ตอนที่ 2 : chapter 2 x converse
Chapter 2 x Converse
เช้าตรู่ของวันต่อมา เพื่อนๆ คนอื่นในห้องพักเริ่มลุกขึ้นแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่เครื่องแบบนักเรียนบ้านสลิธีรีนสำหรับการเรียนในวันนี้ เดรโก มัลฟอยลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ความรู้สึกปวดแปล๊บๆ เกิดขึ้นในหัว เมื่อคืนนี้เขานอนไม่ค่อยหลับเพราะรู้สึกเหมือนมีคนมาดึงผ้าห่มออกจากตัวตลอดเวลา นั่นทำให้เขากำลังอารมณ์ไม่ดี
“คุณวินเซนด์ กับคุณเกรกอรี่ยังต้องนอนพักอีกซักสองวัน ไม่ต้องห่วงนะคุณมัลฟอย ฉันจะดูแลพวกเขาเอง”
เสียงของมาดามพอมฟรีย์ผุดขึ้นมาในหัวเดรโก วันนี้แครบกับกอยล์ก็ยังออกมาจากห้องพยาบาลไม่ได้ อาการปวดท้องของทั้งสองคนนั้นหนักหนาสาหัสกว่าที่คิดไว้มาก อยากจะรู้นักเชียวว่ากินอะไรกันเข้าไปถึงปวดท้องได้แบบนั้น เดรโกคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยขณะกำลังแต่งตัว
“หืม?” ชายหนุ่มส่งเสียงเมื่อเริ่มสังเกตได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “หนังสือฉันอยู่ไหน เฮ้! มีใครเห็นหนังสือของฉันบ้างมั้ย” เดรโกตะโกนถามอย่างไม่เจาะจง คนอื่นๆ ส่วนใหญ่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเพราะไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายของเขา ข้อนั้นเดรโกรู้ดีอยู่แล้ว
ก็ที่นี่มันบ้านสลิธีรีนนี่นะ...
“ไม่ใช่ว่านายเอามันไปลืมไว้ที่ไหนหรอกเหรอ” เด็กหนุ่มที่กำลังจะเดินออกไปจากประตูห้องพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วจึงเดินออกไปด้วยใบหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน ทิ้งเดรโกที่ยังหาหนังสือวิชาศาตร์การปรุงยากับสมุดจดบันทึกไว้เพียงคนเดียว
เขาเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองได้ย้อนกลับไปอยู่ในช่วงวัยเด็ก... ก่อนที่เขาจะได้รับจดหมายจากฮอกวอตส์ คฤหาสน์มัลฟอยเป็นบ้านเพียงหนึ่งเดียวของเขา
นาร์ซิสซาและลูเซียส มัลฟอย หรือพ่อและแม่ของเขามักใช้เวลาส่วนใหญ่วุ่นอยู่กับงานของพวกเขา ทำให้เดรโกนั้นต้องใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์อย่างโดดเดี่ยว ขังตัวเองอยู่ในห้อง อ่านหนังสือเป็นร้อยๆ เล่มเพื่อฆ่าเวลาไปวันๆ ฝึกใช้คาถาง่ายๆ เล่นสนุกไปวันๆ
‘น่าเบื่อจัง’ เขาพร่ำบ่นประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาทุกวัน ตลอดชีวิตวัยเด็กของเขาไม่เคยได้เล่นสนุกสนานกับเพื่อนๆ เลยซักครั้ง เพราะคนรับใช้และเอลฟ์ประจำบ้านไม่สามารถจะมาเป็นเพื่อนเล่นกับเขาได้ เพื่อนๆ อายุรุ่นราวคราวเดียวกันคนอื่นๆ ยิ่งแล้วใหญ่
พ่อของเขาสอนไว้ว่าหากพ่อมดหรือแม่มดคนใดที่ไม่ใช่ ‘เลือดบริสุทธิ์’ คนพวกนั้นจะไม่ถือเป็นชนชั้นเดียวกับตระกูลมัลฟอยเด็ดขาด ความเชื่อบางอย่างถูกฝังหัวเขามาตั้งแต่ยังเด็ก
ต้องเหยียดหยามพวกมัน ต้องดูถูกและทำให้พวกมันอับอาย ทั้งพวกเลือดผสม พวกเลือดสีโคลนและพวกมักเกิ้ล ทั้งหมดนั้นล้วนไม่บริสุทธิ์!
จนถึงตอนนี้เดรโกก็ยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่ลูเซียส มัลฟอยต้องการจะบอกกับเขาเลยซักนิด
จะพวกเลือดสีโคลน พวกลูกผสม หรือพวกมักเกิ้ลก็ดี พวกนั้นต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
ตั้งแต่ที่เขาเข้าเรียนและทำความรู้จักกับคนอื่น เดรโก ‘พยายาม’ ดูถูกและกลั่นแกล้งพวกไม่บริสุทธิ์อยู่เสมอ แน่นอนว่าเขาไม่ได้อยากทำแบบนั้น แต่ด้วยความรู้สึกกดดัน นามสกุลมัลฟอย เลือดบริสุทธิ์ พวกเลือดสีโคลน พวกขี้แพ้หรือแม้แต่เด็กชายผู้ถูกเลือก
ทั้งหมดนั้นหล่อหลอมรวมกันเป็นทางเดินให้เขา ทางเดินที่ชายหนุ่มไม่สามารถหันหลังย้อนกลับมาได้อีก...
เดรโกเหลือบมองนาฬิกา เหลือเวลาอีกไม่มากเพื่อแต่งตัวและจัดการกับตารางเรียนให้เรียบร้อย เขาเลิกสนใจที่จะหาหนังสือ แล้วหยิบเสื้อคลุมสีดำเขียวขึ้นมาคลุม
“อะไรน่ะ” เดรโกพึมพำเมื่อเริ่มหารองเท้าหนังมันวาวคู่โปรดของตนไม่เจอ สาบานได้เลยว่าก่อนนอนเขาต้องถอดมันเอาไว้ใต้เตียงแน่ๆ
มีใครบางคนกำลังแกล้งเรางั้นเหรอ?! เดรโกเริ่มควัวออกหู ไม่บ่อยนักที่จะมีคนกล้าทำอะไรแบบนี้กับเขา “บัดซบ!”
เขาเริ่มกังวล สองมือยังคงควานหาสิ่งของในกระเป๋าหนังอย่างเร่งรีบ คุณหนูเดรโกไม่ควรต้องมารื้อหารองเท้ากับหนังสือเองจนเละเทะแบบนี้ เส้นผมสีบลอนด์เริ่มยุ่งเหยิงเนื่องจากไม่มีเวลาได้จัดแต่ง หัวคิ้วทั้งสองชนจนแทบจะผูกกันเป็นเส้นเดียว อีกเดี๋ยวสเนปก็จะเข้ามาเช็คห้องพักแล้ว ถ้าขืนยังชักช้าแบบนี้มีหวังได้ถูกทำโทษโชว์บ้านอื่นแน่!
ทันใดนั้นเองที่ใบหน้าของผู้หญิงสติเฟื่องคนหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว
“อย่าลืมเก็บรองเท้ากับพวกหนังสือเรียนดีๆ ด้วยล่ะ เดี๋ยวมันจะหายเอานะ”
“ยัยเลิฟกู๊ดสติแตก” เดรโกคำราม
“สวัสดี แฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่” ลูน่าส่งเสียงทักทันทีที่เห็นเพื่อนทั้งสามของเธอเดินเข้ามาในห้องเรียนปรุงยา ศาตราจารย์ซลักฮอร์นยังคงง่วนอยู่กับการเขียนอะไรบางอย่างบนโต๊ะ ทำให้นักเรียนหลายๆ คนเริ่มจับกลุ่มคุยกัน
“สวัสดีลูน่า” ทั้งสามทักพร้อมๆ กัน ก่อนจะเดินนำไปที่โต๊ะแล้ววางหนังสือลง
“วันนี้คาบเช้าเธอว่างใช่มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างเป็นมิตร ลูน่ายิ้มตอบก่อนจะนั่งลงตาม
“วันนี้มีอะไรหายอีกมั้ย” แฮร์รี่ พวกเตอร์ ผู้โด่งดังนั่นเองที่เอ่ยปากถาม ไม่ว่าจะด้วยความเป็นห่วงหรืออะไรก็ตาม ลูน่ารู้สึกดีใจมากที่ ‘เพื่อน’ ของเธอเอ่ยปากออกมา
“ถุงเท้ากับหนังสือวิชาปรุงยาน่ะ ฉันตามหาตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ก็ยังหาไม่เจอเลย” ลูน่ายิ้มให้เขาแล้วยื่นเท้าให้เขาดู
“แย่จัง”
แฮร์รี่มองใบหน้าของเพื่อนสาวด้วยจังหวะหัวใจที่เต้นเร็วจนแทบจะทะลุออกมา เธอเป็นคนดี ดีมากด้วย หลายครั้งที่เขาได้พูดคุยกับเธอแล้วรู้สึกสบายใจ บรรยากาศรอบตัวลูน่าดูผ่อนคลายกว่าคนอื่นๆ เธอไม่เคยฝืนทำหรือพูดอะไรในสิ่งที่เธอไม่ชอบ ลูน่าเป็นผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเองเสมอไม่ว่าจะกับใครก็ตาม สิ่งนั้นนั่นเองที่ทำให้แฮร์รี่หลงใหลในตัวเธอ
“นี่เฮอร์ไมโอนี่ ลูน่ายังคิดว่านั่นเป็นฝีมือของพวกราเกิ้ลส์อะไรนั่นอยู่อีกเหรอ” โรนัลด์ วิสลีย์ ชายหนุ่มผู้มีเส้นผมสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์กระซิบกับเพื่อนสาวของตนโดยที่ไม่ให้แฮร์รี่และลูน่าได้ยิน
“นาเกิ้ลส์รอน นาเกิ้ลส์” เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ แม่มดที่มีมันสมองอัจฉริยะและใบหน้าเรียวสวยตอบรอนด้วยน้ำเสียงเอือมระอา ถึงลูน่าจะเคยพูดถึงชื่อนาเกิ้ลส์ แต่จากที่เธออ่านมาในหนังสือสัตว์วิเศษก็ไม่เคยพบชื่อนี้เลยซักครั้ง นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ใครหลายคนเรียกเธอว่าเลิฟกู๊ดสติเฟื่องก็ได้
ทั้งสี่นั่งคุยกันอย่างสนุกสนานได้พักหนึ่งก็เริ่มรู้สึกว่าเสียงพูดคุยของคนอื่นๆ นั่นเริ่มเบาลง ทั้งหมดมองหน้ากันแล้วหันไปมองที่ประตู แฮร์รี่สบตากับชายหนุ่มผมบลอนด์ที่กำลังเดินตรงมาที่โต๊ะของเขาอย่างระแคะระคาย
ถ้ามัลฟอยมาหาพวกเขาถึงที่ห้องแบบนี้ต้องมีอะไรไม่ค่อยดีเกิดขึ้นแน่ๆ แฮร์รี่คิดโดยแสดงออกทางสีหน้าให้ทุกคนเห็น
“ไงพอตเตอร์” เดรโกเอ่ยทักพลางแสยะยิ้ม ทั้งสามที่นั่งอยู่เริ่มมองหน้าเขาแล้วกัดฟัน อย่างที่หลายๆ คนรู้กัน พวกเขาเกลียดขี้หน้ากันยิ่งกว่าอะไร
“วันนี้พวกสมุนนายไม่ตามมาด้วยรึไงมัลฟอย” รอนพูดแล้วยิ้มบ้าง การได้เห็นมัลฟอยเดินไปไหนมาไหนคนเดียวแบบนี้นับว่าหาได้ยากนัก
“นั่นมันเรื่องของฉันวิสลีย์” เดรโกเริ่มหงุดหงิด “มองอะไรยัยเลือดสีโคลน”
เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตาใส่เดรโกด้วยความมีน้ำโห ใบหน้าแดงจัดจากความโกรธ รอนรีบโอบไหล่ของหญิงสาวเพื่อให้เธอสงบสติอารมณ์ลง ลูน่ายังคงนั่งมองทั้งสี่พูดคุยกันอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นท่าไม่ดีแฮร์รี่จึงรีบตัดบท
“ถ้านายมีธุระอะไรกับเราก็รีบพูดมามัลฟอย” เดรโกไม่ตอบคำถามแฮร์รี่ แต่กวาดสายตาไปทั่วห้องแทน หลายๆ คนเริ่มพูดคุยซุบซิบเขา แต่เดรโกไม่สนใจและยังคงมองหาผู้หญิงคนหนึ่งต่อ
และแล้วเขาก็หยุดสายตาอยู่ตรงใบหน้าของลูน่า
“ฉันไม่ได้มีธุระอะไรกับพวกนาย แต่มีกับยัยนั่น” เดรโกพยักเพยิดหน้าไปทางลูน่า หญิงสาวรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเขากำลังพูดถึงเธอ แฮร์รี่หันไปมองหน้าลูน่าแล้วจึงพูด
“นายมีเรื่องอะไรกับเธอ”
“ไม่ใช่เรื่องของนายพอตเตอร์ เชิญเล่นปรุงยาใส่หม้อกันไปเถอะ ฉันจะพาตัวยัยนี่ไป” ไม่พูดเปล่า เดรโกยังเดินไปตรงที่นั่งของลูน่าแล้วกระชากข้อมือของเธอขึ้นมา “ตามฉันมายัยเพี้ยน!”
ลูน่าตกใจเล็กน้อยเมื่อเขาทำแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
เพราะแววตาของชายหนุ่มที่เธอเห็นตอนนี้ชวนให้รู้สึกเหมือนเด็กตัวน้อยๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ
“ปล่อยเธอนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเมื่อเห็นว่าเดรโกเริ่มดึงแขนลูน่าอย่างแรง
“หยุดนะมัลฟอย! นายจะพาเธอไปไหน” แฮร์รี่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เดรโกไม่รอช้ารีบออกเดินไปที่ประตูพร้อมกับลูน่า แฮร์รี่กำลังจะวิ่งตามแต่ก็ถูกหยุดไว้ด้วยเสียงของศาตราจารย์ซลักฮอร์น
“นั่นเธอจะไปไหนน่ะแฮร์รี่ คุณเกรนเจอร์กับคุณวิสลีย์ด้วย กลับมานั่งแล้วเปิดหนังสือไปที่หน้าสองร้อยสิบหกได้แล้ว” คำถามเชิงบังคับจากปากของชายแก่ทำให้แฮร์รี่ชะงัก มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวและชายหนุ่มตรงหน้าไปอย่างเสียไม่ได้
“ครับ/ค่ะ” ทั้งสามตอบพลางก้มหน้าลง
“อย่างน้อยซลักฮอร์นก็จำชื่อฉันได้...โอ๊ย!” รอนเผลอร้องเสียงดังเมื่อรู้สึกเจ็บจี้ดที่ต้นแขน เฮอร์ไมโอนี่นั่นเองที่หยิกเขาจนแดง
“ตอนนี้ชื่อของนายมันไม่สำคัญเท่าเรื่องลูน่าหรอก” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบบอกรอนเสียงดุ แล้วพาเพื่อนทั้งสองคงตนมานั่งที่โต๊ะตัวเดิม
หวังว่ามัลฟอยจะไม่ทำอะไรไม่ดีกับเธอนะ... ทั้งสามคิดเหมือนๆ กัน
“เธอต้องการอะไรจากฉันเหรอ”
ไกลพอสมควรแล้วที่เดรโกจูงมือลูน่ามาจากเพื่อนของเธอ เดรโกที่เพิ่งรู้สึกตัวรีบปล่อยมือแล้วหยุดฝีเท้าทันที ทางเดินรอบสนามเล็กๆ นี่ไม่มีคนผ่านไปมามากนักในเวลานี้ ซึ่งก็เหมาะที่จะพูดเรื่องงี่เง่านี่พอดี
“เธอเป็นคนทำใช่มั้ยยัยโง่” เดรโกกัดฟันพูดแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาว ลูน่างุนงงเล็กน้อยกับเรื่องที่เขากำลังพูด
“ฉัน? ทำอะไร...?” ลูน่าถามเสียงซื่อ นั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
“รองเท้ากับหนังสือฉัน!” เดรโกคำรามเสียงดัง ลูน่าไม่ได้สะทกสะท้าน แต่ก็มองต่ำลงไปที่เท้าของชายหนุ่ม มันเป็นรองเท้าผ้าใบไม่ใช่รองเท้าหนังที่เขาใส่เหมือนทุกวัน
“เธอเอามันไปไว้ไหน!”
ลูน่าสบตากับเดรโกที่กำลังอยู่ในอารมณ์โมโหอีกครั้ง ก่อนจะตอบ “ฉันไม่ได้เอามันไป ฉันบอกแล้วว่ามันเป็นฝีมือของพวกนาเกิ้ลส์” เธอยิ้ม แต่เดรโกไม่ยิ้มตาม
“ปัญญาอ่อน!” เขาว่าเสียงดัง “ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนทำ เธอแกล้งฉัน และเรื่องนี้มันจะไม่จบง่ายๆ แน่ถ้ามันถึงหูพ่อฉัน!”
เดรโกเริ่มเอ่ยถึงอิทธิพลของพ่อตนเองอีกครั้ง เพราะเมื่อใดที่เกิดปัญหาอะไร เขารู้ได้ทันทีว่าชื่อเสียงของ ลูเซียส มัลฟอย ช่วยเขาได้เสมอ
“เธอแค่ไม่เห็นมันเท่านั้น” ลูน่าเอ่ยเสียงเรียบ แน่นอนว่าตั้งแต่ที่เธอเข้าเรียนที่นี่ ยังไม่มีใครเคยเชื่อเรื่องนาเกิ้ลส์ที่เธอพูดเลยซักครั้ง
ยกเว้นคนเพียงคนเดียว....
แฮร์รี่ พอตเตอร์
“เธอได้มีปัญหาแน่เลิฟกู๊ด บอกฉันมาว่ามันอยู่ที่ไหน!” เดรโกรู้สึกอยากลงไปดิ้นเหลือเกินเมื่อเห็นท่าทางเรียบเฉยของลูน่า ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนยืนอยู่ต่อหน้าเขาด้วยใบหน้านิ่งๆ เหม่อลอยไร้สติสตังแบบนั้นมาก่อน
ไอ้ท่าทางแบบนั้นมันน่าหงุดหงิดจริงๆ!
“งั้นเธอจะมาหาของๆ เธอด้วยกันกับฉันมั้ยล่ะ”
“ฉันถามเธอ... ว่ามันอยู่ที่---”
“ตอนนี้ฉันกำลังหาถุงเท้ากับหนังสือวิชาปรุงยาอยู่” ลูน่ากลอกตาไปด้านบนเพื่อนึกถึงสิ่งที่เธอกำลังตามหา
“เลิฟกู๊ด!!!” เดรโกตวาดเสียงดัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอพูดแทรกขึ้นมาดื้อๆ แบบนี้ นี่ถ้าเธอคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงเขาคงก่นด่าเธอไปเรียบร้อยแล้ว
สุภาพบุรุษต้องให้เกียรติสุภาพสตรีอยู่เสมอ คำสอนของนาร์ซิสซา มัลฟอยลอยขึ้นมาหัวเดรโก ทำให้เขาสามารถยับยั้งชั่งใจที่จะไม่ตวาดหญิงสาวตรงหน้าได้เล็กน้อย
“รับนี่ไปสิ” เสียงหวานใสของหญิงสาวขัดขึ้นระหว่างที่เดรโกกำลังใช้ความคิด เขาหยุดคิดหาคำมาต่อว่าเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะสังเกตว่าลูน่ากำลังทำอะไรบางอย่างกับต้นคอด้านหลังของเธอ
ลูน่าปลดจี้ห้อยคอของเธอออกมา มันเป็นจี้ที่แม่ของเธอนำมาให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุ 9 ขวบ เธอใส่มันติดตัวเสมอตั้งแต่ที่รู้ว่ามันสามารถไล่พวกนาเกิ้ลส์ได้
“นี่อะไร” เดรโกมองสิ่งของในมือของลูน่าแล้วขมวดคิ้ว เธอไม่ได้ลดมือที่ยื่นมาหาเขาลง แต่พูด
“มันเป็นเครื่องราง พวกนาเกิ้ลส์จะไม่กล้าเข้าใกล้เธอถ้าเธอสวมมันไว้” ลูน่ายิ้มอย่างเป็นมิตร ถึงแม้ว่าเดรโกจะเป็นคนไม่ดีในสายตาคนอื่นๆ แต่เธอก็ยังอยากจะเป็นเพื่อนกับเขา
เดรโกมองหน้าลูน่าสลับกับจี้ในมือเธอ “ฉันไม่รับของจากคนสติไม่ดีแบบเธอแน่เลิฟกู๊ด!”
“แต่นายควรจะเก็บมันเอาไว้นะ” ลูน่ายังคงยืนยันคำเดิม ชายหนุ่มเริ่มส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ พลันเรื่องราวโชคร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเขาตั้งแต่เมื่อวานนี้ก็ผุดขึ้นมาให้คิด
“พวกนาเกิ้ลส์ชอบเล่นแผลงๆ เสมอแหละ ฉันเองก็โดนเหมือนกัน” ลูนั่งเอิญพูดในสิ่งที่เขาคิดพอดี
เวรเอ้ย... สรุปไอ้ตัวบ้าอะไรนั่นมันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอวะ? เดรโกคิดหนักแล้วเริ่มมองไปที่รองเท้าผ้าใบของตน หนังสือ รองเท้า ผ้าห่ม แล้วก็ยังเริ่มที่เขาสะดุดล้มทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรอีก
แต่เขายังไม่อยากเชื่ออะไรเท่าไหร่นัก---
“คุณมัลฟอย คุณเลิฟกู๊ด นั่นพวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ”
ก่อนที่ทั้งสองจะได้พูดคุยกันมากกว่านี้ เสียงแหบๆ อันแสนคุ้นหูของศาตราจารย์มิเนอร์ว่า มักกอนนากัลก็ดังขึ้นบริเวณทางเดินอันว่างเปล่า ทำให้ทั้งสองหันควับด้วยความตกใจ
“ฉันแน่ใจว่าตอนนี้พวกเธอสองคนควรจะอยู่ในชั้นเรียนของตัวเอง ไม่ใช่มายืนคุยกันเป็นต่อยหอยกลางทางเดินแบบนี้” ศาตราจารย์มักกอนนากัลติเตียนทั้งคู่แล้วสำรวจเครื่องแต่งกายขอทั้งสอง “แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเท้าของพวกเธอกันน่ะ”
“มันเป็นฝีมือของพวกนาเกิ้ลส์ค่ะ” ลูน่าอธิบายเหมือนอย่างที่เธอทำกับคนอื่น เดรโกหันไปมองหน้าลูน่าอย่างเหลืออด ศาตราจารย์มักกอนนากัลชะงักไปชั่วครู่เนื่องจากไม่เคยได้ยินชื่อนาเกิ้ลส์จากที่ไหนมาก่อน และนึกถึงกิตติศัพท์ของลูน่า เลิฟกู๊ดที่เด็กนักเรียนกล่าวถึงกันขึ้นมาพอดี
“โอเคคุณเลิฟกู๊ด คาบเช้าเธอว่างใช่มั้ย งั้นมาช่วยฉันจัดเก็บเอกสารที่ห้องสมุดหน่อยแล้วกัน” ศาตราจารย์มักกอนนากัลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ลูน่า เลิฟกู๊ดถือเป็นคนที่มีผลการเรียนดีในบ้านเรเวนคลอ เพราะงั้นเธอจึงไม่น่าจะทำอะไรเสียๆ หายๆ ได้
“ค่ะ” ลูน่ารับเสียงใส ในมือของเธอยังคงกำสร้อยสีเงินไว้แน่น
“แล้วเธอล่ะคุณมัลฟอย คาบนี้เธอมีเรียนอะไร” เดรโกสะดุ้งเมื่อเขาถูกถามบ้าง เขาโดดเรียนวิชาดาราศาสตร์มา ไม่เห็นอยากไปนั่งแกร่วอยู่ในห้องที่มีแต่จุดแสงบ้าบอแบบนั้นซักนิด
“ผมไม่มีเรียนครับ” เดรโกตัดสินใจตอบแบบนั้นออกไป แล้วคิดว่าจะไปนั่งเล่นในห้องโถงกับคนอื่นๆ ในบ้านสลิธีรีนซักหน่อย
“งั้นดีเลยคุณมัลฟอย เธอไปช่วยคุณเลิฟกู๊ดที่ห้องสมุดด้วยก็แล้วกัน”
อะไรนะ?!
“หมายความว่าไงครับศาตราจารย์?!” เดรโกถามอย่างตื่นตระหนก ศาตราจารย์มักกอนนากัลตีหน้านิ่งแล้วพูด
“หมายความว่าตอนนี้เธอทั้งสองคนรีบไปที่ห้องสมุดได้แล้ว อีกเดี๋ยวฉันจะตามไป อ้อ แล้วก็อย่าลืมบอกบรรณารักษ์ให้ช่วยเตรียมเอกสารให้ฉันด้วยนะคุณเลิฟกู๊ด เอาล่ะ ไปเร็วเข้า” ศาตราจารย์มักกอนนากัลร่ายยาวก่อนจะทำไม้ทำมือไล่ทั้งสองคนให้มุ่งหน้าไปยังห้องสมุด ลูน่าพยักหน้าหงึกหงักกับเธอ แล้วจึงออกเดิน ทิ้งให้เดรโก มัลฟอยผู้โชคร้ายต้องเดินตามเธอไปอย่างผิดหวัง
เวรเอ้ย...!!
“ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ” เดรโกกระซิบขณะที่กำลังจัดเรียงหนังสือบนชั้นข้างๆ ลูน่า กิตติศัพท์ความดุร้ายของบรรณารักษ์ที่นี่เป็นที่รู้จักกันดี ชายหนุ่มจึงไม่กล้าแผดเสียงมากนัก
ลูน่าเหลือบตามองเขาแล้วพูดเสียงแผ่ว “ขอโทษ” ว่าแล้วเธอก็หันกลับไปจัดหนังสือต่อ
ขอโทษ.......?
เดรโกมองลอบหน้าเธอแว่บหนึ่ง ในหัวสมองคิดบางอย่างเกี่ยวกับหญิงสาวตรงหน้า แต่ก็ทำได้ไม่นานนัก ตอนนี้เขาสับสนไปหมด ไหนจะเรื่องของที่หายไป เรื่องซวยๆ ที่เกิดขึ้นแล้วก็ยังนาเกิ้ลส์บ้าอะไรนั่นอีก เขางงไปหมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ตกลงว่ามันคืออะไรกันแน่” เดรโกถามโดยที่ยังไม่ละสายตาจากลูน่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาในห้องสมุดโรงเรียนเพื่อทำประโยชน์ ไม่ใช่มานั่งเล่นเพื่อฆ่าเวลากับคนอื่นๆ เขาจึงไม่ค่อยชินเท่าไหร่เวลาที่มีศาตราจารย์คนอื่นๆ มองเขา
“นาเกิ้ลส์เป็นก็อบลินตัวเล็กๆ มันมีปีกเหมือนแมลงวันแล้วก็...... เขียว”
“อะไรเขียว”
“ตัวมันทั้งตัวเป็นสีเขียว ฉันเห็นนาเกิ้ลส์ตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครเห็นมันเหมือนฉัน พวกนั้นซนมาก ชอบแกล้งมนุษย์ ชอบขโมยของไปซ่อน แกล้งดึงผ้าห่ม หรือทำให้เราสะดุดล้ม”
ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเขาไม่ใช่เรื่องที่เขาคิดไปเอง ทั้งตอนที่รู้สึกเหมือนมีคนมากระชากไม้กวาดออกจากมือ ตอนที่สะดุดล้มหัวถลอก แล้วก็ผ้าห่มเมื่อคืนอีก
“ไม่บ่อยนักที่มันจะถูกใจใครซักคน เหมือนเธอ” ลูน่าหันไปมองเดรโก ชายหนุ่มหยุดสนใจชั้นหนังสือแล้วหันหน้าไปสบตากับเธอ
“ละ...แล้วยังไง” เดรโกถามเสียงตะกุกตะกัก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมร่างกายของตนถึงสั่นแปลกๆ
“นี่” หญิงสาวยื่นมือที่กำของบางอย่างมาให้เขา เดรโกนิ่งไปครู่หนึ่งด้วยความระแวง แต่ด้วยความเป็นมิตรและนิสัยที่ผ่านๆ มาของเธอทำให้เขารู้ว่าเธอไม่ใช่คนไม่ดีอะไร เขายื่นมือออกไปรับของสิ่งนั้นจากเธอช้าๆ
“สวมมันไว้แล้วพวกนาเกิ้ลส์จะไม่กล้าเข้าใกล้เธอ” เดรโกยังไม่ไว้ใจนัก เขาไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมาแต่ก็มองลึกเข้าไปในดวงตาของลูน่า
“แต่เธอต้องเก็บของๆ เธอดีๆ นะ พวกนั้นไม่เลิกตามใครง่ายๆ หรอก”
ลูน่ายิ้มให้เดรโกเหมือนอย่างที่ยิ้มให้กับแฮร์รี่เพื่อนคนแรกของเธอ เดรโกรู้สึกประหลาดใจในความใจดีของเธอ นิสัยเหม่อลอยและน้ำเสียงเนิบๆ ช้าๆ นั่นกลายเป็นสิ่งที่เขาต้องจดจำ
ถ้าเป็นตัวเขาเมื่อวานนี้ คงจะคิดว่าเธอโง่และพยายามหลอกใช้เธอให้มาเป็นคนใช้ส่วนตัวไปแล้ว
แต่วันนี้เขารู้สึกเหมือนได้คุยกับผู้หญิงคนนี้มากขึ้น
ลูน่า เลิฟกู๊ด เป็นยัยสติไม่สมประกอบประจำบ้านเรเวนคลอ ทั้งท่าทางที่ดูเหม่อลอยตลอดเวลาของเธอ แฟชั่นการแต่งตัวประหลาดสุดพิสดาร หรือเส้นผมสีบลอนด์ยาว และดวงตาสีฟ้ากระจ่างชวนฝันนั่นก็ด้วย
คงน่าอายมากหากมีใครรู้ว่าเขากำลังคุยเรื่องนาเกิ้ลส์บ้าบออะไรนี่กับผู้หญิงแบบนี้
แต่ทว่า ลูน่าเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถพูดคุยกับเขาได้อย่างเป็นปกติ ผู้หญิงหลายคนไม่กล้าหือกับเขา แครบกับกอยล์ก็ติดตามเขาเพราะคำสั่งของพ่อ พอตเตอร์ วิสลีย์ และเกรนเจอร์เองก็เกลียดขี้หน้าเขาพอๆ กับที่เขาเกลียดขี้หน้าเธอ เห็นได้ชัดว่าเดรโกไม่สามารถญาติดีกับใครได้อย่างสนิทใจซักคน...
ไม่เคยมีใครให้อภัยเขาในหลายๆ เรื่องที่เขาทำผิดพลาด ไม่เคยมีใครช่วยเหลือเขาอย่างจริงใจ
ไม่มีใครเคยพูดคำว่า ‘ขอโทษ’ ให้เขาได้ยินเลยซักครั้งเดียว...
แต่วันนี้กลับมียัยเลิฟกู๊ดสติเฟื่องยืนอยู่ข้างๆ เขา และทำทั้งหมดนั่นในเวลาเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น
ถึงแม้ว่าลูน่า เลิฟกู๊ดจะไม่ใช่เพื่อนของเขา แต่การได้พูดคุยกับใครซักคนในเวลาและสถานการณ์แบบนี้ก็รู้สึกดีไปอีกแบบนะ.......
**************************
ขอบคุณที่อ่านนะคะ มีข้อผิดพลาดตรงไหนชี้แนะด้วยเน้อ (= ~ =')
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ภาษาสวยจังเธอฮือออ ชอบมากเลยค่ะ!
นักเขียนเรียบเรียงเรื่องได้ดีมากเลยค่ะ ตามหาฟิคคู่ลูน่ากับเดรโกมานานมาก ไม่ค่อยมีใครเรียบเรียงเรื่องได้ดี และยังคงแสดงบุคคลิกของทั้งเดรโกกับลูน่าได้ดีเท่านี้เลย ติดตามอยู่นะคะ ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆค่ะ
โธ่ ก็นายไปปากไม่ดีใส่สามสหายกริฟฟินดอร์ก่อน ไม่แปลกหรอกที่พวกนั้นจะเหม็นขี้หน้านายนะเดรโก
ขออนุญาตแก้คำผิดให้นะคะ (นี่เป็นคำที่แก้ให้แล้ว)
หลงใหล
พอมฟรีย์
ซลักฮอร์น
มิเนอร์ว่า
นาร์ซิสซา
ฮอกวอตส์
กลอกตา (กรอก เป็นคำกริยาที่แปลว่าเท หรือใช้กับกรอกข้อมูล)
คำว่า ง่อน จะเขียนเป็น ง่วน หรือเปล่าคะ? (ไม่แน่ใจ)
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 7 พฤษภาคม 2557 / 16:54