คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Mom&Dad 3 : ผู้ยื่นมือเข้ามาในยามวิกฤต (Rewrited)
Chapter 3 : ผู้ยื่นมือเข้ามาในยามวิกฤต
........เคล้งงงงงงงงงงงงงงงงง..........
เสียงโลหะกระทบกันดังก้องไปทั่วบริเวณชั้นสาม วิญญาณทั้งสองตาค้างกับภาพที่ตนเองได้เห็น เลนยะมองอาคันตุกะผู้มาช่วยเหลือตนเองอย่างงงงวยก่อนที่สติเส้นบางจะขาดลงดับวูบไป..
ร่างของเจ้าปีศาจคิเอ็นจิตัวจริงเสียงจริงใช้ดาบทั้งสองรับดาบของชิมิสึปีศาจเอาไว้ ดวงตาสีเทาฉายแววขุ่นเคืองโกรธแค้นอย่างรุนแรง รังสีอำมหิตที่ส่งออกมาร้อนแรงจนร่างของปีศาจเลียนร่างแทบมอดไหม้ เขี้ยวงองุ้มเริ่มงอกออกจากปากเพราะความพิโรธที่ไม่อาจหยุดยั้งได้อีก จนแม้แต่ชิมิสึที่เหยียดยิ้มเมื่อครู่ถึงกับฉายความผวาหวั่นเกรงออกมาจากสายตา
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!
ระเบิดขนาดย่อมแตกตัวขึ้นท่ามกลางร่างทั้งสองจนต่างฝ่ายจะกระเด็นไกลจากที่เดิมหลายสิบก้าว หมาป่าหนุ่มซึ่งตอนนี้กำด้ามดาบแน่นด้วยความโกรธจัดมองศัตรูซึ่งทำร้ายเด็กสาวราวกับอยากจะเข่นฆ่าให้ตายหากดวงตาคู่นี้มีอำนาจมากเพียงนั้น
“เป็นเจ้าจริงๆ...จิโงคุ”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะขอรับ ท่านคิเอ็นจิ”
ร่างสูงเจ้าของดวงตาสีน้ำเงินจอมปลอมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพที่แฝงเร้นด้วยการหยามเหยียด ริมฝีปากเรียวรูปกระจับเผยเขี้ยวที่เก็บไว้ใต้ใบหน้าของบิดาผู้กำเนิดเกล้าเลนยะ ทาโร่ถึงกับหน้าตาตื่นมองร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงข้ามกันสลับไปมาอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
ทั้งสองคนนี้...รู้จักกันมาก่อน
“แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ท่านคงจะฆ่าข้าตายไปตั้งนานแล้ว ทำไมตอนนี้ท่านถึงไม่ทำล่ะขอรับ ท่านอภัยให้ข้าให้กับอดีตที่ผ่านมา หรือท่านไม่มีปัญญากันแน่”
เคล้งงง!
ดาบคู่เรียวงามพาดเข้าหมายจะทำลายบุคคลตรงหน้าอีกครั้ง แต่ทว่าชิมิสึตัวปลอมกลับรับดาบไว้อย่างง่ายดาย กระแสไฟฟ้าสีดำแล่นออกมาจากจุดปะทะของดาบทั้งสามเล่ม เจ้าปีศาจกัดกรามแน่น
ขวับ!!
ดาบยาวในมือของชิมิสึปัดดาบคู่ปีศาจออกไปไกลตัวก่อนจะเคลื่อนร่างอย่างรวดเร็วไปอีกทาง หมาป่าหนุ่มวิ่งเข้าหาเป้าหมายในอัตราความเร็วที่สูสีจนไม่สามารถมองออกว่าร่างที่แท้ของทั้งสองอยู่ที่ใดกันแน่
โยชิฮาระมองการต่อสู้อย่างหนักใจเมื่อรู้ว่าคู่ต่อสู้คนนี้ร้ายกาจใกล้เคียงกับคิเอ็นจิมาก แถมตอนนี้ก็ยังเหลือพลังเพียงครึ่งเดียว ไม่รู้ว่าปีศาจหนุ่มจะทนไหวอีกสักกี่น้ำ เสียงดาบสัประยุทธ์ที่ยังกังวานไปทั่วทั้งจิตใจไหวสั่นยิ่งย้ำเตือนให้ความกลัวอาบท่วมทั่วร่างของโยชิฮาระจนกบฏนัยน์ตาเหยี่ยวยังสมเพชตนเองที่ขี้ขลาดกลัวความพ่ายแพ้ได้ถึงเพียงนี้
แต่สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้...คือภาวนา
“ข้าขอร้องเถอะขอรับท่านคิเอ็นจิ...ท่านต้องชนะให้ได้นะขอรับ”
เคล้ง...เคล้ง...ตูม....!!
ดาบทั้งสามฟาดฟันกันตามจิตใจของผู้ถืออย่างเต็มที่ สำเนียงแห่งสงครามบรรเลงไปทั่วบริเวณ ทั้งอาคมและฝีมือต่างถูกงัดนำมาใช้ทุกกระบวน ปีศาจเลียนร่างนามจิโงคุยังคงดูสนุกและเพลิดเพลินในการต่อกรกับเจ้าแห่งปีศาจซึ่งตอนนี้สติถูกบดบังไปด้วยแรงอาฆาตเรียบร้อยแล้ว
ใบหน้าคมคายปรากฎร่องรอยชั่วร้ายขึ้นก่อนกล่าวขึ้นระหว่างที่ร่างกายยังหลบหลีกดาบคู่ที่ยังไม่หยุดมุ่งมาดชีวิตของตน “ท่านทราบไหมขอรับว่าทำไมข้าถึงต้องแกล้งอ่อนแอให้โซเคนโยนั่นติดกับด้วย”
เนตรคู่งามที่ตอนนี้ดูน่ากลัวขนหัวลุกจับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินของคู่แค้นอย่างไม่อยากรับฟังเหตุผลซึ่งขัดกับนิสัยที่มีของหมาป่าหนุ่มโดยสิ้นเชิง เรี่ยวแรงทั้งหมดสูญเสียไปในการพยายามสร้างบาดแผลให้กับปีศาจที่ยิ้มยียวนอยู่ตรงหน้า แต่ก็ต้องชะงักเมื่อจิโงคุเริ่มโจมตีเจ้าปีศาจด้วยวาจาอีกครั้ง
“เพราะข้าอยากให้ท่านมาเป็นสักขีพยาน ในการตายของคนที่ท่านรัก เป็นครั้งที่สองยังไงขอรับ” สิ้นคำ จิโงคุก็กระโดดขึ้นสูงพร้อมท่องอาคมรวนในลำคอ ไม่กี่เสียววินาทีต่อมาดวงไฟกัลป์ขนาดเท่าตึกสองชั้นก็พุ่งพรวดเข้าสู่ร่างสง่าที่ยืนอยู่ข้างล่าง คิเอ็นจิใช้ดาบคู่ฟันจนไฟอาคมขาดเป็นรูปกากบาทใหญ่ แต่ทว่าเส้นผมของปีศาจหนุ่มเริ่มปลิวสยายปกคลุมดวงตา มีเพียงพลังปีศาจที่เพิ่มขึ้นจนน่าใจหาย และแน่นอนว่า..
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ
“หืม? สะกดพลัง” เสียงทะเล้นยังคงพูดออกมาทั้งๆที่อาคมของตนเพิ่งถูกทำลายไปหยกๆ “มิน่าล่ะ พลังท่านถึงได้ ‘ต่ำ’ กว่าปกติ”
“ปีศาจชั้นเลวอย่างเจ้าน่ะ พลังแค่ครึ่งเดียวก็มากพอแล้ว”
ฟ้าววววววววววววววววววว
คมคาบที่ชำแรกตัดผ่านอากาศเหวี่ยงเข้าโจมตีจิโงคุแทบจะในทันที ปีศาจเลียนร่างเอี้ยวหลบอย่างสบายๆก่อนใช้ดาบปีศาจของตนฟาดกลับอย่างรวดเร็ว เจ้าปีศาจหนุ่มกระโดดขึ้นเหยียบบนดาบก็พุ่งตัวลงกับพื้นเพื่อประจันหน้ากับจิโงคุอีกคราว
จิโงคุหมุนดาบเข้ามาท่าโจมตีอีกครั้ง ปลายดาบสะท้อนเลียเลือดของเลนยะจนฉ่ำชุ่ม คิเอ็นจิมองชายหนุ่มอย่างเย็นชาทว่าแฝงไปด้วยความชิงชังและรังเกียจเหลือแสน
“แต่ที่ไม่เปลี่ยนเลยคือสายตาท่านที่มองข้านะขอรับ ตั้งแต่วันนั้นแล้ว วันที่ข้าฆ่าท่านไคเ....”
“หุบปากเดี๋ยวนี้!!”
เสียงประกาศิตดุจเสียงสีหนาทดังขึ้นจากร่างที่โกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้า แม้แต่จิโงคุยังต้องเงียบไปสักพัก วิญญาณทั้งสองที่รออย่างใจจดจ่อก็สั่นสะท้านไปทั่วร่างเพราะอำนาจที่แผ่ออกมาจากตัวของเจ้าปีศาจแม้รู้ทั้งรู้ว่าไม่อาจตายได้อีกเป็นครั้งที่สองก็ตาม
คมเขี้ยวของคิเอ็นจิกัดแน่นรวมทั้งควันโขมงจากปลอกคอที่ยังไม่หยุดหย่อน ดาบคู่ส่งเสียงแผดคำรามดุจอสูรร้าย คิเอ็นจิพุ่งส่งให้ร่างกายเคลื่อนเข้าไปประดาบกับจิโงคุอีก ดอปเปลเกงเกอร์บุ้ยปากด้วยความจำเจไม่รู้จักแพ้ชนะสักที
“ข้าชักเบื่อแล้ว..อย่างนั้นข้าส่งโซเคนโยนั่นไปเฝ้าท่านไคเอ็นจิที่ปรภพเลยดีกว่านะขอรับ” สิ้นเสียง ผุยผงก้อนเนื้อที่เคยถูกตัดออกยามเป็นอาวุธขว้างเริ่มกลับมารวมกันเป็นดาบคู่ของคิเอ็นจิเตรียมแทงลงกลางลำตัวของเด็กสาวที่หมดสติ เจ้าปีศาจค้างนิ่งอย่างคาดไม่ถึงก่อนจะวิ่งไปหาร่างของเลนยะโดยไม่ต้องคิด
ความหวาดกลัวสุดหัวใจ เกาะกินจิตใจของปีศาจหนุ่มเป็นครั้งแรก
ดาบคู่ปลอมทิ้งตัวลงสู่ร่างที่หายใจรวยรินอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีเทาเบิกกว้างอย่างหวั่นกลัวสุดชีวิต แม้ว่าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ทว่า เขาไปไม่ทัน
คมดาบจะฉีกร่างของหมอผีสาวเป็นชิ้นๆในอีกไม่กี่เซนติเมตร
โครมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!
ก้อนเนื้อที่กลายเป็นดาบถูกเด้งออกจากตัวเลนยะอย่างแรง ก่อนจะพุ่งตัวเข้าปักกับกำแพงไม้เป็นหลุมลึกยับ และค่อยๆสลายกลายเป็นผุยผง จิโงคุเลิกคิ้วมองอย่างอึ้ง แต่ไม่ใช่เพียงเขาเท่านั้น ทั้งคิเอ็นจิและวิญญาณทั้งสองต่างงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เขตอาคมขนาดยักษ์ปกคลุมทั่วร่างของเลนยะ โดยที่เด็กสาวก็ยังไม่รู้สึกตัว เขตอาคมนั่นเปล่งแสงสีเงินจรัสเจิดจ้าไปทั่วทุกทิศจนแทบกลืนกินทุกสิ่งให้หายกลายเป็นสีขาว
‘ไม่ได้เจอกันนานมากเลยนะ จิโงคุ’
เสียงกระซิบจากลำแสงเอ่ยขึ้นข้างๆหูของชิมิสึจอมปลอมอย่างเบาๆแต่แทบทำให้หัวใจปีศาจหยุดเต้น ดวงตาสีน้ำเงินเบิกค้างอย่างตกใจสุดขีด
เขายังจำเสียงนี้...ได้ดี...ชีวิตนี้ยังไม่รู้ว่าจะลืมได้รึเปล่า
“จ..เจ้า..ไคเอ็นจิ” ปีศาจเลียนร่างพูดขึ้นอย่างกระวนกระวาย ร่างทั้งร่างสั่นเทาด้วยความกลัว “ไม่...ไม่จริง...เจ้า...เจ้าตายไปแล้วนี่”
“เฮ้อออ..แกรู้รึเปล่าว่าอะไรคือสิ่งที่โง่ที่สุดสำหรับปีศาจสมองกลวงอย่างแก”
เสียงเหยียดหยามคุ้นหูดังขึ้นจากร่างที่แน่นิ่งบนพื้นซีเมนต์สีเลือด จิโงคุในร่างชิมิสึหันขวับไปทางต้นเสียงที่สมควรจะสาหัสไม่สามารถขยับร่างกายได้อีก โซเคนโย เลนยะ ลุกขึ้นจากกองเลือดด้วยขาที่เซน้อยๆแต่ทว่าบนใบหน้าบอบช้ำมีรอยยิ้มอสูรเปื้อนอยู่ เด็กสาวชูมือซ้ายให้จิโงคุดู “มันคือความมั่นใจเกินไปยังไงล่ะ”
ตูมมมมมมม!!
ระเบิดขนาดใหญ่แตกขึ้นท่ามกลางสมรภูมิวิกฤต เลือดเนื้อสีดำเข้มและมันสมองกระจุยกระจายไปทั่วทิศและสลายเป็นผงสีขาวสะอาด ร่างที่เหลือแค่ท่อนล่างทรุดลงคว่ำกับพื้น วิญญาณสัมภเวสีทั้งหมดที่ถูกตรึงไว้บนผนังต่างหลุดลอยพุ่งสว่างวาบวาวแทนพระจันทร์ที่หายไปขึ้นสูงไปบนท้องฟ้า ยันต์แผ่นน้อยที่โชกเลือดจนแปรเป็นสีดำไหลตามธารโลหิตที่ไหลท่วมพื้นอาคารมายังเลนยะ
“ท่านเลนยะ..เป็นอย่างไรบ้างขอรับ!!”
ทันที่ที่อาคมผนังสลายไปตามชีวิตของดอปเปลเกงเกอร์ ซามูไรหนุ่มก็ปรี่เข้ามาหาหมอผีสาวแทบจะในทันที สภาพของเด็กสาวยับเยินพร้อมบาดแผลที่ลึกถึงกระดูก เลือดไหลนองไม่หยุดคล้ายท่อประปาแตก คิเอ็นจิมองเด็กสาวราวกับตนได้รับบาดแผลนั่นเสียเอง ดวงตาสีเทาส่งกระแสความเจ็บปวดระคนโล่งใจมายังร่างเล็กกว่าอย่างเปิดเผย
“อ..อะไรกัน...เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น”
ผีน้อยที่ถูกปลดปล่อยจนเป็นอิสระลอยมาหาเด็กสาวที่เจ็บสาหัสอย่างรวดเร็วที่สุด ดวงตากลมโตโปร่งใสมองไปยังร่างที่เละไม่มีชิ้นดีด้วยความสะอิดสะเอียน
จุดจบ...ที่มาเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน
“ก็แผนขุดหลุมฝังตัวเอง แค่นั้น” เสียงปนหอบเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน แต่ยังไม่วายฉีกยิ้มสะใจ “ในเมื่อมันอยากซ้อนแผนโจมตีฉัน ฉันก็เลยสงเคราะห์ให้มัน”
ผีน้อยยังงุนงงแต่ก็ไม่อยากถามอะไรต่อเพราะสีหน้าเด็กสาวเริ่มทำให้ปีศาจข้างตัวใจไม่ดี ดวงตาสีอำพันของโยชิฮาระมองยันต์สีดำอย่างครุ่นคิด
พลั่ก!!
หมัดนั้น...รึว่า...
วูบ
ร่างที่หยัดยืนอย่างไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ๆก็ทิ้งตัวลงกองกับพื้นอย่างไม่อาจทนทานพิษบาดแผลได้อีก หมาป่าหนุ่มรีบคว้าเด็กสาวเอาไว้ก่อนจะพลิกร่างหมดสติชุ่มเลือดคาวคละคลุ้งให้มานอนในอ้อมแขน คิเอ็นจิพาตัวเลนยะกลับไปบ้านอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือทิ้งแม้รอยเลือด ทาโร่และโยชิฮาระพยายามติดตามเจ้าปีศาจไปอย่างรวดเร็วที่สุด เพราะอย่างไรก็ตาม เรื่องที่ต้องคิดหนักที่สุดคือความปลอดภัยของเด็กสาวซึ่งสำคัญต่อพวกเขาทุกๆคน
ร่างบางถูกวางลงบนเตียงหนานุ่ม เตียงสีขาวเริ่มถูกย้อมจนแดงฉาน ดวงตาสีเทาสำรวจมองบาดแผลเหวอะหวะตามร่างกายหมอผีสาวอย่างเจ็บปวดใจ มือใหญ่กำหมัดจนสั่น
ในชั่วขณะที่ดาบนั้นเข้าใกล้ร่างเธอ ลมหายใจสุดท้ายของเจ้าปีศาจแทบจะขาดหายไปในตอนนั้นด้วย ทั้งๆที่เขาอยากจะปกป้องเธอ แต่เขาก็ทำได้ยืนมอง
ให้คมดาบ ต่ำลงมาเรื่อยๆ
ในเสี้ยววินาทีนั้น ทุกความรู้สึกก้นบึ้งจิตใจที่เขาไม่เคยเปิดเผยเหมือนปลดแอกตัวเองจากพันธนาการที่มีมาเนิ่นนาน ทั้งความโมโห โกรธ เคียดแค้นตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างประดังจนจิตใจไม่อาจรับได้ทัน
มือขาวใต้ชายเสื้อยกขึ้นมาต้องสัญลักษณ์บนหน้าผากอย่างไร้ความลังเล ก่อนที่มืออีกข้างจะบรรจงวางกลางหน้าผากของใบหน้าซีดเซียว อาคมในลำคอเริ่มถูกท่อง พร้อมๆกับลำแสงประหลาดสีขาวส่องออกจากบาดแผลที่อยู่บนร่างกายของเด็กสาวที่ยังหมดสติ
ทาโร่ต้องขยี้ดวงตาเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ตนมองอยู่มันไม่ใช่เรื่องโกหก เลือดจากบาดแผลกว้างจากอาคมสายฟ้าค่อยๆหยุดไหล บาดแผลทุกที่ถูกสมานทีละเล็กทีละน้อย ถึงแม้กระนั้นใบหน้าคมคายของเจ้าปีศาจก็ยังไม่ถอดความหวั่นวิตกกังวลใจออกไป
“พอแล้วขอรับ ท่านคิเอ็นจิ” โยชิฮาระปรามขึ้นหลังจากที่หมาป่าหนุ่มใช้พลังนานเกินไป ทว่าร่างใหญ่ที่เคียงข้างเลนยะอยู่ไม่แม้แต่จะฟังเสียงอย่างอื่น พลังในร่างทั้งหมดที่คิเอ็นจิเค้นออกมาได้ตอนนี้ถูกใช้ไปในการรักษาแทบทั้งหมด
“แผลยังไม่หายดี”
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ
“พอทีขอรับ ท่านคิเอ็นจิ!!”
เสียงคำรามก้องของโยชิฮาระเรียกให้คิเอ็นจิหลุดจากภวังค์ ไฟฟ้าที่แล่นไปรอบปลอกคอส่งให้กลิ่นเนื้อไหม้เริ่มลอยไปทั่วห้องมุมฉาก
คิเอ็นจิผละตัวออกจากเลนยะอย่างแรงก่อนจะหายใจหอบหาอากาศอย่างยากลำบาก เหงื่อเม็ดโตไหลลูบใบหน้าขาวไปทั่ว ดวงตาสีเทาถูกหลับลงหนึ่งข้างเมื่อพลังที่เหลือเพียงครึ่งถูกใช้มากเกินขีดจำกัด
ดีที่เขายังเชื่อโยชิฮาระบ้าง ไม่อย่างนั้นคนที่จะแย่ คงเป็นเขาเองไม่ใช่เลนยะ
บัดนี้ร่างที่บาดเจ็บหนักเหลือเพียงรอยฟกช้ำสีม่วงเข้มที่คงไม่เป็นอันตรายมากถึงชีวิตหากกักบริเวณหมอผีสาวไม่ให้ไปเล่นพิเรนทร์ได้สัก 2 สัปดาห์(แต่ยากมาก) เลือดที่ไหลไม่หยุดก็เหลือเพียงแผลบางๆที่มีเลือดไหลซิบๆ ต่อจากนี้ไปแค่ทายาสมานแผล ดูแลอย่างดีก็คงจะหายแล้ว
“ถ้าข้ามีพลังเหมือนเดิม นางคงจะหายดีมากกว่านี้”
เสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจกล่าวเปรยๆแต่ทว่ามันกลับทำให้หัวใจของทุกคนที่อยู่ที่นั่นรู้สึกหนาวชา เนตรสีเทาหรี่มองใบหน้าที่มีรอยขีดข่วนจากพื้นปูนของเลนยะ
แต่มันก็เท่ากับว่า.......
คิเอ็นจิหยุดความคิดเอาไว้เพียงเท่านั้น อาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจากการสูญเสียพลังหรืออาจเพราะไม่อยากรู้สิ่งที่จะเกิดต่อไป ร่างใหญ่ในอาภรณ์เจ้าปีศาจเกรียงไกรนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆข้างเตียงเลนยะ เพื่อเฝ้ารอจนกว่าเด็กสาวจะฟื้น วิญญาณซามูไรลอยเข้ามาใกล้ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ว่างตรงข้ามกับคิเอ็นจิ “ท่านรู้จักกับปีศาจตนนั้น..หรือขอรับ”
พักตร์นิ่งสงบยังไม่ละจากจุดเดิม มีเพียงการพยักใบหน้าเบาๆเป็นเชิงตอบรับ โยชิฮาระหลุบดวงตาสีเหลืองสว่างลงมองพื้นห้องนอนของบ้านหลังโทรม “ข้าขออภัยนะขอรับ เพียงแค่ข้าห้ามท่านเลนยะเอาไว้ เรื่องทั้งหมดคงไม่ลงเอยแบบนี้ แต่ข้ากลับไม่ทำ”
“ไม่ใช่ความผิดเจ้า โยชิฮาระ” เจ้าปีศาจเอ่ยเบาๆ “ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกกำหนดมาแล้วทั้งสิ้น ไม่มีใครฝืนชะตาได้หรอก” ซามูไรหนุ่มมองเข้าไปในนัยน์ตาของเจ้าปีศาจ เขารู้สึกถึงความสับสนในจิตใจของหมาป่าหนุ่มเป็นอย่างดี
“คิเอ็นจิซังครับ”
ทาโร่ที่ลอยนิ่งดูอาการเลนยะมานานพูดขึ้นทำลายความเงียบที่เริ่มกินพื้นที่ไปทั่วห้องนอนซึ่งกลายสภาพเป็นห้องพยาบาล คิเอ็นจิหันมาทางผีน้อยเมื่อถูกเรียกนาม
“เขตอาคมที่ปกป้องเลนยะตอนนั้น เป็นของเลนยะเหรอครับ” ผีน้อยกล่าวถาม ภาพของเขตอาคมขนาดใหญ่ที่ป้องกันเลนยะจากดาบคู่ปีศาจผุดขึ้นในมโนภาพทันที แม้จะไม่แน่ใจนักว่าเป็นของเจ้าตัวรึเปล่า เพราะคุณเธอยังสลบไม่รู้เรื่องราว แต่ขึ้นชื่อว่าจอมเจ้าเล่ห์อย่างเลนยะ ก็มักมีเรื่องให้ฉงนใจได้เสมอ
“ไม่ใช่” เสียงทุ้มต่ำตอบสั้นๆ “เลนยะบาดเจ็บหนักมาก นางไม่มีทางสร้างเขตอาคมแรงกล้าขนาดนั้นได้แน่..นอกเสียจาก...” คิเอ็นจิเอ่ยประโยคช่วงท้ายอย่างแผ่วเบา เหตุเพราะในใจของปีศาจหนุ่มรู้คำตอบอยู่แล้ว ทาโร่เลือกที่จะไม่ถามอะไรอีก ปล่อยให้ความเงียบงันเป็นตัวนำพากาลเวลาให้เคลื่อนที่ต่อไปท่ามกลางบรรยากาศใกล้รุ่งสางเช่นนี้ โดยที่สายตาทุกคู่ไม่สังเกตถึงความผิดปกติของพวงกุญแจสีเงินที่ติดบนกระเป๋าซึ่งตั้งอยู่ข้างๆตัวของเลนยะเลย
ภาพเลือนรางที่ผ่านมาเนิ่นนานนี้ยังคงติดอยู่ในหัวสมองของเจ้าปีศาจหนุ่มอย่างไม่มีทางลบเลือน ยังจำได้ วันที่เขามีตัวตนบนโลกใบนี้ วันที่เขาถือกำเนิด วันที่ขาได้พบกับชายผู้ทำให้ชีวิตของเขาต้องแปรเปลี่ยนไป เขายังคงจำมันได้ดี
แสงแดดอบอุ่นฉายส่องลงมายังพื้นป่ากักปีศาจ ใบหญ้าเขียวชอุ่มแข่งกันอวดโฉมเจริญเติบโตคล้ายเป็นการต้อนรับสมาชิกใหม่ที่เพิ่งกำเนิดขึ้นมา ดวงตาสีเทาของเขากระพริบถี่ๆปรับแสงสว่างที่ส่องเข้ามาต้องร่างกาย ร่างใหญ่เท่าชายหนุ่มฉกรรจ์ลุกขึ้นจากผืนหญ้าอุดมสมบูรณ์อย่างช้าๆ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อนัยน์ตาที่มองเห็นได้กว้างไกลกว่ามนุษย์หลายเท่าจับเห็นร่างหนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้
“สวัสดี”
ปีศาจหนุ่มรูปงามน่าหลงใหลขยับยิ้มบางๆอย่างเป็นมิตรให้กับเขา ดวงตาสีฟ้าสดใสส่งกระแสความอบอุ่นอ่อนโยนสื่อไปถึงทุกผู้คนที่อยู่รายล้อม เส้นผมยาวละเอียดสีเงินสว่างไสวยามต้องแดดถูกมัดอย่างหลวมๆและนำมาไขว้ไว้ที่ไหล่ซ้าย ร่างสูงที่ดูนุ่มนวลใจดีเดินลงมาหาเขาไม่ถือตัว “ต่อจากนี้ไป เจ้าเป็นน้องชายของข้านะ”
ร่างใหญ่ของหมาป่าหนุ่มมองผู้มาต้อนรับแถมยังอุปโลกน์ตนว่าเป็นพี่ชายของเขาเสร็จสรรพอย่างแปลกๆ ใบหน้าที่ดูสนุกสนาน สบายๆ ปรากฏร่องรอยของความสุขอย่างเห็นได้ชัดเจน มือใหญ่แตะที่หน้าผากของเขาเบาๆ “นี่ยังไง สิ่งที่เรามีเหมือนกัน”
ตราพันธสัญญาสามโลก
“เจ้าเป็นปีศาจเลือดบริสุทธิ์เหมือนข้า และเจ้าเกิดหลังข้าตั้ง 1000 ปี เจ้าก็ต้องเป็นน้องชายข้าจริงไหม” ร่างสูงยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือความเอ็นดู ก่อนจะโป๊กหัวตัวเองเข้าครั้งหนึ่ง เรียกให้ดวงตาสีเทาเบิกขึ้นอย่างประหลาดใจในท่าทางที่จะเรียกว่าติ๊งต๊องก็ได้ของชายหนุ่ม
“ขอโทษทีนะ ข้าลืมไปเลยว่าเจ้ายังไม่มีชื่อ” ปีศาจหนุ่มผิวขาวสะอาดกล่าวกลั้วหัวเราะ “ข้าขอตั้งชื่อเจ้าว่า คิเอ็นจิ แล้วกัน” ปีศาจหนุ่มที่เพิ่งได้รับการตั้งนามว่า คิเอ็นจิ ยังทำหน้านิ่งๆเหมือนเดิม ดวงหน้างดงามใจดียิ้มขึ้นอีกครั้ง “ใช่ๆ ข้าก็ลืมแนะนำตัวเองไปเลยนะ”
นัยน์ตาสีฟ้าใสฉายแววขี้เล่นอีกคราก่อนจะเอ่ย
ความคิดเห็น