ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เอ็นซีทีSHORT FIC / ONE SHORT [ NCT U ]

    ลำดับตอนที่ #1 : OUR LOVE DAY

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 59


    OUR LOVE DAY






    เมื่อกี้นี่พูดว่าอะไรนะ ?”


    ชอบครับ ผมชอบพี่”


    แล้ว…?”


    ขอ...ขออนุญาตจีบพี่นะครับ!


         คิก….. ขออนุญาตจีบเนี่ย มีใครเขาขอเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอวะ



         เตนล์เป็นนักเรียนเกรดสิบสองในโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเกาหลี เขากำลังเดินเข้าไปในร้านคาเฟ่เล็กๆ น่ารักหลังโรงเรียนเนื่องจากถูกนัดมาที่นี่ นับตั้งแต่วันที่ถูกเด็กเกรดสิบที่ชื่อมาร์คนั่นมาขอจีบก็ผ่านมาได้สองอาทิตย์แล้ว และเขาก็ดันเป็นพวกใจดีปฏิเสธคนไม่เป็นซะด้วยสิ…



    กริ๊ง



         เสียงกระดิ่งที่ติดกับประตูร้านส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งเมื่อถูกดันเข้าไป เตนล์กวาดสายตามองไปรอบร้านก่อนจะเจอเด็กหนุ่มผู้เป็นฝ่ายนัดนั่งอยู่ทางฝั่งขวาของร้านโดยนั่งหันหลังให้กับประตู



    ปั่ก



    “โอ๊ย….อ๊ะ พี่เตนล์!” มาร์คร้องโอดโอยก่อนเสียงแสดงความเจ็บปวดจะเงียบไปแทนที่ด้วยเสียงแสดงความตกใจแทน


    “ไงเด็กน้อย นายจะเรียกชื่อฉันดังทำไมเนี่ย กลัวฉันจำชื่อตัวเองไม่ได้หรือไง” เด็กหนุ่มที่โตกว่าพูดหยอกพลางยิ้มขำ แกล้งมาร์คน่ะสนุกนะรู้ไหม


    “ผมนึกว่าพี่จะไม่มาแล้วซะอีก”


    “ขอโทษทีนะ อาจารย์ดันปล่อยเลทน่ะ” เตนล์ว่า “แต่ฉันก็มาสายแค่สิบเจ็ดนาทีเองนะ รอไม่ได้หรือไง”


    “เปล่าครับ! ต่อให้พี่จะมาช้ากว่านี้หรือไม่มาผมก็จะรอจนกว่าร้านจะปิดนั่นแหละ”


    “นายทำให้ฉันรู้สึกผิดนะรู้ไหม” คนน่ารักหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วหันไปสั่งเมนูกับพนักงานหญิงที่มองเขาด้วยแววตาหยาดเยิ้ม “โกโก้ปั่นไม่หวานแก้วนึงครับ”


         มาร์คยิ้มแทนคำตอบ เขาชอบเตนล์มาได้สามเดือนแล้ว และเพิ่งขอจีบไปเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ขอแบบสุภาพโคตรๆ ด้วยสิ เขาคิดว่าเจ้าตัวคงขำกับท่าทางเงอะๆงะๆของเขาปนสงสารด้วยล่ะมั้งถึงตอบตกลง ยังไงพี่เตนล์ก็เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ข้อนี้เขารู้ดี


         โกโก้ปั่นถูกยกมาเสิร์ฟ มาร์คก้มลงดูดชาเขียวเย็นละลายน้ำแข็งที่สั่งตั้งแต่เตนล์ยังไม่มาจนมันจืดชืดไปหมด เขาจะไม่ยอมบอกหรอกนะว่ามาก่อนนัดตั้งครึ่งชั่วโมงน่ะ! ก็กลัวพี่ชายน่ารักตรงหน้ารู้สึกผิดไปมากกว่านี้นี่นา


    “แล้ว...นัดมานี่มีอะไรจะคุยงั้นเหรอ” เตนล์เปิดประเด็นถามขึ้น


    “คือวันศุกร์หน้าน่ะวันวาเลนไทน์ใช่ไหมล่ะครับ ผมก็เลยจะมาถามพี่ล่ะว่าอยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”


    “วาเลนไทน์บ้านนายนี่เวลาจะให้ของต้องมาถามคนรับก่อนรึไง”


    “อ๊ะ...ครับ! เฮ้ย ไม่ใช่ครับ! คือผมกลัวซื้อมาไม่ถูกใจพี่ไง กลัวพี่ไม่รับของ...น่ะ .__.”


    “นายนี่เด็กจริงๆ สงสัยวาเลนไทน์ที่ผ่านๆมาจะเคยแต่รับ ไม่เคยให้คนอื่นล่ะสิ”


     

        มาร์ค ลี เป็นคนหน้าตาดีและป๊อบปูลาร์ในโรงเรียนคนหนึ่ง ในล็อกเกอร์ของเด็กคนนี้มีจดหมายรัก ของขวัญและขนมจากเด็กผู้หญิงเยอะแยะแหละ และเตนล์ก็ไม่เคยคิดฝันเหมือนกันว่าเด็กที่ป๊อบปูลาร์สุดๆ คนนี้จะมาจีบเขาน่ะ ถึงมาร์คจะไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่เข้ามาจีบตัวเอง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเด็กคนนี้น่ะน่ารักกว่าคนอื่นที่เคยเข้ามาจีบ



         หรือจะเรียกว่าเขา….รู้สึกดีกับเด็กคนนี้ก็ได้นะ J



    “ครับ...” คนถูกถามตอบเสียงอ่อย “แต่ปีนี้ผมตั้งใจจะให้พี่จริงๆนะ”


    “อื้ม นายอยากให้อะไรก็ให้เถอะ จะให้อะไรถ้านายเป็นคนให้ฉันก็ชอบหมดแหละ”


         ประโยคของคนน่ารักทำให้เด็กหนุ่มอายุสิบหกเจ้าของชื่อมาร์ค ลี รู้สึกอึ้งเล็กๆ


    “ผมรู้สึกเหมือนถูกจีบ”


    “เปล่าหรอก”


    “…


    “เขาเรียกว่า...อ่อยน่ะ J”


     

        เจ้าของเสียงพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนยกข้อมือที่สวมนาฬิกา casio สีเงินขึ้นมาดู เข็มสั้นชี้ที่เลขห้าและเข็มยาวชี้ที่เลขสิบสองพอดิบพอดี


    “ห้าโมงแล้ว ฉันไปนะ แล้วศุกร์หน้าจะรอรับของ”


         ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ ส่งยิ้มน้อยๆให้คนด้านตรงข้ามก่อนลุกเดินออกไปจากร้าน ทิ้งเงินค่าโกโก้ไว้บนโต๊ะพับสีดำ









              …และทิ้งระเบิดแห่งความเขินลูกใหญ่ไว้ให้มาร์ค ลี
























         มือขาวบิดลูกบิดประตูห้องน้ำออกมา ไอควันสีขาวจากเครื่องทำน้ำอุ่นที่เพิ่งปิดพวยพุ่งออกมาด้วย อากาศตอนนี้น่ะเย็นชะมัด เตนล์รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นหวัดด้วยล่ะ เขาก้าวไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อแขนยาวสีฟ้าหม่นมาใส่ เข้าคู่กับกางเกงวอร์มขายาวสีน้ำเงินเข้ม ก่อนทับด้วยสเวตเตอร์ตัวอุ่นสีแดงสลับดำขนาดพอดีตัว


         พาร่างกายทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มนิ่ม มือคว้าสมาร์ทโฟนที่วางบนตู้ไม้โอ๊กสูงเท่าเอวข้างเตียงมากดดู หน้าจอล็อกสกรีนเป็นรูปใครบางคน วันที่บนหน้าจอบอกว่าวันนี้เป็นวันที่ 13 กุมภาพันธ์


    “พรุ่งนี้แล้วสินะ” พึมพำกับตัวเองแล้วกดเข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียวยอดนิยมเพื่อเช็คข้อความที่ถูกส่งมา


         แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นเพื่อนใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาโดยเบอร์โทรศัพท์





    [Mark Lee เพิ่มคุณจากหมายเลขโทรศัพท์]




         เขาขมวดคิ้วน้อยๆก่อนยิ้มเบาบางออกมา


    “หาเจอจนได้แฮะ ไอ้เด็กนั่น”




         ได้บอกหรือเปล่าว่าหลังจากมาร์คขออนุญาตจีบเขาแล้วเด็กนั่นก็ขอไลน์เขาทันที แต่เตนล์น่ะไม่ได้ให้หรอก เขาอยากแกล้งเจ้าเด็กนั่นจะตาย เลยบอกหน้าตายว่า 'หาเองสิ' แต่ก็ไม่คิดว่าจะหาเจอหรอกนะเพราะเขายังไม่ได้ตั้งชื่อไอดีไลน์เลย คนที่จะมีไลน์เขาจึงมีแค่คนที่มีเบอร์โทรศัพท์เท่านั้น ถ้าหาเบอร์เขาได้ขนาดนี้ก็นับถือในความพยายามล่ะนะ ว่าแล้วก็กดเพิ่มเพื่อน ก่อนทักแชทไป






    21.37 'ไง'


         ชั่วนาทีเท่านั้นข้อความก็ขึ้นอ่านแล้ว เตนล์กระตุกยิ้มที่มุมปาก ….ไวขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเปิดไลน์ไว้ตลอดหรอกนะ


    'สวัสดีครับ' 21.37

    'ขอโทษที่หาเบอร์เจอช้ามากๆนะครับ ผมไม่รู้ว่าพี่ไม่มีไอดีไลน์ :(' 21.38



    21.39 'ฮ่าๆๆๆๆ'

    21.39 'ก็ไม่ถามเองป่ะล่ะ'

    21.39 'แล้วเอาเบอร์มากจากไหน?'



    'เพื่อนผมสนิทกับพี่แทยงเลยให้มันไปขอมาให้' 21.40

    'หาเองที่พี่บอกนี่ ใช้คนอื่นได้ใช่ไหมครับ?' 21.41



    21.42 'ว่าแล้วเชียว'

    21.43 'เพื่อนที่ว่านี่ แจฮยอนใช่ไหมล่ะ'



    'ครับ' 21.43


     


        เตนล์อ่านข้อความล่าสุดที่อีกฝ่ายส่งมา เป็นไปตามที่คาดไว้ แทยงน่ะเพื่อนสนิทของเขาเอง และแจฮยอนก็เป็นรุ่นน้องที่ชมรมของหมอนั่น เหมือนจะสนิทกันพอสมควรเพราะไปไหนมาไหนด้วยกันค่อนข้างบ่อย เขาเองก็เริ่มไม่แน่ใจซะแล้วว่าเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันหรือมีอะไรมากกว่านั้นกันแน่


         นาฬิกาบอกเวลาว่าใกล้สี่ทุ่ม อันที่จริงเตนล์ไม่ใช่คนอนามัยจัดที่ต้องนอนสี่ทุ่มตื่นหกโมงเช้าแล้วไปออกกำลังกายตอนเจ็ดโมงครึ่ง กินอาหารคลีนๆทุกมื้ออะไรเทือกนั้นหรอก แต่เพราะนอนดึกมาหลายวัน วันไหนที่นอนเร็วได้เขาเองก็อยากจะรีบเข้านอน เมื่อตัดสินใจว่าจะเข้านอนแล้วมือบางก็พิมพ์ตอบข้อความในไลน์นั้นทันที





    21.46 'มาร์ค ฉันจะนอนแล้วนะ'

    21.46 'กู้ดไนท์'

    21.47 'ไว้พรุ่งนี้...จะรอของแล้วกัน :)'




         เจ้าของโทรศัพท์กดออกจากโปรแกรมแชท ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่เจ็ดโมงเช้า กดล็อกหน้าจอแล้ววางมันไว้ที่ตู้ไม้โอ๊กข้างเตียงตัวเดิม






    ตึ้ง







         เสียงไลน์ดังขึ้นหลังจากส่งข้อความไปไม่นาน คนที่ส่งข้อความมาหวังให้เด็กหนุ่มที่เขาจีบฝันดี แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้เปิดอ่านก็ตาม



    'ฝันดีเช่นกันครับ' 21.49
















         จริงๆแล้วมาร์คพิมพ์อีกประโยคนะ แต่เขาไม่ได้ส่งไปหรอก พอพิมพ์เสร็จแล้วก็ลบออก ก็มันเขินนี่นา อยู่ๆจะให้พิมพ์ว่า 'รักนะครับคนดีของผม' ทั้งๆที่ยังจีบเขาไม่ติดมันก็น่าอายใช่ไหมล่ะ ที่พวกผู้หญิงชอบพูดใส่กันน่ะว่า 'มั่นหน้าเกินไปหรือเปล่ายะ' นั่นแหละ


       


           สุดท้ายก็พิมพ์ไปแค่ว่าฝันดีเช่นกันเพียงประโยคเดียว



         เขาหันไปมองโต๊ะเล็กที่อยู่ข้างเตียงนอน กล่องของขวัญสีขาวผูกด้วยริบบิ้นผ้าสีม่วงอ่อน มันเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ที่เขาตั้งใจเลือกตั้งหลายชั่วโมงให้เตนล์ และเกือบจะไม่ได้ห่อกล่องด้วยกระดาษสีขาวแล้วล่ะเพราะที่ร้านมีแต่สีแดงเพื่อให้เข้ากับช่วงวาเลนไทน์ สุดท้ายเขาจึงวิ่งไปที่ร้านขายของกิ้ฟช็อปฝั่งตรงข้ามเพื่อซื้อกระดาษมา แล้วเลือกริบบิ้นผ้าสีม่วงอ่อนแทนริบบิ้นกระดาษเพราะมันดูน่ารักดี แถมยังไม่ซ้ำซากด้วย



              ….ก็นะ เขาอยากให้ของที่ดูพิเศษกว่าคนอื่นกับเตนล์นี่นา



         นาฬิกาปลุกถูกตั้งที่เจ็ดโมงครึ่ง บ้านของเขาใกล้โรงเรียนเลยไม่ต้องรีบตื่นนัก เขาเดินเข้าไปตรวจเช็คเครื่องทำน้ำอุ่นในห้องน้ำว่าถูกปิดดีหรือยังตามประสาคนรอบคอบ เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็เดินไปปิดไฟ ก่อนซุกตัวเข้าผ้าห่มอุ่นเพื่อนอนหลับพักผ่อน


         อา.. เขาคิดว่าวันนี้น่าจะฝันดีนะ



       


         ก็พี่เตนล์อุตส่าห์กู้ดไนท์นี่ ...เนอะ J




























         วันนี้เป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์




         วันแห่งความรักที่คู่รักทุกคู่ต่างรอคอยและมอบของให้กัน วันที่ช่อดอกกุหลาบสีแดงราคาแพงและช็อกโกแลตพบเห็นได้ทั่วไปในเขตโรงเรียน บรรยากาศหวานๆ ปกคลุมทั่วบริเวณตั้งแต่เช้ายันตอนนี้ ซึ่งเป็นเวลาบ่ายแล้ว



    “ไงไอ้เตนล์ ได้ของจากใครยัง?”




         แทยงเอ่ยถามเพื่อนสนิท จริงๆก็ถามไปอย่างนั้นแหละ เพื่อนเขาเนื้อหอมจะตาย มีคนมารุมให้นั่นให้นี่ตั้งแต่เช้าแล้วทั้งหญิงทั้งชาย แต่ถามว่าอิจฉาไหม ก็ไม่หรอกนะ เพราะเขาเองก็ได้ของมาเพียบเหมือนกัน


    “ยังมั้งครับเพื่อน ล็อกเกอร์กูเต็มตั้งแต่เช้าละ” เตนล์ว่าอย่างอารมณ์ดี วันนี้มีคนให้ของเขาเยอะมากจริงๆ ทั้งให้ต่อหน้าและที่ตู้ล็อกเกอร์นั่น แต่เขากำลังรอของใครบางคนอยู่ล่ะ


    “เออข่มกันเข้าไป มึงแม่งป๊อบทั้งหญิงทั้งชายนี่หว่า เผลอๆชายให้นี่มากกว่าหญิงให้อีกมั้ง”




         เตนล์หัวเราะให้กับประโยคของเพื่อนสนิท มันก็จริงนะ แต่เขาไม่ได้ชอบผู้ชายสักหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงหรอกนะ เอ้อ คือเขาหมายความว่าเขาจะชอบคนที่เขาอยากชอบน่ะ ไม่เกี่ยวหรอกว่าจะเป็นเพศไหน








         เข้าเรียนคาบบ่ายมาได้สามชั่วโมง อีกแค่สี่สิบนาทีก็จะเลิกเรียนแล้วยังไม่มีวี่แววของเด็กหนุ่มที่เตนล์รอของขวัญวันแห่งความรักนี่เลยสักนิด ไม่มีแม้แต่ไลน์เข้า หรือว่าจะตั้งใจเรียนอยู่กันนะ





              หรือว่า….เปลี่ยนใจไม่ให้เขาแล้วนะ





         คิดอย่างนั้นใจก็ห่อเหี่ยวขึ้นมาดื้อๆ คิดกังวลไปร้อยแปด เขาเล่นตัวมากไปเหรอ ก็ไม่หรือเปล่า? นี่เด็กนั่นยังจีบเขาได้แค่แปบเดียวอยู่เลยนะ เขาเองก็ตกลงเล่นๆด้วย แต่ทำไมถึงได้คิดมาขนาดนี้กัน ไม่รู้แล้วล่ะสิว่าตอนนี้ควรโมโหเด็กนั่นที่ช้าซะขนาดนี้



     



             หรือควรโมโหตัวเองที่เผลอใจไปเร็วขนาดนี้ดี…












         เวลาเลิกเรียนผ่านมาได้เกือบชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไร้แม้แต่เงาของคนที่เขาเฝ้ารอ นี่เตนล์อุตส่าห์ยอมนั่งอยู่ที่โรงเรียนนานกว่าปกติเพื่อรอเด็กคนนั้นเลยนะ แล้วนี่มันอะไร! ทำไมถึงยังไม่โผล่มาสักที


         มือบางสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ หวังรอแชทจากเพื่อนในไลน์คนล่าสุด สักข้อความก็ยังดี ถ้าไม่มาแล้วก็น่าจะบอกกันหน่อยก็ได้นี่นา…



    แปะ



         น้ำตาของคนน่ารักร่วงแปะลงบนพื้น เขาก้มหน้าลง ใช้มือบางปาดหยดน้ำตาลวกๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ปล่อยให้อีกคนเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจขนาดนี้ กะอีแค่เขาไม่ได้เอาของขวัญวันวาเลนไทน์มาให้ตามสัญญา ทำไมตัวเขาถึงได้รู้สึกจุกที่หน้าอกไปหมดขนาดนี้ก็ไม่รู้


         นาฬิกาชี้บอกเวลาหกโมงสิบนาที เขารอมานานเกินพอแล้ว ร่างบางตัดสินใจลุกขึ้นจากม้าหินอ่อน แล้วเดินออกนอกเขตโรงเรียนด้วยจิตใจว้าวุ่น









    ตึกๆๆๆ









         เสียงฝีเท้าของใครสักคนวิ่งมาทางเขา เตนล์รีบหันกลับไปมองด้วยความหวัง หวังว่าจะเป็นเด็กคนนั้นที่วิ่งตามเขามานะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆเตนล์คิดว่าจะบ่นนิดหน่อยตามประสา แต่ก็รับของมาแล้วยกโทษให้ที่อีกฝ่ายมาช้า


         ก่อนจะทันหันกลับไปดูดีๆ คนๆนั้นที่วิ่งตามหลังมากลับวิ่งสวนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว อา… นั่นไม่ใช่มาร์ค แต่เป็นผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ที่มือข้างหนึ่งถือช่อกุหลาบที่แดงสด ส่วนอีกข้างก็ยกโทรศัพท์แนบหู พูดขอโทษปลายสายซ้ำๆ ก่อนจะวิ่งลับสายตาไปในที่สุด






    “หึๆ”







         เตนล์หัวเราะเบาๆให้กับตัวเอง เขาหวังมากไปสินะ หวังว่าเด็กนั่นจะมาน่ะ นี่มันไม่ใช่ละครนะที่พระเอกจะมาได้ทันเสี้ยววินาทีสุดท้ายที่นางเอกกำลังจะกลับบ้าน แล้วพูดขอโทษหวานๆพร้อมพาไปง้อด้วยการจองโต๊ะดินเนอร์สุดสวีทใต้แสงเทียน นี่คือชีวิตจริง และพวกเขายังเป็นนักเรียน คงไม่มีเงินไปจองอะไรหรูหราแบบนั้นและที่สำคัญ….





              มาร์คไม่ใช่พระเอกที่จะมาได้ทันเวลา







              และเขา...ก็ไม่ใช่นางเอกละครด้วย









         สะบัดหน้าแรงๆสองสามทีเมื่อรู้สึกว่าน้ำตาเจ้ากรรมดันเอ่อที่หางตา จริงๆเขาไม่ใช่คนขี้แยเลยสักนิด แต่ครั้งนี้มันจุกที่อกไปหมด เขาไม่สามารถห้ามตัวเองได้เลย


























         พรุ่งนี้ก็จะครบสองอาทิตย์แล้วที่เตนล์กับมาร์คไม่ได้ติดต่อกัน ไม่มีแชทไลน์ แม้กระทั่งแจฮยอนเพื่อนของมาร์คก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าตัวหายไปไหน มาร์คคงไม่รู้หรอกว่าเขาเข้าไลน์ทุกวัน หวังว่าเด็กนั่นจะทักมาซักข้อความ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีข้อความใดๆถูกส่งมาจากมาร์ค ลี


              และเขาก็ไม่คิดจะทักไป…..


         จะว่าเตนล์ถือทิฐิก็ได้นะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากให้ฝ่ายนั้นทักมาก่อนอยู่ดี ถ้าอีกฝ่ายไม่ทักมาแสดงว่าคงไม่อยากคุยแล้วล่ะ และถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็คงไม่กวน






         พรุ่งนี้วันที่ 27 กุมภาพันธ์…

              มาร์คจะรู้ไหมนะว่าพรุ่งนี้... เป็นวันเกิดเขา


              มาร์คจะรู้ไหมว่าตั้งแต่วันที่ตัวเองขออนุญาตจีบเขา ...ในหัวเตนล์ก็มีแต่มาร์คเต็มไปหมด




              …..พรุ่งนี้คือวันเกิดของเขา และเขาอธิษฐาน ….ขอให้พรุ่งนี้ได้เจอ ได้พูดคุย



              และได้สารภาพ




              ว่าตั้งแต่วันที่เราได้คุยกันครั้งแรกนั้น เด็กหนุ่มที่ชื่อมาร์คก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในห้วงความคิด



                ...และเป็นทุกส่วนของหัวใจเขา




         เตนล์ขอเพียงแค่นี้จริงๆ ไม่ว่าเด็กนั่นจะชอบ หรือไม่ชอบเขาแล้ว ก็ขอให้เตนล์ได้สารภาพความในใจกับมาร์ค ลี




              ...เท่านี้ก็พอ


















    ตอนนี้เช้าแล้ว


         วันสำคัญของเด็กหนุ่มเจ้าของชื่อเตนล์ตื่นขึ้นมาก่อนจัดการธุระส่วนตัว เครื่องแบบนักเรียนถูกสวมก่อนถูกทับด้วยเสื้อกันหนาวขนาดพอดีตัวอีกทีหนึ่ง เขาเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ป๊าและแม่กล่าวอรุณสวัสดิ์และสุขสันต์วันเกิดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เตนล์ยิ้มตอบพร้อมกล่าวขอบคุณ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารยามเช้าเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ แซนวิชไข่ดาวถูกยัดเข้าปาก เด็กหนุ่มดื่มนมตามอึกใหญ่ก่อนมองนาฬิกาข้อมือเรือนใหม่ที่เพิ่งได้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อสักครู่แล้วเอ่ยปากขอตัวไปเรียน




    “เตนล์ไปเรียนก่อนนะครับ”


    “จ้า ขึ้นรถเมล์ระวังๆด้วยนะ อย่าหลับเลยป้ายล่ะ”


         คนถูกเตือนหัวเราะออกมาเสียงดัง เขาน่ะหลับง่าย ขึ้นรถเมล์ก็หลับได้แล้ว ทำให้บางทีก็หลับเลยป้าย แต่ก็เป็นแค่เฉพาะวันที่นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอเท่านั้นแหละ








              ….อย่างเช่นวันนี้








         เมื่อคืนเตนล์นั่งๆนอนๆสไลด์โทรศัพท์ตั้งนาน ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้นะแต่ก็อยากจะรอ เผื่อว่าข้อความจากใครสักคนจะถูกส่งมา สุดท้ายเมื่อเวลาล่วงเลยไปถึงตีหนึ่งแล้วยังไร้วี่แววใด เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ กดปิดโทรศัพท์แล้วข่มตานอน




         มาถึงโรงเรียนได้อย่างสวัสดิภาพ เขาสะดุ้งตื่นก่อนถึงโรงเรียนแค่ไม่กี่สิบเมตร รีบก้าวเร็วๆเข้าโรงเรียน ตลอดทางมีคนทักทายและสุขสันต์วันเกิดมากมาย เมื่อมาถึงห้องเรียนอีกทีก็ได้ของขวัญเต็มไม้เต็มมือ เขาวางทุกชิ้นลงบนโต๊ะก่อนเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วทิ้งตัวลงนั่ง





    โฮ่ ได้เยอะกว่าปีที่แล้วอีกนะเนี่ย”


         แทยงที่นั่งข้างๆทักเพื่อนสนิทอารมณ์ดี แล้วก้มลงหยิบของที่อยู่ในกระเป๋าออกมา


    “อ่ะนี่ กูให้” แทยงยื่นดาร์กช็อกโกแลตนำเข้าจากญี่ปุ่นผูกริบบิ้นสีขาวให้เพื่อนสนิท เตนล์รับมันมา ยังไม่ทันวางของ เพื่อนตัวสูงก็ยื่นของมาให้อีก


    “ให้อะไรเยอะแยะวะ”


    “เปล่า อันนี้อ่ะ มีคนฝากมาให้”


         คราวนี้เป็นกล่องกระดาษสีขาวที่มีฝาปิดเรียบง่าย เขารับมางงๆแล้วเปิดฝากล่องดูทันที ข้างในนั้นไม่มีอะไรนอกจากกระดาษสีครีมแผ่นหนึ่งนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างใน เขามองหน้าเพื่อนสนิทเป็นเชิงถาม แทยงส่ายหน้าบอกเป็นเชิงว่า 'ไม่รู้' เตนล์จึงหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมา






              มันมีข้อความเขียนอยู่สี่ห้าบรรทัด










    ขอโทษที่หายไปหลายวันและไม่ทันได้บอกครับ

    ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่อยากรู้หรือเปล่าว่าหายไปเพราะอะไร

    แต่ผมอยากเจอพี่นะครับ

    วันนี้...หลังเลิกเรียน ผมจะรอพี่หน้าตึกเรียนพี่นะ

    แล้วก็...สุขสันต์วันเกิดครับ '


    M.Lee






         ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ข้อความนี้มันทำให้เตนล์ยิ้มกว้างออกมาหลังจากที่ซึมๆไปหลายวัน แทยงมองหน้าเพื่อนสนิทแล้วก็อดเอ่ยแซวไม่ได้




    “ฮั่นแน่ อารมณ์ดีเชียวนะมึง”


    “ยุ่ง” เตนล์ตอบเพื่อนสนิท ทำหน้ามุ่ยใส่เล็กๆ เก็บกระดาษใบนั้นใส่กระเป๋าเสื้อ พลางเก็บของขวัญต่างๆยัดล็อกเกอร์ใต้โต๊ะ











         เวลานี้เป็นเวลาเลิกเรียนของเกรดสิบสอง มาร์คอยู่เกรดสิบ เขาเลิกเรียนก่อนเตนล์ 40 นาที ถึงแม้จะรู้อย่างนั้นก็ไม่ได้ไปไหนต่อ พาสารร่างของตัวเองมานั่งรออีกคนหน้าตึกทันที เหล่านักเรียนหลายคนที่เดินผ่านไปมาพากันส่งยิ้มหวานให้กับเขา มาร์คทำเพียงแค่ยิ้มน้อยๆตอบกลับไปเท่านั้น


         ผ่านไปสิบนาทีหลังกริ่งเลิกเรียนดัง มาร์คก็เห็นรุ่นพี่ที่เขากำลังรอเดินออกมาคนเดียว เขายิ้มกว้างออกมาก่อนรีบเดินไปแถวๆหน้าประตูทางออกตึก เด็กหนุ่มถูกรุ่นพี่คนน่ารักเห็นแล้ว เตนล์เดินมาทางเขาแล้วตีหน้าเรียบๆไร้อารมณ์ใส่ มาร์คหุบยิ้มไปแล้วเริ่มพูด


    “ผมมาคุยกับพี่ครับ”


    “อืม มีอะไรก็ว่ามา”


    “คือ ที่อื่นได้ไหมครับ?”





         เตนล์ไม่ได้พูดอะไร พยักหน้าน้อยๆ ตอบเท่านั้น ทันใดนั้นฝ่ามืออุ่นของอีกฝ่ายก็ยื่นเข้ามาแล้วถือวิสาสะจับประสานกับมือเรียวของเขาไว้แน่น นิ้วมือของทั้งสองคนประสานกัน มันให้ความรู้สึกอบอุ่น และทำให้หัวใจของคนถูกจับมือเต้นโครมคราม



         มาร์คพาเขาเดินไปที่สวนไม้ร่มรื่นหลังโรงเรียน พวกเขานั่งลงบนพื้นหญ้าสีเขียว กลิ่นดอกไม้หอมนานาชนิดปลิวฟุ้ง สายลมเอื่อยๆยามสี่โมงเย็นพัดไล้ไปตามผิวกายที่โผล่พ้นนอกเสื้อผ้า







    “ผมไปแคนาดามาสองอาทิตย์ครับ”


         เป็นฝ่ายเด็กรุ่นน้องที่เริ่มบทสนทนาก่อน เขาพูดทั้งๆที่ยังไม่ปล่อยมือจากรุ่นพี่


    “…


    “คุณย่าป่วย...ตอนนั้นพ่อกับแม่ทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง เลยมารับผมที่โรงเรียนตั้งแต่บ่ายสองแล้วรีบบินไปแคนาดาเลย”


    “…


    ตอนนั้นไม่มีใครรู้สักคนนอกจากคุณครู”


    “…


    “แล้วโทรศัพท์ของผมก็ดันตกที่สนามบิน”


    “อ่า”


    “ตอนนั้นมันรีบไปหมดครับ ผมไม่มีโอกาสกลับมาเอามันด้วยซ้ำ”


    “…


    “ผมติดต่อใครไม่ได้เลยตลอดสองอาทิตย์ แถมพ่อกับแม่ยังยุ่งๆด้วย ผมก็เลย...ไม่ได้เอาของขวัญวันวาเลนไทน์มาให้พี่”


    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้คิดมาก”ซะที่ไหนกัน..


    “ขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆ”



         มาร์คทำหน้าสำนึกผิดแล้วหันไปเปิดซิปกระเป๋าข้างตัว ก่อนหยิบกล่องของขวัญสีขาวที่ผูกริบบิ้นผ้าสีม่วงอ่อนออกมาจากกระเป๋าใบนั้น



    “นี่คือ...ของขวัญที่ผมเลือกให้พี่ครับ ผมเลือกตั้งหลายชั่วโมง กลัวพี่ไม่ชอบอ่ะ แล้วก็ไม่ได้เอากระดาษสีแดงมาห่อ กลัวว่ามันจะซ้ำซากกับคนอื่น ริบบิ้นก็เอาสีนี้มา ไม่รู้หรอกว่าพี่จะชอบไหมแต่เห็นว่ามันเหมาะกับพี่ดี ก็เลยเลือกมา ตอนนั้นที่ร้านไม่มีกระดาษสีอื่นเลยนะ ผมต้องวิ่งไปซื้อที่ร้านฝั่งตรงข้ามมา แล้วก็...อื้อ”


         เด็กหนุ่มยังไม่ทันได้พูดต่อ มือบางของรุ่นพี่ก็เอื้อมมาปิดปากเขาซะก่อน เตนล์ยิ้มกว้างให้กับเขา นั่นทำให้มาร์คหน้าแดง ลามไปจนถึงใบหูขาวก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ


    “พอแล้วล่ะ ฉันเข้าใจแล้วหน่า” เตนล์ยิ้มโชว์ฟันขาวๆให้รุ่นน้อง “จริงๆฉันโกรธมากเลยรู้ไหมวันนั้น เห็นนายไม่มาสักทีหัวใจมันก็เต้นแปลกๆ ฉันจุกหน้าอกไปหมด นายทำให้ฉันน้ำตาไหลรู้ไหม”


         มาร์คทำหน้าตกใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้างแล้วหรุบต่ำ ทำหน้าสำนึกผิดได้น่าเอ็นดูสุดๆให้ตายเถอะ


    “อ๋อโอ้ดอ๊ะอั๊บ” พยายามพูดทั้งๆที่ปากยังถูกปิดด้วยมือของอีกฝ่ายอยู่


    “แต่ช่างมันเถอะนะ”



         เตนล์ยิ้มจนตาปิดอีกครั้ง เขาละฝ่ามือออกจากปากของมาร์คแล้วเอามันมาวางไว้ข้างตัว คว้ากล่องของขวัญสีขาวจากมืออีกฝ่ายมาไว้ที่ตัว



    “งั้น...กล่องนี่ก็ของฉันสินะ”


    “ค..ครับ!!!”


    “งั้นแกะเลยนะ”


     

        คนรับของขวัญเริ่มลงมือแกะริบบิ้นผ้าอย่างเบามือ เขาเปิดฝากล่อง ภายในนั้นเป็นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล สมุดวาดรูปเล่มเล็กๆ และช็อกโกแลต ทุกอย่างล้วนเป็นของที่เขาชอบ เตนล์ไม่รู้ว่ามาร์คไปสืบมาจากไหนหรือรู้ได้อย่างไรว่าตัวเขาชอบอะไร แต่นั่นก็ทำให้รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นที่ริมฝีปากสีแดงสด



    “ผมสังเกตมานานแล้วล่ะว่าพี่ชอบอะไรบ้าง”


    “…


    “ครั้งนี้...ไม่ได้ถามคนอื่นนะครับ”


    “อือ”


    “ผมชอบพี่จริงๆนะครับ”


    “อือ”


    “ผมอยากให้วันนี้ วันที่ 27 กุมภา...”


    “…


    “เป็นวันวาเลนไทน์ของเราสองคน แล้วก็เป็นวันครบรอบของพวกเราด้วย”


    “อือ...”


    “เป็นแฟนกับผม ได้มั้ยครับ”


         ครั้งนี้มาร์คจริงจังกว่าทุกประโยคที่ผ่านมา แววตานั่นทำให้เตนล์ใจเต้นแรง เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าใบหน้าหวานๆของตนเองขึ้นสีขนาดไหน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจพูดประโยคหนึ่งออกมา


    “จริงๆแล้ว...”


    “…


    “ฉันก็ชอบนายตั้งแต่วันที่นายเข้ามาขออนุญาตจีบนั่นแหละ”


    !!!!!”


    “ตลอดสองสัปดาห์ที่นายหายไป ฉันแทบเป็นบ้า ฉันเฝ้าแชทไลน์ทุกวันว่าเมื่อไหร่นายจะทักมา ฉันคิดไปตั้งไกลว่านายจะไม่ชอบกันแล้ว เมื่อคืนฉันคิดว่าถ้าวันนี้ได้เจอนาย ฉันจะสารภาพรัก ถึงนายจะชอบหรือไม่ชอบฉันแล้วก็ตาม” คนพูดก้มหน้างุดๆ อยู่ๆอากาศรอบตัวก็ร้อนขึ้นมาดื้อๆ


    “ถ้าอย่างนั้น”


    “…


    “ผมจะถือว่าเป็นคำตกลงนะครับ...ที่รัก”


    “อะ..อือ”



         เตนล์ครางเสียงอ้อมแอ้ม ก่อนค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาพบกับใบหน้าเด็กหนุ่มแฟนหมาดๆของเขา ...ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า เขาคิดว่ามันดูเจ้าเล่ห์แปลกๆ



    “ยิ้มอะไรของนายน่ะ...อ๊ะ”


         พูดได้แค่นั้นเจ้าของใบหน้าหวานก็ต้องหยุดเพราะโดนอีกฝ่ายก้มลงมาฝังจมูกที่แก้มนิ่มๆอย่างฉวยโอกาส มาร์คกดจมูกค้างไว้เนิ่นนานก่อนผละออกแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย


    “แทนคำสัญญา ว่าจะเป็นแฟนกันครับ”


    “นายนี่มัน...”


    “ผมไม่ได้ใสๆอย่างที่พี่คิดหรอกนะ”


    “หา…?”


    “อนาคตน่ะ ผมทำมากกว่านี้แน่!”



         เตนล์หน้าแดงจัดแม้ว่าฤดูร้อนจะยังไม่มาถึง เขาก้มหน้างุดลงอีกครั้งแล้วพูดออกมาเบาๆ



    “อย่าทำฉันเสียใจก็แล้วกัน...”


    “สัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือเลย”


         มาร์คชูสามนิ้วแล้วต๊ะเบ๊ะให้คนตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะเข้าไปหอมแก้มอีกครั้ง กลิ่นเตนล์น่ะหอมที่สุด ทำเอาเขาไม่อยากผละออกเลยสักนิด



    “เจ้าเด็กบ้า”


    “แล้วรักป่ะล่ะ”


    “อือ”













         27 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรักของพวกเขาแค่สองคน และจะเป็นวันครบรอบ วันที่มีความสุขที่สุด วันที่หัวใจสองดวง ได้เริ่มผูกเกี่ยวติดกัน และได้เริ่มรักกัน เราไม่จำเป็นต้องใช้วันวาเลนไทน์เป็นวันที่ 14 ร่วมกับคนอื่น วันไหนๆก็เป็นวันวาเลนไทน์ของเราได้ เพียงแค่เรายังมีกันและกัน รักกันอย่างนี้ก็พอ























    FIN.








    เห้ยยย จบแล้ววันชอร์ทเรื่องแรก 24 หน้าเวิร์ด

    พล็อตก็เดิมๆนะ หาได้ทั่วไปตามท้องตลาด 55555555

    มีคำผิดอะไรตรงไหนก็บอกไรต์ได้นะ

    สนุกไหมอะไรยังไง ฝากคอมเม้นท์ แอดเฟบด้วย เย่วววว



    สกรีมแท็กลงทวิตได้นะ เอา #ชอร์ทฟิคมต ก็ได้ เริ้บบบบบบ ♥


    EDIT : 10/5/2016 เปลี่ยนฟ้อนต์และตรวจคำผิด PS ให้ตัวเอง เนไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะเว้นบรรทัดเยอะแยะขนาดนี้ทำไม....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×