ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~๐Oo>>The Moonlight Worriors<

    ลำดับตอนที่ #5 : ~๐Oo>>บทเรียนจากทูตแห่งความตาย

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 49


              สายตาทั้งหกคู่จับจ้องที่บันไดขั้นบนสุด  รอคอยการมาเยือนของแขกยามวิกาลที่ไม่ได้รับเชิญ  เพียงผ่านลงมาแม้แค่ชายกางเกงพวกเขาก็จะเข้าไปต้อนรับให้ถึงตัวเลยทีเดียว  



              ขณะนี้ทั้งข้างล่างและข้างบนต่างเงียบกริบ  ความเงียบสงบที่น่าจะเกิดขึ้นกลับถูกแทนที่ด้วยความอึดอัดตึงเครียด  รังสีเข่นฆ่าพลุ่งพล่านคละคลุ้งอยู่ทั่วทุกหนแห่ง  แลนซ์ส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ บ่งบอกถึงการเตรียมพร้อมที่จะลุยทุกเมื่อทันทีที่เจ้านายมันสั่ง  ส่วนคีซนั้นดูเหมือนจะอดใจรอไม่ไหว  มันหรี่ตาทั้งสองลงก่อนที่จะย่อตัวลงเล็กน้อย  แล้วมันก็ค่อย ๆ สืบเท้าทั้งสี่เข้าไปใกล้กับบันไดขั้นสุดท้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ



              "มาเยี่ยมกันทั้งทีไม่คิดจะลงมาทักทายกันมั่งเลยหรอ ... ชั้นรอนานแล้วนะ"



              ไคน่าพูดอย่างเคร่งขรึมด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบที่แฝงไว้ด้วยความเอาจริงเอาจัง  เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน  มันทำให้คีซต้องชะงักและย่อตัวลงอีกจนติดพื้น



              "และชั้นก็ไม่ใช่คนที่อดทนเก่งซะด้วย"



              ไคน่าเริ่มตะเบ็งเสียง  จนทำให้จีจี้มีอาการสะดุ้งเล็กน้อย  ในขณะที่คีซเหมือนจะส่งเสียงแหลมเล็กขู่ผู้มาเยือนที่อยู่ด้านบนตามอย่างเจ้านายของมัน



              "คีซ ...... ลุยขึ้นไปเลย!!!"



              ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงตะโกนของไคน่า  คีซที่เหมือนจะรู้ใจเจ้านายของมันก็กระโจนอย่างคล่องแคล่วขึ้นไปตามขั้นบันไดที่ทอดลงมา  ตามด้วยไคน่าที่วิ่งตามมันขึ้นไปติดติด



              "ไคน่า!!!"  ลีโอดีนร้องตามไคน่า  



              เขาดูตกใจกับการตัดสินใจอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังของเธอ  แล้วก็หันมามองที่ครีแกน



              "คุณรอที่นี่นะครับ  ระวังตัวเองด้วยละกัน"



              เขาหันมาพูดรัวจนครีแกนไม่สามารถพูดแทรกอะไรได้  จากนั้นลีโอดีนกับแลนซ์ก็พุ่งผ่านขั้นบันไดตามไคน่าขึ้นไป  ทิ้งให้ครีแกนกับจีจี้อยู่ในห้องข้างล่างตามลำพัง





              ทันทีที่ไคน่าขึ้นมาถึงห้องเก็บของด้านบน  เธอก็ต้องตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้า  หมาไฮยีน่าตัวผอมกะหร่องกำลังแยกเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่คีซที่กำลังยืนตั้งท่าเตรียมกระโจนใส่ผู้บุกรุกตรงหน้า  



              มันดูเหมือนหมาบ้าที่อดโซไม่มีอาหารตกถึงท้องมานานแสนนาน  น้ำลายที่ฟูมปากไหลย้อยลงเต็มพื้นห้อง  ลิ้นยาวสีแดงสดเหมือนสีลูกตาทั้งสองของมันห้อยลงมาจากปาก  แววตาที่ดูกระหายเลือดจ้องไปยังคีซไม่กะพริบ  แม้มันจะผอมจนเหลือแต่กระดูกดูไร้เรี่ยวแรง  แต่จากสายตาของไคน่าแล้วเธอก็ยังไม่กล้าสั่งอย่างเต็มปากให้คีซเข้าไปจัดการมัน  



              ทันใดนั้นเองไฮยีน่าตัวนั้นก็เหมือนจะถอยหลังไปเล็กน้อย  มันคงเกรงกลัวในพละกำลังของสิงโตหนุ่มตัวใหญ่ที่ขึ้นมายืนผงาดอยู่ข้างหลังไคน่า  ตามมาด้วยชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายสิงโตตัวนั้น  เขาขึ้นมายืนอยู่ข้าง ๆ ไคน่าแล้ว  



              ไฮยีน่าตัวนั้นค่อย ๆ ถอยไปทางมุมห้อง  ซึ่งในขณะนี้ไคน่าเพิ่งสังเกตเห็นได้ว่ามีหญิงสาวร่างเล็กขึ้นไปนั่งอยู่บนกองกระสอบเมล็ดกาแฟ  เธอคนนั้นซ่อนใบหน้าอยู่ในความมืด  แต่เมื่อดูจากรูปร่างอันบอบบางและไฮยีน่าสาวตัวนั้น  ไคน่าและลีโอดีนก็พอจะเดาได้ว่าเธอคนนี้คือใคร



              "เนห์รีน" ลีโอดีนส่งเสียงขึ้นมาลอย ๆ



              หญิงสาวคนนั้นดูเหมือนจะยักไหล่รับคำของเขาเล็กน้อย  ก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะในลำคอขึ้นมาเบา ๆ



              ไคน่าจ้องมองไปทางหญิงสาวที่ลีโอดีนเรียกว่า เนห์รีน  แววตาของเธอในขณะนี้แสดงออกมาชัดเจนว่าไม่พอใจหญิงสาวที่อยู่ในมุมมืดของห้องเป็นอันมาก



              "บอกว่าจะขึ้นมาทักทายกันไม่ใช่หรอไคน่า  ชั้นเห็นเธอเอาแต่ยืนนิ่งตั้งแต่ขึ้นมาแล้ว  ไม่คิดจะพูดอะไรกับเพื่อนเก่าซักหน่อยรึไงจ๊ะ"



              เนห์รีนทำเสียงยั่วยุอารมณ์ของไคน่าให้พลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น  ตอนนี้เธอยืนกำมือจนแน่นเม้มริมฝีปากจนสั่น  มันทำให้คนในความมืดแสดงอาการที่ดูเหมือนจะพอใจขึ้นมาอย่างมาก



              "คนอย่างเธอเรอะ  คำว่าคนรู้จักชั้นยังไม่อยากจะใช้กับเธอเลย" ไคน่ากัดฟันพูดออกไป  



              เธอทำท่าเหมือนจะขยับเข้าไปหาเรื่องเนห์รีน  แต่ลีโอดีนคว้าข้อมือเธอเอาไว้เป็นเชิงปรามไม่ให้ใจร้อนไปมากกว่านี้



              "เธอมาที่นี่ทำไม" ไคน่าถามด้วยเสียงห้วน ๆ  



              ผู้ถูกถามหัวเราะในลำคอขึ้นมาอีกครั้ง  เสียงหัวเราะในครั้งนี้ดูเยือกเย็นน่ากลัว  แต่มันกลับทำให้ไคน่าดูเหมือนจะหัวเสียยิ่งขึ้น  



              คีซส่งเสียงแหลม ๆ ขึ้นมาเหมือนจะบอกกับไคน่าว่ามันพร้อมจะลุยแล้ว  ในขณะที่ไฮยีน่าตัวนั้นก็ส่งเสียงคำรามแหบพร่าตอบกลับมา  ราวกับว่ามันก็พร้อมจะขย้ำคีซเหมือนกัน



              "ชั้นจะพูดว่ายังไงดีน๊า ..." เนห์รีนยังคงยั่วประสาทไคน่าต่อไปอีก  



              เธอส่ายหัวช้า ๆ เหมือนกำลังเรียบเรียงคำตอบ  ก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ



              "ตามความคิดของชั้น  ไฮยีน่าก็เหมือนกับ ทูตแห่งความตาย" น้ำเสียงแสนอำมหิตถูกเปล่งออกมาจากปากของหญิงสาวร่างบอบบาง



              "แล้วชั้นจะต้องบอกมั๊ยว่า  ตอนนี้ดูเหมือนว่า ยาฮาร์ล จะกระหายความตายมากซะด้วย  โดยเฉพาะความตายของพวกศัตรูแห่งนายท่านนาบิซิส"



              ทันทีที่เนห์รีนพูดจบ  เจ้ายาฮาร์ลก็แสยะแยกเขี้ยวขึ้นมา  ทำเอาน้ำลายกองใหญ่ของมันหกรดลงพื้น



              หลังจากที่ลีโอดีนเงียบฟังอยู่นานก็เหมือนจะโดนปะทุไฟโกรธขึ้นมาอีกคนแล้ว  เค้าเริ่มกำมือจนแน่นและขยับตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้  ส่วนไคน่าหลังจากที่สบถออกไปอย่างจงใจให้ฝ่ายตรงข้ามได้ยินแล้ว  เธอก็ตั้งท่าพร้อมที่จะลงมือเช่นกัน  



              สายตาของทั้งคู่จับจ้องไปยังเนห์รีนอย่างเคียดแค้น  เพียงแค่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของเนห์รีน  ไคน่าและลีโอดีนก็จะถือเป็นสัญญาณในการเริ่มต้นลงมือทันที



              "หึ หึ   แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะลีโอดีน  ไคน่า  ชั้นแค่มาเตือนพวกเธอเฉย ๆ  ฝากไปบอกตาแก่โดมินิกด้วยนะ  ว่าอย่าขวางทางพวกเราซะให้ยากเลย  ครั้งนี้นายท่านสั่งสมอำนาจมากกว่าเมื่อหลายพันปีนับร้อยนับพันเท่า  อย่าทำตัวเป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟบรรลัยกันตร์เลย  รึท่าตาแก่นั่นยังเรียกร้องความตายอยู่อีก  ก็อย่าพยายามไปลากคนอื่นเข้ามายุ่งด้วยละกัน  เอาชีวิตไปทิ้งกันซะเปล่า ๆ  น่าเสียดายนะ"



              คนพูดยังทำน้ำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาว  ส่วนทางด้านคนฟังทั้งสองแทบจะระเบิดอารมณ์โกรธทั้งหมดออกมาในวินาทีนั้นเลยทีเดียว



              "เอาล่ะ  ชั้นมาบอกแค่นี้แหละ"



              เนห์รีนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เธอทำท่าเหมือนกำลังจะลุกจากไป  ก่อนที่จะมีเสียงขัดมาจากลีโอดีน



              "เธอนึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไปแบบนี้น่ะหรอ  มันง่ายไปหน่อยมั๊ง" ลีโอดีนพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าตอนนี้เค้าแทบจะคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่แล้ว



              "ชั้นคิดไว้แล้วว่าพวกเธอต้องไม่ยอมเข้าใจอะไรง่าย ๆ แน่  คงต้องเพิ่มบทเรียนให้เข้าใจกันมากขึ้นสินะเนี่ย"



              "อวดดีเหมือนเดิมนะเนห์รีน  แต่คิดหรอว่าเธอคนเดียวจะสู้อะไรพวกเราได้" ไคน่าเริ่มมีน้ำเสียงเอาจิงเอาจัง  



              เธอเริ่มก้าวเท้าเข้าไปใกล้เนห์รีนและยาฮาร์ลมากขึ้นพร้อม ๆ กับลีโอดีน  คีซกับแลนซ์ที่นำหน้าทั้งสองกำลังส่งเสียงคำรามในลำคอขู่ยาฮาร์ล  แต่มันก็ไม่ขยับหนีแม้แต่น้อย



              เนห์รีนยิ้มมุมปากเล็กน้อย  เธอส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ



              "เฮ่อ  แต่เท่าที่ชั้นจำได้  ชั้นไม่ได้บอกซักหน่อยว่าชั้นมาคนเดียว"



              คำพูดของเนห์รีนทำให้ทั้งสองชะงักไปเล็กน้อย  แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงที่ดึงความสนใจของทั้งสองไปจากเนห์รีนได้อย่างสิ้นเชิง



              อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!!!!



              "ครีแกน!!!"



              ทั้งสองหันไปมองหน้ากันอย่างตกใจก่อนที่จะรีบหันลงไปทางห้องลับด้านล่าง  ลีโอดีนกับแลนซ์รีบวิ่งลงบันไดไป  ส่วนไคน่าที่ตอนนี้ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่แล้ว  กำลังหันหลังกลับไปเอาเรื่องกับเนห์รีน



              "เธอทำอะ... อั่กก"



              ทันทีที่ไคน่าหันกลับไปโดยที่เธอยังไม่ทันจะตั้งท่ารับมือกับการต่อสู้  เธอก็รู้สึกเหมือนกับมีบางสิ่งบางอย่างที่หนักราวกับค้อนเหล็กฟาดเข้าที่ต้นคอ  



              หญิงสาวผมสีบลอนด์ซีด ๆ ตัดสั้นคล้ายผู้ชายชะโงกหน้าไปเพ่งมองไคน่าอยู่เหนือตัวของเธอ  เธอคนนั้นอยู่ในชุดเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นสีดำสนิท  ดวงตาสีเขียวอ่อนคู่ที่วางอยู่บนใบหน้าอันซูบซีดที่มีเค้าโครงละม้ายคล้ายไคน่ายิ่งนักกำลังจ้องมองเธออย่างผู้ชนะ  เนห์รีนขยับมุมปากยิ้มอย่างมีชัย  ในขณะที่เปลือกตาของไคน่าค่อยๆปิดลงจนมิดในที่สุด



              ส่วนยาฮาร์ลก็กำลังยืนคร่อมอยู่บนร่างไร้สติของคีซ  มันค่อย ๆ แยกเขี้ยวและก้มหน้าเข้าไปใกล้กับคีซ  สูดดมไปทั่วร่างนางแมวป่า  ท่าทางของมันราวกับคนที่กำลังดีใจเมื่อได้เห็นอาหารมื้อโอชะ  บนตัวของคีซเต็มไปด้วยน้ำลายของไฮยีน่าสาว  ยาฮาร์ลเงื้อกรงเล็บอันคมกริบของมัน  หมายจะเผด็จศึกเข้าที่คอของคีซ  แต่แล้วเนห์รีนก็ส่งเสียงห้ามมันไว้



              "อย่าเพิ่งทำอะไรพวกมันสิยาฮาร์ล  หน้าที่ของเราแค่มาทำความเข้าใจกับพวกมันเท่านั้น  มันยังมีประโยชน์ต่อนายท่านอีกมากนัก  แกอย่าทำตัวงี่เง่าสิ"



              คำพูดของเนห์รีนดูเหมือนจะขัดใจไฮยีน่าตัวโปรดของเธอไม่น้อย  แต่มันก็ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจและเดินกลับไปยืนข้าง ๆ เนห์รีน



              ทางด้านของลีโอดีน  ทันทีที่เขาเดินลงไปยังห้องด้านล่าง  ภาพที่เขาเห็นคือจีจี้  ที่กำลังห้อยต่องแต่งจมกองเขี้ยวอยู่ในปากของเสือดำตัวมหึมา  ที่พื้นด้านข้างครีแกนกำลังนอนจมกองเลือด  เขาหายใจถี่มากจนทำให้เลือดค่อย ๆ ไหลออกจากตัวเขาไม่ยอมหยุด  



              แลนซ์กระโจนเข้าใส่เสือดำตัวนั้น  แต่มันก็กระโดดหลบได้อย่างว่องไว  ในขณะนั้นเองลีโอดีนสังเกตเห็นว่าครีแกนพยายามจะบอกอะไรบางอย่างให้เขารับรู้  เขาทำท่าทางเหมือนจะชี้ไปทางด้านหลังของบันได  



              อ๊อกกก!!!



              ยังไม่ทันที่ลีโอดีนจะได้ขยับตัวทำอะไรอีก  เขาก็หมดสติอยู่ที่ปลายบันไดนั้นเอง  



              ชายคนที่เพิ่งทำให้ลีโอดีนหมดสติไปเป็นชายหนุ่มที่ดูลึกลับยิ่งนัก  แม้เขาจะอยู่ในชุดคลุมยาวมิดชิดสีดำ  แต่ดูจากรูปร่างและท่าทางของเขา  เขาคงเป็นชายหนุ่มที่บอบบางกว่าลีโอดีนเพียงเล็กน้อย  



              ใบหน้าของเขาซ่อนอยู่ใต้หมวกคลุม  มีเพียงดวงตาทั้งสองเท่านั้นที่ผู้อื่นสามารถมองเห็นได้  รอยแผลเป็นที่ตาซ้ายทำให้เขาสามารถใช้ตาได้ข้างเดียว  ตอนนี้ดวงตาสีดำข้างที่เหลือกำลังจ้องไปทางแลนซ์  



              แลนซ์กำลังเปลี่ยนเป้าหมายจากเจ้าเสือดำตัวใหญ่  เป็นชายผู้ที่ทำร้ายเจ้านายของมัน  ชายคนนั้นพึมพำอะไรบางอย่างก่อนที่จะวาดมือไปทางแลนซ์ที่พุ่งตรงเข้ามา  



              กลุ่มควันหนาสีดำพุ่งออกจากมือของชายคนนั้นไปกระแทกแลนซ์อย่างจัง  สิงโตหนุ่มลอยคว้างข้ามห้องไปกระแทกกับผนังอีกด้านอย่างแรง  กรอบรูปภาพบนผนังหล่นลงมาแตกกระจายทั่วพื้นห้อง  แลนซ์พยายามจะยันตัวขึ้น  แต่ในที่สุดมันก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับเศษกระจก



              "เพอราซโซ่  บอกโซลิคแบ่งเนื้อไอ้ตุ่นเส็งเคร็งนั่นให้ยาฮาร์ลหน่อยสิ  ยาฮาร์ลน่ะมันหิวจะตายอยู่แล้ว" เนห์รีนพูดกับชายหนุ่มคนนั้น



              "มันไม่กินเนื้อตุ่นพรรค์นั้นหรอก"



              เป็นดังพูด  เสือดำตัวนั้นเหวี่ยงร่างของจีจี้ในปากมาทางยาฮาร์ล  ไฮยีน่าสาวไม่รอช้าตรงเข้าตะครุบซากไร้วิญญาณของตุ่นผู้ภักดีอย่างจีจี้ในทันที  ก่อนที่จะฉีกทึ้งเนื้อและกลืนกินอย่างหิวกระหาย



              "เอาล่ะ  ถือว่ารองท้องไปก่อนละกัน" เนห์รีนพูดกับยาฮาร์ล  มันเงยหน้าขึ้นมารับรู้คำพูดของเนห์รีน  จากนั้นก็จัดการทึ้งซากของจีจี้ต่อไป



              "อย่าให้เสียเวลาเลย  เรารีบกลับไปรายงานนายท่านกันได้แล้วล่ะเนห์รีน" เพอราซโซ่พูดกับเนห์รีน  ก่อนที่เขาจะหันหลังเดินขึ้นบันไดโดยมีโซลิคเดินตามขึ้นไปอย่างใกล้ชิด



              "ยาฮาร์ล  กลับกันได้แล้ว  ค่อยไปหาอะไรดี ๆ กินที่ปราสาทละกัน"



              ทันทีที่พูดจบ  เนห์รีนก็เดินตามเพอราซโซ่กับโซลิคขึ้นไป  ยาฮาร์ลฉีกเอาเนื้อชิ้นสุดท้ายไปจากซากของจีจี้  ก่อนที่มันจะรีบวิ่งตามนายของมันไปด้วย



              ในตอนนี้  ร้านกาแฟถ้วยเดียวที่เคยเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสุข  ก็ถูกกลิ่นคาวเลือดกลบซะจนหมดสิ้น  ภาพที่หลงเหลือตอนนี้ภายในร้านกาแฟถ้วยเดียว  นอกจากภาพข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดแล้ว  ก็คือภาพของร่างอันไร้สติของคนสองคนกับสิงโตและแมวป่า  ร่างอันไร้วิญญาณของตัวตุ่นผู้โชคร้าย  และร่างชายแก่เจ้าของร้านที่นอนจมกองเลือด  ท่าทางเขากำลังจะสูญสิ้นลมหายใจไปตลอดกาล




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×