คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Mom&Dad 12 : โซเคนโย ไค ฝากเนื้อฝากตัวด้วย (100% แหะๆ)
แสงสว่างที่เรืองปลุกทุกชีวิตให้ตื่นขึ้นยังทำหน้าที่ได้ดีเหมือนเดิม แต่เช้านี้กลับมีอะไรที่ไม่เหมือนเดิมเกิดขึ้นใต้ชายคาบ้านหลังคาสีอิฐเสียแล้ว แสงแดดที่ทออ่อนๆส่องมาตามริ้วผ้าม่านมาต้องยังร่างของผู้หนึ่งที่หุ้มร่างใต้ผ้าห่ม ดวงตาของผู้หลับใหลกระพริบถี่ด้วยยังทนแสงไม่ได้เต็มที่
ดวงตาข้างขวาสีเทา และ ข้างซ้ายสีน้ำเงิน
“เฮ้อออ~~ เช้าแล้วอย่างงั้นเหรอเนี่ย” เสียงจากร่างใต้ผ้าห่มดังอู้อี้ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงนอนหนา “เจ้าหวัดบ้านั่นแท้ๆ ยังมึนๆอยู่เลย”
ร่างสูงหย่อนขาขาวลงจากเตียง พลางเดินไปทางตู้เสื้อผ้า มือยาวคัดเลือกเสื้อผ้าไปมา
“แม่ไม่รู้จักแต่งตัวเอาซะเลยนะเนี่ย มีแต่ชุดป้าๆทั้งนั้น” ร่างสูงยาวเบะหน้า นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือคีบเสื้อที่คิดว่าดูดีที่สุดออกมา
“เดี๋ยวจะไปอรุณสวัสดิ์ให้ตกใจเล่นซะหน่อย หึหึหึหึหึ”
“อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกก”
“อึก...อ้วกกกกกกกกกก เอนอ๊ะ..เอ้าออกอ้า!!!” (เลนยะ..เจ้าหลอกข้า!!!)
เสียงทะเลาะทั้งๆที่ยังอาเจียนดังโหวกเหวกโวยวายแต่เช้าตรู่ แต่สิ่งแรกที่ทำให้ทุกชีวิตตื่นขึ้นคือเสียงประตูห้องที่โค่นลงกับพื้นด้วยพระบาทงามๆของเลนยะและคิเอ็นจิ เหตุผลเพราะยันต์ที่เสื่อมมนต์ลงแล้วจึงไม่สามารถรักษาชีวิตของประตูไม้ได้อีกต่อไป
“อะอายอ๊ะไอ้อ๋าอ้า..อ้อออกแอ้วไออ้าไอ้ไอ้ออกอางอ้น อ้วกกกกก!” (อะไรวะไอ้หมาบ้า..ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ออกทางก้น)
“อ้วกกกกก แอ่อ้าอ้อไอ้อึ๊กอ้าอะออกอางอี้!!” (แต่ข้าก็ไม่นึกว่าจะออกทางนี้)
“อ้วกกก แอ้วอ่ะไอ้ออกอางอูอู๋อึ๊ไออะไอ้อู้กอ๋า อุบอาก!! อ้วกกกกก”(แล้วจะให้ออกทางรูหูรึไงล่ะไอ้ลูกหมา หุบปาก!!)
สองผีลอยดูสองสามีถรรยาโก่งคอคืนของเก่ากันไปด่ากันไปอย่างระอา ขนาดปากไม่มีที่ว่างพอแล้วยังจะหาเรื่องกันได้อีก เจริญล่ะคู่นี้
“แต่ว่าทำไมเมื่อวานผมถึงง่วงได้ล่ะฮะโยชิฮาระ แปลกจริงๆ” ผีน้อยถามผู้อาวุโสกว่าแต่ได้ยินเพียงสองวิญญาณเท่านั้น ไม่ใช่เพราะเสียงเขาเบาหรอก แต่เพราะบทสนทนาภาษาอ้วกกลบสรรพเสียงไปเสียหมดต่างหาก
“ไม่ใช่ท่านทาโร่คนเดียวหรอกขอรับ” โยชิฮาระกล่าวตอบคำถามอย่างเยือกเย็น แต่มันก็ดีเพราะเขาไม่ได้นอนหลับพักผ่อนมานานมากจนแทบจะจำครั้งสุดท้ายไม่ได้ แต่ก็อีกไม่นานเช่นกันที่เขาจะได้พักตลอดกาล “อาจเพราะยันต์นั่นก็ได้ เพราะยันต์กำบังจะทำให้พวกที่สามารถทะลุสิ่งต่างๆได้อย่างเราไม่สามารถเข้าใกล้”
“แล้วใครเป็นคนแปะไว้ละฮะ เอ้อใช่! แล้วทำไมคิเอ็นจิกับเลนยะถึงได้อยู่ในห้องกันสองต่อสองแบบนั้นด้วย เสื้อผ้าก็ขาดรุ่งริ่ง อย่าบอกนะว่า...”
ดวงตากลมโตเลื่อนไปทางทั้งสองอย่างรวดเร็วเท่าความคิด(อกุศล) รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตามแบบเลนยะถึงคลี่ขึ้นใบหน้าโปร่งแสง
แหม คิเอ็นจินี่ร้ายจริงๆ
เข้าไปคืนเดียว
“ท้อง”ซะแล้ว
แต่ที่มาโอ้กๆด้วยเนี่ย
ใช่แพ้ท้องแทนเมียรึเปล่า
ดวงตาคู่พิฆาตของผู้รู้ทันความคิดตวัดฉับราวใบมีดที่ถูกชักจากฝักไปที่วิญญาณที่อยากตายรอบสองทันที เลนยะซัดน้ำในแก้วน้ำลงคออย่างแรงก่อนเช็ดปากด้วยผ้าที่คลุมร่างกายอยู่
“วันนี้ฉันไม่ไปเรียนโว้ย ขี้เกียจ!”
เด็กสาวกล่าวเปลี่ยนเรื่องก้องก่อนจะก้าวฉับๆหนีคำถามมากมายที่ผุดในใจของวิญญาณประจำตระกูลและวิญญาณที่เก็บมาเลี้ยง คิเอ็นจิตามเด็กสาวคนสำคัญไปแบบไม่เว้นช่องไฟให้ผีได้เปิดปากเลยแม้แต่น้อย
“ต้องมีอะไรมันส์ๆแน่ๆเลย”
.
โครม!
ตึง!!
“กินสิไอ้ลูกหมา แกก็อ้วกไปเยอะเหมือนกัน เดี๋ยวก็เป็นลมไปซะหรอก”
เด็กสาวเรือนผมสีน้ำตาลในชุดใหม่ที่แขวนอยู่หน้าบ้านว่าขณะยัดอาหารสำเร็จรูปเข้าปาก ส่วนเสียงตอนแรกคือเสียงวางชามและเคลื่อนไปด้านหน้าหมาป่าหนุ่มที่ดูซีดเซียวกว่าเก่า
“อย่าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับมนุษย์อย่างเจ้า”
คิเอ็นจิเอ่ยเสียงแข็ง ทว่าเหงื่อยังไหลรินมาบนใบหน้าขาว เลนยะขมวดคิ้วบาง ก่อนจะยัดอาหารใส่ปากต่อ “ตามใจ อย่ามาเป็นตัวถ่วงฉันเวลาทำมาหากินแล้วกันไอ้หมาบ้า”
ความเงียบปกคลุมทั้งสองจนทำให้เสียงช้อนส้อมกระทบจานดังกังวานไปทั่ว ทั้งคู่ปล่อยเวลานั้นให้ดำเนินไปหลายนาที ก่อนเลนยะจะลุกเอาจานไปวางไว้ในอ่างล้างจาน
“ตอนนี้แกอยู่กับมนุษย์...แกก็ต้องทำตัวเหมือนมนุษย์สิวะ”
ดวงตาสีเทาที่จ้องมองพื้นอย่างไร้จุดหมายเงยขึ้นมองหลังของเลนยะทันที เด็กสาวยังล้างจานไม่สนใจ “ตอนแรกแกเกลียดนักนี่ไอ้มนุษย์เนี่ย ใช่สิ ก็มันเป็นทั้งต้นเหตุให้แกไปแข็งอยู่ในถ้ำนั่นและเป็นคนที่ขังแกไว้ด้วย ฉันเลยบอกไงว่าแกเหมือนไอ้หมาจรจัดตัวนั้นไม่มีผิด อวดดี”
“แต่ไม่เป็นไรหรอกนะเว้ย...ยังไงซะฉันก็อยู่ได้ไม่นานเท่าชีวิตทั้งหมดของแกหรอกไอ้ลูกหมา ชีวิตฉันน่ะเอามาเทียบกับแกไม่ได้ด้วยซ้ำ ก็ฉันเป็นมนุษย์นี่หว่า เวลาของมนุษย์มันมีแค่นิดเดียวเท่านั้น แกอยากจะทำอะไรก็ตามใจ เพราะยังไงฉันก็ไม่ได้อยู่กับแกไปตลอดหรอก”
ดวงตาสีเทาเกิดสั่นระริกขึ้นมาเมื่อพูดถึงเรื่องเวลาชีวิตของเด็กสาวตรงหน้า ถ้าเป็นตอนแรกที่เธอก้าวเข้ามาในชีวิตเขา เขาคงไม่รู้สึกแบบนี้เป็นแน่
เจ็บในอก ราวกับใจจะแหลกสลาย
ไม่อยากได้ยินเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว
“แต่เวลาของฉันที่ยังเหลืออยู่ ฉันขอสั่งให้แกอยู่กับฉัน ทำสิ่งที่ฉันอยากให้แกทำ จะได้ไหม” เสียงของเด็กสาวทำให้เจ้าปีศาจกำมือแน่น ความเจ็บปวดไร้ที่มาเริ่มเอ่อขึ้นจากก้นหัวใจ “ในเมื่อเวลามันมีน้อย เราก็ควรจะตักตวงความสุขให้มากที่สุด ไม่ใช่เหรอ”
แกร๊ง...แกร๊ง
ช้อนและส้อมในมือใหญ่ตักอาหารเข้าปากทันที ดวงตาสีเทาหลับแน่น เลนยะหันใบหน้ามาทางคิเอ็นจิ รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของเด็กสาว “ขอบใจ...ไอ้ลูกหมา”
“เลนยะ”
เสียงทุ้มต่ำที่มีกระแสอ่อนโยนดังขึ้นรั้งเด็กสาวที่กำลังจะออกจากห้องไป นัยน์ตาสีน้ำเงินมองไปทางต้นเสียง
“ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน ข้าสัญญา”
ดวงตาของหมอผีสาวปรากฏร่องรอยแห่งความเหลือเชื่อ ก่อนเด็กสาวจะหมุนตัวกลับเดินไป
“สัญญาเหมือนกัน”
ทาโร่ที่ลอยวนเวียนไปมานอกบ้านฟังบทสนทนาของทั้งสองอย่างงงๆ ดวงตากลมมองไปทางเจ้าปีศาจที่เอาแต่นิ่งมองอาหารในจานอยู่คนเดียวแม้ว่าผู้ยื่นมันให้แก่เขาไปเดินจากไปหลายนาทีแล้ว
“เป็นอะไรไปน่ะ เมื่อตะกี้ยังดีๆอยู่เลย”
“โดนแทงใจดำเข้าไปก็เป็นแบบนี้ล่ะขอรับท่านทาโร่”
โยชิฮาระถอนหายใจพลางส่งสายตาเป็นห่วงไปยังคิเอ็นจิ แม้ว่าจิตใจเข้มแข็งแค่ไหน แต่ถ้าถูกอุปสรรคมาขัดขวางมันก็ทำให้ล้าได้เหมือนกัน
“ช่างเถอะครับ..เดี๋ยวก็กลับมาทะเลาะกันได้เหมือนเดิมแล้วล่ะ”
สองผีหันขวับมองกันทันที เมื่อเสียงปริศนาถูกเอ่ยขึ้นเบื้องหลังตน และมันก็ไม่ได้มาจากพวกเขาสองคน ดวงตาสองคู่ค่อยๆเลื่อนไปข้างหลังช้าๆ
“ท่านคือ!!”
รอยยิ้มปีศาจของเลนยะถูกฉีกขึ้นบนใบหน้าของผู้มาใหม่ ดวงตาสองสีมองผีประจำตัวของมารดา ก่อนจะยกมือขึ้นทำท่าตะเบ๊ะให้แก่สองวิญญาณ
“อรุณสวัสดิ์ครับ โยชิฮาระซัง ทาโร่ซัง”
“เฮ้ยยยยยยยยยยย ไอ้ลูกหมา เกิดเรื่องใหญ่แล้วโว้ยยยยยยยยยยย!!”
เสียงตะโกนลั่นราวแม่ทัพสั่งทหารดังขึ้นจนบ้านโทรมแทบถล่มลงมา และตามมาด้วยหมาป่าหนุ่มที่ใบหน้ามีร่องรอยความหวาดกังวลเต็มเปี่ยมซึ่งมาหลังจากเสียงของเลนยะในไม่กี่เสี้ยววินาที ดวงตาสีเทาพราวความตกใจสุดขีด
“เกิดอะไรขึ้น!!”
“ไค...เจ้าไคหายไป!!”
ภาพตอนนี้คือ เด็กสาวในชุดไปรเวทเปลี่ยนใหม่ยืนค้างอยู่กลางห้องนอนของตนซึ่งไร้วี่แววของลูกชายคนเดียวที่นอนอยู่ทั้งคืนเลยแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีน้ำเงินดูตระหนกกว่าคราวใด
“ม...มันไปไหน”
“ใจเย็นๆเลนยะ..อาจจะไปซนไม่ไกลจากที่นี่หรอก”
“แต่ข้างนอกมันอันตรายนะเว้ย พูดมาได้ไงให้ใจเย็นๆน่ะ ลูกหายไปทั้งคนนะไอ้ลูกหมา ถ้าถูกรถชนหรือโดนจับไปขายขึ้นมาจะทำยังไง”
“เจ้าก็อย่าเอาแต่ใช้อารมณ์สิ ไม่สมกับเป็นเจ้าเอาซะเลยนะเลนยะ!! ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงไค ข้าก็ไม่ได้เป็นห่วงเขาน้อยไปกว่าเจ้า เลิกโวยวายสักที!!” เจ้าปีศาจตวาดใส่เด็กสาวลั่นพลางกวาดดวงตามองไปตามทิศทางที่เด็กชายน่าจะออกไปได้ จมูกโด่งเปิดรับสัมผัสของกลิ่นลูกชายจากทุกทิศ
แต่น่าแปลก...มันอยู่ใกล้แค่นิดเดียว
แถมชัดเจนเกินกว่าจะเป็นเด็กทารกแล้วด้วย
“นั่นไงครับทาโร่ซัง...ผมบอกแล้วว่าแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็กลับมาทะเลาะกันได้แล้ว”
ทั้งเลนยะและคิเอ็นจิหันมาทางประตูทันที เงาดำที่ทาบอยู่นานสองนานค่อยๆขยับและเดินออกมาจากมุมมืด
ปรากฏเป็นเด็กชายวัยประมาณแปดขวบแต่ทว่าความสูงเกินเด็กวัยเดียวกันไปสักหน่อย เส้นผมยาวรุงรังสีดำสนิทละเอียดลออคล้ายเส้นไหมเปล่งประกายสีเงินยามต้องแสงแดด ผิวสีออกขาวสะอาดตา แต่ที่หยุดสายตาทุกคู่คือนัยน์ตาแปลกประหลาดสองข้างซึ่งมีสีแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดวงตาสีเทาดูสว่างวาวทรงอำนาจ ส่วนอีกข้างสีน้ำเงินพราวด้วยแววคดโกงเจ้าเล่ห์ ข้างหลังของเด็กชายคือวิญญาณเด็กที่ตอนนี้เหมือนวิญญาณออกจากร่างวิญญาณอีกที และซามูไรหนุ่มที่ดูอึ้งสนิทจนกู่ไม่กลับ
“แก....”
หมอผีสาวพูดขึ้นหลังจากที่บรรยากาศรอบตัวยังคงเงียบอึ้งกับการปรากฏตัวของเด็กชายปริศนาที่มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาสีน้ำเงินสบเข้ากับตาสองสี
“เป็นใคร?”
ตูมมมมมมมมม
ทุกคนในห้องแทบจะล้มทั้งยืนเพราะตัวเองก็ทำให้เกิดมาแท้ๆแถมเลี้ยงมาตั้งสองวันเต็มๆยังจำไม่ได้ ร่างสูงเกินวัยขมวดคิ้วแน่นจนเป็นโบว์ และเริ่มตึงจนกระตุกนิดๆ
“...โซเคนโย ไค ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”
“แกว่ายังไงนะ!!!” เด็กสาวหวีดใส่หน้าเด็กชายเสียงแหลมสูงแทงโสตประสาทเกิน 80 เดซิเบล ทำเอาอาการมึนที่เพิ่งหายไปของหมาป่าหนุ่มข้างตัวกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง
“แก...บอกว่าแก...คือเจ้าไค...งั้นเหรอ”
เสียงของเลนยะเริ่มขุ่นลงเรื่อยๆ พร้อมกับร่างสูงเพรียวที่ย่างสามขุมเข้ามากระชากเสื้อขาดวิ่นๆ(ซึ่งก็คือชุดเก่าเลนยะเอง)ของเด็กชายจนใบหน้าของเด็กสาวและผู้เยาว์กว่าติดกัน
“หนอยยยย แกรู้บ้างมั้ยวะว่าฉันเสียเงินค่าของใช้เด็กไปเท่าไหร่ห๊าไอ้เด็กบ้า!!! ถ้าโตเร็วขนาดนี้แล้วจะซื้อมาทำสวรรค์วิมานอะไรล่ะวะ!!”
เป็นอันว่าทุกอย่างกระจ่าง ที่มาโวยไม่ใช่เพราะห่วงใยดีใจที่ลูกไม่ได้หายไปไหน แต่เพราะเรื่องเงินเฉียดแสนที่เธอเสียไปค่าของใช้นี่เอง ทาโร่ทำหน้าเหยมองมารดาที่มีรังสีอำมหิตวนเวียนจนจะลงมือฆาตกรรมลูกในไส้เอาซะวันนี้
ตกลงยัยโหดนี่มีสัญชาตญาณเพศแม่กับเขาบ้างมั้ยนี่
“แล้วนี่ใส่บ้าอะไรของแกหาไอ้ลูกหมา..ซกมกที่สุด!”
คำสรรพนามถูกโอนไปให้ไคคุงทันทีเมื่อเขาเป็นลูกของหมาจริงๆ เด็กชายเลือดขึ้นหน้าเมื่อหมอผีสาวมาปรามาสสไตล์การแต่งตัวที่สุดแสนจะสมาร์ทของเขา แต่ต่อให้ใครมาเห็นก็คงคิดแบบเดียวกับเลนยะเป็นแน่ เพราะสภาพเสื้อผ้าที่สวมใส่มันดูเกินเท่ไปหน่อย
เสื้อของเลนยะถูกตัดขาดวิ่นราวกับผ่านสงครามโลกมาสามสิบครั้งยังไม่ตาย กางเกงของคิเอ็นจิที่ซื้อมาโดยความสุดแสนเสียดายของเลนยะเพื่อมาใช้ต้อนรับซาโตรุถูกพับขยุกๆกองอยู่ที่ปลายเท้าและมีสภาพเหมือนถูกรถสิบล้อบดขยี้ไปมากับพื้นลูกรัง และเส้นผมที่ได้จากบิดาตอนนี้ยุ่งเป็นรังนกแถมใส่เยลหนาเป็นนิ้วๆ
“แบบนี้น่ะเค้าเรียกว่าอินเทรนด์รู้รึเปล่า!” ไคยังเถียงเสียงตะกุกตะกักด้วยความโมโห แต่ไม่อาจหยุดปีศาจในร่างมารดาให้เลิกบ่นได้
“อินเทรนด์บ้านป๊ะป๋าแกสิวะไอ้เด็กบ้า แต่งตัวอย่างนี้มันกุ๊ยข้างถนนชัดๆ หน้าตาก็ไม่ได้ดียังจะมาแต่งตัวให้ทุเรศทุรังขึ้นไปอีก ติดโรคบ้ามาจากพ่อแกรึไงวะ”
คิเอ็นจิหันไปทางเลนยะทันทีเมื่ออยู่ๆก็ดึงเขาเข้าสมรภูมิน้ำลายกับเธอด้วย อีกทั้งคำด่าว่าหน้าตาทุเรศที่ว่ากับไคก็ส่งมาถึงเขาอีก
ก็เจ้าไคมันถอดแบบเขามาไม่ผิดอย่างนั้น
“แต่ว่า!!!”
“เงียบไปเลย..แกเป็นลูกไม่มีสิทธิ์เถียงแม่นะเว้ย รู้มั้ยว่ากว่าแกก็มายืนเถียงฉันได้ฉันต้องทำอะไรบ้าง ท้องก็ตั้งเก้าเดือนนะเว้ย ตอนแพ้ท้องแกรู้มั้ยมันทรมานขนาดไหน อยากกินอะไรก็ไม่ได้กิน จะนอนก็ไม่ได้นอน จะกินอะไรแสลงก็ไม่ได้เดี๋ยวแกจะเดี้ยงอยู่ในท้อง ยิ่งตอนคลอดนะเว้ย แกไม่รู้หรอกว่าเจ็บปวดทรมานขนาดไหน ถ้ารู้ว่าเกิดมาแล้วจะมาเถียงคำไม่ตกฟากแบบนี้ ฉันฆ่าแกตั้งแต่ยังวิ่งไปแจ้งตำรวจไม่ได้ไม่ดีกว่าเรอะ!” เด็กสาวได้ทีรีบโจมตีเด็กชายครึ่งปีศาจด้วยคำพูดเป็นตุเป็นตะไปหลายดอกทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำเรื่องอย่างนั้นแม้แต่นิดเดียว ดวงตาสองสีหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์ร้าย
“เอ...ตอนนี้แม่อายุสิบหกไม่ใช่เหรอ ผมอายุแปดขวบ นี่อย่าบอกนะว่าพ่อพรากผู้เยาว์ทำแม่ท้องตั้งแต่แม่แปดขวบนะ”
ผึงงง
เสียงเส้นความอดทนของเลนยะที่สะบั้นลงดังขึ้นพร้อมกับอุ้งมือมารที่ผ่าอากาศเพื่อขย้ำคอไค ผีทั้งสองจะอ้าปากร้องให้หยุดก็ไม่ทันแล้ว
อายุขัยของโซเคนโย ไค จบสิ้นแน่วันนี้
เจ้าปีศาจส่ายหน้ารูปสลักอย่างระอาทั้งแม่และลูกก่อนจะพุ่งไปรั้งเลนยะเอาไว้ด้วยความเร็วเหนือแสงจนสายตาคู่ใดก็ตามไม่ทัน ไม่กี่วินาทีต่อมาเลนยะในโหมดฆ่าคนที่ขวางหน้าดิ้นอย่างรุนแรงในอ้อมแขนแกร่งของหมาป่าหนุ่ม นัยน์ตาสีเทาเจือแววดุส่งไปทางลูกชาย ทำเอาเด็กชายครึ่งปีศาจหุบยิ้มสะใจกลืนลงคอ
“เจ้าไม่สมควรว่านางแบบนั้น ยังไงเสียนางก็แม่ของเจ้า” เจ้าปีศาจเอ่ยเสียงเย็นในขณะที่เด็กสาวกระทุ้งศอกใส่ลำตัวของคิเอ็นจิเต็มที่เพื่อให้เขาปล่อยเธอ(ไปฆ่าลูก)เสีย
“แต่ทีหลังจะว่าก็ว่าแต่นาง
ดวงตาสองสีที่หลุบลงต่ำเกือบจะสำนึกผิดตวัดขึ้นมองบิดาทันที ก่อนจะฉีกยิ้มที่ลอกมารดามาราวกับถอดพิมพ์ขึ้น เพราะข้อความที่หมาป่าหนุ่มส่งมาทางสายตาคือ ‘แม่เจ้าน่ะนานๆโดนบ้างก็ดี’
“อ้าว!! ทำไมพูดหมาๆแบบนั้นล่ะวะไอ้หมาบ้า!!”
“ก็ข้าเป็นหมา..”
คิเอ็นจิกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมที่แฝงด้วยความสนุกในการเอาคืนเด็กสาวเสียบ้าง แถมมีแนวร่วมคือเจ้าไคมาด้วยอีกคน
งานนี้สนุกแน่
“ปล่อยโว้ยไอ้ลูกหมา!!! ฉันจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกแกทั้งพ่อทั้งลูกเลยคอยดู!!”
หมอผีสาวเปล่งเสียงอย่างเคียดแค้นแต่ใครจะโง่ปล่อยเธอในเมื่อคุณเธอเล่นขู่ไว้ซะเสร็จสรรพ คิเอ็นจิขยิบดวงตาสีเทาให้แก่ไค เด็กชายร้องอ๋อก่อนจะหัวเราะในลำคอ
แอ๊ดดดดดด
โครมมมม!!!
“ไอ้หมาชั่วววว...ฉันจะฆ่าแก๊!!!”
ปังงง
ประตูไม้ห้องนอนเลนยะที่เพิ่งซ่อมเสร็จหลังจากที่เด็กสาวบิดลูกบิดจนหลุดกระเด็นถูกเปิดออกด้วยมือของไค เสียงตูมคือเสียงร่างเลนยะที่ถูกโยนด้วยฝีมือของเจ้าปีศาจลงกระแทกก้นจ้ำเบ้าที่พื้น จากนั้นอภิชาตบุตรเช่นไคคุงก็มีหน้าที่ปิดประตูอย่างแน่นหนาอีกครั้ง
โครมๆๆๆ
“ปล่อยโว้ยย ปล่อยเดี๋ยวนี้..หนอยยย..เข้าขากันดีนักนะพวกแก..ฉันจะตัดหางปล่อยวัดให้หมดเล้ย!! ไอ้พวกหมาบ้า!!”
“ถ้าเจ้ายังไม่ใจเย็นลงกว่านี้ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกจากห้องนั้น”
หมาป่าหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบท่ามกลางเสียงรัวประตูของหมอผีสาว มือใหญ่ดึงยันต์กำบังที่ติดอยู่ในห้องซึ่งขังเขาไว้เมื่อคืนออกมาแล้วแปะมันลงที่ประตู
“จงบดบังพสุธา บดบังนภา บดบังธารา บดบังอัคคี ผสานผนึกกำบัง”
สิ้นเสียงสวด แสงสว่างวาบสีเงินเปล่งลำแสงออกจากตัวยันต์และแผ่นไปทั่วบานประตูกับผนัง จนดูเหมือนกลายเป็นหินผาแกร่งแข็งแรงไปในบัดดล
“จะดีเหรอครับพ่อ..ยันต์แผ่นเดียวน้อยไปมั้ง” เด็กชายกล่าว ดวงตาสองสีพราวระริกอย่างสนุกใจ ทำเอาผีทั้งสองที่นิ่งเงียบมานานถึงกับสะอึก
ศึกสายเลือดปะทุขึ้นแล้ว!
“ช่างเถอะไค..มาเข้าเรื่องดีกว่า” ดวงเนตรสีเทาละจากบานประตูซึ่งยามนี้หนาแข็งจนไม่ได้ยินเสียงทลายประตูของเลนยะอีกต่อไป คราวนี้แววตาสองสีแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่”
“เรื่องนี้คงต้องถามผู้ทรงคุณวุฒิของแม่แล้วล่ะมั้งครับ พ่อกับแม่เองก็ต้องมีเรื่องที่จะสะสางกับเขาอยู่เหมือนกัน...ไม่ใช่เหรอ?”
เด็กชายครึ่งปีศาจกล่าวพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย ดวงตาสีเทามีประกายบ่งบอกว่ารู้คำตอบที่ลูกชายบอกมาแล้ว ทาโร่นิ่งคิดอยู่เพียงครู่ก่อนจะเหมือนมีไฟฟ้าแล่นเข้าที่สมอง
หมายถึง ผอ.โยโค มิโนวะน่ะหรือ!?
*******************************************************
ความคิดเห็น