ตอนที่ 4 : chapter 4 x sorry
***เพื่ออรรถรสในการอ่าน เราขอแนะนำให้ท่านจินตนาการเสียงพากย์ไทยของตัวละครต่างๆ เวลาอ่านตามไปด้วยเลยค่ะ ถามว่าทำไมไรท์เตอร์ก็ไม่รู้หรอก แต่ตอนแต่งเรานึกเสียงแบบนั้นแล้วเขียนเอาน่ะ55555
Chapter 4 x Sorry
วันนี้เป็นวันเสาร์ เป็นวันหยุดที่เดรโกต้องไปหาซื้อไม้กวาดด้ามใหม่ที่ตรอกไดแอกอน
เมื่อวานหลังจากที่เขาแยกกับลูน่า ชายหนุ่มก็มุ่งหน้าไปยังห้องโถงของปราสาททันที เขามีเวลาไม่นานนักเพื่อที่จะจัดการกับอาหารตรงหน้า แต่ไม่ทันที่เขาจะได้นั่งดี แพนซี่หญิงสาวที่ติดตามเขามาตั้งแต่ปีหนึ่งก็เดินเข้ามาสอบปากคำเขาเหมือนอย่างกับนักโทษ ซักไซ้เขาต่างๆ นาๆ
‘นายไปไหนมา’ ‘ไปทำอะไร’ ‘ไปกับใคร’
เดรโกรู้สึกรำคาญเล็กน้อยที่จะต้องรายงานกับผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลาเขาไปไหนมาไหนคนเดียว ชายหนุ่มจึงตอบปัดๆ ไปด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว “ไม่มีอะไร”
อาจจะเพราะท่าทางหงุดหงิดอารมณ์เสียของเขาทำให้แพนซี่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ แต่เธอก็ช่วยให้เขานึกถึงเรื่องไม้กวาดด้ามเก่าที่หักไปแล้วได้
“พรุ่งนี้ฉันจะไปกับนายด้วย”
แพนซี่ประกาศเสียงเรียบแล้วหันไปจัดการกับทาร์ตผลไม้ตรงหน้าเธอต่อ เดรโกหันไปมองหน้าเธอครู่หนึ่งแล้วหันกลับมาตามเดิม การไปเดินซื้อของโดยมีผู้ติดตามดูจะเป็นเรื่องปกติของคุณชายเดรโก มัลฟอยล่ะนะ
เช้านี้อากาศเย็นกว่าปกติเล็กน้อยเพราะอีกไม่กี่วันที่นี่ก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว
เดรโกค่อยๆ สวมเสื้อคลุมสีทึบด้วยท่าทางเหมือนไม่เร่งรีบ ทั้งๆ ที่เลยเวลานัดกับแพนซี่ พาร์กินสันมาได้ยี่สิบกว่านาทีแล้ว ชายหนุ่มจัดแต่งเส้นผมสีบลอนด์ของตนให้เรียบร้อยแล้วจึงเดินออกจากห้องพักบ้านสลิธีรีนไปเงียบๆ เขาไม่อยากปลุกคนอื่นๆ ที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่อย่างสบายใจในวันหยุด ตอนนี้แพนซี่คงกำลังนั่งรอเขาอยู่ที่หน้าเตาผิงในห้องนั่งเล่นแล้ว
วันนี้แครบกับกอยล์คงหายดีแล้วสินะ...
เดรโกนึกขึ้นได้แล้วยิ้มอยู่ในใจเพราะกำลังจะได้ผู้ติดตามทั้งสองคนมาเดินขนาบข้าง คอยปรนนิบัติเขา และยกพวกกันไปยั่วโมโห หาเรื่องพวกพอตเตอร์เหมือนเช่นทุกวัน
แต่ในชั่วขณะนั้นเองที่ใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งแว่บขึ้นมาในสมองของเขา
เดรโกหยุดเดินเพราะชะงักกับภาพในหัวเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดไร้สาระ แล้วเอื้อมมือขึ้นมาลูบจี้ห้อยคอที่เขากำลังสวมอยู่ด้านใน..
“ไง” แพนซี่นั่นเองที่ส่งเสียงเรียกเขาหน้าประตูห้องนั่งเล่น เธอแต่งตัวเหมือนหญิงสาวที่กำลังจะไปเดทกับแฟนหนุ่ม—
เดรโกไม่ได้ตอบอะไรเธอ เขาแค่เดินตรงไปที่ประตูด้วยใบหน้านิ่งเฉย เมื่อเห็นดังนั้นหญิงสาวจึงรีบเดินตามเขาออกไปที่ทางเดินอันเงียบเชียบทันที
เดรโกและแพนซี่ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีในการเดินทางจากฮอกวอตส์มาถึงตรอกไดแอกอนด้วยผงฟลู ทั้งสองอายุยังไม่ถึงสิบเจ็ดจึงต้องใช้วิธีนี้ในการเดินทางไปไหนมาไหนบ่อยๆ ซึ่งนี่ก็เป็นวิธีที่เดรโกไม่ชอบเอาเสียเลย เขาเดินทางโดยการหายตัวได้แล้ว แค่ยังไม่มีใครรู้ก็เท่านั้น
ตรอกไดแอกอนยังคงพลุกพล่านเต็มไปด้วยผู้คนเสมอ ทั้งพ่อมดแม่มดเดินกันให้ขวั่ก ร้านสัตว์วิเศษยังคงส่งกลิ่นและเสียงที่ไม่น่าพิสมัยออกมาตามเดิม ร้านไม้กายสิทธิ์โอลลิแวนเดอร์ดูเงียบเหงากว่าตอนที่เขามาหาซื้อไม้กายสิทธิ์ตอนปีหนึ่งเล็กน้อย ร้านเครื่องยาก็เหมือนกัน แต่ที่ดูคึกคักที่สุดตลอดกาลสำหรับเดรโกและคนอื่นๆ คงเป็นร้านขายขนมหวานและไอศกรีมพ่อมดนี่แหละ
“ร้านอยู่ทางนั้น” แพนซี่พูดสั้นๆ แล้วหยุดรอให้เดรโกเดินนำหน้า อย่างที่รู้ๆ กัน เดรโก มัลฟอยจะต้องไม่เดินตามหลังใครง่ายๆ หากคนๆ นั้นไม่ใช้บุคคลที่เขานับถือหรือควรยำเกรง เช่นพ่อของเขาเป็นต้น
‘ร้านอุปกรณ์ควิชดิชชั้นเยี่ยม’
เดรโกแทบไม่ต้องมองตัวอักษรที่เขียนอยู่ตรงหน้าร้านเลยซักนิด เพราะกระจกใสที่เป็นผนังของร้านทำให้เขาสามารถมองเห็นสิ่งที่วางขายอยู่ในร้านได้อย่างชัดแจ๋ว ทั้งเสื้อคลุมสำหรับนักกีฬาควิชดิช ถุงมือ แว่นกันลมหรือไม้กวาด ซึ่งนั่นแหละสิ่งที่เขากำลังหาซื้ออยู่
เดรโกเดินเข้ามาในร้านพร้อมเสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งที่ดังขึ้นตรงประตู
“ขอไม้กวาดที่ดีและเร็วที่สุดของที่นี่ ส่งมาที่ฮอกวอตส์บ้านสลิธีรีนภายในวันพรุ่งนี้” เดรโกออกคำสั่งกับเจ้าของร้านที่เคาท์เตอร์คิดเงินทันทีที่เข้าไปถึง เขาไม่ได้เปลี่ยนไม้กวาดมานานพอสมควรแล้วตั้งแต่ที่ซื้อนิมบัสรุ่นสองพันหนึ่งให้ทุกคนในทีมควิชดิช จึงทำให้เขาไม่ได้รู้เรื่องไม้กวาดแบบใหม่มากนัก
“เดรโก มัลฟอย” เดรโกบอกชื่อของตนแล้วโยนวางถุงเหรียญทองให้ชายแก่นับ ด้วยจำนวนเงินในนั้นคงพอสำหรับไม้กวาดที่ดีที่สุดในร้านแล้ว เสียงจ้อกแจ้กจอแจของพวกเด็กๆ ที่ยืนรุมไม้กวาดบริเวณหน้าร้านทำให้เขารู้สึกรำคาญเล็กน้อย แพนซี่กำลังเดินไปรอบๆ ร้านเพื่อมองหาคู่มือสำหรับผู้เล่นควิชดิชมือใหม่
ก่อนหน้านี้แพนซี่เคยบอกเขาว่าอยากลองเล่นควิชดิชนี่นะ เดรโกถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อคิดถึงตอนที่แพนซี่ได้เข้ามาอยู่ในสนามเดียวกันแล้วขี่ไม้กวาดตามเขาแจ
ก็ดี จะได้มีคนให้ใช้งาน เขาผลิกอคติแย่ๆ ของตนให้ดูดีขึ้นมาหน่อย
ขณะนั้นเองที่เดรโกกำลังจะเบือนหน้าไปด้านนอกร้าน สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นแผ่นหลังอันแสนคุ้นเคยของใครบางคนเข้าเสียก่อน…
นั่นเลิฟกู๊ด!
เดรโกเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าเจ้าของเส้นผมสีบลอนด์ยาวเลยกลางหลังที่ยืนอยู่ด้านในสุดของร้านนั่นคือ ลูน่า เลิฟกู๊ด เจ้าของจี้ห้อยคอที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมสีทึบของตน
เธอยังคงแต่งตัวแปลกๆ ไม่เหมือนผู้หญิงวัยรุ่นคนอื่นๆ จึงทำให้เป็นที่สะดุดตาของเขาไม่น้อย กางเกงสามส่วนสีขาวสะอาดกับเสื้อแขนยาวสีชมพูซีดเหมือนเสื้อของเด็ก รองเท้าผ้าใบสีครีม และเธอยังรวบผมของตัวเองเอาไว้หลวมๆ เพื่อความทะมัดทะแมงอีกด้วย
ไม่ทันที่เขาจะได้ไตร่ตรองอะไรมากไปกว่านี้ คำถามในใจของเดรโกที่ว่า ‘เลิฟกู๊ดมาที่นี่คนเดียวงั้นเหรอ’ ก็ถูกไขกระจ่างออกทันที
พอตเตอร์!!
เดรโกคำรามชื่อคู่อริตลอดกาลของตนในใจ สายตายังคงจับจ้องไปที่ร่างทั้งสองของชายหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังยืนดูถุงมือควิชดิชด้านในของร้านด้วยท่าทางสนุกสนานราวกับเป็นคนรักกัน
ไอ้พอตเตอร์กับยัยสติแตกนั่นกำลังมีความสุขอยู่สินะ!
เดรโกขบฟันของตนไปมาเมื่อเห็นแฮร์รี่และลูน่ายืนหัวเราะคิกคักกันสองคน ตามปกติที่โรงเรียน เพียงแค่เขาได้เห็นใบหน้าร่าเริงอารมณ์ดีของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เด็กชายผู้ถูกเลือก ก็ชวนกระตุกต่อมนิสัยเสียของเขาได้มากพออยู่แล้ว...
แต่ตอนนี้แฮร์รี่ พอตเตอร์กำลังยืนอยู่กับลูน่า เลิฟกู๊ด!
ไม่สบอารมณ์เลยโว้ย! เดรโกไม่ได้คิดว่าทำไมตนถึงรู้สึกหงุดหงิดกว่าปกติเป็นสองเท่า—
ไวเท่าความคิด ขายาวๆ ของชายหนุ่มเจ้าอารมณ์ก็พาเจ้าของร่างเดินดุ่มๆ เข้าไปด้านในของร้านและหยุดยืนอยู่ตรงบริเวณโซนขายถุงมือควิชดิช “ไงพอตเตอร์”
แฮร์รี่และลูน่าพลิกตัวกลับมาอีกด้านทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ และถ้าทั้งสองเดาไม่ผิด เจ้าของร่างที่ยืนประจันหน้ากับพวกเขาอยู่ตอนนี้ก็ต้องเป็นคุณชายจากตระกูลคลั่งเลือดบริสุทธิ์ เดรโก มัลฟอย
“ไงมัลฟอย มาเที่ยวงั้นเหรอ” พวกเขาเดาถูก และเป็นแฮร์รี่นั่นเองที่เอ่ยปากถามออกไป ในใจนั้นเริ่มกังวลว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะสรรหาคำอะไรมาใช้พูดแดกดันเขาอีกวันนี้ “เสื้อสวยนี่”
“ขอบใจ แต่ฉันว่านายคงไม่มีปัญญาหรอก” เดรโกประชดประชันแล้วเหลือบมองลูน่าด้วยหางตา
“มาเดทรึไง? กับผู้หญิงสติไม่สมประกอบเนี่ยนะ อย่ามาทำให้ขำหน่อยเลยพอตเตอร์” ลูน่ามองเดรโกด้วยสายตาที่เขาไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร ตอนนั้นเองที่แพนซี่สังเกตเห็นทั้งสามและเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เดรโกเพื่อร่วมวงสนทนาด้วย
“พอตเตอร์กับเลิฟกู๊ดสติเฟื่องบ้านเรเวนคลอนี่?” เธอส่งเสียงเยาะเย้ยเบาๆ เมื่อสำรวจการแต่งกายของลูน่าตั้งแต่หัวจรดเท้า ลูน่ามองแพนซี่เพื่อจดจำรายละเอียดต่างๆ ในตัวเธอ ก่อนจะหันหน้าไปทางมัลฟอยแล้วยิ้มเรียบๆ
“สวัสดีมัลฟอย” ลูน่าทักเดรโกเหมือนปกติที่ทั้งสองเจอกัน นั่นทำให้แฮร์รี่และแพนซี่ประหลาดใจเล็กน้อย—
“ไม่ต้องมาเรียกฉันเลิฟกู๊ด พวกนายเชิญเลือกซื้อของมือสองราคาถูกๆ นั่นไปเถอะ!” เดรโกกระแทกเสียงด้วยความหงุดหงิด ยิ่งเห็นแฮร์รี่และลูน่ายืนข้างๆ กันเขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
จากที่เดรโกจะเข้ามาหาเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ กลายเป็นว่าตอนนี้เขาหัวเสียซะเองแล้ว
สนุกสนานกันเหลือเกินนี่!
ทั้งสามคนที่เหลือปิดปากเงียบไปชั่วขณะ
“เธอเป็นอะไรกับเดรโก” แพนซี่นั่นเองที่กำลังกอดอกแล้วถามลูน่าด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยพอใจ จากที่เธอคอยติดตามเดรโกมาตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่ง จำไม่ได้เลยว่าสองคนนี้ได้เคยพูดคุยกันตอนไหนและเพื่ออะไร
ไม่มีทางที่เขาจะเดทกับยัยนี่แน่ แพนซี่คิดแล้วมองลูน่าด้วยสายตาเหยียดหยาม “ตอบมาสิเลิฟกู๊ด..—”
“นั่นมันไม่ใช่เรื่องของเธอแพนซี่! หยุดถามอะไรไร้สาระซักทีเถอะน่า!!”
เดรโกชิงตะโกนลั่นทันทีที่เห็นว่าลูน่ากำลังจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่างออกมา เขาคว้าเสื้อคลุมสีแดงสดและหมวกนักกีฬาควิชดิชที่แขวนอยู่บนผนังข้างตัวทุ่มลงกับพื้น เกิดเสียง ตึง! หนักๆ ที่ด้านในของร้าน เสียงตวาดอันดังของเขาทำเอาแพนซี่อ้าปากหวอไปด้วยความงุนงง คนในร้านที่มีจำนวนไม่น้อยก็เริ่มหันมามองพวกเขาเป็นตาเดียวเช่นกัน
แฮร์รี่เริ่มรู้สึกได้ถึงอะไรที่มันผิดปกติมากขึ้นทุกทีๆ เขากลืนน้ำลายแล้วมองหน้าเดรโกสลับกับลูน่าที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ เขา
“……”
ทุกคนในที่นี้เริ่มพร้อมใจกันทุ่มความสนใจไปที่เดรโก ลูน่ายังคงเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัยตามแบบฉบับของเธอ แฮร์รี่มีบางอย่างคาใจที่อยากพิสูจน์ มันสามารถอ่านได้จากสีหน้าของเขา—
ส่วนแพนซี่ก็ไม่กล้าจะพูดอะไรมากไปกว่านี้แล้ว เธอกลัวเดรโกจะเกลียดเธอ
อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องตวาดแพนซี่ขนาดนั้น? สิ่งที่แพนซี่ถามลูน่าไปไม่ใช่เรื่องที่เดรโกควรจะต้องมีน้ำโหด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มผลบลอนด์เริ่มปิดปากเงียบ มองตาของแฮร์รี่แพนซี่และลูน่าอย่างเลิ่กลั่กเหมือนเพิ่งได้สติ เดรโกกัดฟันตัวเองดังกึด! ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกไม่เข้าใจตนเอง สับสน หงุดหงิด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นลงไป
เวร....!!
“ฉันกลับล่ะ!”
สิ้นเสียงประกาศิต ร่างสูงของชายหนุ่มก็พลิกตัวหันหลังแล้วเดินฉับๆ ออกนอกร้านไปทันที ปล่อยให้หญิงสาวหน้าตาสะสวยต้องวิ่งตามและตะโกนเรียกชื่อเขาไปมา “เฮ้! เดรโก รอก่อนสิ!”
“มันอะไรกันน่ะ” แฮร์รี่อดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ขณะที่มองประตูร้านที่ร่างของชายหญิงคู่หนึ่งเพิ่งวิ่งออกไป
ลูน่ายังคงมองไปที่ประตูเช่นกัน เธอกลับมาตั้งคอตรงๆ แล้วเหลือบมองแฮร์รี่ หญิงสาวงุนงงกับการกระทำของเดรโก ถึงแม้เธอจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนนิสัยไม่ดี การที่เขาทำแบบนี้กับเธออาจจะเป็นเพราะเธอกำลังยืนอยู่ในที่ๆ คนพลุ่กพล่านก็เป็นได้
“...มาเถอะแฮร์รี่ เราต้องไปตามหารอน แล้วก็ซื้อหม้อปรุงยามาแทนใบเก่าที่แตกไปด้วย” ลูน่าไม่พูดเปล่า เธอยังหยิบถุงมือควิชดิชคู่หนึ่งมาจากกองในกระบะสินค้า แล้วจูงมือแฮร์รี่ไปทางเคาท์เตอร์ ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆ เมื่อมือของทั้งสองสัมผัสกัน
ลูน่าพยายามไม่คิดเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเธอ –เรื่องของเดรโก มัลฟอย แต่ถึงพยายามอย่าไร คำถามมากมายเกี่ยวกับตัวเขาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอตลอดเวลา
เดรโก มัลฟอยไม่ใช่คนนิสัยไม่ดี เขาแค่ถูกเลี้ยงดูและสั่งสอนมาแบบผิดๆ เท่านั้น
เธออยากช่วยเขา ลูน่าอยากเป็นเพื่อนกับเดรโก
นั่นเป็นสิ่งที่ลูน่าคิดและตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะทำ และเธอก็จะไม่เลิกล้มความคิดนี้ง่ายๆ แน่ แล้วเธอก็อยากทำให้แฮร์รี่กับเดรโกกลายเป็นเพื่อนกันด้วย
“.....” แฮร์รี่มองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า เธอไม่ได้มีสีหน้าผิดไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงมีร้อยยิ้มเล็กๆ อยู่ที่มุมปาก(อาจจะเพื่อช่วยทำให้ให้บรรยากาศดีขึ้น) มีความคิดความอ่านไม่เหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไป มีดวงตาคล้ายจะเหม่อลอยอยู่ตลอดเวลา
แล้วก็ยัง.....
มีมือที่อ่อนโยนข้างนี้ของเธออีกด้วย.......
ห้องนั่งเล่นบ้านสลิธีรีน
เดรโกยังคงนั่งอ่านหนังสือ ‘สารพัดสัตว์วิเศษ’ เล่มหนาเตอะที่ซื้อมาจากตรอกไดแอกอนวันนี้เป็นรอบที่สาม สารบัญของหนังสือช่วยอะไรไม่ค่อยได้เมื่อเขาต้องการหาสัตว์วิเศษที่ชื่อนาเกิ้ลส์
“สวมมันไว้แล้วพวกนาเกิ้ลส์จะไม่กล้าเข้าใกล้เธอ”
เดรโกเหม่อมองไปที่โซฟาอีกตัวตรงข้ามกับเขา แล้วหมุนจี้ห้อยคอของตนเล่นด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งนั่นก็ทำให้เดรโกสามารถใช้ความคิดกับเรื่องต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
และยิ่งนึกถึงใบหน้าของลูน่าและแฮร์รี่ที่กำลังหัวเราะคิกคักกันก็เริ่มทำให้เขาอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น
เขาจะไม่ขอโทษเธอกับเรื่องนี้! เดรโกมั่นใจว่าเขาไม่ได้เป็นคนผิด เพราะมันก็เป็นเรื่องที่แม้แต่ตัวชายหนุ่มเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรเหมือนกัน...
สองวันที่ผ่านมาไม่มีเรื่องซวยๆ เกิดขึ้นกับเขาก็จริง ตอนนี้แครบกับกอยล์ก็พากันหายตัวไปที่ห้องโถงแล้ว สองคนนั้นหายดีเป็นปกติและถูกสั่งห้ามไม่ให้กินพายช็อกโกแลตเกินสามชิ้นต่อวัน ตั้งแต่เมื่อวานไม่มีการสะดุด ของหาย หรือมีใครดึงผ้าห่มเดรโกเลยแม้แต่น้อย
ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันเคยเป็น แต่เขายังไม่ได้หนังสือวิชาปรุงยาและรองเท้าคู่เก่าคืน
ถึงจะซื้อคู่ใหม่แล้วก็เถอะ...
เดรโกมองต่ำลงไปที่เท้าของตัวเอง รองเท้าหนังสีดำขลับเงาวับสะท้อนกับแสงไฟจากเตาผิงไปมาเมื่อเขาขยับมัน เรื่องรองเท้านั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไหร่ แต่ในหนังสือวิชาปรุงยานั่นมีพวกคาถาที่เขาเอาไว้ใช้แกล้งคนอยู่แทบทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ และถ้ามันหายไปเฉยๆ คงจะน่าเสียดายมากๆ สำหรับเขา
ยังไงเราก็ต้องเอามันคืนมาให้ได้
เดรโกสูดหายใจเข้าอย่างเต็มปอดแล้วลุกขึ้นยืนตัวตรง อีกไม่กี่นาทีก็จะได้เวลามื้อค่ำที่ห้องโถงใหญ่ ถ้าเขาจะไปนั่งพูดคุยเฮฮากับเพื่อนๆ ในบ้านสลิธีรีนก่อนเวลาเล็กน้อยคงเป็นความคิดที่ดีสำหรับตอนนี้
บรรยากาศภายในห้องโถงของปราสาทฮอกวอสต์ยังคงคึกครื้นเหมือนเช่นทุกวัน แม้ผู้คนจะบางตาลงไปบ้างเพราะในวันหยุดแบบนี้นักเรียนหลายๆ คนมักจะกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวของตน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียงเซ็งแซ่ของนักเรียนคนอื่นๆ ที่กำลังจับกลุ่มพูดคุยเฮฮากันลดลงเลยแม้แต่น้อย
“มาแล้วเหรอ” แครบเอ่ยทักเดรโกเมื่อเขาเดินมาถึงโต๊ะบ้านสลิธีรีน ในมือของแครบนั้นมีทั้งโดนัท พายแอปเปิ้ลและขนมหวานอื่นๆ อีกมากมายบนโต๊ะ กอยล์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เช่นกัน
“พวกนายถูกสั่งห้ามไม่ใช่รึไง” เดรโกขมวดคิ้วอย่างงุนงงแล้วทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับทั้งสองคน
“ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำตามนี่” กอยล์กัดโดนัทสตรอเบอร์รี่คำโตแล้วยักคิ้วกวนๆ แครบก็เช่นกัน เดรโกแสยะยิ้มแหยๆ ให้ทั้งสอง ยกมือขึ้นมาเท้าคางแล้วเริ่มมองไปรอบๆ ห้องโถงอย่างเงียบๆ
ที่โต๊ะบ้านกริฟฟินดอร์มีคนอยู่เยอะพอสมควร ไอ้พวกพ่อมดแม่มดแสนดี ยังคงส่งเสียงเจี้ยวจ้าว พูดคุยสนุกสนานกันอย่างมีความสุข แต่ไม่มีพวกพอตเตอร์ วิสลีย์ และเกรนเจอร์นั่งอยู่
ก็ดี... ดีมากด้วย
เดรโกคิดแล้วมองไปที่โต๊ะอื่นๆ
โต๊ะบ้านเรเวนคลอ...
นักเรียนที่นั่งอยู่มีจำนวนน้อยกว่าปกติมาก เพราะวันหยุดส่วนใหญ่ของพวกคนขยันคือนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดหรือไม่ก็กลับไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่บ้านของตน
พวกพึลิก! เดรโกคิดอย่างขบขัน ใครกันจะอยากนั่งอ่านหนังสือก่อนสอบวิชาวพรส. ตั้งเกือบเดือนแบบพวกบ้านเรเวนคลอ
เดรโกหยิบแซนวิชทูน่าขึ้นมากัดหนึ่งคำ ไม่ได้เรื่อง! เขาขมวดคิ้วมุ่นแล้วยู่หน้าเล็กน้อย แต่ก็ยังคงกัดมันต่ออย่างไม่ใส่ใจ อาหารที่ฮอกวอตส์นั้นรสชาติดีกว่าที่อื่นๆเสมอ แต่ต้องยอมรับว่าของบางอย่างก็ไม่ค่อยจะถูกปากเขาเท่าไหร่นัก
เลิฟกู๊ดไม่อยู่ที่นี่
เดรโกคิดแบบนั้นเมื่อมองไปไม่พบกับร่างของหญิงสาวที่เขากำลังตามหาตรงบริเวณโต๊ะบ้านเรเวนคลอ เขาต้องการคุยกับเธอตอนนี้—
“นั่นมันบ้าชะมัดเลย!”
เสียงอันแสนคุ้นหูของชายหนุ่มผมแดงนามสกุลวิสลีย์ดังขึ้นทันทีที่เจ้าของร่างกับเพื่อนๆ ของเขาเดินเข้ามาในห้องโถง ทั้งสามคนที่อยู่ตรงนั้นกำลังเดินนวยนาดและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าราวกับเด็กน้อยที่ได้ของขวัญมากกว่าปีก่อนๆ ถึงสองเท่า
นั่นพอตเตอร์กับวิสลีย์แล้วก็.....
เลิฟกู๊ด?
เดรโกประหลาดใจมากเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่เดินอยู่ข้างๆ พอตเตอร์ไม่ใช่ยัยเลือดสีโคลนเกรนเจอร์ แต่เป็นผู้หญิงที่เขากำลังมองหาอยู่ ลูน่า เลิฟกู๊ด
“เลิฟกู๊ดสติเฟื่องกับแฮร์รี่นี่” ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งข้างๆ เดรโกพูดกับเพื่อนสาวของตนคล้ายกระซิบเมื่อลูน่าและแฮร์รี่หัวเราะคิกคักด้วยกัน—
เดรโกเริ่มกัดฟัน นัยน์ตาเริ่มร้อนจนเหมือนถูกไฟลน ลูน่ายังคงสวมชุดตัวเดิมกับที่เขาเจอในตรอกไดแอกอนเมื่อเช้า เธอยังคงมีรอยยิ้มที่มุมปาก ทำท่าทางเหม่อลอยประกอบกับนัยน์ตาเคลิ้มฝันเหมือนเช่นเคย
เดรโกไม่รอให้สมองสั่งการ ขาทั้งสองข้างของเขาถูกยันขึ้น แครบกับกอยล์หันไปมองที่เดรโกพร้อมกันด้วยความงุนงง “มีอะไรเหรอเดรโก”
ชายหนุ่มไม่ใส่ใจที่จะตอบหรือหันไปมองหน้าผู้ติดตามทั้งสองด้วยซ้ำ เขาเดินออกมาจากโต๊ะอาหารแล้วตรงไปที่กลุ่มคนตรงทางเดินกลางห้องโถงทันที
“เลิฟกู๊ด—” เดรโกส่งเสียงดังในระดับหนึ่ง คนแรกที่หันมาคือชายหนุ่มนามสกุลวิสลีย์
“มัลฟอยงั้นเหรอ?” รอนร้องขึ้นเมื่อหันไปพบกับบุคคลที่เขาไม่อยากจะพบหน้าเป็นอันดับสองในฮอกวอสต์(อันดับหนึ่งคือสเนป) เหตุผลเพราะปากเสียๆ ของเขาและฐานะทางบ้านอันน่าอิจฉานั่น
แฮร์รี่และลูน่าหันไปมองตามเมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่ม เดรโกสบตากับหญิงสาวขณะที่หยุดยืนอยู่ตรงกันข้ามกับเธอ ลูน่ามองเดรโกด้วยความสงสัย ถ้าหูเธอไม่ฝาด เมื่อกี้เธอคิดว่าเขาเรียกชื่อ... นามสกุลของเธอ
“สวัสดีมัลฟอย” เธอเอ่ยทัก
“นายมีอะไร”
แฮร์รี่พูดแล้วเขยิบมายืนบังลูน่าไว้ เขามองหน้าชายหนุ่มที่ยืนตรงกันข้ามอย่างใคร่คิด เมื่อคราวที่แล้วในห้องเรียนวิชาปรุงยา เดรโกพาตัวลูน่าไปโดยที่ไม่บอกเหตุผลอะไรกับพวกเขาซักคำ เขาแค่กระชากมือเธอไป เขาลืมถามเธอว่าเดรโกรพาเธอไปไหน แต่แฮร์รี่ก็คิดว่าครั้งก็เช่นกัน—
“หูหนวกเหรอพอตเตอร์ ไม่ได้ยินที่ฉันเรียกชื่อเลิฟกู๊ดรึไง” เดรโกพ่นลมหายใจหนักๆ ออกทางจมูก พยายามสบตากับหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังคู่อริเพื่อส่งสัญญาณบางอย่าง แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะร่างของชายหนุ่มทั้งสองตรงหน้าพยายามกีดกันเธอไว้
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยมัลฟอย เมื่อวันนั้นอยู่ดีๆ นายก็พาตัวลูน่าไป แล้วนายคิดว่าครั้งนี้เราจะยอมง่ายๆ งั้นเหรอ” รอนพูดแล้วเชิดหน้าใส่เดรโก แฮร์รี่เห็นด้วยกับสิ่งที่รอนพูดทุกประการ “แถมยังเรื่องวันนี้ที่ตรอกไดแอกอนอีก แฮร์รี่เล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว ฉะนั้นฝันไปเหอะ!”
“นายจะพาตัวเธอไปงั้นเหรอ” แฮร์รี่พูดเสียงเย็นแล้วรอฟังคำตอบจากเดรโก
เขาอยากยืนยันบางสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจของเขาให้ชัดเจน
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมพอตเตอร์ นายจะสาปฉันให้อ้วกออกมาเป็นทากรึเปล่าล่ะ?”
เดรโกตอบกลับด้วยท่าทางไม่ต่างกันนัก รอนกลืนน้ำลายเล็กน้อยเมื่อนึกถึงความหลังและประสบการณ์การอ้วกเป็นทากของตนเมื่อตอนปีสอง
เกิดบรรยากาศอันน่าอึดอัดขึ้นระหว่างแฮร์รี่และเดรโก นักเรียนคนอื่นๆ ในห้องโถงเริ่มจ้องไปที่ทั้งคู่อย่างสนใจ หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องโถงเงียบๆ
แพนซี่ พาร์กินสัน
“ถ้านายต้องการก็ได้เสมอ” แฮร์รี่ประกาศกร้าว หัวคิ้วของเดรโกขมวดชนกันอย่างรวดเร็ว
ไอ้เวร!!
ทั้งคู่ยืนประจันหน้ากันนิ่งราวกับหิน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเดรโกก็ต้องเป็นฝ่ายหลุบตาลง พยายามหายใจเข้าลึกๆ แล้วเป่าลมออกมาทางปากเพื่อสงบใจของตน เขาหันไปสบตากับหญิงสาวผมบลอนด์สว่างแล้วพูด—
“เลิฟกู๊ด!” เดรโกเรียกชื่อของหญิงสาวเสียงดังเพื่อให้ลูน่าได้ยินชัดๆ เธอเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอียงคออีกครั้งตามแบบฉบับของเธอ “มากับฉัน!” เขาตะคอก
“อย่าหวัง—”
“แฮร์รี่” ลูน่ากระตุกชายเสื้อของแฮร์รี่เบาๆ เพื่อเตือนสติเขา เพราะชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ทำท่าเหมือนจะกระโดดเข้าปะทะกันได้ทุกเมื่อ
แฮร์รี่ชะงักเล็กน้อยแล้วหันไปมองลูน่า เดรโก และรอนก็เช่นกัน
“เธอไปเถอะแฮร์รี่ ฉันมีทำธุระที่ต้องไปทำนิดหน่อยน่ะ” เธอพูดเสียงฝันๆ แล้วยิ้มมุมปาก แฮร์รี่กับรอนทำหน้าเหมือนจะพูดอะไรซักอย่างแต่ก็ไม่มีใครปริปากอะไรออกไป
รอนมองหน้าเดรโกแล้วตัดสินใจหันหลังเดินไปทางโต๊ะอาหารบ้านกริฟฟินดอร์ ส่วนแฮร์รี่ที่ยืนนิ่งอยู่เริ่มเม้มริมฝีปากแน่น หันหน้ามองเพื่อนสาวและคู่อริของตนอย่างชั่งใจแล้วสบตาเธอ ลูน่าพยักหน้าหงึกหงักให้เขาเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องเป็นห่วง ชายหนุ่มจึงเดินตามรอนไปอย่างเงียบๆ
“เธออยากไปที่ทะเลสาบมั้ย” ลูน่าถามอย่างอ่อนโยน เดรโกครุ่นคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบตกลง
ทั้งสองใช้เวลาไม่นานในการเดินออกมาจากปราสาทแล้วมุ่งหน้ามายังทะเลสาบ เจ้าเธสตอลตัวใหญ่ยังคงสร้างความตื่นตระหนกให้เดรโกไม่หาย ลูน่าหัวเราะคิกคักกับท่าทางเก้ๆ กังๆ ของเขา แล้วลูบหัวเจ้าเธสตอลตัวเล็กๆ บ้าง
“...ฉันขอโทษ”
คำๆ แรกที่เดรโกเอ่ยกับลูน่าหลังจากที่ทั้งสองแยกตัวออกมาจากคนอื่นคือคำขอโทษของเขา
“เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก” ลูน่ายิ้มให้ชายหนุ่ม “ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับแฮร์รี่-”
“ฉันไม่ได้จะขอโทษมัน!” เดรโกเผลอขึ้นเสียง เขามองตาลูน่าแล้วพูดต่อด้วยเสียงอันแผ่วเบา "โทษที"
“ไม่เป็นไร” ลูน่ายังคงส่งยิ้มให้เขาเช่นเคย หลายครั้งที่ชายหนุ่มมักพูดจาไม่ดีใส่เธอ แต่ลูน่าก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักครั้ง เธอให้โอกาสในการกลับตัวแก่เขาเสมอ
นั่นเป็นสิ่งที่เดรโกต้องการและฝันถึงมานานที่สุดตั้งแต่ที่เขาได้เติบโตมาในฐานะมัลฟอย
โอกาสและการให้อภัย...
“แล้วเธอสบายดีมั้ยมัลฟอย” ลูน่าพุดเสียงนุ่มแล้วลูบหัวเจ้าเธสตอล “ฉันหมายถึงพวกนาเกิ้ลส์น่ะ พวกนั้นยังตามมากวนใจเธออยู่รึเปล่า” เธอส่งยิ้มแบบเพี้ยนๆ มาให้เขา เดรโกรู้สึกกระดากปากเล็กน้อยที่จะพูดเรื่องตลกไร้สาระ หรือสิ่งที่ไม่น่าจะมีตัวตนแบบนี้กับคนอื่น
“ก็ดี” เขาตอบตามความจริงก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งถอดจี้ห้อยคอที่ตนกำลังสวมออก “ฉันไม่ต้องการมันแล้ว เอาคืนไปสิ”
เดรโกยื่นมันให้ลูน่า เธอหันใบหน้าไปมองเขาแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง
“...ขอบคุณ ฉันกำลังต้องการมันพอดี” เธอยิ้มเล็กๆ แล้วยื่นมือมาข้างหน้าเมื่อรับเอามันไป
แต่ในขณะนั้นเองที่เดรโกเห็นอะไรบางอย่างด้านหลังของหญิงสาวตรงหน้ากำลังพุ่งตรงมาทางพวกเขา—
เธสตอลขนาดกลางตัวหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามาทางด้านหลังของลูน่าอย่างรวดเร็ว เพียงแค่แวบเดียวที่เดรโกมองเข้าไปในดวงตาของมัน ดูเหมือนว่ากำลังโกรธจัด— วินาทีนั้นเองที่ชายหนุ่มตัดสินใจดึงไม้กายสิทธิ์ของตนออกมา และชี้ไปทางด้านหลังของลูน่า
“—!!”
“อย่า--!!”
“ริกตัสเซมปรา!!!”
พลั่ก!
เดรโกลืมตาขึ้นแล้วมองไปรอบๆ เขาถูกแรงดันจากคาถาเล็กน้อยทำให้เซจนเกือบล้ม เสียงของทุกสิ่งรอบตัวนั้นเงียบสงัด ร่างของเขาไร้รอยขีดข่วน มีเพียงเส้นผมสีบลอนด์สว่างที่ยุ่งเหยิงจนน่าเกลียดเกินให้อภัยเท่านั้น จี้ห้อยคอที่เคยอยู่ในมือตอนนี้กำลังเกี่ยวอยู่บนกิ่งไม้เตี้ยๆ ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจที่เขาไม่ได้โยนมันหายไป แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับเขามากที่สุดในตอนนี้คือลูน่า เลิฟกู๊ด
ถ้าตาของเขาไม่ได้ฝาด เขาแน่ใจว่าในเมื่อครู่เธอร้องบอกให้เขาหยุดและพุ่งตัวมาบังเจ้าเธสตอลตัวนั้นจากคาถาของเขาไว้...
“เลิฟกู๊ด!!”
เดรโกแทบจะตะโกนเมื่อเห็นร่างของหญิงสาวผมยาวจรดสะเอวกำลังนอนอยู่กับพื้นดินห่างจากเขาไปประมาณสองเมตร เธอขยับร่างกายเล็กน้อยเพื่อลุกขึ้นนั่ง เจ้าเธสตอลนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บหรืออันตรายเลยแม้แต่น้อย
แต่กับลูน่าเลิฟกู๊ดแล้ว เดรโกรู้ได้ทันทีว่าเธอต้องเจ็บหนักมากแน่ๆ
คาถาริกตัสเซมปรา เป็นคาถาที่จะทำให้ถูกที่อยู่ตรงปลายของไม้กายสิทธิ์รู้สึกจุกจนตัวงอจากการกระแทก ถึงมันเป็นคาถาป้องกันตัวเบื้องต้นแต่ก็ทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัวพอสมควร และเดรโกเองก็ถูกขึ้นชื่อว่าเป็นนักเรียนที่สามารถเสกคาถานี้ได้แรงมากเสียด้วย...
เดรโกหันหลังกลับไปทางปราสาทแล้วออกวิ่งไปอย่างสุดชีวิต
เขากลัว.. กลัวความผิดที่ตนเป็นคนก่อแบบไม่ได้ตั้งใจ
ถ้าพวกศาสตราจารย์รู้เข้าล่ะ? เพื่อนๆในชั้นเรียน? หรือจะเป็นพ่อ? ตระกูลมัลฟอยนั้นมีคติถือไว้ว่าควรไตร่ตรองให้ดีก่อนร่ายคาถา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เดรโกไม่เคยปฏิบัติตามเลยแม้แต่ครั้งเดียว เดรโกพร่ำด่าทอและโทษถึงความโชคร้ายของเขาเอง
ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับฉันด้วย! เขาคิดขณะกำลังวิ่งเพื่อออกไปจากป่า วิ่งหนีจากลูน่า เลิฟกู๊ด—
เรากำลังวิ่งหนีอีกแล้ว
ในตอนนั้นเองที่เขาตระหนักได้ว่า ที่ผ่านมาเขามักจะวิ่งหนีปัญหาของตนเองมาโดยตลอด.....
“โอ้ย...” ลูน่าเผลอส่งเสียงเมื่อลองขยับแขนข้างซ้ายของตนไปมา เธอคิดว่ากระดูกอาจจะร้าวหรือไม่ก็หัก คาถาริกตัสเซมปราของเดรโก มัลฟอยนั้นมีผลรุนแรงกว่าที่เธอคิด ร่างกายของเธอระบมไปหมดจากการกระแทกกับต้นไม้ การนำแขนข้างหนึ่งไปรับคาถาอาจเป้นความคิดที่จัดได้ว่าเลวร้ายเลยทีเดียว
ลูน่าเหม่อมองไปยังทิศทางที่ชายหนุ่มผมบลอนด์วิ่งหายไป เธอคิดว่าเขาคงไม่ย้อนกลับมาอีกแน่นอน
สิ่งไหนที่เขาเคยทำมาตลอดคงจะแก้ไม่ได้ง่ายๆ สินะ...
ลูน่าเรียนรู้ชายหนุ่มได้อีกเล็กน้อย—
“...กรร—”
“หืม?” ลูน่าหันไปมองเจ้าเธสตอลตัวปัญหาแล้วยิ้ม พยายามยกมือข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บขึ้นมาลูบหัวมันแล้วพูดเสียงแผ่ว “เด็กดี...”
ลูน่ามองเห็นจี้ห้องคอที่เกี่ยวอยู่บนกิ่งไม้แล้วครุ่นคิด แบบนี้มันผิดปกติ ปกติพวกนาเกิ้ลส์ไม่เคยแกล้งเธอตัววิธีที่จะทำให้เจ็บตัวแบบนี้มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอบาดเจ็บจากการก่อกวนของพวกนาเกิ้ลส์ และเธอก็ไม่อยากให้เดรโกทำร้ายสัตว์วิเศษที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แบบเจ้าเธสตอลตัวนี้ด้วย
หรือสิ่งที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้จะไม่ใช่พวกนาเกิ้ลส์?
“เธอไม่รู้ทางไปห้องพยาบาลรึไง” เดรโกเชื่อว่านั่นเป็นคำทักทายที่สิ้นคิดที่สุดเท่าที่เขาเคยพูด—
“กระดูกร้าว” มาดามพอมฟรีย์พูดขณะที่กำลังเทยาน้ำสีเขียวขุ่นใส่แก้วสีทึบ แล้วยื่นให้ลูน่าอย่างลนลาน “เธอไม่รู้สึกปวดใช่มั้ย? ดีแล้ว เอาล่ะ ดื่มเลยคุณเลิฟกู๊ด”
ลูน่าทำจมูกฟุดฟิดเล็กน้อยก่อนจะกลั้นใจยกแก้วยาขึ้นดื่ม รสหวานปนขมนั้นไหลผ่านตามเหงือก ลิ้นและลงไปในท้องพร้อมกับความรู้สึกน่าขยะแขยงแปลกๆ เธอยื่นแก้วยาคืนให้ศาตราจารย์ประจำห้องพยาบาลแล้วก้มลงมองแขนข้างซ้ายของตัวเองที่กำลังถูกห้อยอยู่ด้วยเผือกและผ้าสีเทาตุ่นๆ
กระดูกแขนร้าวในช่วงกลางเทอมเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีเอาเสียเลย... เธอคิดแล้วเหล่มองไปรอบๆ
“เธอคงโตพอที่จะดูแลตัวเองได้นะคุณเลิฟกู๊ด” มาดามพอมฟรีย์พูดเร็วๆ ทำท่าทางเหมือนกำลังรีบ “วันหลังอย่าเล่นอะไรแผลงๆ แบบนี้อีกล่ะ ไม่ถูกเจ้าเธสตอลตัวนั้นขย้ำก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว”
เมื่อพูดจบมาดามพอมฟรีย์ก็เดินออกจากประตูไปอย่างลุกลี้ลุกลน ลูน่านิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรกับเธอไป อันที่จริงคือตอบไม่ทันเสียมากกว่า— ตอนนี้ในห้องพยาบาลโล่งขนาดใหญ่มีเพียงเธอนั่งอยู่บนเตียงคนเดียวเท่านั้น
อย่างน้อยก็จนถึงเมื่อกี้น่ะนะ…
“สภาพดูไม่ได้เลยนะเลิฟกู๊ด” เดรโกอยากจะพูดอย่างนั้นเพื่อทักทายเธอที่นั่งอยู่บนเตียงคนเดียว หากไม่นึกขึ้นได้ว่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดคือตัวของเขาเอง
เดรโกเลือกที่จะปิดปากเงียบ เดินขึงขังเข้าไปประจันหน้ากับหญิงสาวแล้วโยนกล่องช็อกโกแลตที่ซื้อมาในราคาหลายเหรียญทองไปให้เธอ แน่นอนว่าลูน่าไม่ได้ยกมือขึ้นรับหรืออย่างไร แต่มันก็ตกอยู่บนตักของเธอพอดี ลูน่าไม่รู้สึกงุนงงเพราะเธอรู้ว่าเขาจะต้องมาที่นี่แน่ๆ เธอยิ้มแล้วพูด “ขอบคุณ ฉันหวังว่าครั้งหน้าเธอจะมีพุดดิ้งนะ”
ก่อนที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรต่อ ชายหนุ่มผมบลอนด์ก็รีบหันหน้าหนีแล้วเดินออกไปจากห้องอย่างไม่เหลียวหลังกลับมามอง สร้างความงุนงงปนสับสนให้กับเลิฟกู๊ดสติเฟื่องที่กำลังถือกล่องช็อกโกแลตไว้ในมือจนแน่น
แกรบ!
ลูน่าตกใจเล็กน้อยกับเสียงๆ หนึ่งที่ดังผ่านเข้าในโสตประสาทหูของเธอ มันเหมือนกับเสียงของกระดาษที่กำลังถูกขยำ และตอนนี้มันก็กำลังอยู่ด้านบนของศีรษะเธอด้วย—
เจ้านกกระดาษกำลังลอยละล่องไปมาอย่างเชื่องช้า ปีกของมันส่งเสียงดังกรอบแกรบเพราะไปเฉี่ยวกับแชนเดอร์เลียร์ที่ห้องอยู่กับเพดาน ลูน่าอมยิ้มเมื่อมองดูมันบินวนไปมาเป็นวงกลม เพียงไม่นานเจ้านกกระดาษก็ค่อยๆ ร่อนต่ำลงจนมาตกอยู่บนเส้นผมหยักศกของเธอ
‘ขอโทษ’
ลายมือที่บ่งบอกถึงความเร่งรีบของผู้เขียนนั้นทำเอาลูน่าเกือบจะหยุดหัวเราะออกมา เจ้าของกระดาษแผ่นนี้คงเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากชายหนุ่มที่เธอกำลังนึกถึง
เดรโก มัลฟอย...
**************************
บทที่สี่ยาวเป็นพรืดเลยค่า5555555 แถมเราเองยังรู้สึกว่าตอนนี้มันยังออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ด้วย แต่ก็ช่างมันเต๊อะ! (แก้จนขี้เกียจแก้แล้ว//โดนตบบ)
โบนัสสำหรับคนที่จำนกกระดาษไม่ได้ค่ะ/
/โดนดาเมจ แอร้ยยยยย!
ขอบคุณสำหรับเม้นที่มาทวงหรือให้กำลังใจเรานะคะ ไม่งั้นได้ดองยาวแน่ๆ55555 ยอมรับเลยว่าตั้งแต่ขึ้นช่วงเปิดเทอมแรกๆ มาไม่ค่อยได้เข้ามาอัพ แค่เข้ามาอ่านเม้น ไปเขียนนิดๆหน่อยๆ แล้วก็ปิด จนจบบทก็นั่งแก้อยู่เป็นเดือนๆ จึงออกมาช้าด้วยประการฉะนี้นั่นเอง5555555
เริ่มบรรยายความรู้สึกของตัวละครไม่ถูกแล้วค่ะ (- -‘) ในหัวมันนึกออกนะ แต่บรรยายออกมาเป็นตัวอักษรไม่ถูก//กำ
เพราะฉะนั้น หากมีตรงไหนที่ผิดพลาด หรือติดๆขัดๆ รบกวนเม้นติเม้นบอกเราด้วยเน้อ~ เพื่องานเขียนที่ดีของไรท์เตอร์ในอนาคต แฮะๆๆๆๆ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แม้มันจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ก็หวังว่าไรท์จะกลับมาเขียนต่อนะคะ รอติดตามอยู่นะคะ สนุกมาก
มาต่อหน่อยน้าา ชอบเรื่องนี้มากเลยยย
ชอบตัวละครเดรโกของคุณมากเลย อ่านไปนี้ยิ้มเเก้มปริเเต่งเก่งมากเลย ที่จับเดรโกมาคุยกับลูน่าได้อย่างเป็นธรรมชาติเอามากๆ
อยากเห็นตอนใหม่เเล้วล่ะค่ะXD เป็นกำลังใจให้นะคะ