาจเลือดบริสุทธิ์โผล่มาอีก

                        ก็ไหนว่าเจ้าลูกหมานั่นเป็นตัวสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่

                        จึ้ก!!!

                อ้ากกก...แกทำบ้าอะไรของแกนะไอ้หัวหงอก!!” ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้างเมื่ออยู่ดีๆร่างสูงนั้นหายจากเบื้องหน้าเธอและปรากฎขึ้นประชิดหลังเธออย่างว่องไวจนแม้แต่ดวงตาก็ไม่อาจจับภาพได้ทัน และสิ่งที่ปีศาจหนุ่มทำก็คือ

                        หยิกแก้มเธอ...

                รอยยิ้มน่ารักน่าชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าน่าทะนุถนอมของร่างสูง นัยน์ตาสีนภาแวววาวด้วยความขี้เล่น คิเอ็นจินี่ ก็รู้จักเลือกคนดีเหมือนกันนะ

                        ฟ้าว!!

                หมัดของเลนยะทำได้แค่ต่อยอากาศ เมื่อเจ้าของร่างหลบเลี่ยงไวยิ่งกว่าจรวด แต่เลนยะก็ต้องหยุดคิด ก่อนลูบแก้มข้างที่โดนหยิกเบาๆ

                        ไม่เจ็บ นี่หว่า

                        ก็ที่นี่ มันไม่ใช่ความจริงหรือปัจจุบันที่เป็นอยู่ยังไงล่ะ น้ำเสียงอ่อนโยนกล่าวขึ้น ทำให้เลนยะหรี่มองชายหนุ่มตาขวาง หมายความว่าไง

                        ที่นี่คือความทรงจำของข้าในช่วงที่มีชีวิตอยู่ ป่ากักปีศาจ เมื่อหนึ่งพันกว่าปีก่อน และที่ที่เจ้ายืนอยู่ตรงนั้น ก็คือที่ที่คิเอ็นจิเกิดขึ้นมา

                เลนยะมองลงบนพื้นหญ้าที่ตนเองยืนอยู่โดยอัตโนมัติพลางมองปีศาจตรงหน้า ซึ่งสายตานั้นไม่มีการโกหกแม้แต่นิด หญ้าตรงที่เธอยืนอยู่ทั้งอ่อนนุ่มพลิ้วบาง เหมือนมันยังคงไม่ลืมเมื่อร่างกายของเจ้าปีศาจหนุ่มได้ทอดกายลงนอนบนมัน

                        ข้าคือ ไคเอ็นจิ เจ้าปีศาจคนก่อน และเป็นพี่ชายของเจ้าลูกหมาของเจ้านั่นล่ะ  ไคเอ็นจิเอ่ยอย่างขบขันเมื่อน้องชายผู้เย็นชาของตนเองถูกเรียกซะหมดรูป เลนยะตวัดดวงตาสีฟ้าไปทางไคเอ็นจิ และไอ้จิโงคุนั่นก็ฆ่าแก ใช่มั้ยล่ะ

                คำถามที่ยิงส่งตรงเข้าตัวทำเอาเจ้าปีศาจผู้ร่าเริงถึงกับเงียบไปโดยพลัน ใบหน้าที่เคยดูสนุกสนานหม่นหมองลงแทบในทันที หากข้าย้อนเวลาได้ ข้าคงอยากให้ตัวเองเข้มแข็งมากกว่านี้ และไม่ให้การจากคิเอ็นจิไปของข้าเป็นเหมือนกับการทอดทิ้งเขาดวงตาสีฟ้าที่ดูเศร้าโศกหลุบลงต่ำ เขายังจำได้

                        วันที่เขาตาย

                        วันที่คิเอ็นจิถูกพลังที่ใช้สะท้อนกลับทำร้ายตนเองจนเกือบตาย เหตุเพราะพิโรธหนัก รังสีอำมหิตของหมาป่าหนุ่มคราวนั้นน่ากลัว จนแม้แต่เขาก็ยังอดหวั่นใจไม่ได้    

                        เอาเป็นว่า เมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน เลิกทำหน้าหมาหงอยแบบนั้นได้แล้ว เห็นแล้วจะอ้วกว่ะเลนยะกล่าวปาวๆแบบไม่สนใจว่าคำพูดที่พูดไปเมื่อกี้นั่นล่ะจะทำให้หมาหงอยหนักกว่าเดิม มาเข้าเรื่องดีกว่า แกจะเอาไงกับฉัน

                นัยน์ตาสีฟ้าที่เคยปรากฏความเศร้าโศกแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นไคเอ็นจิคนเดิมอีกครั้ง เจ้าปีศาจหนุ่มยิ้มพรายให้แก่เด็กสาว

                        ก็แค่อยากรู้จักเจ้ามากขึ้น ก็แค่นั้นเองไคเอ็นจิเอ่ย น้ำเสียงอบอุ่นนั้นบ่งบอกได้ชัดถึงอุปนิสัยที่แท้จริงของเขา ก่อนที่เจ้า..จะได้ทำหน้าที่บางอย่าง ที่สำคัญมากๆสำหรับชีวิตของเจ้าประโยคหลังทำให้เลนยะหันไปมองผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายของคิเอ็นจิอย่างแปลกๆ อย่ามาอ้อมค้อมไอ้ลูกหมาหัวหงอก หน้าที่สำคัญอะไร

                ลูกหมาหัวหงอกยกมือเรียวบางป้องปากยามหัวเราะอย่างเบาๆ ก่อนที่จะมองไปบนท้องฟ้าในความทรงจำของตนเอง ตื่นไปก็รู้เองนั่นแหละ

                        ฟิ้วววววววววววว

                ลมไร้ที่มาเริ่มก่อตัวกันพัดทุกอย่างที่ขวางหน้าให้หมุนวนไปด้วยอำนาจแห่งสายลม ใบไม้ที่อิงกายอยู่บนพื้นป่าถูกพัดขึ้นสูงเหมือนระบำแห่งเทพีพืชพรรณ ใบไม้ที่ต้องแสงแดดส่องประกายเลื่อมพรายราวอัญมณี ลมหมุนนั้นรายล้อมกายของเลนยะจนเด็กสาวมองเห็นร่างสูงสง่าได้ไม่ชัดเจนนัก

                        แต่ที่แน่ๆ

                        เขากำลังยิ้ม

                มือข้างขวาที่พันผ้าแน่นยกขึ้นป้องกันดวงตาจากแรงลม ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดูเลือนรางลงเรื่อยๆ ปีศาจหนุ่มกำลังเอ่ยบางสิ่งบางอย่าง...อะไร...ไม่ได้ยิน..

                ดวงตาสีฟ้าราวกับท้องฟ้ายามคิมหันตฤดูรอดูเด็กสาวที่หายไปจากเขตอาคมพวงกุญแจจนลับตา สายลมที่หมุนแรงค่อยๆเอื่อยลงจนกลายเป็นแค่ลมเย็นที่พัดพลิ้วตามปกติ ใบไม้หลากหลายสีทิ้งตัวลงสู่ดินอย่างเชื่องช้า เส้นผมสีเงินปลิวสยายค่อยๆหยุดลงนอนซบกายบนไหล่กว้างของไคเอ็นจิอีกครั้ง

                        ในที่สุด เจ้าก็เป็นพ่อคนแล้วนะ คิเอ็นจิ

     

     

                        หืม???

                เลนยะที่คว่ำหน้าลงซบบนพื้นไม้หนาลืมตาขึ้นเป็นครั้งที่สองของเช้านี้ หน้าตาเจ้าเล่ห์ตอนนี้ดูเหนื่อยล้าไม่มีเค้าของจอมบงการเลยแม้แต่น้อย เรี่ยวแรงที่ถูกสูบไปทั้งหมดยังคงแผลงฤทธิ์ใส่หมอผีสาวจนคนตื่นยากอย่างเธอต้องเจอกับศึกที่หนักกว่าครั้งใดๆ

                อาการแฮงค์และความเจ็บปวดจากแผลที่กลับคืนมาอีกคราวของเลนยะแทคทีมกันรุมจนเด็กสาวคิดจะใช้วิธีแก้เผ็ดโดยการเอาหัวโขกคอนกรีตสักสองสามที(แม้จะไม่ใช่วิธีที่มนุษย์มนาเค้าทำกันนักก็เหอะ) เลนยะค่อยๆลุกจากพื้นที่ได้เป็นเตียงนิทราให้เธอไม่นานมานี้ไปยังเตียงหนาของจริง เด็กสาวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เหงื่อหลายสิบเม็ดผุดขึ้นเต็มใบหน้า

                        ผลุบ

                        เฮือกกกก..

                ลมหายใจที่ขาดๆหายๆของเลนยะถึงกับแข็งเป็นหินไปชั่วพริบตา เมื่อเท้าของเธอสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ..ซึ่งกำลังมุดอยู่ใต้เตียง...ของเธอ!?

                        เหมือนเป็นขนของอะไรสักอย่าง

                        เรียบๆ ลื่นๆ ฟูๆ

                และแล้วคำตอบในใจที่ปรากฏขึ้นมาเกือบทำให้หมอผีสาวหัวใจวาย

                        ไอ้ลูกหมา!!!

                        บ้าน่า...เจ้านั่นมันไม่เล่นอะไรแบบนี้...หรอกมั้ง

                เด็กสาววัยสิบหกกล่าวให้กำลังใจตัวเอง เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่เจ้าปีศาจที่รักนักรักหนาในศักดิ์ศรีจะมามุดใต้เตียงของเธอในห้องปิดตายเช่นนี้

                        เว้นแต่ว่า....

                เหงื่อเม็ดโตอีกหลายสิบเม็ดไหลจากใบหน้าของเด็กสาวราวกับเขื่อนแตกเมื่อหนังเรตเอ๊กซ์ที่โรงเรียนโยโคเปิดให้ดูวิชาเพศศึกษามันดันมารบกวนเธอตอนนี้ซะได้

               

                        เลนยะ...เสียงทุ้มต่ำครางเอื้อนเรียกชื่อเธอดังขึ้นท่ามกลางความคิดที่ฟุ้งซ่าน มือใหญ่อบอุ่นของเจ้าปีศาจลูบไล้เส้นผมสีน้ำตาลของเด็กสาวอย่างแผ่วเบา ดวงตาสีเทาคุกรุ่นด้วยไฟพิศวาสรุนแรงที่ไม่อาจหักห้าม

                        หมอผีสาวตัวแข็งทื่อไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้นราวกับประสาทสัมผัสทุกส่วนในร่างกายเธอหยุดทำงานเอาดื้อๆ คิเอ็นจิยกมือแกร่งขึ้นลูบใบหน้าของเลนยะอย่างแผ่วเบา ก่อนจะลดต่ำลงมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงเสื้อชั้นนอก

                        เฮ้ย...บ้าน่าสติของเลนยะที่ยังคงทำงานตามปกติดังขึ้น แต่ทว่า

                        ฟุบ!!

                เสื้อนอกของเธอถูกปลดกระดุมและโยนทิ้งไปราวกับของเล่นที่พังเสียหาย ร่างใหญ่โอบเด็กสาวเข้าประชิดตัวอย่างนุ่มนวล ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ริมฝีปากบางเริ่มพรมจูบบนต้นคอของเลนยะ ก่อนที่เจ้าปีศาจจะเริ่มขั้นต่อไป

                        ฟับ!!

                บราและชั้นในของหมอผีสาวถูกเขวี้ยงออกไปอีกทาง ท่อนบนเปลือยเปล่าเริ่มหนาวๆร้อนๆ ดวงตาสีน้ำเงินเบิกค้าง คิเอ็นจิค่อยๆดึงใบหน้าของเลนยะลงใกล้กับใบหน้าของตนขึ้นเรื่อยๆ ไฟสลัวค่อยๆถูกดับสนิท และแล้ว....

                        เฮ้ยยยย ไม่วันซะหรอกเฟ้ยยยยย!!”

                เด็กสาวที่เกือบจะเสียพรหมจรรย์ในความคิดของตัวเองโพล่งขึ้นดังก้องในห้องปิดตายเพื่อดึงตัวเองออกจากหนังรักอีโรติก จนมีเสียงสะท้อนตามกลับมาหลายรอบ ร่างโทรมเหงื่อโชกกำหมัดแน่น เด็กสาวหายใจลึกๆรวบรวมความกล้า มือขวาเตรียมกระชากผ้าห่มที่ปิดใต้เตียงอยู่ เด็กสาวนับเลขในใจด้วยจิตที่หวั่นระทึก

    1

     

    2

     

    3!!!

     

                ควับ!!!!

     

                ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×