คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : KISS
KISS
“หมอนั่นน่ะชื่อมาร์ค ลี อายุยังไม่16 ดี แต่ได้พาสชั้นมาอยู่เกรด 11”
“เขาไม่ค่อยพูดนะ”
“เหอะ หน้าตาดีหน่อยทำเป็นหยิ่ง”
“ไม่หน่อยเลยนะ หมอนั่นหน้าตาดีมาก แถมยังฉลาดซะขนาดนั้น”
“เขามีแฟนคลับอยู่ทั่วโรงเรียนเลย”
“แต่ฉันไม่เห็นว่าเขาจะมีเพื่อนสักคน...”
เจ้าของชื่อมาร์ค ลี ถูกยกเป็นประเด็นในบทสนทนายามเช้าของห้องเรียน 5-A วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก นักเรียนในห้องจึงดูครึกครื้นเป็นพิเศษ และทอปปิคที่น่าสนใจที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่อง ทำไมมาร์ค ลี ถึงมาอยู่ที่นี่ เขาเป็นใคร และอะไรอีกหลายอย่างที่พอจะสรรหามาเป็นหัวข้อในการถกเถียงกันได้
ครืด
เสียงบานประตูถูกเปิดออก ทุกคนในห้องหันไปมองตามต้นเสียง เด็กหนุ่มแต่งกายผิดระเบียบคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู รูปหน้าหวานเหมือนผู้หญิงแต่อารมณ์บนใบหน้านั่นบ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เขาก้าวอาดๆเข้ามาในห้องก่อนเดินตรงไปที่ที่นั่งริมหน้าต่างแถวสุดท้าย กระเป๋าถูกกระแทกลงบนโต๊ะ ทำเอาคนที่นั่งก่อนหน้าสะดุ้งโหยงแล้วรีบเก็บกระเป๋าลุกออกไปหาที่นั่งใหม่ทันที
ผู้คนในห้องที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเงียบไปชั่วนาที ก่อนที่เสียงสนทนาจะดังเซ็งแซ่ตามเดิมโดยหัวข้อการพูดคุยถูกเปลี่ยนจากมาร์ค ลี เป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้าห้องมาอย่าง 'เตนล์' แทนทันที
“นะ...นั่นมันเตนล์นี่!!”
“เขาเป็นอันธพาลนี่...ปีที่แล้วเขามีเรื่องออกบ่อย”
“ฉันเห็นเขาเดินเข้าออกห้องปกครองเป็นว่าเล่น!”
“จริงเหรอ!!! แล้วทำไมเขามาอยู่ห้อง A ได้ล่ะ”
“เขาฉลาดนะ ปีที่แล้วก็อยู่ห้อง A เหมือนกัน”
“ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย ถ้าเข้าไปคุยกับเขาฉันจะโดนหมัดนั่นต่อยหรือเปล่า”
“นั่นสิ เมื่อกี้ก็เอากระเป๋าไปกระแทกโต๊ะทั้งๆที่มีคนจองแล้ว เขาทำแทฮันหน้าซีดเลย”
“นิสัยแย่จริงๆ เขาคงไม่มีเพื่อนสิ….”
ปั้ง!
เสียงกระแทกดังขึ้นอีกครั้ง เตนล์กระแทกเท้าลงบนโต๊ะเรียนเสียงดังเป็นเชิงบอกให้คนพวกนั้นหยุดพูดสักที ซึ่งมันก็ได้ผล ทุกคนในห้องหยุดบทสนทนาทุกอย่างก่อนกลับเข้าที่ เป็นเวลาเดียวกับที่เสียงกริ่งเข้าเรียนดังขึ้น
โต๊ะเรียนข้างเขายังว่างเปล่า ไม่มีใครสักคนที่เข้ามานั่ง แม้ว่าจะมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้าห้องเรียนได้เฉียดฉิว แต่เมื่อเธอกวาดสายตามองแล้วพบว่าที่นั่งว่างๆที่ยังเหลืออยู่มีเพียงที่เดียวคือข้างๆเตนล์ เธอก็ยืนอ้ำอึ้งอยู่หน้าห้องโดยไม่ได้เดินเข้ามา
ครืด
คราวนี้เป็นเสียงเลื่อนเก้าอี้ของใครบางคน คนคนนั้นนั่งอยู่แถวหน้าของที่นั่งเตนล์ เขาเก็บกระเป๋าแล้วเดินออกมา ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตนล์ ยัยเด็กผู้หญิงน่ารำคาญเมื่อครู่มองมาที่บุคคลผู้เสียสละที่นั่งให้เธอด้วยสายตาขอบคุณ ก่อนจะรีบเดินเข้ามานั่งแทนที่
“เสียสละจังนะนายน่ะ ไม่ขยะแขยงฉันเหมือนคนอื่นหรือไง”
“…”
เพื่อนข้างโต๊ะคนใหม่ไม่ได้ตอบอะไร เขาก้มหน้าลงหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋าเพราะอาจารย์เดินเข้ามาในห้องเรียนแล้ว
“ชื่ออะไรล่ะ”
เตนล์พยายามชวนคุยต่อ เขาคิดว่าในเมื่อหมอนี่อุตส่าห์มานั่งข้างเขาโดยไม่ได้รังเกียจอะไรก็ควรที่จะผูกมิตรไว้ ...อย่างน้อยแค่รู้จักชื่อก็ยังดี
“มาร์ค”
“อ้อ ไอ้เด็กพาสชั้น”
เตนล์ว่าด้วยน้ำเสียงแกนๆ ซึ่งนั่นทำให้มาร์คหันมามองหน้าเขาด้วยแววตาเอาเรื่อง แต่นั่นก็แค่ชั่วครู่เดียว ก่อนที่เด็กใหม่จะปรับแววตาให้เป็นปกติแล้วมองไปทางด้านหน้าเพื่อดูกระดานแทน มือนั่นจดขยุกขยิกตามกระดาน ต่างจากเขาที่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะดื้อๆ
“อดนอนมาหรือไง”
มาร์คถามคนข้างๆในขณะที่ตาก็มองกระดานสลับกับก้มลงจดโน้ตลงในสมุดด้วย เขาได้ยินเสียงครางงือๆมาจากเตนล์ ...ทำเสียงอะไรของเขากันนะ ตลกชะมัด
“อือ ง่วงมากๆ”
“แล้วไม่จดหรือไง นายมาอยู่ห้อง A ได้ไงเนี่ย”
“ก็มีนายแล้ว...”
“...”
“โน้ตน่ะไว้ลอกจากนายก็ได้นี่ พ่อคนเก่ง”
เตนล์หันหน้ามายิ้มให้เด็กหนุ่มน้อยๆ ทั้งที่ศีรษะยังลู่ติดกับโต๊ะเรียนอยู่ มาร์คมองหน้าฝ่ายนั้นกลับด้วยแววตาที่เตนล์อ่านไม่ออก ก่อนที่มือของคนฉลาดจะเอื้อมมาบีบจมูกเตนล์เบาๆ
“ต้องมีค่าตอบแทนนะรู้หรือเปล่า”
“อะไรล่ะ?”
“โน้ต 1 คาบ แลก 1 จูบเป็นไง”
“หือ..?”
“ฉันจริงจังนะ”
“ไอ้เด็กแก่แดด”
มาร์คหัวเราะเบาๆ ตาโค้งนั่นแนบกันสนิทยามเมื่อเจ้าตัวหัวเราะ เตนล์มองตามพลางพิจารณาใบหน้านั้นไปพลาง หน้าตาก็ดีนะ ดูเป็นเด็กไร้เดียงสาออก ทำไมในหัวสมองถึงคิดเรื่องอย่างกอดๆจูบๆได้ แถมยังกับผู้ชายด้วยกันอีก
“แล้ว...ว่าไงล่ะ ตกลงไหม”
“อือ ก็ได้ ถ้านายกล้าจูบผู้ชายอ่ะนะ” พูดอย่างไม่ได้คิดอะไร ช่างเถอะกะอีแค่จูบแบบปากแตะๆกัน ถ้าแลกกับการไม่ต้องจดโน้ตในคาบเรียนอันน่าเบื่อ เขาก็คิดว่ามันคุ้มนะ.. ที่สำคัญเขาไม่คิดว่าเด็กนี่จะกล้าทำอย่างที่พูดหรอก
“อย่าคิดว่าฉันไม่กล้า”
“คิดไปแล้วล่ะ”
“เดี๋ยวก็รู้ครับ พี่เตนล์ J”
คาบเรียนภาคเช้าผ่านพ้นไปอย่างน่าเบื่อ เนื่องจากเปิดเทอมวันแรกอาจารย์จึงไม่ได้สอนอะไรมาก สมุดโน้ตถูกใช้ไปแค่สี่แผ่นเท่านั้น มาร์คกวาดของบนโต๊ะลงกระเป๋าแล้วหยิบกล่องข้าวออกมา เขาไม่ชอบไปกินข้าวที่โรงอาหารเท่าไหร่นัก มันน่าอึดอัดเพราะมักจะมีสายตาจากผู้คนคอยมองเขาเสมอ และเขาไม่ชอบการถูกตกเป็นเป้าสายตานักหรอก
“ทำไมไม่ไปกินที่โรงอาหารล่ะ”
“อึดอัด” คนถูกถามตอบพลางแกะฝากล่องข้าว หยิบช้อนและตะเกียบออกมา
“อ่อ งั้นไว้เจอกัน”
“นาย...ไปกินข้าวกับเพื่อนเหรอ”
“ไม่ ไม่มีใครกล้าคบกับคนที่ถูกโรงเรียนหมายหัวอย่างฉันหรอก”
“งั้นแสดงว่า?”
“อือ ฉันนั่งกินข้าวคนเดียว ชินแล้วล่ะ”
“...”
มาร์คไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ปิดฝากล่องข้าว เก็บช้อนและตะเกียบลงถุงแล้วหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง
“ไม่กินแล้วหรือไง?”
“ไปกินข้าวที่โรงอาหารกัน”
“หมายถึง...ฉันกับนาย??”
คนอายุน้อยกว่าพยักหน้าตอบ เขาเดินถือถุงกล่องข้าวนำออกไปนอกห้อง คนหน้าหวานหัวเราะเบาๆแต่ก็เดินตามไปโดยไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด
เป็นไปตามที่มาร์คคาดไว้
ผู้คนต่างมองมาที่เขาสองคนแล้วซุบซิบกันเสียงดัง มาร์คเกลียดบรรยากาศอึดอัดนี่ แต่เขาจะทำเป็นไม่สนใจก็แล้วกัน
“นายไม่อึดอัดหรือไง”
“ไม่เท่าไหร่”
“ขอคิดไปเองได้ไหมว่านายตั้งใจมากินเป็นเพื่อนฉันน่ะ”
“ก็ตั้งใจมาเป็นเพื่อนจริงๆนั่นแหละ” มาร์คตอบหน้าตาย แกะฝากล่องข้าวอีกครั้ง คนตรงข้ามกินข้าวแกงกะหรี่ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูที่เขาไม่ชอบนัก
“อ่ะ ให้”
เตนล์ตักชิ้นเนื้อในจานข้าวตัวเองให้คนที่อุตส่าห์มากินข้าวเป็นเพื่อน มาร์คชะงักเล็กน้อย มองหน้าเขาด้วยสายตาแปลกๆ
“ฉันไม่ค่อยชอบแกงกะหรี่”
“อ้าว”
“แต่จะลองกินดูก็ได้”
พูดจบแล้วก็ตักเนื้อชิ้นนั้นเข้าปาก เคี้ยวสองสามทีแล้วกลืนลงกระเพาะ กลิ่นเครื่องเทศยังฉุนติดจมูก เขารู้สึกพะอืดพะอมเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไรออกมาแล้วก้มหน้ากินอาหารของตัวเองต่อ
“ฮ่าๆ”
“หัวเราะอะไรน่ะ”
“สีหน้านายตอนกินน่ะโคตรฝืนสุดๆ แล้วจะกินทำไมวะ”
“…”
“ฉันไม่ได้บังคับให้นายกินสักหน่อยเด็กจดโน้ต”
คนที่ถูกเรียกว่า 'เด็กจดโน้ต' เงยหน้าขึ้น เขาเห็นรอยยิ้มกว้างสุดๆซึ่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เสแสร้งแกล้งยิ้มแต่อย่างใดกำลังยิ้มมาให้เขา อยู่ๆหัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาดื้อๆ
สองมือของคนหน้าหวานเอื้อมมาบิดแก้มเด็กตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยว เตนล์คิดว่าเด็กคนนี้น่ารักและน่าหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน พอบิดแก้มมาร์คเขาก็ได้ยินทั้งเสียงร้องโอดโอยของเจ้าตัวและเสียงซุบซิบดังขึ้นในเวลาเดียวกัน
“แก นั่นเขาสองคนเป็นอะไรกันน่ะ”
“ฉันก็เห็นพร้อมแก จะไปรู้ไหมล่ะ”
“ก็เข้ากันดีนะ อีกคนก็หยิ่ง อีกคนก็อันธพาล สรุปคือเพื่อนไม่คบทั้งคู่”
“อ้อ ก็เลยมาคบกันเองสินะ”
“ฮิฮิ มิน่าล่ะ”
เตนล์มองตาขวางไปทางต้นเสียงทั้งๆที่มือยังบิดแก้มขาวอยู่ ทำเอาคนพวกนั้นรีบเดินหนีไปทันที เขาถอนหายใจเอือมๆ แล้วปล่อยมือออกจากแก้มของอีกคน
“อย่าไปสนใจเลย ถ้านายจะมากินข้าวกับฉันแบบนี้อีกก็ไม่จบแค่นี้หรอก”
“ไม่ได้บอกสักคำว่าสน”
“หึ หน้านายมันฟ้อง”
“ฉันสนใจนายต่างหาก”
ไม่ทันได้พูดอะไร เตนล์ก็ถูกเด็กตรงหน้าเอาคืนโดยการเอื้อมสองมือมาบีบแก้มของเขาไปมาจนหน้ายู่ มาร์คลุกขึ้นจากที่นั่ง โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อจะได้แกล้งคนอายุมากกว่าได้ถนัด เขาก้มหัวลงเอาหน้าผากไปแนบกับหน้าผากของเตนล์ก่อนพูดเบาๆ
“ฉันสนใจแกล้งนายมากกว่าที่จะไปสนใจคนพวกนั้นอีก รู้ตัวไหม J”
ผ่านมาจนถึงวันเรียนวันสุดท้ายของสัปดาห์ เตนล์ลอกโน้ตของมาร์คตั้งแต่วันแรกยันวิชาสุดท้ายของวันนี้ และเขาก็ไม่ได้ถูกจูบอย่างที่อีกคนขอแต่อย่างใด
หึ….ก็กะไว้แล้วแหละ
เตนล์วางปากกาลงหลังลอกโน้ตวิชาสุดท้ายเสร็จ เขาปิดสมุดช็อตโน้ตเล่มสีเหลืองแล้วส่งคืนให้มาร์ค ตอนนี้ผ่านเวลาเลิกเรียนมาเกือบชั่วโมงแล้ว ดังนั้นในห้องตอนนี้จึงเหลือแค่เขากับมาร์คเพียงสองคนเท่านั้น
“เอ้านี่ ขอบใจนะ”
“อืม” มาร์ครับสมุดไปแล้วเก็บใส่กระเป๋า
“งั้นกลับกันเถอะ”
“เดี๋ยว”
“หือ มีอะไร”
“ฉันไม่คิดว่านายจะลืมค่าตอบแทนที่ฉันบอกไปเมื่อต้นสัปดาห์หรอกนะ”
“?”
“ฉันยังไม่ได้จูบนายเลยสักครั้ง”
“หมายความว่าไง?”
“ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเรามีวิชาเรียนวันละ 7 คาบ รวมห้าวันก็ 35 คาบ นายลอกโน้ตฉันไป 31 คาบ ดังนั้นนายต้องให้ฉันจูบ 31 ครั้ง”
“นายมารวบยอดตอนท้ายสัปดาห์งี้เนี่ยนะ!?”
“อืม”
“เฮ้ย ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง”
“ก็ไม่ถามเอง”
เด็กแก่แดดพูดหน้าตายพลางย่างสามขุมเข้ามาใกล้ สีหน้านั่นไม่ได้บอกเลยสักนิดว่าล้อเล่น เตนล์เหงื่อตก นั่นมันใช้จำนวนน้อยๆที่ไหนกัน ถึงจะแค่ปากแตะเฉยๆเขาก็คิดว่าปากตัวเองต้องชาแน่ๆ กว่าจะครบสามสิบเอ็ดครั้งตามที่เด็กนั่นบอก
“ไม่จูบได้ไหม เดี๋ยวพาไปเลี้ยงขนม”
“ไม่”
“ชาบูก็ได้”
“ไม่ต้องการ”
“ถ้างั้น...อื้อ!”
พูดไม่ทันจบประโยคริมฝีปากของคนหน้าหวานก็ถูกทาบทับด้วยอวัยวะเดียวกันของเด็กจดโน้ต มาร์คกดมันค้างไว้สามวินาทีแล้วผละออก
“ครั้งที่หนึ่ง”
“…” คนถูกจูบยังพูดอะไรไม่ออก ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกริมฝีปากเดิมกดลงมาอีกครั้ง
“...สอง”
เสียงริมฝีปากกระทบกันยังดังออกมาเป็นระยะ คนจูบนับเลขไปเรื่อยๆ จูบของพวกเขาเป็นเพียงแค่การเอาปากแตะกันเท่านั้น จะมีบ้างที่มาร์คเผลอใจแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากบางสีสดของอีกคน เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นโครมคราม แต่แยกไม่ออกว่าเป็นของตัวเองหรือของอีกคนกันแน่ แต่ถ้าให้เดาก็คงเป็นของพวกเขาทั้งสองนั่นแหละ
“แฮ่ก….”
คนถูกจูบหอบหายใจน้อยๆ มีหลายครั้งที่เขาหายใจไม่ทัน หน้าของเขาขึ้นสีตั้งแต่ถูกจูบครั้งแรก ไม่รู้ว่าตอนนี้ระหว่างเลือดในร่างกายกับใบหน้าของเขาอะไรที่แดงกว่ากัน
“ยี่สิบห้า”
ผ่านมาสิบกว่านาที มาร์คนับจำนวนจูบได้ยี่สิบห้าครั้งแล้ว ตอนนี้มือของเขาเลื่อนมาประคองใบหน้าของอีกคนที่ทำท่าทางเหมือนเพิ่งวิ่งรอบสนามมาสักสิบรอบ แต่มันกลับน่ารักอย่างแปลกประหลาด คนถูกจูบทำหน้ามุ่ยน้อยๆ เหมือนลูกหมากำลังโตที่โดนแย่งของเล่น มาร์คหัวเราะเบาๆ กับท่าทีนั้น เขาแนบหน้าผากลงไปชิดกับหน้าผากใสของเตนล์
“เอาแค่นี้ได้ไหม”
“ไม่เอา”
“…”
“ที่เหลือ...”
“…”
“ขอเป็นดีพคิสนะครับ พี่เตนล์”
ไม่ปล่อยให้คนหน้าหวานตอบ มาร์คโน้มตัวลงไปประทับริมฝีปากกับอีกฝ่ายทันที บดขยี้อย่างไม่รีบร้อน แลบลิ้นชื้นออกมาเลียริมฝีปากคนตรงหน้าแล้วใช้ฟันขบเบาๆที่ริมฝีปากล่างของเตนล์ คนถูกกัดเผยอปากออก ไม่รอช้ามาร์คแทรกลิ้นเข้าไปในปากร้อนๆนั่นทันที เขากวาดทั่วๆในขณะที่เตนล์เป็นฝ่ายทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ๆก็ถูกจู่โจม ดวงตาฉ่ำนั้นเบิกกว้างก่อนจะหลับตาลงแล้วโอนอ่อนไปกับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ จูบตอบไปทั้งๆที่ยังไม่ประสา
...ไม่อยากจะเชื่อ เขาโดนเด็กเรียนเล่นเข้าซะแล้ว
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่แขนของเตนล์ถูกพาดไว้รอบคอของมาร์ค ในขณะที่เด็กนั่นใช้สองมือจับใบหน้าของเขาแล้วขยับเพื่อจะได้ป้อนจูบได้ถนัด น้ำใสๆซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใครกันแน่ไหลเปื้อนที่มุมปาก เขากำลังมีดีพคิสครั้งแรก….กับผู้ชายด้วยกัน
“ฮะ อื้อ พะ...พอก่อน แฮ่ก”
เตนล์ร้องประท้วงในลำคอก่อนที่มาร์คจะผละริมฝีปากออกมา เสียงหอบของทั้งสองคนประสานดังก้องไปทั่วห้อง แสงแดดยามเย็นกระทบใบหน้าพวกเขา มาร์คเลื่อนมือลงมาจับที่เอวของคนน่ารัก เลื่อนใบหน้าไปใกล้ใบหูของเตนล์แล้วกระซิบถามเสียงแผ่ว
“นายน่ะ เป็นอันธพาลจริงหรือเปล่า ที่ว่ามีเรื่องชกต่อยไปทั่วนี่ จริงเหรอ”
“ถะ..ถามทำไม”
“ก็พอถูกจูบกลับเชื่องเป็นลูกหมาเลย ฉันนึกหน้าตอนนายต่อยคนอื่นไม่ออก”
“ย่า เงียบไปเลยนะ!”
“ตัวก็บางอย่างนี้ ไม่เห็นเหมาะกับเรื่องพรรค์นั้นเลยสักนิด ฮะๆ”
ว่าแล้วก็บีบเอวร่างเล็กเล่นจนเตนล์สะดุ้งโหยง คนแกล้งหัวเราะจนตาหยี ปล่อยให้อีกคนที่ทำอะไรไม่ถูกหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศสุกอยู่อย่างนั้น มาร์คก้มหน้าไปจูบเร็วๆที่ริมฝีบางสีสดจนครบจำนวนโดยไม่มีการรุกล้ำอีก เขาผละหน้าออกมาแล้วปล่อยมือจากเอวอีกฝ่าย ฝ่ามือขาวเอื้อมไปยีหัวคนโตกว่าด้วยความหมั่นเขี้ยว
“นายกำลังทำฉันจะเป็นบ้าตาย” เตนล์พึมพำ ก้มหน้าลงงุดๆ
“ก็ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นแหละ”
“เด็กแก่แดด ร้ายกาจ”
“แล้วยังจะยืมโน้ตฉันอยู่หรือเปล่า”
“…”
“ว่ายังไง?”
“..ยืม”
“ติดใจจูบผมล่ะสิ พี่เตนล์ J”
“ไม่ใช่โว้ย ฉันอยากหลับต่างหาก!” คนร้อนตัวตวาดแหวแล้วรีบก้มลงเก็บกระเป๋า ก้าวเร็วๆเพื่อเดินออกนอกห้องเรียนทันที
“สัปดาห์หน้าเจอกันนะ”
เตนล์ที่ได้ยินไม่ได้ตอบอะไร ไม่แม้กระทั่งหันกลับมามองอีกฝ่าย เขาเพียงพยักหน้าหงึกๆแล้วรีบเดินลงจากตึกทันที
คืนนี้มาร์คนอนไม่หลับ….
เขาพลิกตัวไปมาบนเตียงนอน หัวสมองคิดถึงแต่ริมฝีปากแดงๆที่บวมเจ่อด้วยฝีมือของเขา รสชาติมันหอมหวาน สัมผัสก็นุ่มนิ่ม เตนล์ทำเขาแทบบ้าตาย นาฬิกาบอกเวลาตีสองแล้ว แต่เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดเขาจึงไม่ได้กังวลมากนัก กลับกันเขาแทบรอให้ถึงวันที่มีเรียนไม่ไหว
จะไม่ปฏิเสธก็แล้วกันว่าอยากเจอเตนล์มากขนาดไหน
พระเจ้า! ขอให้พอผมหลับตาลงแล้วลืมตาอีกทีก็ต้องไปโรงเรียนเลยได้ไหมนะ!
วันนี้เตนล์มาโรงเรียนตั้งแต่เช้า เขาไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่นักว่าจะรีบตื่นทำไม เพราะปกติก็มาเฉียดๆเวลาเข้าเรียนตลอด แต่วันนี้กลับแปลกไป…
เพราะในใจมันดันหวังว่าจะเจอคนที่เขาเอาแต่คิดถึงตลอดวันหยุดนั่งรออยู่ในห้องเรียนแล้ว
บ้าเหรอ! เพิ่งเจ็ดโมงเช้า ใครมันจะมาโรงเรียนตอนนี้วะ เข้าไปคงเจอแต่ยามกับสุนัขของยามเท่านั้นแหละมั้ง
“เหม่ออะไร คิดถึงฉันอยู่หรือไง”
คิดอะไรเพลินๆได้ครู่เดียวก็ต้องสะดุ้งจากภวังค์เพราะเสียงคุ้นหู เตนล์หันไปมองคนทักด้วยสีหน้าตื่นๆ
แม่ง! ตายยาก! พอคิดถึงก็โผล่หน้ามาให้เห็นเลย
“หลงตัวเองว่ะ”
“แล้วทำไมมาโรงเรียนเร็วนัก”
“เรื่องของฉันเถอะ ว่าแต่นายเหอะ มาเวลานี้ตลอดเลยหรือไง”
“จริงๆมาสายกว่านี้”
“…”
“แต่วันนี้คิดถึงนาย ก็เลยอยากมาเจอหน้าเร็วๆ”
“!!!”
เตนล์หน้าขึ้นสีทันที ทำไมเจ้าเด็กนั่นถึงกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมาหน้าด้านๆวะ ขออายแทนมาร์ค ลี ได้ไหมเนี่ย
ยังไม่ทันต่อบทสนทนาต่อก็มีกลุ่มเด็กผู้ชายเกรด 11 สามคนก้าวเข้ามาทางพวกเขา พวกนั้นมองไปทางเตนล์อย่างเอาเรื่อง ถ้ามาร์คจำไม่ผิดล่ะก็คงเป็นเด็กห้อง D และคงเป็นพวกที่เตนล์มีเรื่องด้วยแน่ๆ
“ลมอะไรหอบให้มึงมาโรงเรียนเช้าวะเนี่ย”
“เรื่องของกู”
“เหอะ ทำเป็นปากดี อย่าคิดว่าพวกกูไม่รู้ที่มึงหลบพวกกูตลอดหลายวันเนี่ย อยู่ๆก็เกิดปอดแหกขึ้นมาหรือไง”
“…”
มาร์คแปลกใจนิดหน่อยที่เตนล์เดินหนี ไม่ได้ต่อปากต่อคำด้วย ไม่สมกับฉายาอันธพาลที่คนอื่นเรียกหนุ่มหน้าหวานตรงหน้าเลยสักนิด แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรแล้วเดินตามเตนล์ไป
“อย่าเพิ่งหนีดิวะ!” หนึ่งในคนกลุ่มนั้นตะโกนแล้ววิ่งมาจับข้อมือของเตนล์ เด็กหนุ่มพยายามสะบัดแขนออกแต่ไม่เป็นผล มาร์คเห็นท่าไม่ค่อยดีจึงรีบเดินเข้าไปหมายจะช่วย แต่ยังไม่ทันที่จะทำอะไรก็ได้ยินเสียง 'ปั้ก' ดังขึ้น
ภาพที่เห็นคือเตนล์ยกขาของตัวเองถีบเข้าที่หน้าท้องอีกฝ่ายที่เข้ามาวอแวอย่างจัง โดนเต็มๆจนผู้เห็นเหตุการณ์อย่างมาร์ครู้สึกเจ็บแทน
“นี่ มัวยืนอึ้งอะไรอยู่ รีบวิ่งเร็วเข้า!”
เตนล์พูดเสียงตื่นๆ ก่อนรีบคว้าข้อมือคนอายุน้อยกว่าวิ่งไปทางหลังโรงเรียน
“หนีทำไม?” มาร์คอดถามไม่ได้ จากที่ดูแล้วเขาว่าเตนล์สามารถสู้กับพวกที่เหลือได้สบายๆ
“ไม่อยากเข้าห้องปกครองแล้ว”
“อ้อ”
“แล้วก็ไม่อยากให้นายโดนลูกหลงด้วย”
“หึ”
“หัวเราะอะไรของนาย”
“ฉันเทควันโดสายดำนะ...แค่นั้นน่ะสบายๆ”
“เหอะ ปากดี”
พวกเขาหยุดวิ่งแล้ว หอบน้อยๆก่อนมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฉันนึกว่านายจะเป็นอันธพาลอย่างที่เขาพูดกัน”
“ฉันก็นึกว่านายจะหยิ่งแบบที่คนในห้องพูดเหมือนกัน”
“คนพวกนั้นคิดเองเออเองกันทั้งนั้น”
มาร์คหันไปมองหน้าอีกคนที่อยู่ข้างๆ เตนล์ยังไม่หยุดหอบเลย ใบหน้าขาวก็มีริ้วแดงขึ้นจางๆ เหงื่อออกตามขมับและซอกคอขาวเล็กน้อย
คนอายุน้อยกว่ายกสองมือขึ้นจับไหล่ของอีกคน ก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าไปใกล้ๆแล้วแลบลิ้นออกมาเลียคอขาวชื้นเหงื่อนั่น
“เฮ้ย ทะ...ทำอะไรของนายวะ!”
คนถูกถามผละออกมาแล้วยิ้มน้อยๆก่อนตอบไปด้วยท่าทีสบายๆ
“ก็แค่เช็ดเหงื่อให้ แค่นั้นแหละ J”
เวลาล่วงเลยมาจนถึงต้นเดือนใหม่ โรงเรียนเปิดเทอมได้หนึ่งเดือนแล้ว เตนล์ยังคงหลับในคาบ ลอกโน้ตของคนข้างๆ และยอมให้มาร์คจูบทุกๆสัปดาห์
ความสัมพันธ์รูปแบบแปลกประหลาดนี่ยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ และไม่มีใครคิดจะหยุดมันลง….
“นี่เตนล์”
“หือ?” เขาแปลกใจนิดหน่อยที่วันนี้มาร์คเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน แถมยังชวนมาคุยบนดาดฟ้าโรงเรียนอีก
“ฉันคิดว่าฉัน...ชอบนาย”
“…”
“เราลองมา..คบกันดูไหม”
“ประสาทกลับหรือเปล่า”
“ฉันจริงจังนะ ฉันอยากเป็นมากกว่าเพื่อน..” ว่าพลางหันมามองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเครียดๆ
“เวลาสารภาพรักนี่เขาทำหน้าเครียดใส่กันงั้นเหรอ ฮ่าๆ”
“อย่าทำเป็นเล่นดิ”
“ไม่รู้สิ ที่พวกเราทำกันตอนนี้ก็มากกว่าเพื่อนแล้วนะ” เพื่อนที่ไหนเขาจูบกัน ไซร้คอกันวะ
“แต่ฉันอยากคบกับนาย”
“…”
“จะได้ไม่ต้องมีใครมาวอแวกับนาย”
“…”
“ฉันหวง”
ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าอากาศรอบตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆ มาร์คพูดด้วยหน้านิ่งๆขนาดนั้นได้ยังไงกัน! เตนล์ไม่ได้ตอบอะไรก่อนที่คนข้างๆจะชิงพูดขึ้นอีก
“ยังไม่ต้องให้คำตอบก็ได้”
“…”
“แต่หวังว่าจะได้รับคำตอบว่าตกลงนะ”
“ตกลง”
“หืม?”
“ก็บอกว่าตกลงไงเล่า!”
หลังจบประโยค เด็กแก่แดดก็เข้ามาจูบเขาทันที กดริมฝีปากลงหนักๆ ไล้ลิ้นชื้นไปตามเรียวปากแดงๆน่าขยี้ แล้วผละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง
“รู้อยู่แล้วว่าต้องตอบตกลง เด็กดี”
“นายอายุน้อยกว่าฉันนะ อย่าลืม!”
“แต่การกระทำนายเด็กกว่าฉันเยอะ เจอกันสัปดาห์แรกยังจูบไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ”
“ยะ..หยุดพูดไปเลยไอ้เด็กแก่แดด!”
“เด็กเดิกที่ไหนกัน นี่แฟนนะครับ”
เตนล์ไม่พูดอะไรอีก เขาหันหลังให้มาร์คและค่อยๆเดินไปทางบันไดเพื่อลงจากดาดฟ้า มาร์คเดินตามไปและกอดคอของคนน่ารักจากด้านหลัง ฝังจมูกลงที่ซอกคอคนตรงหน้าแล้วไล้ไปมาเบาๆ
“ฉันคงเป็นแฟนที่ดีไม่ได้หรอกนะ..เพราะไม่เคยมีแฟนเลยซักคน”
เตนล์ว่า ไม่อยากจะพูดเลยว่าเขาไม่เคยมีแฟน แม่งน่าขายหน้ามาก น่าอายยิ่งกว่าต่อยกับใครแพ้ซะอีก…
“ก็ดีแล้ว”
“…”
“ฉันน่ะอยากเป็นคนแรกของนาย ในทุกๆเรื่อง”
“ทะลึ่งโว้ย!”
“ไม่ได้บอกว่ามีเรื่องพรรค์นั้นสักหน่อยน้า คิดเองเออเองเก่งจริงๆ”
“หึ...”
“นายน่ะ ไม่ต้องกังวลหรอกว่าจะเป็นแฟนที่ดีไม่ได้”
มาร์คพูด แล้วละมือจากคอของเตนล์ เลื่อนไปกอดอีกฝ่ายแน่นๆที่เอวจากทางด้านหลังแทน เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามเย็น
“แค่ไม่มองคนอื่น ไม่นอกใจ….”
“…”
“แล้วก็อยู่นิ่งๆให้ฉันจูบทุกวัน แค่นี้ก็พอ J”
FIN.
จบเถ้อะ..ยิ่งเขียนยิ่งออกทะเล 555555555555555
แหม่ น้องมาร์คคึมันร้ายนะคะหัวหน้า
จริงๆเตนล์ไม่ได้เป็นอันธพาลนะ เขาแค่ก้าวร้าวไปหน่อย เลยไม่มีเพื่อนเท่านั้นเอง .__.
แล้วพอนางก้าวร้าวเลยมีคนไม่ชอบหน้า แล้วเข้ามาหาเรื่อง นางก็ต้องสู้ไง เออ ก็เลยโดนลากเข้าห้องปกครอง 5555
น้องมาร์คไม่ใสนะ อายุสิบห้าสิบหกแล้วเรื่องพวกนี้ก็ต้องรู้บ้างแหละ ทำเอาคนพี่ไปไม่เป็นเลย
คึคึคึคึ >_<
เรื่องที่สองแล้วนะ แต่งตั้งแต่เช้าละเพิ่งเสร็จตอนหกโมงกว่า อมก นานเฟร่ออ่ะ
ใครชอบก็เม้นๆหน่อย แอดเฟบด้วย เล่นแท็กในทวิตก็ติด #ชอร์ทฟิคมต นะขรั่บ
แจกันเรื่องหน้า
-เนเน่เอง-
EDIT 10/5/2016 เปลี่ยนฟ้อนต์และตรวจคำผิด PS ให้ตัวเอง เนไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นคนหื่น....
ความคิดเห็น