ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FanFic] โซเคนโย - สามีภรรยา&พ่อแม่จำเป็น!

    ลำดับตอนที่ #10 : Mom&Dad 10 : Miracle--ถึงคราวเลนยะรุก!! (100 แระ แหม..ทำไปได้)

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ค. 50


                                                                          10


                    "ผิดที่แล้วโว้ยไอ้ลูกหมา ไปทางอื่นไม่ได้เหรอฟะไอ้หมาโง่ส์!!!"

              หมอผีสาวตวาดสามีลั่นแถมเติม s ความโง่ของเจ้าปีศาจให้เป็นพหูพจน์อีกด้วยเมื่อชายหนุ่มดันมาค้างที่หน้าระเบียงของห้องเรียนของเธอพอดี แถมในอกเธอยังมีเจ้าไคที่ดูสนุกกับการลอยคว้างกลางอากาศของป่ะป้าตัวเองมาก

              ทาโร่ อาเคเดะ และซานาดะบัดนี้โดนสตาฟไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อเด็กสาวบอกเองว่าไม่อยากให้ใครมาเห็น แต่ตอนนี้ล่อซะเห็นกันหมดโรงเรียน

                    "เจ้าก็ลองมาทำเองสิ โวยวายอยู่ได้!!"

                คิเอ็นจิว่ากลับบ้างเมื่อภรรยาเอาแต่ใจตัวเองฝ่ายเดียว ตอนนี้เขาก็ยังไม่หายมึนหัวดีเลย จะตกกันรึเปล่ายังไม่รู้

              เจ้าปีศาจหนุ่มรวมกำลังทั้งหมดพุ่งไปอีกทางด้วยความเร็วเหนือแสงจนคนทั้งโรงเรียนถึงกับตะลึงงัน ขยี้ตาพร้อมกันเพื่อหาคำตอบของเรื่องที่เกิดขึ้น

                    "ความแตก...หมดกัน..ไม่มีเหลือ.."

              ซานาดะเอ่ยน้ำเสียงอยากตาย ตอนนี้ชายหนุ่มซีดไปทั้งตัว ทั้งเรื่องมีลูกและเรื่องที่คิเอ็นจิไม่ใช่คนถูกเปิดเผยออกมาหมดแล้ว

                    "แต่ตอนนี้ข้าว่าไม่สำคัญหรอกค่ะ แต่ทางนั้นเป็นทางไปห้องผู้อำนวยการไม่ใช่เหรอคะ"

                    กึก

              ทั้งคนทั้งผีหันขวับมาทางท่านหญิงทันที ทาโร่รีบลอยออกไปทางที่สามชีวิตมุ่งหน้าไป ดวงตากลมมีแววอนิจจา "โดนผอ.จวกเละแน่เลย เลนยะเอ๋ย"

                    เรื่องนี้แหละที่ซวยที่สุด



                   
    "ตาย...ตายแหงมๆ"

              เด็กสาวเรือนผมน้ำตาลนั่งรำพึงอยู่กับตัวเองบนระเบียงนอกตึกซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเอาไว้ เพื่อให้คิเอ็นจิพักให้หายมึน และปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าอยู่ที่นี่

                    "ทำใจซะเถอะเลนยะ ยังไงเราสองคนก็หนีความจริงไม่พ้นอยู่แล้ว"

                    "จะให้ฉันทำใจยังไง!! ฉันเสียอะไรไปบ้างรู้รึเปล่าไอ้ลูกหมา แกเป็นผู้ชายจะไปรู้อะไรเล่า!!"

                    "แล้วเจ้าจะทำอะไรได้ ยังไงเราก็มีลูกกันแล้วนะ"

                    "เออสิ ไอ้หมาไม่มีความรับผิดชอบ!! เพราะแกแท้ๆเลย ถ้าแกไม่ทำเรื่องพรรค์นั้นฉันก็คงไม่ซวยขนาดนี้หรอกไอ้หมาบ้า!!"

              เสียงบทสนทนา(ทะเลาะ)ระหว่างหมอผีสาวและเจ้าปีศาจเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆจนลอยเข้าไปข้างในห้องที่ต่อกับระเบียงซึ่งทั้งสองนั่งจุ้มปุ้กอยู่  ซึ่งภายในห้องนั้นมีร่างอ้วนร่างหนึ่งนั่งอ่านหนังสือนิยายน้ำเน่าอยู่อย่างสบายใจ ความสนใจของชายแก่ถูกเบนไปกับเสียงสนทนาระหว่างทั้งสองทันที

                    "คืนนั้นข้าอุตส่าห์ช่วยเจ้านะ!!!"

                    "ช่วยเรอะไอ้ลูกหมา แล้วผลมันออกมาเป็นไงเล่า!! ฉันยังอายุแค่ 16 นะเว้ย แต่ต้องมามีลูกแล้ว เพราะแกคนเดียว"

                    "พูดอย่างนี้ได้ยังไง ยังไงซะไคก็คือลูกของเรานะ เจ้าไม่ดีใจรึไงที่เจ้าให้กำเนิดเขาออกมา"

                    "ไอ้ดีก็ดีเว้ยย..แต่ถ้าไม่ใช่เพราะแกมาทำบ้าๆกับฉัน มันก็คงดีกว่านี้!!"

              ชายอ้วนถึงกับกระตุกยิ้มทันทีเมื่อประโยคที่ได้ฟังมันพาให้คิดไปไกล นำมาRemixกะนิยายที่เพิ่งเลิกอ่านไปทันที

                    ชายหนุ่มหญิงสาวที่ยังไม่พร้อม

                        ในคืนอันหนาวเย็นมืดมิดมีแต่แสงเทียนสลัว

                        ภายในอ้อมกอดอันอบอุ่น

                        พระจันทร์เสี้ยวงดงาม รายล้อมด้วยดวงดาวงดงาม

                        ทำให้ทั้งสองทนทานความต้องการในใจของตนไม่ได้

                        ปล่อยให้เกิดความสัมพันธ์ลึกซึ้ง(กรี๊ดดดดดดดด---เสียงกรี๊ดในใจคนเขียนเอง)

                      และแล้ว...สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น....

                        หญิงสาว...เดินมาหาชายหนุ่ม...น้ำตานองหน้า

                        "ฉันกำลังตั้งท้อง ลูกของนายอยู่"

                        ชายหนุ่มโอบกอดหญิงสาวด้วยความรัก

                        "ไม่เป็นไร..เราจะเลี้ยงลูกของเราด้วยกัน"

                        ความรักเบ่งบาน..ท่ามกลางแสงจันทร์

                        โอ้ววววววววววว....


                ชายแก่ถึงกับเฮลั่นในใจ ก่อนจะแง้มหน้าต่างดูอย่างอด(ยุ่งเรื่องชาวบ้าน)ไม่ได้เพราะอยากรู้ว่าชายหนุ่มหญิงสาวในนิยายรักอมตะของเขาเป็นใคร..และแล้ว...

                    เรื่องซวยที่ซานาดะและผีทั้งสองคาดไว้ก็เกิดขึ้นจนได้

                    "อ้าววว...นึกว่าใคร ที่แท้ก็โซเคนโยคุงกับท่านคิเอ็นจินี่เอง"

              สิ้นคำ สองสามีภรรยาถึงกับแข็งไปพลันราวกับถูกโยนลงกระทะเดือดจัด ก่อนจะหันมาข้างหลังต้นเสียงทะเล้นอย่างลำบากลำบน

                    "....ล....ลุง...โยโค.."

              ดวงตาสีน้ำเงินค้างอย่างช๊อคสุดขีดเหมือนหนีก๊อตซิลล่ามาเจอคิงคองยักษ์ก็ไม่ปาน ตอนนี้เธออยากจะเติมพหูพจน์ขั้นสูงสุดของคำว่า'โง่' ให้กับชายข้างตัวซึ่งยามนี้กลายเป็นหมาแช่แข็งเตรียมส่งออกไปแล้ว

                    ไคคุงที่อยู่ในอกเด็กสาวมุดออกมาหาอากาศหายใจหลังจากที่มารดายัดตนไว้ในกระเป๋าเสียนานแถมตอนนี้ยังมาเกร็งแน่นจนปอดตนจะทะลักอยู่แล้ว พลันดวงตาของชายชราสบเข้ากับนัยน์ตาสองสีกลมโต ผอ.โยโคถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่

                    "อะไรกันเนี่ย..แค่ล้อไปล้อมาอย่าเอาไปทำให้เป็นจริงเป็นจังแบบนี้สิโซเคนโยคุง"

              โยโค มิโนวะเอ่ยน้ำเสียงใจดีแต่แฝงไว้ด้วยจิตวิญญาณซาตานเตรียมขย้ำเลนยะและเจ้าปีศาจเต็มที่ "ไม่ได้เจอกันแป๊ปเดียว โซเคนโยคุงกับท่านคิเอ็นจิก็มีพยานรักด้วยกันซะแล้วรึเนี่ย แหม..เด็กสมัยนี้ไวไฟจังเลยเนอะ"

                    ตูมมมมมมม

              เสียงระเบิดที่มองไม่เห็นแตกตัวอย่างแรงกลางร่างของเลนยะและคิเอ็นจิ ตอนนี้ที่น่าสงสารที่สุดเห็นจะเป็นหมาป่าหนุ่มที่อุตส่าห์มาพักให้หายเหนื่อยกลับต้องมาเหนื่อยใจหนักไปอีก

                    "มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ..คือเรื่องมันยาวข้าเองก็จับต้นชนปลายไม่ถูกเหมือนกัน" พ่อหมารูปงามรีบออกตัวเมื่อสิ่งที่แสดงออกทางน้ำเสียงของชายชรามันบ่งชัดว่าเขาต้องคิดอะไรพรรค์นั้นแน่ๆ โยโค มิโนวะยิ้มบางก่อนว่าขึ้น "ครับท่านคิเอ็นจิ ผมเข้าใจว่ามันยาว"

                    ยาวสิ ก็เล่นคิดไปไกลขนาดนั้นแล้วนี่

                    "นี่ลุง...เอาเป็นว่าฉันกับไอ้ลูกหมายังไม่ได้มีอะไรแบบนั้น และฉันก็ไม่ใช่ปลากัดด้วยไม่ต้องถามต่อ" หมอผีสาวพูดดักคอทันทีเมื่อนิสัยจอมซอกแซกอย่างอาแป๊ะพยากรณ์คงไม่ให้อะไรเล็ดรอดไปอยู่แล้ว ชายแก่กัดไม่ปล่อยเด็ดขาดหากมันจะเอาชนะเธอได้

                    "หึหึ...ถ้าอย่างนั้นก็เข้ามาหลบกันในนี้ก่อนดีกว่านะ ข้างนอกมันอากาศหนาว เดี๋ยวลูกชายเธอจะเป็นหวัดเข้าให้หรอก"

              ชายชราร่างอ้วนกล่าวพลางกวักมือเรียกให้ครอบครัวโซเคนโยเข้ามา ทั้งสองสามีภรรยามองหน้ากันอย่างปลงๆ

                    เดินเข้าปากเสือไปตอนนี้ดีกว่าให้กองทัพญี่ปุ่นแห่กันมาล่ะวะ

                    ตายช้าดีกว่าตายไว



             
    ชาอุ่นๆถูกรินลงในแก้วลายดอกเบญจมาศ หมอผีสาวหยิบมาสูดจนหมดแก้วก่อนกระแทกลงบนจานรองจนดอกเบญจมาศถูกแยกเป็นสามส่วน ผอ.โยโคมองตามแก้วที่ตายตามไม้บรรทัดไปเหมือนหมาหงอย
    "โธ่โซเคนโยคุง นั่นลายกินคิกุแพงมากนะ เห็นว่าวันนี้รับแขกสำคัญเลยจัดมาให้เลยนา"

              'แขกสำคัญ' เก็บอาการมึนด้วยสีหน้าเย็นชาเรียบเฉย ก่อนยกถ้วยชาสีทองคำขึ้นจิบเบาๆอย่างมีมารยาท แตกต่างกับภรรยาสาวสิ้นเชิง เลนยะใช้แขนเสื้อเช็ดปากแรงๆ "ไอ้หมาเนี่ยน่ะเหรอ แค่ใส่จานข้าวหมาก็หรูแล้ว"

              คิเอ็นจิตวัดนัยน์ตาสีเทามองเด็กสาวทันทีเมื่ออยู่ๆก็โยนกับระเบิดมาใส่มือเขาเสียอย่างนั้น สงสัยคงจะคับแค้นใจผอ.โยโคมาก แต่เรื่องอะไรเลนยะจะทำลายบ่อเงินบ่อทองของตัวเองไปซะ

                    "ชาของเจ้า กลิ่นแปลกๆ ข้าไม่เคยดื่มมาก่อนเลย"

              ผอ.โยโคพยักใบหน้ากลมเบาๆ แต่ทว่านัยน์ตามีแววเลศนัยเปล่งประกายอยู่ "เป็นชาสูตรพิเศษครับ ผมก็เพิ่งให้แขกดื่มครั้งแรกเหมือนกัน ราคาแพงมากเลยล่ะครับ"

                    "แล้วทำไมไม่เอากระดานโกะไปเลี่ยมทองมั่งซะเลยล่ะลุง ไม่ก็เอาสีทองที่ทำจากทองบริสุทธิ์พันเปอร์เซ็นต์ไปทารอบโรงเรียนซะเลย" เด็กสาวเจ้าของดวงตาปีศาจว่า ก่อนจะดึงชาในมือสามีหนุ่มไปดื่มเอง ปล่อยให้หมาป่าหนุ่มถอนใจอย่างอนิจจัง

                    มารยาทสมกุลสตรีจริงๆ

                    หลวมตัวไปคว้ามาได้ไงฟะเนี่ย

              ชายแก่ยิ้มระรื่นก่อนสวนกลับ "ก็กลัวโซเคนโยคุงขูดไปขายน่ะสิเลยไม่ทำ"

                    หึหึหึ

              ชายหนุ่มแอบสมน้ำหน้าเลนยะที่จ้องโยโคราวกับเห็นชายชราเป็นมือเย็นของวันนี้ พลางดึงถ้วยชาคืน

                    "ตกลงว่าไคคุงก็เกิดจากพลังของท่านคิเอ็นจิกับโซเคนโยคุงที่แปรผ่านงินโอคามิสินะครับ เลยมีสภาพทุกอย่างเหมือนการถ่ายทอดทางพันธุกรรม" ชายอ้วนกล่าว "แล้วแบบนี้ ท่านคิดจะเลี้ยงดูเขาไปตลอดเลยเหรอครับท่านคิเอ็นจิ"

              เจ้าปีศาจวางถ้วยกินคิกุลงเบาๆ ดวงตาสีเทามีประกายแปลกๆขึ้น "ก็เขาเป็นลูกชายของข้า ข้าก็ต้องเลี้ยงดูเขาตลอดไป เป็นพ่อที่ดีของเขา"

                    ผอ.โยโคพยักใบหน้าเปื้อนยิ้มเบาๆ ที่หมาป่าหนุ่มพูดแบบนี้แสดงว่า

                    เขาตั้งใจจะข้ามเส้นขนานจริงๆ

                    เวลา...ไม่อาจพรากความรักได้

                    เพิ่งเข้าใจก็วันนี้

              เลนยะยักไหล่เบาๆอย่างไม่ใส่ใจในคำพูดของคิเอ็นจิเท่าใดนัก มือเรียวเอื้อมไปแตะหน้าผากของเด็กชายซึ่งนอนเงียบมานานแล้วเบาๆ ดวงตาสีน้ำเงินเบิกโพลงเมื่อสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร้อนจัด

                    "เฮ้ยย ไอ้ลูกหมา!! เจ้าไคมัน.."

              เจ้าปีศาจรีบเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ทารกชายทันที นัยน์ตาสีเทาฉายความเป็นห่วงออกมาเด่นชัดหลังจากที่ไม่เคยแสดงความรู้สึกให้ผู้ใดรับรู้มาเนิ่นนาน เลนยะสบตาหมาป่าหนุ่ม "กลับบ้านกันก่อนดีกว่าไอ้ลูกหมา"

              หมอผีสาวอุ้มเด็กชายแนบอกแล้วขึ้นขี่หลังคิเอ็นจิทันทีเมื่อจบคำ ผอ.โยโคเปิดหน้าต่างให้อย่างรู้งาน

                    "ดูแลให้ดีๆล่ะโซเคนโยคุง ทั้งพ่อทั้งลูก"

              เด็กสาวหันมาทางผู้อาวุโสกว่าพลางฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ "มันหน้าที่ฉันอยู่แล้วน่า"

              เจ้าปีศาจพุ่งออกทางหน้าต่างด้วยความเร็วสูงจนชายแก่ไม่อาจมองตามได้ทัน ผอ.โยโคก้มลงเก็บถาดชาไปวางบนโต๊อย่างช้าๆ แต่ทว่าชายแก่ถึงกับตะลึงจนค้างนิ่งไปเมื่อเห็นซองชาที่ตนตัดลงชงให้แก่สองสามีภรรยา

                    ยาบำรุงกำลังช้างสาร!!!!


                    "เลนยะ!!! เธอบ้ารึเปล่าเนี่ย จะกลับทำไมไม่บอกกันบ้าง!!"

              ทาโร่แผดเสียงเต็มที่ใส่เลนยะที่เอานิ้วชี้อุดหูอย่างเบื่อหน่าย นัยน์ตาสีน้ำเงินมองผ่านหน้าต่างซึ่งคิเอ็นจิกำลังพับผ้าชุบน้ำวางบนหน้าผากเล็กๆของเด็กชาย

                    "เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เด็กเล็กๆก็เป็นแบบนี้กันหมดทุกคนแหละขอรับท่านเลนยะ ไม่ต้องคิดมากหรอกขอรับ"

              โยชิฮาระว่าพลางใช้นัยน์ตาอำพันกวาดไปตามพื้นดินที่ปกคลุมด้วยหิมะที่ยังละลายไม่หมด ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ก็คงจะดีสินะ คงสามารถสัมผัสความหนาวความร้อนของบรรยากาศรายล้อมได้

                    แต่มันไม่มีทางอีกต่อไปแล้ว

                    "ฉันน่ะไม่ได้เป็นห่วงเรื่องที่เจ้าไคมันป่วยหรอก แต่ไอ้ลูกหมานี่สิ รู้สึกมันจะกังวลมากไปหน่อยนะ กะอีแค่ป่วยเล็กๆน้อยๆไม่เห็นต้องเวอร์ขนาดนั้น"

                    "ก็เพราะท่านคิเอ็นจิไม่อยากสูญเสียท่านเลนยะกับท่านไคไปน่ะสิขอรับ"

              วิญญาณซามูไรหนุ่มกล่าวขึ้น ดวงตาสีน้ำเงินของเลนยะยังคงจับจ้องที่จุดเดิม หมาป่าหนุ่มยังนั่งนิ่งมองลูกชายที่ไม่ไหวติง "ท่านคิเอ็นจิมีเวลานานหลายพันปี ท่านไม่รู้จักคำว่าป่วยไข้หรอกขอรับเพราะท่านไม่ใช่มนุษย์สามัญ แต่ท่านกับท่านไคไม่เหมือนกัน ท่านเลนยะน่ะมีเวลาเพียงแค่เศษเสี้ยวชีวิตของท่านคิเอ็นจิเท่านั้น ท่านคิเอ็นจิจึงอยากรักษาเอาไว้ให้นานที่สุดยังไงขอรับ"

              เลนยะยังคงเงียบกริบไม่พูดอะไร ทว่ามันคือสิ่งที่บ่งบอกว่าเด็กสาวฟังที่ซามูไรหนุ่มกล่าวไปทุกถ้อยคำ แต่อยู่ๆคำพูดที่เรียกให้วิญญาณทั้งสองมองเลนยะด้วยสายตาเหลือเชื่อก็ดังขึ้น

                    "ไอ้ลูกหมาเนี่ย..มันหล่อดีนะ" เลนยะเงียบไปก่อนพูดต่อ "กล้ามก็เป็นมัดๆ ผิวก็ขาว ตาก็สวย ทำไมฉันไม่เคยเห็นความดีของมันเลยล่ะ"

              ราวกับขั้วโลกเหนือย้ายจากห้องเรียนโรงเรียนโยโคมาที่บ้านหลังคาสีอิฐ ทาโร่ส่ายหัวอย่างไม่เชื่อคำที่ยินมา

                    ถ้าเขาไม่หูฝาดไป

                    เขาก็ต้องใกล้บ้าแล้วแน่ๆ

                    เลนยะชมโฉมคิเอ็นจิเนี่ยนะ!!!

              วิญญาณเด็กชายหันไปทางซามูไรข้างๆ คำตอบคือการพยักหน้าว่าที่เขาได้ยินมันเป็นความจริง แม้แต่โยชิฮาระเองก็อยากเอาอะไรมาปั่นหูเหมือนกัน

              เลนยะลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้านอย่างเงียบๆ แต่ทาโร่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น "เลนยะเป็นอะไรอ่ะครับโยชิฮาระ ดูแปลกๆไปนะ" โยชิฮาระเพ่งมองเด็กสาวที่ตนเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกก่อนจะส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

                    "ท่าทางแบบนี้...ถูกวางยาแน่นอนขอรับ"



                    "เจ้าไคเป็นไงมั่ง"

              เสียงที่คุ้นเคยทำให้หมาป่าหนุ่มหันไปมองต้นเสียง เลนยะเดินเข้ามานั่งใกล้ๆเจ้าปีศาจ ดวงตาสีน้ำเงินยังมองที่เด็กชาย

                    "ไข้ลดลงบ้างแล้ว คงไม่เป็นไรแล้วล่ะ จะตื่นอีกทีน่าจะเช้าเลย"

              คิเอ็นจิกล่าวราวหมอวินิจฉัยโรค แต่อยู่ๆมือเล็กๆก็ดึงเส้นผมของหมาป่าหนุ่มและหมอผีสาวมาใกล้ตัวทำให้ริมฝีปากบางๆของเลนยะสัมผัสที่แก้มของเจ้าปีศาจเต็มๆ ดวงตาสีเทาเบิกค้างก่อนจะผละจากเด็กสาวข้างๆเบาๆ ใบหน้าคมคายปรากฏรอยแดงจัด

                    "สงสัยมันคงอยากให้นอนกันสามคนเหมือนเมื่อคืนล่ะมั้ง"

              เลนยะกล่าวน้ำเสียงเย็น ทำให้คิเอ็นจิหันขวับไปยังเด็กสาวคนสำคัญทันที

                    ให้นอนแบบเมื่อคืน...งั้นหรือ?

                        อิงแอบแนบชิด..แบบนั้น

                        บางทีคืนนี้ เค้าอาจจะทนไม่ไหวแล้วก็ได้

                    "แต่ข้า..."

                    "เรื่องมากน่าไอ้ลูกหมา ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ ฉันกับแกนอนด้วยกันมากี่ครั้งแล้ว อย่ามาทำเหมือนเวอร์จิ้นเลย ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อย"

              เจ้าปีศาจอึ้งกับคำพูดและการกระทำของเด็กสาวตรงหน้าอย่างมาก ครั้งก่อนค้านหัวชนฝาไม่ยอมร่วมเตียง ทำไมตอนนี้เกิดอารมณ์พิศวาสอะไรขึ้นมา

                    "ฉันง่วงแล้วนะโว้ยไอ้ลูกหมา รีบไปอาบน้ำซะสิวะ ฉันไม่อยากนอนกับลูกหมาเน่าๆหรอกนะเว้ย" เสียงคำสั่งออกมาจากปากเด็กสาวเป็นชุดๆจนชายหนุ่มไม่อาจขัดขืนได้ คิเอ็นจิเดินไปทางห้องน้ำ พลางมองหมอผีสาวที่ขึ้นบนเตียงพลางดึงผ้าห่มคลุมร่างกาย

                    ทำไมรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเลย

                    แถมลางสังหรณ์ของเขามันแม่นทุกครั้งเสียด้วย



              พระจันทร์แห่งค่ำคืนที่สองของสามีภรรยาจำเป็นได้เริ่มฉายแสงขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงยามทิวาที่ได้ล่วงไปแล้ว ท้องฟ้าถูกประกายดาวแต้มราวกับทางช้างเผือกที่สว่างไสวท่ามกลางอวกาศสีดำมืด หิมะฤดูร้อนที่ยังละลายไปไม่หมดส่งให้บรรยากาศคืนนี้เย็นเยียบถึงขั้วหัวใจ

              ร่างเล็กซมไข้นอนนิ่งบนเตียงใหญ่ โดยที่พ่อและแม่บังเกิดเกล้านอนอัดยัดเยียดกันอยู่ข้างๆในอิริยาบถทุกรกิริยา เพื่อเว้นที่นอนไว้ให้แก่ลูกชายตัวน้อยซึ่งกำลังหลับอย่างสบาย

              ร่างใหญ่ตะแคงหลังให้กับเด็กสาวทายาทตระกูลต้องสาป แสงไฟหัวเตียงถูกดับลงไปแล้ว บัดนี้มีเพียงแสงจันทร์เสี้ยวสลัวริบหรี่เท่านั้นที่ส่องให้ทั้งสองมองเห็นกันและกันได้ นัยน์ตาสีน้ำเงินยังลืมค้างท่ามกลางความมืด ลมหายใจร้อนๆรดลงบนต้นแขนที่ใช้หนุนแทนหมอน เหงื่อไหลพรากอาบแทนน้ำอีกรอบหนึ่ง

                    เกิดบ้าอะไรขึ้นอีกวะ!!

              เลนยะพยายามอดทนกับความร้อนที่แทรกซึมขึ้นมาจากกลางร่างกายจนมือขาสั่นเทา ความหนาวและอุณหภูมิตัวที่ร้อนแรงเหมือนไฟทำเอาเด็กสาวรู้สึกเหมือนจะป่วยตามทารกชายไปด้วย แต่ทว่าอาการอีกอาการที่เกิดขึ้นคนไข้ธรรมดาต้องไม่มีแน่ๆ

                    เธอ..กำลัง....จะ..

                    โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!

              หมอผีสาวตะคอกความคิดในสมองลั่น ก่อนจะพุ่งพรวดขึ้นจากทีนอนที่อัดกันแน่น เจ้าปีศาจชำเลืองมองภรรยาสาวซึ่งมีท่าทีแปลกๆ "เจ้าเป็นอะไรไปเลนยะ.."

                    "..ไม่มีอะไร!" เสียงลอดไรฟันถูกเค้นออกมาเพื่อตอบคำถาม เนตรสีเทามีแววฉงนสงสัยเมื่อใบหน้าเด็กสาวสื่ออาการคนละอย่างกับที่เอ่ยออกมาอย่างสิ้นเชิง มือใหญ่เอื้อมเข้าไปใกล้ๆเลนยะ น่าแปลกที่เธอรีบขยับหนีจากเขาทันที

                    "อย่ามาแตะต้องฉันนะเว้ยไอ้ลูกหมา" เด้กสาวขู่เสียงแข็ง แต่เหงื่อกาฬยังคงไหลซึม "ฉัน...จะไปนอนที่อื่น"

                    "อะไร..เจ้าเองนะที่เป็นคนบอกให้เรานอนด้วยกันสามคนคืนนี้"

              ดวงตาสีน้ำเงินตวัดมาทางหมาป่าหนุ่มทันที มันมีทั้งประกายแปลกใจระคนไม่เชื่อหูตัวเอง "ฉันพูดอะไรแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"

              เจ้าปีศาจหรี่ดวงตาสีเทาลง ก่อนจะใช้มือใหญ่ดันหน้าผากเลนยะสองสามที "ตอนที่เจ้าขี่หลังข้ามา หัวไปกระแทกขอบหน้าต่างเข้ารึเปล่า ..ถ้าเจ้าไม่ขอร้องเอาไว้ ข้าคงไม่มานอนขดอยู่แบบนี้หรอก" เลนยะเลิกคิ้วขึ้น ใช้กำปั้นทุบหัวตัวเองบ้าง "ช่างหัวมันเว้ย..ฉันไม่นอนมันแล้วห้องเนี้ย!! แกก็เฝ้าเจ้าไคมันด้วยแล้วกัน ฉันไปละ!"

              หมอนและผ้าห่มส่วนของหมอผีสาวถูกขยุกๆรวมกันและหิ้วด้วยมือขวาที่พันด้วยผ้าพันแผลมิดชิด ร่างโชกเหงื่อเดินโงนเงนไปทางประตูห้องราวกับตุ๊กตาที่ถูกเชิดด้วยคนฝีมือแย่ๆ นัยน์ตาสีเทาเริ่มมีร่องรอยความเป็นห่วงเด็กสาวตรงหน้า

                    เกิดอะไรขึ้นกันแน่

     


                   
    เอาน่า โซเคนโย เลนยะ ฝ่ายนั้นเขาเป็นผู้ชาย เรื่องแค่นี้รับได้อยู่แล้ว

                    มันไม่ถูกเว้ย จะให้ฉันไปทำบ้าๆแบบนั้นกับมันได้ยังไง!!”

                    ฉันรู้นะว่าเธอคิดกับเขาในรูปแบบนั้น..ทำไมต้องปิดกั้นใจตัวเองด้วยล่ะ

                    ฉันไม่ได้ต้องการสิ่งแบบนั้นจากมัน!!”

                    ไม่เห็นเป็นไรเลย เธอกับเขาก็มีลูกด้วยกันแล้วตั้งคนนึง คิดจะมีอีกคนมันก็เรื่องปกตินะ สามีภรรยาคู่อื่นๆเขาก็เป็นกัน บางคู่เขาจะตั้งทีมฟุตบอลเลยด้วยซ้ำ!!

                        แกก็มาท้องแทนฉันซิโว้ย!! ไม่ก็จ่ายค่าห้องคลอด ค่าข้าวของเครื่องใช้ ค่าทำขวัญค่าโรงเรียน ยันค่าทำโลงจัดงานศพให้ฉันด้วยเลยเป็นไง!!”

              เด็กสาวตวาดลั่นห้องเก็บของที่สกปรกรุงรังทว่าสภาพไม่ได้แตกต่างจากห้องนอนเธอเลย แมงมุมสีดำตัวเป้งถึงกับผงะเมื่อปีศาจในร่างหมอผีจู่ๆก็พึมพำงึมงำกับตัวเองแล้วพรวดขึ้นจากฟูกย่นๆมาเสียอย่างนั้น เลนยะหอบแฮ่กเมื่อต้องรบราฆ่าฟันกับจิตใจของตัวเองนานสองนาน

                    ...หยุดแล้วสินะ..

              เลนยะกล่าวกับตนเองเบาๆ ดวงตาสีน้ำเงินที่เปิดอยู่ถูกข่มให้ปิดลง ร่างบางทอดตัวลงบนฟูกในห้องเก่าๆที่เหม็นอับเพราะไม่มีแสงแดดเข้าถึงมาเนิ่นนานแล้ว

                      ฮิฮิฮิฮิ ก็อยากอยู่นะ ท่านคิเอ็นจิก็หล่อจะตายไป ใครได้เป็นสามี ได้มาเป็นพ่อของลูกน่ะโชคดีกว่าถูกล๊อตเตอรี่ร้อยงวดติดๆซะอีก

              ร่างที่นิ่งไปบนกองฟูกเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วกัดกรามแน่นจนได้ยินเสียงกริ๊กๆ คิ้วขมวดแน่นราวกับจะกลืนให้เป็นแถวเดียวกัน เป็นฉัน..ฉันเลือกล๊อตเตอรี่โว้ย!!”

              เหงื่อเม็ดใสไหลท่วมร่างกายจนผ้าห่มแห้งเปียกโชกราวถูกแช่ในน้ำ หัวใจเลนยะเต้นถี่รัว ลมหายใจร้อนระอุราวกับจะละลายทุกสิ่งให้แหลกเหลว มือขาวเกร็งแน่นบนผ้าห่ม ขยุ้มจนมือขาว

                    เธอน่ะปฏิเสธใจตัวเองไม่ได้หรอกเลนยะ ฉันรู้ดีว่าเธอต้องการอะไร

                    ...อะไร..ของแก..

                    ถึงเธอจะรั้นยังไง เธอก็ควบคุมร่างกายเธอไม่ได้อีกแล้ว โซเคนโย เลนยะ

                    พูดอะไร..แกคิดจะทำอะไรเสียงนั้นดูแหบพร่าอ่อนแรงลงทุกที แต่เสียงที่ดังก้องอยู่ในความคิดกลับกลืนกินสติที่ดีอยู่ของเด็กสาวไปเรื่อยๆ เสียงของมโนคติดูสดชื่นและปราชัย

                    ตื่นมาก็รู้เองแหละ เลนยะ




    ----------------------------------------------------------------------------------------

    ปล. ตอนต่อไปเป็นตอนที่ข้าน้อยชอบที่ซู้ดดดดด คิเอาเองน้าว่าจะเป็นยังไง

    เลนยะผู้ยัดยาโด๊ปเข้าไปเต็มๆ + คิเอ็นจิที่จิบๆแต่ก็เยอะเหมือนกัน
    ท่ามกลางยามดึกดื่นเยี่ยงนี้ ไคคุงหลับสนิท

    หึหึหึหึหึหึหึ (คนเขียนไปแล้วขอรับ)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×