คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Mom&Dad 11 : นาทีวิกฤตแห่งความบริสุทธิ์(ของเจ้าปีศาจ) (100%ซะที)
ลมอ่อนๆยังคงปลิวผ่านม่านเข้ามาในห้องนอน คิเอ็นจินอนนิ่งบนเตียง ดวงตาสีเทาเหลือบไปมองที่รอยบุ๋มบนฟูกข้างๆตัวซึ่งเคยเป็นที่รองรับร่างของเด็กสาว ในหัวสมองของเจ้าปีศาจครุ่นคิดถึงอากัปกิริยาที่เธอถอยห่างเขาเช่นนั้น
ร่างใหญ่สง่าลุกขึ้นในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง ไคยังหลับสนิทเพราะฤทธิ์ไข้ มือขาวสะอาดเกลี่ยเส้นผมที่แทงเปลือกตาของลูกชายออกอย่างเบามือ ก่อนคิเอ็นจิจะตัดสินใจเดินออกจากห้องเพื่อไปหาหมอผีสาวที่ย้ายออกจากห้อง
“ค...คิเอ็นจิฮะ”
ผีน้อยที่ขยี้ตาด้วยความง่วงลอยเข้ามาหาเจ้าปีศาจที่กำลังปิดประตู หน้าตาสะลึมสะลือเหมือนกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ “จะไปไหนเหรอฮะ”
“ข้าจะไปตามเลนยะ..เห็นอยู่ๆนางก็ย้ายห้องนอนไป ไม่รู้ว่ามีอะไรหรือเปล่า” เสียงทุ้มต่ำน่าเกรงขามตอบกลับ แต่ท่าทางของทาโร่ที่เป็นการตอบรับว่ารับรู้คือการผงกหัวงึกๆคล้ายกับจะหลับลงเสียตรงนี้ “ถ้าเจ้าง่วงนักก็ไปนอนซะเถอะ”
ทาโร่ปฏิบัติตามคำพูดของหมาป่าหนุ่มในทันทีเพราะเขาก็กำลังอยากจะทำเหมือนกัน ทั้งๆที่วิญญาณไม่จำเป็นต้องมีความต้องการจำพวกนี้
หมาป่าหนุ่มเดินไปหยุดที่หน้าประตูเก่าๆของห้องเก็บของ พลางถอนหายใจเบาๆเพราะป่านนี้เลนยะคงสลบไสลไปแล้ว เข้าไปตอนนี้ก็คงไม่ได้เรื่องอะไรขึ้นมา แถมอาจจะโดนผลพวงจากการละเมอของเด็กสาวอีกก็ได้ เขาเองก็ยังไม่อยากตัดอายุให้สั้นลงเสียด้วย
มือใหญ่จับแน่นที่ลูกบิดเก่าๆที่รอเวลาหลุดจากบานประตูไม้คร่ำครึ ก่อนจะตัดสินใจบิดเข้าไป โดยไม่รู้เลยว่านิ้วหัวแม่มือของเจ้าปีศาจพลาดไปโดนปุ่มล๊อคของมันเข้า คราวนี้ผลกรรมที่เลนยะใช้ทุกอย่างในบ้านแบบไม่ปราณีปราศรัยกำลังย้อนมาทำร้ายตัวเธอเองเสียแล้ว
“ทำไมคืนนี้มันร้อนนักนะ”
นัยน์ตาสีเทาเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเด็กสาวในชุดนอนนั่งอยู่บนฟูกดำๆเปื้อนฝุ่นในท่าทางก้มหน้าจ้องพื้น ทำให้ใบหน้ารูปสลักมีรอยแห่งความสนเท่ห์ขึ้น “เจ้ายังไม่นอนอีกหรือเลนยะ”
“ถ้านอนแล้วจะเห็นว่านั่งอยู่มั้ยล่ะไอ้ลูกหมา ถามโง่ๆ”
คำตอบตามแบบฉบับโซเคนโย เลนยะถูกส่งกลับไปที่เจ้าปีศาจที่หลงมาดูแล เพราะนึกว่าคุณเธอจะป่วยไข้เป็นอะไรไปรึเปล่า จนหมาป่าหนุ่มอยากกลับห้องไปเดี๋ยวนั้น
“แกมาทำไม” เด็กสาวเรือนผมน้ำตาลเอ่ยโดยไม่เงยหน้า แต่ทำให้ร่างสูงชะงักไป
“ข้า...ก็แค่..” คิเอ็นจิกล่าวด้วยเสียงตะกุกตะกัก เพราะจะให้บอกไปตรงๆว่าเป็นห่วงเด็กสาวตรงหน้ามันก็ออกจะโจ่งแจ้งเกินไป
“เป็นห่วงฉัน”
ความคิดในใจถูกเอ่ยขึ้นมาตรงๆทำเอาหมาป่าหนุ่มสะดุ้ง รอยยิ้มภายใต้เงามืดแยกขึ้นช้าๆ “แล้วทำไมต้องเป็นห่วงด้วยล่ะ จะญาติกันรึก็ไม่ใช่ เพราะขนาดไอ้ท่ามากมันญาติฉันแท้ๆยังแทบจะฆ่ากันตาย และแกก็ไม่ได้ติดตามฉันมาเหมือนทาโร่กับโยชิฮาระ นอกเสียจากว่า..”
“แกจะรักฉัน”
สิ้นคำ ความเงียบก็กินพื้นที่ระหว่างร่างทั้งสองโดยพลัน ดวงตาสีเทานิ่งที่เลนยะ
“ใช่มั้ยล่ะ ไม่ยักรู้ว่าหน้าตาฉันมันก็ดีเหมือนกัน ถึงได้มีคนมารักได้”
เสียงกลั้วหัวเราะไม่ช่วยอะไรขึ้นมา เจ้าปีศาจเงียบสนิทจนเหมือนกับว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น “แกเคยถามใช่มั้ย ว่าฉันรู้สึกยังไงกับแก”
“เจ้า...รู้..”
“ถ้าคำตอบนั่นคืออย่างเดียวกับที่แกมีให้ฉันล่ะไอ้ลูกหมา..แกจะว่าไง”
สรรพสิ่งหยุดนิ่งการเคลื่อนไหว ร่างบางที่นั่งอยู่บนฟูกห้องโทรมลุกขึ้นเดินเข้ามาหาเจ้าปีศาจที่ค้างเป็นรูปหล่อปูน พื้นที่ระยะห่างทั้งร่างกายและระยะห่างของจิตใจเริ่มเหลือน้อยลงทุกที นัยน์ตาสีเทาคู่งามจดจ้องเด็กสาวก่อนจะเบิกโพลง
หมับ
วงแขนทั้งสองของเลนยะรัดเข้าที่กลางลำตัวหนาของร่างสูงกว่า ใบหน้าของหมอผีสาวซบลงบนอกอบอุ่นของหมาป่าหนุ่ม “ฉันก็รักแก ไอ้ลูกหมา”
ความร้อนในร่างกายที่สั่งสมอยู่ลุกโชนขึ้นเหมือนถ่านแดงลุกติดไฟที่ถูกราดด้วยน้ำมัน เหงื่อใสๆไหลลูบใบหน้ารูปสลักขาวซีด สิ่งแปลกปลอมที่อยู่ในร่างกายเล่นงานเขาเข้าให้แล้ว
“นี่มัน..อะไร...”
ผลั่ก!!!
โครมมม!!!
คิเอ็นจิถูกผลักตัวปลิวจนล้มลงไปบนฟูกหนา เลนยะกระโดดขึ้นคร่อมราวกับตะครุบเหยื่อ แววตาของเลนยะว่างเปล่าราวกับถูกควบคุม เจ้าปีศาจกัดกรามแน่น
“ยอมเป็นของฉันซะเถอะไอ้ลูกหมา!!”
ริมฝีปากรูปกระจับอ้าเหวอเมื่อคำประกาศิตหลุดจากปากของเด็กสาว มือเรียวทั้งสองกดแขนแกร่งของเขาลงกับผ้าห่มแน่นจนไม่อาจกระดิกทั้งๆที่ดูแล้วเขาน่าจะแข็งแรงกว่าเธอเป็นไหนๆ จะพูดให้ถูกคือเขาก็เริ่มควบคุมร่างกายไม่ได้ไปทีละส่วน แม้จิตใจจะไม่ยินยอม
แต่ร่างกายมันไปเสียแล้ว...
ใบหน้าของเลนยะพุ่งลงใส่ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าปีศาจทันทีโดยไม่ปล่อยช่องว่างให้หลบหนีไปได้ หมาป่าหนุ่มพยายามเบี่ยงหลบเลนยะที่บัดนี้เกิดอาเพศแปลกประหลาด ผู้หญิงข่มขืนผู้ชาย
นี่เขา...ต้องมาเสียพรหมจารีย์ให้กับเลนยะวันนี้หรือนี่..
แขนขวาแกร่งพยายามรั้งเลนยะที่ใช้แรงมหาศาลกดลงมาใกล้ๆ นัยน์ตาสีเทาสว่างมีร่องรอยตื่นตระหนกเมือมือซ้ายของเลนยะจับหมับเข้าให้ที่เสื้อของเขา
“หยุดนะเลนยะ!!! ปล่อยข้า!!..อย่า!!”
ฟุ่บบ
สายไป..เสื้อนอกของชายหนุ่มถูกกระชากทิ้งไปอีกทาง เหลือเพียงยูกาตะบางๆสีขาวเท่านั้น คิเอ็นจิหลับตาลงอย่างรำคาญใจเมื่อร่างกายไม่ยอมทำตามคำสั่งเลย
ราวกับจะยอมให้เด็กสาวง่ายๆอย่างนั้นแหละ
“ไม่เห็นต้องอายอะไรเลยนี่นา..ถ้าแกอายล่ะก็ฉันจะทำให้ยุติธรรมต่อกัน เอามั้ย!”
“เจ้าอย่าบอกนะว่าจะ..!!!”
แคว่กกกก!!
เสื้อนอนของเลนยะถูกทึ้งออกด้วยกำลังช้างสารจนปลิวเป้นเศษเล็กเศษน้อย เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่เจ้าปีศาจไม่เคยเห็นมาก่อนแม้ว่าจะใส่เสื้อซับเอาไว้ก็เหอะ แต่หมาป่าหนุ่มก็เป็นผู้ชายทั้งแท่ง เห็นแบบนี้ต่อให้ธรรมะธรรโมมาจากไหนก็ตบะแตกได้ทั้งนั้น
“ให้แกดูคนแรกเลยนะเนี่ย ต่อไปจะเอาอะไรดีน้า~~”
เสียงยียวนที่ฟังดูเบลอๆเล็กน้อยดังขึ้นทำให้จิตใจของเจ้าปีศาจเกิดความกลัวเกาะกินหัวใจราวกับเสียงเพชฌฆาตสั่งเชือดก็ไม่ปาน รอยยิ้มปีศาจแยกขึ้นให้กับเหยื่อในอ้อมแขน
นิ้วมือบางจิ้มกลางหน้าอกของเจ้าปีศาจเบาๆ ทว่าหัวใจที่เต้นรัวเร็วสั่นสะเทือนออกมาถึงข้างนอก เลนยะยิ้มบางๆ “โถๆๆๆ ไม่เป็นไรหรอกน่าไอ้ลูกหมา รับรองว่าฉันจะดูแลแกอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยแหละ ขอบคุณซะเถอะที่ฉันเป็นคนแรกของแก”
“เ..เลนยะ...ข้า..”
เสียงระส่ำของคิเอ็นจิเรียกให้เด็กสาวผู้รุกรานยิ้มกว้างราวกับได้ชัยชนะ
“อะไรเหรอจ๊ะที่รัก”
“ข้าขอโทษ!!!”
โครมมมมมมม!!
เท้าของเจ้าปีศาจถีบร่างที่คร่อมอยู่กระเด็นเหมือนคราวที่เธอถีบเขาตกจากเตียงไม่มีผิด เลนยะปลิวไปอีกทางด้วยกำลังที่ยังเหลืออยู่ของหมาป่าหนุ่ม คิเอ็นจิรีบคว้าเข้าที่ลูกบิดประตู
แกร๊ก...แกร๊ก.
“เปิดสิ!!”
ตูมมม!!
ฝ่าเท้างามกระโดดเตะอัดเข้ากลางลำตัวของชายหนุ่ม คิเอ็นจิเบิกนัยน์ตากว้าง ก่อนจะทรุดตัวลงกองกับพื้น เด็กสาวเล่นใช้กำลังทั้งหมดพ่วงเข้ากับพลังวิญญาณ กำลังขนาดนี้ถ้าเป็นคุดะคงขาดสองท่อนได้ง่ายๆ
“..ชอบซาดิสม์ก็ไม่บอกนะไอ้ลูกหมา”
หมอผีสาวลากคิเอ็นจิที่มีเลือดเกรอะกรังเต็มปากขึ้นบนฟูกอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำเงินวาวโรจน์แบบที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในมือมีเศษผ้าห่มที่ฉีกขาดเป็นริ้วๆกำไว้แน่นหนา
“อย่านะเลนยะ!!! ม่ายยยยย!!!”
คิเอ็นจิแผดเสียงหลงเมื่อเด็กสาวคนสำคัญเอาเชือกมัดสองมือของเจ้าปีศาจแน่นจนไม่อาจขยับได้ ดวงตาสีเทากวาดไปรอบห้องเพื่อหาทางช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากสถานการณ์คับขัน แต่กลับพบสิ่งที่ไม่ควรจะมีติดอยู่เต็มผนังห้อง
แผ่นยันต์!?
“ก็กันพวก ก ข ค มาทำลายความสุขไงจ๊ะที่รักจ๋า เลยต้องทำแบบนี้”
หมอผีสาวว่า ก่อนจะฉุดเสื้อที่เหลืออีกเพียงชั้นเดียวของคิเอ็นจิออกให้พ้นหูพ้นตา ทำให้ชายหนุ่มไม่สงสัยเลยว่าทำไมวันนี้โยชิฮาระกับทาโร่ดูแปลกๆไป
ที่แท้ก็...
“ว้ากกกกกกกกกก”
เจ้าปีศาจร้องลั่นเลนยะทรุดตัวลงนอนบนร่างกายเปลือยท่อนบนของเขา แถมแสร้งทำหลับตาพริ้มทำเหมือนหลับสบายอีกต่างหาก ทั้งๆที่เขาก็กำลังทำศึกอยู่สองด้าน
โธ่ คิเอ็นจิ เจ้าก็ยอมๆไปเถอะน่า เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว
“ไม่มีทาง!!”
เสียงปฏิเสธแข็งกร้าวทั้งๆที่ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว ส่วนผู้รุกรานอธิปไตยยังคงขยับตัวไปมาบนร่างกายของเขา
ข้าล่ะเบื่อกับเจ้าจริงๆ โน่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา เฉามาตั้ง 500 ปีแล้วเจ้าไม่รู้สึกอะไรมั่งรึไง หรือว่าตายด้าน?
“ไม่ใช่สักหน่อย!!”
ถ้าไม่ใช่ทำไมไม่ลองพิสูจน์ความเป็นชายของเจ้าล่ะ ว่าเจ้ายังใช้การได้อยู่รึเปล่า
“หมายความว่ายังไง!!”
จะให้พูดตรงๆรึ ก็ยอมให้นางปล้ำเจ้าซะยังไงเล่า!
คำตอบจากใจของชายหนุ่มซึ่งบัดนี้เป็นอิสระจากร่างกายไปเรียบร้อยทำเอาเจ้าปีศาจแข็งไปทั้งตัว อีกทั้งเด็กสาวเจ้าปัญหายังทำหน้าเหมือนแมวขี้อ้อน(แบบที่ไม่มีทางทำเด็ดขาดหากเป็นโซเคนโย เลนยะตัวจริง 100%)ใส่เขาอยู่ได้
ไม่ใช่เธอคนเดียวเสียหน่อยที่ดื่มยาบ้าๆนั่นเข้าไปน่ะ
ถ้าเขาคุมสติไม่ได้บ้าง
งานนี้คงมีเฮแน่ๆ
เนตรสีเทาสุกสว่างหลับลงหนึ่งข้างเพราะเหงื่อเม็ดใสเม็ดโตไหลเข้าตา เมื่อหมาป่าหนุ่มต้องเค้นเอาพละกำลังทั้งหมดเพื่อใช้ในการต้านไม่ให้ตัวเองเป็นสามีเลนยะไปโดยยังไม่ถึงวัยอันสมควร(แม้ว่าลึกๆก็...)และกันไม่ให้จิตใจตัวเองเตลิดเปิดเปิงไปเจอะกับหมอผีสาวที่สติแตกพอดี
“เลนยะ!!...ตื่นสิ..อย่าให้ฤทธิ์ยามันควบคุมเจ้า!” เสียงน่าเกรงขามที่บ่งบอกได้ชัดเจนถึงความเหนื่อยอ่อนดังขึ้นแผ่วเบา มือที่ถูกรัดแน่นด้วยเศษผ้าสั่นริกๆ
”..ข้า..ไม่ได้รักเจ้า..คนที่เป็นแบบนี้..”
เลนยะที่หลับตายั่วสวาทพริ้ม เงยใบหน้าที่ดูสวยผิดปกติไปยังเจ้าปีศาจ ดวงตาที่ไร้ประกายมีแววสั่นขึ้นเล็กๆ
“แต่เลนยะ...คนที่ข้ารัก...คือคนที่ไม่ได้อ่อนหวาน...ไม่ได้สวยราวกับนางฟ้า...ไม่ได้แก่นแก้วน่ารักน่าชัง..แต่คือเจ้าที่เป็นเจ้า..” ลมหายใจที่ขาดเป็นช่วงๆตอนนี้มีสภาพไม่แตกต่างจากสติของคิเอ็นจิเลยแม้แต่น้อย ประโยคที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนล้านี้มันคือสัญญาณที่ว่าเจ้าปีศาจเริ่มจะถอดใจแล้ว “คนที่เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ไม่น่าคบมาตั้งแต่ได้พบครั้งแรก อีกทั้งยังใช้ความรู้สึกของคนอื่นมาเป็นเครื่องมือได้เก่งกว่าทำอย่างอื่น เห็นจิตใจคนอื่นเป็นของเล่น”
“แต่ข้า..กลับละสายตาจากเลนยะคนนั้นไม่ได้สักที..”
น้ำเสียงตัดพ้อตามความรู้สึกที่อดกลั้นมานานด่าว่าเลนยะอย่างเหลือทน คมเขี้ยวขาวในริมฝีปากงามถูกขบแน่นราวกับเขี้ยวของสัตว์ร้ายที่ล่าเหยื่อ แต่ประโยคสุดท้ายกลับเป็นน้ำเสียงที่เบาลง รอยยิ้มในสถานการณ์คับขันถูกคลี่ออกมา ”คนที่เป็นดังกระจกสะท้อนทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าเคยเห็นว่าจริงให้เป็นสิ่งโกหกทั้งหมด ทำให้สิ่งที่ข้าเคยยึดติดกลับเป็นเพียงสิ่งที่ไร้ความหมาย แต่นั้นทำให้ข้ารู้ได้ทันทีว่า สิ่งที่สำคัญสำหรับข้าไม่ใช่สิ่งพวกนั้น แต่คือเจ้า..โซเคนโย.. เลนยะ”
“ข้ารักเจ้าคนนั้น...กลับมาเถอะเลนยะ..กลับมาเป็นเลนยะคนที่ข้ารักเถอะ”
สิ้นประโยค เปลือกตาหนาคลุมลงทับนัยน์ตางามสีเทา ปล่อยให้ร่างกายของเขาควบคุมตัวเองไปตามใจปรารถนา แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เขาจะรับผิดชอบเองทุกอย่าง
“อ...อึก....อ...”
เสียงครางท่ามกลางความมืดทำให้หัวคิ้วของเจ้าหมาป่าขมวดเข้าหากัน สติที่กำลังดับวูบราวกับเทียนที่ถูกสายลมพัดกลับมาโชติช่วงอีกครั้ง คิเอ็นจิลืมตาขึ้นมาต้นเสียงอย่างประหลาดใจ
ร่างสูงของเด็กสาวสะบัดไปมาอย่างรุนแรง มือทั้งสองข้างทึ้งเส้นผมสีน้ำตาลอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะทำสิ่งที่ทำให้เจ้าหมาป่าจะอ้าปากค้างพลางแผดเสียงลั่น
“อย่า!!!”
โครม!!!
หมอผีสาวล้มลงกระแทกพื้นห้องอย่างแรง ก่อนจะผุดพรวดจากพื้นกระแทกต่อเข้าที่ประตูเหมือนนักโทษที่กำลังพยายามฆ่าตัวตาย คิเอ็นจิกัดผ้าที่พันแขนออก แล้วปราดเข้าไปดึงเด็กสาวที่โชกไปด้วยเลือดออกจากผนังหนาก่อนที่เด็กสาวจะจากเขาไปจริงๆ
“เจ้าเป็นอะไรไป!!...จะทำบ้าอะไร”
หมาป่าหนุ่มโวยใส่เด็กสาวด้วยใจหวั่นระทึกและเป็นห่วงระคนกัน เมื่อเขาก้ไม่แน่ใจนักว่าเลนยะที่อยากมอบความสาวให้เขายังอยู่หรือเปล่า
“หึ...ทำตัวเป็นพระเอกหนังน้ำเน่าอีกแล้วนะไอ้ลูกหมา..บอกแล้วว่าฉันเห็นแล้วจะอ้วก” เสียงที่คุ้นเคยเรียกให้ใบหน้าคมคายอึ้งไปก่อนจะปรากฏร่องรอยแห่งความสุขอย่างเห็นได้ชัด “เจ้า...”
มือพันผ้าพันแผลเสยเส้นผมรุงรังที่บังดวงตาสีน้ำเงินแม่สีออกไป เผยให้เห็นดวงตาสีน้ำเงินแกร่งกล้าก้าวร้าวตามปกติ แววตาเปล่งประกายกร้าวเหมือนเดิมตามแบบฉบับเจ้าตัว
“ฉันน่ะ ไม่ยอมให้ใครมาใช้ร่างฉันทำอะไรตามใจชอบหรอกนะเว้ย”
รอยยิ้มร้ายกาจถูกฉีกขึ้นประดับใบหน้าเด็กสาวปีศาจอีกครั้งหนึ่ง เลือดซิบๆจากแผลทั้งตัวไหลเยิ้มออกมา นัยน์ตากร้าวตวัดมาทางปีศาจที่ยืนอยู่ข้างๆช่วยพยุง ”แกน่ะ..ไม่รู้สึกแล้วรึไงหา...ไอ้ลูกหมา”
“อะไร” เจ้าปีศาจส่งคำถามเต็มประโยคไปทางสายตา แต่เอ่ยออกมาสั้นๆประสาคนพูดน้อย ทั้งที่ไม่กี่นาทีที่แล้วโวยลั่นเสียภาพพจน์เย็นชาที่สั่งสมมายับเยิน
“ให้เรียกว่าอะไรดีล่ะ...สำหรับหมา...คง’ติดสัด’มั้ง”
“’ว่ายังไงนะ!”
เสียงอ่อนโยนมลายไปสิ้นเมื่อเลนยะกลับมาแขวะคนอื่นไม่สนอาการตัวเองได้เหมือนเดิม นัยน์ตาสีเทาจดจ้องเลนยะที่เดินไปที่กล่องเก่าๆในห้องเก็บของเหม็นอับที่เกือบจะได้เป็นห้องหอของทั้งสองสามีภรรยาเสียแล้ว มือที่อาบด้วยเลือดคาวสดตะกุยของในกล่องชนิดไม่สนว่าจะมีของแตกร้าวได้รึไม่
ตูม...
กล่องไม้เล็กๆในกล่องใหญ่ถูกเขวี้ยงลงพื้นอย่างรุนแรง เรียกให้แมงมุมที่อุตส่าห์รอลุ้นเหตุการณ์สะดุ้งร่วงลงมาจากใยอันเป็นที่อยู่ คิเอ็นจิมองสิ่งที่เด็กสาวหยิบขึ้นมาจากกล่องไม้ใบนั้นอย่างพินิจ
“จะถามก็ถามมา”
“ยาอะไร”
หมอผีสาวเปิดโอกาสให้เจ้าปีศาจปล่อยความสงสัยตัวเองออกมาจากใจ ในมือเปื้อนเลือดมีกระปุกยาที่ทำจากไม้ดูสภาพทรุดโทรม ข้างในมีเม็ดยาสีเขียวสดใสมนกลมบรรจุมากมาย
“โซเคนโยมีการฝึกที่หนักมาก มันก็มีบางที่เวลาฝึกซ้อมแล้วพลาดเกิดอาการเจ็บภายในมีเลือดคั่ง หรือไม่ก็ถูกพิษจากพวกปีศาจ ที่รอดๆกันมาได้ก็เพราะไอ้เม็ดนี่เนี่ยแหละ” เม็ดยาเม็ดจ้อยถูกคีบขึ้นมาโชว์ให้หมาป่าหนุ่มดูอย่างใกล้ชิด “มันคือยาระบาย แต่แค่ไม่ได้ระบายออกทางก้นแค่นั้นเอง แต่ใช้ดีนะ ตอนเด็กๆฉันใช้จนแทบจะเหมาโรงงานได้เลยแหละ”
ว่าจบ เม็ดยาสาธิตก็ถูกโยนเข้าปากแล้วกลืนเข้าไปทันที ก่อนจะหยิบอีกเม็ดขึ้นมาให้หมาป่าหนุ่มที่ดูท่าจะขยาดยาต่างๆไปเสียแล้ว “ถ้ากินเข้าไปฤทธิ์ยาก็จะถูกขับออกมาเอง หรือที่แกโอ้เอ้นี่เพราะแกหวังอะไรรึไงไอ้ลูกหมา”
อึก..
เสียงกลืนยาลงคอของเจ้าปีศาจทำให้คุณหมอผู้จัดยายิ้มกว้าง “เชื่องดีนี่”
“ที่ว่าไม่ออกทางทวารหนัก..มันออกทางไหน”
คิเอ็นจิถามขึ้นเมื่อยาสีเขียวลงท้องไปเรียบร้อย แต่เลนยะกลับยักไหล่ให้แบบไม่จีรัง “เวลามันจะออกมาแกก็รู้เองแหละ ถามวุ่นวายจริงๆเลยไอ้หมานี่”
มือที่เกรอะกรังด้วยเมือกแดงยัดกระปุกยาลงใส่กล่องแล้วโยนกลับไปในกล่องไม้ใหญ่ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับฟูกนอนด้วยพลังที่ใช้ไปเยอะเหลือเกิน ดวงตาสีน้ำเงินมองไปที่ยันต์ที่แปะผนังอยู่อย่างเหยียดๆ “ไอ้ฉันนี่ก็ร้ายไม่ใช่เล่นนะ มันรู้อยู่แล้วว่าแผนมันไม่สำเร็จ มันเลยจับฉันขังกับแกซะเลย เผื่อบางทีฉันกับแกจะอยากเล่นอะไรแปลกๆกันซะเอง เฮ้ออออ~~”
หมาป่าหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอา เพราะยันต์ที่ว่าคือยันต์ผนึกกำบัง ซึ่งจะกันแบบคนในไม่ให้ออก คนนอกไม่ให้เข้า ประตูที่ไม่ค่อยแข็งแรงซึ่งแค่โดนเลนยะกระโดดถีบก็น่าจะพังแล้วเลยแกร่งราวหินผาขึ้นมาโดยพลัน
ไม่ว่าจะเลนยะคนไหน..ก็เจ้าเล่ห์เหมือนกันหมด
“พลังยันต์นี่ผ่านคืนก็คงเสื่อมแล้ว คืนนี้ก็ทนนอนด้วยกันไปก่อนแล้วกัน”
ฟุ่บ..
ดวงตาแม่สีเบิกกว้างขึ้นเมื่อท่อนแขนบางโชกโลหิตถูกจับอย่างเบามือด้วยมือใหญ่ และค่อยๆถูกสมานด้วยพลังของเจ้าปีศาจจนหายดี
“เดี๋ยวมีลูกอีกคนโผล่มาอีกคราวนี้วุ่นแน่ไอ้ลูกหมาเอ้ย”
“ข้าแค่ไม่อยากได้กลิ่นเลือดเวลาหลับเท่านั้น”
เสียงทุ้มกล่าวกลับไป แต่ดวงตาสีเทาที่หลบตัวอยู่ใต้เส้นผมสีนิลมีประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง
มีลูกอีกงั้นเหรอ
เขาก็อยากมี ลูกหลายๆคน
ลูกของเขาที่เกิดจากเธอ...ที่อยู่ตรงหน้า
มีหลายๆคนก็ดี
หมาป่าหนุ่มสะบัดหัวอย่างแรงเมื่อตนเองรู้สึกว่าคิดอะไรบ้าๆ ใบหน้าคมคายขึ้นสีระเรื่อนิดๆ ก่อนจะพุดลุกขึ้นไปเอาผ้าเก่าๆมาคลุมตัวของเลนยะซึ่งเจ้าตัวเหมือนจะลืมไปว่าตนใส่เพียงซับในขาดรุ่งริ่งทำให้เห็นบราชั้นในและเนื้อกายขาวๆ
ถ้าขืนยังแต่งตัวแบบนี้ ไอ้ความคิดตะกี้มันจะมาอีก
คราวนี้ไม่ต้องพึ่งไวอากร้าแน่ๆ
เด็กสาวเรือนผมน้ำตาลเอนร่างลงบนฟูกช้าๆ ปล่อยให้ชายหนุ่มผู้ร่วมห้องนอนบนพื้นกระดานเย็นๆข้างๆตัวเธอ ร่างใหญ่กว่านอนหันหลังให้กับเลนยะ ก่อนจะหลับดวงตาสีเทาลง
“ที่ข้าพูดไปน่ะ อย่าเก็บไปคิดอะไรมากมายเลยนะ เลนยะ”
“พูดอะไร?”
คำถามจากเลนยะทำให้คิเอ็นจิซุกใบหน้าหล่อเหลาลงกับเส้นผมสีดำของตนมากขึ้น จะให้เขาพูดอีกรอบหรือยังไง
“ก็ตอนที่ข้าเรียกเจ้าให้กลับมา..”
“เรียกอะไรของแก แกพูดอะไร”
คราวนี้ หมาป่าหนุ่มมองไปทางเด็กสาวที่จ้องเขาด้วยสายตาบริสุทธิ์ว่า ไม่รู้จริงๆ
“อย่าบอกนะ..ว่าเจ้าจำอะไรไม่ได้เลย...แม้แต่นิดเดียว”
“จะให้ฉันจำอะไรวะไอ้ลูกหมา...ก็ฉันพยายามสู้กับมันตั้งนาน แล้วอยู่ๆมันก็นิ่งไป ฉันเลยมีโอกาสกลับมา เห็นสภาพแกดูไม่ได้เลยแซวไปอย่างนั้น ว่าแค่นี้โกรธเรอะ”
เพล้งงงง...
ความพยายามและความรู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นมาพังยับเมื่อคนที่เขาสารภาพรักไป ดันจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
ทั้งที่เธอเป็นผู้หญิงคนแรกในโลกที่ได้คำๆนั้นจากเขา แต่ดันไม่รู้เรื่องอะไรเลย
สงสารตัวเองจริงๆ
“ไม่มีอะไร นอนซะ”
“อะไรของแก..ก็!!”
“หลับไปซะ”
คำสั่งจากชายหนุ่มทำให้หมอผีสาวบุ้ยหน้าก่อนจะหลับดวงตาสีน้ำเงินลงไป เหลือเพียงดวงตาสีเทาสว่างท่ามกลางราตรี
“ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้มาจากใจของเจ้าจริงๆ ที่เจ้าพูดว่ารักข้ามันก็คงไม่จริงเหมือนกัน....สินะ” เสียงเบาๆที่กล่าวกับตนเองถูกสายลมปลิวหายไปกับอากาศยามค่ำคืน คืนแห่งความระทึกผ่านไปแล้ว แต่พรุ่งนี้กลับมีอะไรที่รอคอยสองสามีภรรยาอยู่
อะไรที่ใหญ่กว่านี้มาก
ความคิดเห็น