คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Mom&Dad 13 : เวลาที่เหลืออยู่--เริ่มนับถอยหลัง (100 แล้วนะเออ ชะเอิงเอย) Rw
“คามาจิระ ซึเงรุ”
“ครับ”
“เอคิจิ นานาเอะ”
“ค่ะ”
ครูสาวในชุดสุภาพให้เกียรติต่อสถานที่เต็มที่ขานชื่อนักเรียนในห้อง ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันแรกของครูทุกคน นักเรียนทั้งชายและหญิงต่างลุกขึ้นยืนทำความเคารพให้กับครูเมื่อชื่อตนเองถูกขาน รายชื่อทั้งหมดเริ่มเหลือน้อยลงเรื่อยจนกระทั่งรายชื่อสุดท้าย
“โซเคนโย เลนยะ”
ดวงตาสีน้ำตาลใต้กรอบแว่นชำเลืองไปที่ที่นั่งหลังสุดหลังจากที่เธอรอการขานรับมานานกว่าปกติ ตะขอข้างโต๊ะไม่มีร่องรอยของกระเป๋าเรียน
“ขาดเรียน? วันนี้โซเคนโย เลนยะ ไม่มาเรียนเหรอนี่”
นักเรียนทั้งห้องหันขวับไปทางทิศเดียวกับครูสาวทันทีด้วยใจลิงโลด นานทีปีหนก็ไม่เคยเห็นยัยถึกนี่ป่วยมาเรียนไม่ได้สักที
วันนี้คงเป็นวันที่พระเจ้าประทานมาเป็นแน่
“โซเคนโย ซานาดะ ญาติเธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
หญิงสาวหันมาทางเด็กหนุ่มข้างๆที่นิ่งสงบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เขาก็เพิ่งรู้ว่าญาติที่รักไม่มาโรงเรียนก็ตอนครูทักนี่แหละ นิ้วกลางขาวดันกรอบแว่นขึ้นบนจมูกอย่างไม่จีรัง
“คงเลี้ยงลูกอยู่มั้งครับ”
ทุกชีวิตในห้องผละจากโต๊ะเรียนว่างเปล่ามาทางซานาดะอย่างพร้อมกันขนิดน่าเอาไปตั้งเป็นกองเชียร์บอลโลก คำตอบนั้นทำให้ทุกคนย้อนไปถึงเหตุการณ์แปลกประหลาดเมื่อวาน
ชายหนุ่มที่หล่อชนิดหาคนในโลกมาเปรียบไม่ได้กระโดดจากพื้นขึ้นมาถึงชั้นสาม
โซเคนโย เลนยะ ยัยทึ่มสมองกลวงอยู่ในอ้อมแขนแกร่งนั้น
และมีเด็กหน้าตาน่ารักที่สภาพเหมือนโดนใครพยายามฆ่ามา
เด็ก...เด็กเหรอ?!
“เธอว่ายังไงนะโซเคนโย ญาติเธอมีลูกเหรอ!”
เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก็ตอบไปแล้ว
หรือจะให้บอกเลยล่ะว่าทำยังไงถึงจะมีลูก
“เอาไว้เขามาแล้วครูถามเขาทีเดียวดีกว่าครับ..เริ่มเรียนกันได้รึยังครับ”
ซานาดะพูดเสียงเย็น พลางยกนาฬิกาข้อมือซึ่งแสดงถึงเวลาที่เกินเริ่มคาบแรกไป 5 นาทีแล้ว ทำให้ทั้งครูและนักเรียนต้องเข้าสู่สภาพปกติอีกครั้ง
ถึงโซเคนโย เลนยะไม่มา แต่ก็ยังมีปีศาจเหลืออยู่อีกตัว
วันนี้ช่างเหมือนนรกมาโปรดแท้ๆ
“โอ้ววว ม่ายยยยน้า~~~ พี่ยุนซอ!!!”
เสียงปิ่มจะขาดใจดังขึ้นในห้องผู้อำนวยการอันโอ่โถงซึ่งมีเครื่องร่อนมากมายประดับประดาไปทั่ว ร่างอ้วนในสูทสีน้ำตาลดิ้นไปมาท่ามกลางกองกระดาษชำระที่ชื้นด้วยน้ำตา เบื้องหน้าชายชราคือทีวีทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่กำลังฉายฉากพระเอกที่สิ้นใจลงไป
“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย โธ่!! แล้วฮานะจะอยู่กับใครกัน พี่ยุนซอ!!~~~~”
ดวงตาของชายแก่คลอรื้นด้วยน้ำใส ภาพในทีวีคือนางเอกกำลังเดินไปท่ามกลางหิมะสีขาวสะอาดตา
หิมะสีขาวเริ่มกลายเป็นสีดำ ทั้งฉากกลายเป็นสีทะมึนมืดมิด ชายแก่พยายามขยี้ตาเพราะน้ำตาอาจจะทำให้ภาพบิดเบือน แต่ทว่าสีดำนั้นเป็นรูปเงาคนยืนจังก้าอยู่
อยู่ข้างหลังเขา
กลิ่นไอพลังแบบนี้
ไม่ผิดแน่!!
โครมมมมมม!!!
ทั้งทีวีและคนกระจุยกระจายไปคนละทิศละทาง กระดาษชำระปลิวกระจายราวกับหิมะในละคร แต่คนที่ยืนอยู่ซึ่งโจมตีมาเมื่อกี้ผิดกับนางเอกแสนสวยโดยสิ้นเชิง
เผลอๆอาจน่ากลัวกว่าตัวร้ายซะอีก
“ไงผอ.!! วันนี้จะเอาชาราคาแพงสุดกู่ หรือถ้วยชาที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาพระเจ้าเห็บมาต้อนรับฉันดีล่ะหา!!”
“โธ่ โซเคนโยคุง จะทักทายกันเอาให้มันนุ่มนวลกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง”
โยโค มิโนวะพูดตอบคำทักทายแสนหวานของหมอผีสาว ก่อนจะลูบทีวีที่ถูกผ่าครึ่งด้วยลูกเตะเสริมพลังวิญญาณชนิดฆ่าคนตายได้ป้อยๆ เลนยะใช้เท้าเดิมเตะตวัดปลั๊กไฟที่เสียบคาเต้าเสียบเอาไว้ออกไปให้พ้นทางเพราะกลัวกระแสไฟที่สว่างแปลบๆอยู่นั้นจะคร่าชีวิตผอ.โยโคตัดหน้าเธอซะก่อน
“เออ มันคงจะนุ่มนวลกว่านี้มากถ้าลุงไม่เอายาบ้านั่นให้ฉันกะไอ้ลูกหมากินน่ะนะ”
เด็กสาวเอ่ยเสียงดุดันเล็ดไรฟัน โดยข้างหลังเธอคือหมาป่าหนุ่มและวิญญาณทั้งสองที่ตามมาทีหลัง แม้เจ้าปีศาจจะไม่ยอมปริปากอะไรแต่ผอ.โยโครู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่ปิดไม่มิดซึ่งไหลออกมาจากตัวของคิเอ็นจิ
“ไม่ใช่ยาบ้านะ..มันเป็นยาบำรุงกำลังช้างสารจากเมืองจีนเลยแหละ แล้วลองเข้าไปเป็นไงมั่งล่ะโซเคนโยคุง?”
ตูมมมมมมมมมม
วีดิโอและวีซีดีละครต่างๆถูกหมัดขวาของเลนยะชกเข้าจังๆจนทลายกลายเป็นผงละเอียด นัยน์ตาสีน้ำเงินตวัดมาที่ชายชราที่ยังปันหน้าเป็นทีวีไดเร็คไม่กลัวตายสักนิด
“รับรองว่าลุงได้ตายก่อนจะได้ยินคำตอบแน่ๆ”
“เอาน่าๆ แต่ที่มากันครบเลยนี่น่าจะมีเหตุผลมากกว่าแก้แค้นฉันแน่ๆเลยใช่มั้ย”
ชายอ้วนว่าน้ำเสียงใส ก่อนจะหันไปทางเจ้าปีศาจซึ่งน่าสนทนามากกว่าแทน “มีธุระอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับท่านคิเอ็นจิ”
“ไคบอกว่าเจ้ารู้เบาะแสที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้”
คิเอ็นจิเอ่ยน้ำเสียงเย็นน่าเกรงขาม ผอ.โยโคมองร่างสูงสง่าอย่างข้องใจ ก่อนที่ร่างที่ตามมาจะปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางห้องผู้อำนวยการ
“โอ้โห ไคคุง โตไวจังเลยนะเนี่ย เมื่อวานยังตัวเล็กเท่านี้อยู่เลย”
เด็กชายครึ่งปีศาจยิ้มบางๆก่อนจะเสยเส้นผมสีดำที่บังนัยน์ตาสองสีออกไป แม้กระนั้นไคก็ยังรักษาระยะห่างจากมารดาบังเกิดเกล้าเพราะที่เลนยะมาได้เพราะเธออ้างว่ามีเรื่องจะสะสางกับชายแก่ตรงหน้าเช่นเดียวกัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะปลอดภัยจากเงื้อมมือมารได้นี่นา
“ผมรู้นะครับว่าผอ.รู้สาเหตุแน่ๆ ใช่มั้ยครับ?”
เด็กชายเอ่ยถาม ร่างอ้วนยิ้มตอบ “ฉลาดสมเป็นลูกชายโซเคนโยคุง”
ปึ้กก!!
หนังสือเล่มหนาหลายเล่มถูกวางลงบนพื้นกลางห้อง แต่ละเล่มเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณ ไสยเวท การเล่นแร่แปรธาตุ พลังมวลสารทั้งสิ้น มืออ้วนปัดฝุ่นหนังสือปกหนังเล่มหนึ่งเบาๆก่อนจะชูขึ้นให้สองสามีภรรยาดู
กฎแห่งอัลเคมิสต์
“เมื่อวานนี้ผมเห็นกองหนังสือเล่มนี้โดยบังเอิญ ผมคิดว่าผอ.คงจะสงสัยเรื่องการแปรพลังแน่ๆจึงได้แยกหนังสือประเภทนี้เอาไว้ และที่ผมโตขึ้นมาได้เนี่ย หนังสือเล่มนี้ก็คงมีสาเหตุอยู่แน่นอน” เด็กชายกล่าวพลางช้อนนัยน์ตาสองสีไปที่หนังสือเล่มหนา เลนยะบุ้ยหน้าอย่างไม่พอใจ
ทำแอคท่าเหมือนเป็นไอ้ท่ามากไปได้
นึกว่าเท่รึไงฟะ
“เมื่อคืนผมอ่านเจอพอดีเกี่ยวกับตำนานเครื่องเงินศักดิ์สิทธิ์ที่หลอมขึ้นด้วยอำนาจแห่งสามโลก ซึ่งจารึกว่าเอาไว้ว่ามันจะเป็นตัวแปรพลังจากทั้งสามภพซึ่งจะก่อให้เกิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของปีศาจเลือดบริสุทธิ์ออกมา และจะตกทอดมากับเจ้าปีศาจทุกรุ่น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันคือ งินโอคามิ” ชายชรากล่าวขึ้น ก่อนจะมองไปที่สร้อยคอสีเงินประกายที่อยู่บนลำคอของไค
“งินโอคามิหากแปรพลังทั้งสามภพคือ พลังจากภพสวรรค์ ภพโลก ภพนรก ผลที่ได้คือปีศาจสายเลือดบริสุทธิ์อย่างท่านคิเอ็นจิ แต่ถ้ามันแปรพลังอย่างอื่น ผลที่ได้ก็เป็นอย่างอื่นเช่นกัน”
“อย่ามาอ้อมค้อมน่าลุง เอาเนื้อๆได้มั้ย กินน้ำจนพุงกางแล้วเนี่ย”
หมอผีสาวบ่นขึ้นขัดจังหวะเกริ่นนำของชายแก่ ทำให้ทุกคนหันขวับมาทางคนนิสัยเสียทันที แต่ก็อย่างว่า จะเอาอะไรนักหนากับเด็กสาวคนนี้
“...ก็เพราะไคคุงเกิดจากพลังของท่านคิเอ็นจิกับโซเคนโยคุงที่แปรสภาพผ่านงินโอคามิ จึงมีสิ่งที่แปลกกว่าครึ่งอสูรโดยสายเลือดอย่างหนึ่ง คือจะเติบโตอย่างรวดเร็วมาก เหมือนพลังทั่วไปที่จะสามารถดูดเอาพลังอื่นในบรรยากาศมาเสริมให้ตัวเองจนใหญ่โตขึ้นได้ ไม่เหมือนลูกครึ่งอสูรที่จะเติบโตอย่างคนปกติธรรมดา ไคคุงเกิดจากมวลพลัง ร่างกายจึงไม่มีเลือดเนื้อจริงๆ เหมือนเป็นก้อนพลังหนึ่งเท่านั้น”
“และนั่นก็เป็นข่าวที่ไม่ดีนัก”
เจ้าปีศาจเอ่ยขึ้นท่ามกลางบทสนทนา นัยน์ตาสีเทามีแวววิตกอย่างชัดเจน
“ครับพ่อ” เด็กชายครึ่งปีศาจตอบรับบิดา ดวงตาสองสีมีร่องรอยคล้ายความเจ็บปวดสั่นขึ้นวูบหนึ่ง เลนยะหรี่ตาลงมองลูกชายที่มีกิริยาผิดปกติ “เพราะผมเป็นแค่มวลพลัง เมื่อเติบโตได้เร็ว มันก็จะแตกดับได้เร็วเช่นกัน”
“หมายความว่ายังไงกันฮะ..ผมงงไปหมดแล้ว” ผีน้อยท้วงเมื่อทุกคนในห้องเงียบกริบกันไปหมด เด็กสาวที่กำหมัดแน่นหันไปทางผีประจำตัวทันที
“เจ้าไค..มันกำลังจะตาย”
“อะไรนะ!!!”
วิญญาณเด็กชายร้องเสียงหลง ดวงตากลมโปร่งใสมองสลับไปมาที่เลนยะ ไค และคิเอ้นจิ ซึ่งบัดนี้ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก เด็กชายยิ้มระรื่นขึ้น
“หึ แม่คงสบายใจนะครับ เพราะยังไงซะผมก็คงอยู่กวนแม่อีกไม่นานนักหรอก”
ผลั่ก!!!
“เลนยะ!!!”
ร่างของเด็กชายกระเด็นไปไกลจนไถลไปกับพื้นไม้ห้องผู้อำนวยการด้วยฤทธิ์หมัดของเด็กสาว ไคเงยใบหน้าเป็นจ้ำช้ำไปยังมารดา เลือดไหลออกจากมุมปากเรียวบาง
“ยัยประสาท!! ไปทำไคแบบนั้นทำไม เป็นบ้าไปแล้วรึไง!!”
ทาโร่ตะคอกใส่เลนยะอย่างลืมตัวเมื่อเด็กสาวเงื้อมือขึ้นราวกับจะฝากหมัดที่สอง แต่ค้างเอาไว้เพราะคิเอ็นจิซึ่งปราดเข้ามาฉุดเอาไว้พอดี ผีน้อยรีบลอยไปทางไคทันทีด้วยความเป็นห่วง ทว่าวิญญาณเด็กชายก็ต้องอึ้งเมื่อเลือดเด็กชายครึ่งปีศาจได้ไหลย้อนกลับเข้าไปในปาก รอยจ้ำช้ำค่อยๆหายไป
“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับทาโร่ซัง ผมเกิดจากพลังของปีศาจ แผลเลยสมานเร็วได้เหมือนปีศาจ” ร่างของเด็กชายลุกขึ้นโงนเงนไปมาด้วยความมึนงง ถึงแผลจะหาย แต่ความรุนแรงของหมัดก็เรียกสติให้ดับวูบลงได้ง่ายๆ
“ใครใช้ให้แกพูดอะไรโง่ๆแบบนั้นเจ้าไค!!”
เสียงโกรธเกรี้ยวดังขึ้นจากร่างที่หายใจหอบรัว หมัดยังกำแน่น พลังที่ถูกนำมาควบเข้าหมัดถูกสะสมจนสลายออกมาเป็นไอลอยขึ้นจากง่ามนิ้ว นัยน์ตาสีน้ำเงินดุดันจ้องลูกชายราวกับกินเลือดกินเนื้อ “แกคิดแบบนี้ มันไม่ได้แตกต่างกับไอ้พวกโง่ที่ชอบฆ่าตัวตายพาดหัวข่าวไม่เว้นแต่ละวันเลยรู้มั้ยไอ้ลูกโง่!!”
“ถึงฉันจะไม่ได้ท้องแกเก้าเดือน ไม่ได้เบ่งแกออกมา แต่ฉันก็ไม่ได้เกลียดแกขนาดที่จะเสือกไสให้แกไปตายที่ไหนก็ได้ให้พ้นๆ แกไม่รู้รึไงว่ามีวิญญาณอีกมากมายที่อยากมาเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ อยากมีชีวิต อยากจับต้องทุกสิ่งทุกอย่างได้ แกไม่รู้หรอกว่าพวกนั้นต้องทรมานขนาดไหน พวกนั้นมันพยายามแค่ไหนเพื่อจะยืนหยัดมีชีวิตอยู่! ถ้าแกมองแค่ว่า อีกไม่นานแกก็จะตายแล้วพอแกตายโลกนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้น แกก็ไม่สมควรเป็นลูกชายของฉันกับไอ้ลูกหมา แกสมควรตายแล้วไอ้โง่เอ๊ย!!”
หมอผีสาวตะโกนลั่น เหงื่อเม็ดใสไหลเลียใบหน้า กำปั้นเริ่มแตกออกจนกลายเป็นเลือดเพราะพลังที่ไม่ได้ปลดปล่อย เลนยะก้มหน้าลงพลางหายใจอย่างแรง คิเอ็นจิปล่อยมืออย่างช้าๆก่อนจะดึงเด็กสาวเข้าชิดร่างกายของตนเอง
“..ขอโทษ...ครับแม่..”
ร่างสูงเกินวัยก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด ดวงตาสองสีมองไปยังใบหน้าที่แนบชิดอกแกร่งของเจ้าปีศาจ ความรู้สึกเจ็บปวดถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตาไหลรินจากดวงตาของไค เลนยะผละจากหมาป่าหนุ่มก่อนจะใช้มือขวาพันผ้าพันแผลเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของลูกชายแบบไม่ละมุนละม่อมนัก
“แกเกิดเป็นผู้ชายนะเว้ยไค ร้องไห้งอแงไปได้ ฉันมีลูกชายคนเดียวนะเว้ย และก็ไม่อยากให้ลูกคนนี้เป็นแต๋วไปด้วย”
ใบหน้าถอดพิมพ์บิดาซบเข้าที่อกของหมอผีสาว ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกายของครึ่งปีศาจ นัยน์ตาสองสีหลับลงอย่างช้าๆ ความรู้สึกในด้านลบค่อยๆถูกกลืนหายไปในแสงประหลาดซึ่งเขารู้สึกเหมือนมันเปล่งประกายมาจากตัวของเลนยะ
“ถ้าเวลามีน้อย เราก็ควรจะใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด จำไว้เจ้าไค” หมาป่าหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน เรียกให้ดวงตาแกร่งแม่สีสบเข้ากับดวงตาสีเทาของเจ้าปีศาจ รอยยิ้มบางของเลนยะถูกคลี่ขึ้น “จำที่พ่อแกสอนเอาไว้ให้ดีเจ้าไค”
ความเงียบปกคลุมบรรยากาศทั่วห้องผู้อำนวยการอีกครั้ง ทว่ามันไม่ใช่ความเงียบงันเย็นชาอย่างที่ผ่านมา แต่เหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะหนึ่งเพื่อให้ชีวิตที่สูญสลายได้รวดเร็วได้ใช้เวลากับสิ่งที่รักอย่างยาวนานที่สุด วิญญาณทั้งสองและผอ.โยโคปล่อยให้ทั้งสามอยู่กับเวลาที่ค่อยๆเวียนไปแช่มช้าอย่างเงียบๆ
“อ...อึดอัด..”
ดวงตาสีน้ำเงินและสีเทาเปิดขึ้นพร้อมกันเมื่อเสียงอู้อี้เหมือนใกล้ตายดังขึ้นจากร่างในอ้อมอกของเลนยะ ภาพคือใบหน้าของไคคุงซึ่งอัดเข้ากับหน้าอกของมารดาจนหายใจไม่ออก เลนยะกับคิเอ็นจิรีบผละออกจากลูกชายแทบจะในทันที
“....แม่ก็มีเยอะเหมือนกันนะเนี่ย”
ผลั่กกกก!!
หมัดคราวนี้ไม่มีพลาด เด็กชายกระเด็นกลางอากาศและไถลอย่างรุนแรงไปกระแทกเข้ากับชั้นหนังสือและเครื่องร่อนราคาแพงจนระเนระนาด ซึ่งนั่นทำให้ผอ.โยโคแทบสลบตามเครื่องร่อนที่พังไป หมัดขวาของเด็กสาว’ผู้มีเยอะ’ถูกกำจนสั่นระริก
“คราวนี้แกตายชัวร์ไอ้ลูกเลว!!!”
ครืดดดดดดด
“อ้าว โซเคนโย เลนยะ มาเรียนแล้วงั้นหรือ?”
“..ค...ค่ะ..ครู..เอ่อ...คุณครู”
นักเรียนทั้งห้องต่างรู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดจากร่างเมื่อปีศาจสาวที่อุตส่าห์ไม่มาเรียนไป 32 นาที 15 วินาที(ถึงกับตั้งหน้าตั้งตานับ)กลับมาในห้องเรียนในสภาพเหงื่อโชกและมือขวามีเลือดเกรอะกรัง นัยน์ตาสีน้ำเงินใต้กรอบแว่นดูเซ็งน้อยๆ
“มีเหตุผลอะไรจะบอกครูมั้ยเรื่องที่เธอมาสาย”
“..ไปเลี้ยงลูกมา....ค่ะ”
เลนยะตอบเสียงเรียบและเติมหางเสียงไปอย่างยากเย็นเพราะมันผิดวิสัยของเด็กสาว แต่คำตอบเรียบๆนั่นทำให้ลมหายใจของทุกชีวิตในห้อง(เว้นแต่ซานาดะ)ขาดไปพลัน ดวงตาไข่ห่านสี่สิบกว่าคู่จ้องเด็กสาวอย่างเกร็งๆ
“อ่ะ..เอ่อ..ลูกนี่หมายถึง..สัตว์เลี้ยง...ใช่มั้ย?”
ครูสาวพยายามเบี่ยงเบนคำตอบที่ได้ยินมาให้เป็นไปในแง่ดี เพราะถ้า ลูก นี่หมายถึง ลูก จริงๆ เลนยะก็ไม่น่าจะเรียนอยู่ที่นี่ได้
อีกอย่าง ครูสาวห่วงความปลอดภัยของลูกของเลนยะด้วย
มีแม่โหดปานนี้
ตอนนี้ไม่พิการก็คงโดนแร้งกินไปแล้วกระมัง
“จะว่างั้นก็ได้...พ่อมันเป็นหมาที่ฉันเลี้ยงไว้เอง...ค่ะ”
“ฮัดเช้ยยยย!!”
คิเอ็นจิที่นั่งอยู่ในห้องผอ.เพื่อเฝ้าไคซึ่งกำลังช่วยเก็บกวาดผลการกระทำของมารดาแทนเกิดอาการคัดจมูกขึ้นมากะทันหัน เด็กชายมองมาทางบิดาอย่างงงๆ
“มีอะไรรึเปล่าครับพ่อ ฝุ่นเข้าจมูกเหรอ”
“เปล่า...ข้าว่าตัวการคือแม่เจ้ามากกว่า”
นัยน์ตาสีเทาเปลี่ยนทิศไปยังฝั่งตึกเรียน พลางหรี่ตามองอย่างจับผิด
ไปนินทาเขาให้ใครฟังอีกล่ะ แม่ตัวดี
“ทำไมถึงมาเรียนล่ะ นึกว่าจะไปเป็นคุณแม่เต็มตัวซะแล้ว”
“กินหนังสือต่อไปซะไอ้ท่ามาก ฉันไม่อยากฆ่าคนตอนนี้ อารมณ์เพิ่งค้างมาจากที่อื่น บางทีมันจะไม่จบแค่แก ฉันอาจจะเอาท่านหญิงลงขังหม้อถ่วงน้ำเล่นก็ได้นะ”
เด็กสาวว่าพลางใช้แขนเสื้อเช็ดแว่น ซานาดะมองเลนยะ ก่อนจะหันไปสนใจตัวอักษรคันจิยึกยือในหนังสือเรียนที่ทำเอาเลนยะแทบกระอักยามใดที่ประสบกับมัน
“พลังของไคสูงมากขึ้นเกินกว่าจะเป็นทารก ทีแรกก็สงสัย แต่เมื่อคืนท่านหญิงไปเจอกับผอ.โยโคมาพอดี ฉันเลยคาดไว้ว่าพรุ่งนี้ต้องมีเรื่องเซอร์ไพรส์แน่ๆ”
“ฉันล่ะเบื่อพวกหูผีจมูกมดชะมัดยาด ทั้งตาลุง โยชิฮาระ แล้วมาเจอแกอีก พวกแกสามคนน่าจะไปตั้งซุ้มดูหมอกันหน้าโรงเรียนเลยนะ ฉันว่ารุ่งว่ะ”
“ตกลงเกิดอะไรขึ้น” เด็กหนุ่มว่า ดวงตาสีดำยังเลื่อนไปตามบรรทัด
“มันโตเป็นเด็กแปดขวบเมื่อเช้านี้ และจะโตขึ้นอีก ถ้าแกรู้สาเหตุจากผอ.แล้วก็ไม่ต้องอธิบายให้เมื่อยปาก”
“ถ้าเป็นแบบนั้น...เจ้าก็คงเตรียมใจรับผลที่จะตามมาแล้วใช่ไหม?”
ท่านหญิงอาเคเดะที่กุมง้าวเงียบอยู่นานสองนานเอ่ยขึ้น ดวงตาสีน้ำเงินใต้กรอบแว่นอ่านเจอคันจิตัวหนึ่งพอดี
断末魔 วาระสุดท้าย
แต่แปลก ที่ข้างๆกันกลับมีอีกคำที่ทำให้อารมณ์เปลี่ยนไป
愛育 การเลี้ยงดูอบรมลูกด้วยความรัก
“สักวันหนึ่งคนเราก็ต้องตายด้วยกันทุกคนอยู่แล้ว แต่มันมีอยู่ทางหนึ่งที่คนที่ตายไปแล้วจะอยู่กับคนข้างหลังตลอดไปอย่างไม่มีทางสูญสลาย”
หญิงสาวในกิโมโนสีดำเปรยขึ้น ดวงตาสีงาช้างมองไปยังฟ้าสีคราม
“ความทรงจำอย่างไรล่ะ คนที่ตายไปแล้วจะมีชีวิตอยู่เสมอในความทรงจำ ในหัวใจของคนที่รัก ครอบครัว และเพื่อนพ้อง ไม่ว่าจะนานเท่าใดก็ตาม”
เด็กสาวชำเลืองมองบรรพบุรุษสาวที่ยังคงเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง แสงตะวันแรงกล้าสาดส่องให้ความอบอุ่นแก่ทุกคนอย่างที่ทำทุกๆวัน มันคงซึมซับความทรงจำและความรักของคนมากมายเอาไว้จนเปล่งแสงมาให้แก่คนรุ่นหลัง เพื่อเป็นการป่าวประกาศถึงการดำรงอยู่ตลอดกาลของความทรงจำถึงผู้ล่วงลับ
“แม้ร่างกายจะจากไป แต่เขาจะมีชีวิตอยู่ได้เสมอและตลอดไป ในใจของเจ้า”
“ไม่ต้องมาสอนปรัชญาฉันเลยน่าท่านหญิง” เลนยะกล่าว มือขาวเอื้อมไปรับความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์ “เรื่องแค่นั้น...ใครก็รู้”
แสงอาทิตย์ที่รุนแรงบัดนี้ลดทอนลงจนเหลือแค่แดดสีแสดอ่อนๆที่ทอผ่านม่านไม้ สามชีวิตเดินทางจากโรงเรียนกลับบ้าน คิเอ็นจิรับไคขึ้นขี่หลังเพราะเด็กชายหมดเรี่ยวแรงทั้งหมดไปกับการปัดกวาดที่กินเวลาหลายชั่วโมง หน้าตาเด็กชายตอนนี้หมดสภาพยับเยิน
“เลิกทำหน้าเหมือนหมาโดนรถทับอย่างนั้นสักทีสิวะ”
“จะให้ทำหน้ายังไงล่ะขอรับ ท่านไคทำงานเยอะมากเลยนะขอรับ ข้าอยากช่วยแต่ข้าจับต้องอะไรไม่ได้” โยชิฮาระพูดพลางลอยตามนายน้อยของตนไป
“จริงๆแล้วเจ้าควรจะเป็นคนไปเก็บกวาดของเองนะเลนยะ ทำไมให้ลูกทำแทนเจ้าแบบนี้” เจ้าปีศาจกล่าวเสียงดุ ก่อนจะขยับให้ไคเกาะแน่นขึ้น
“หนวกหู ที่ฉันโมโหไม่ใช่เพราะมันรึไง”
เด็กสาวท่าทางทึ่มเชยยังพูดแบบปัดความรับผิดชอบ แถมยังยักไหล่ให้หมาป่าหนุ่มเสียอีก “...พรุ่งนี้ฉัน...จะพามันไปเที่ยว”
“...ว่ายังไงนะ”
เจ้าปีศาจหันใบหน้ารูปสลักไปทางเด็กสาวคนสำคัญที่ก้มหน้างุด ไม่มีใครล่วงรู้แววตาใต้กรอบแว่นนั่น ทาโร่แคะหูอย่างแรงแบบไม่เชื่อหูตัวเอง
พาไปเที่ยวเนี่ยนะ
เลนยะพาเด็กไปเที่ยว..Again!?
“ชักช้าจริงๆเลยโว้ย ตามมาซักทีสิวะ อีกกี่ชาติจะถึงบ้านเนี่ย!!”
เสียงของเด็กสาวโพลงขึ้นเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะสาวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปล่อยให้ปีศาจ ครึ่งปีศาจ และผีมองตามหลังอย่างงงๆ
คิเอ็นจิหันไปทางลูกชายที่หลับสนิทด้วยความเหนื่อยอ่อน รอยยิ้มบางอบอุ่นคลี่ขึ้นบนใบหน้าคมคาย
บางทีพรุ่งนี้ อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้
คุณแม่เลนยะพาลูกชายไปเที่ยว
ความคิดเห็น