ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RO The Fiction : The Legendary War of Rune Midguard

    ลำดับตอนที่ #2 : พิธีกรรมลำแสงศักดิ์สิทธิ์

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 48


              บริเวณโดยรอบของมหานครพรอนเทร่า  แต่เดิมเคยเป็นทุ่งหญ้าที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา  ตอนนี้พื้นที่สีเขียวถูกนำมารองรับสงครามที่บ้าคลั่ง  หยดเลือดสีแดงของผู้กล้าสาดกระเซ็นแต่งแต้มไปทั่ว  รวมไปถึงเลือดชั่วของเหล่ากองทัพปีศาจอสุรกาย  กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งชวนอาเจียน  ทำให้มันยิ่งเพิ่มความตรึงเครียดในสงครามครั้งนี้ขึ้นเป็นทวีคูณ  ศพแล้วศพเล่าที่ต้องมาพลีวิญญาณบนท้องทุ่งที่เคยเงียบสงบแห่งนี้  แต่มันก็ไม่ทำให้ผู้ที่รอดชีวิตสูญเสียกำลังใจในการห้ำหั่นไปแม้แต่น้อย  ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลดละให้กันและกัน  ยิ่งนานยิ่งรุนแรงมากขึ้น  นักรบของทั้งสองฝ่ายถูกเกณฑ์เข้ามาเพิ่มเรื่อย ๆ  เหมือนสงครามครั้งนี้จะกินเวลานานนับปีเลยทีเดียว



              

              “ท่านกาเนียล  ข้าว่าถ้าเหตุการณ์มันยังดำเนินต่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ ทางเราจะเสียเปรียบพวกมันเห็น ๆ เลย”  แม่ทัพเดเรนทรอล  ควบนกศักดิ์สิทธิ์แกรนเปโกเปโก้เข้ามาปรึกษาแม่ทัพกาเนียลท่ามกลางข้าศึก  เขาทั้งสองต้องฟันข้าศึกไป  พลางวิเคราะห์วิธีการรับมือกับสงครามครั้งนี้มาร่วมชั่วโมงแล้ว



              “แล้วท่านว่าเราควรทำอย่างไรดีล่ะ  ท่านเดเรนทรอล” แม่ทัพกาเนียลบนหลังนกศึกเปโกเปโก้หันหน้ามาถาม  ก่อนที่จะหันกลับไปฟาดดาบเล่มหนาใส่อ๊อคตัวใหญ่ที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาใกล้เขา



              “อืมม  ข้ารู้แค่ว่าเราต้องเสียเปรียบแน่ ๆ ถ้าต้องรับมือกับพวกผีดิบและอ๊อคพร้อม ๆ กันอย่างนี้     ท่านบราเทอร์มิชลอฟกับซิสเตอร์ราเชลเห็นว่ายังไงบ้างล่ะ” นักรบศักดิ์สิทธิ์หันไปถามบาทหลวงและอธิการที่ควบม้าเข้ามาหยุดอยู่ข้าง ๆ เขาทั้งสอง





              บราเทอร์มิชลอฟบาทหลวงที่ดูหนุ่มแน่น  นัยน์ตาสีฟ้ากับผมสีทองอ่อน ๆ ทำให้เขาดูอ่อนโยนยิ่งนัก  ส่วนซิสเตอร์ราเชล  แม้เธอก็เป็นอธิการที่อายุยังน้อย  แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถเหมือน ๆ กับมิชลอฟ  ผมยาวสีดำสนิทของเธอปลิวไสวยามที่อยู่บนหลังม้าขาวตัวโปรดของเธอ  ใบหน้าคมคายกับรอยยิ้มที่คงอยู่บนใบหน้าตลอดเวลาทำให้เธอมีเสน่ห์ต่อชายหลายต่อหลายคนเลยทีเดียว





              “ในสถานการณ์อย่างนี้  ข้าเห็นว่ามีเพียงวิธีเดียวที่จะสามารถบั่นทอนกำลังของพวกมันได้  วิธีที่ว่าคือเราจะต้องกำจัดพวกผีดิบซะก่อน  แล้วค่อยต้อนสู้กับพวกอ๊อคต่อไปจนมันหมดฤทธิ์” ซิสเตอร์ราเชลกล่าวกับแม่ทัพทั้งสอง  ก่อนที่จะบังคับม้าของเธอเบี่ยงหลบคมขวานของอ๊อค  แล้วหันไปฟาดคทาใส่มันอย่างแรงจนมันลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นหญ้า



              “เจ้าหมายถึง  เราจะต้องท่องบทสวดพิธีกรรมลำแสงศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือราเชล” บราเทอร์มิชลอฟหันไปถาม  ในขณะที่เขายังแกว่งคทาป้องกันการโจมตีจากผีดิบฝูงหนึ่ง  ก่อนที่เขาจะท่องคาถาบางอย่างแล้วร่ายเวทย์ควันสีขาวระยิบระยับใส่พวกมัน  จนมันสลายไปทั้งหมด



              ซิสเตอร์ราเชลหันมาพยักหน้าให้กับบราเทอร์มิชลอฟ  ก่อนที่จะหันกลับไปทางแม่ทัพเดเรนทรอล



              “ซึ่งผู้ที่จะทำพิธีนี้ได้ก็คือ  ท่านและเหล่านักรบศักดิ์สิทธิ์  พวกเราผู้รับใช้พระผู้เป็นเจ้า  จะสวดอัญเชิญพลังอันศักดิ์สิทธิ์มาสู่พวกท่าน  หน้าที่ของพวกท่านคือดูดซับพลังอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด  ตั้งจิตอธิษฐานต่อสรวงสวรรค์  แล้วปล่อยพลังเหล่านั้นออกมาชำระล้างวิญญาณอันชั่วร้ายไปให้หมดสิ้น” ซิสเตอร์ราเชลกล่าวต่อแม่ทัพเดเรนทรอล



              “แต่มันก็เป็นการเสี่ยงมากทีเดียวนะราเชล  พิธีกรรมนี้เป็นเพียงพิธีกรรมในตำนานเท่านั้น  ไม่เคยมีผู้ใดได้เห็นถึงพลังอำนาจที่แน่ชัด  เราคำนวณไม่ได้นะว่ามันจะเกิดความเสียหายอย่างไรขึ้นมาบ้าง  ตามตำนานกล่าวว่าบางทีมันอาจจะต้องแลกกับชีวิตของผู้ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์เลยนะ” บราเทอร์มิชลอฟกล่าวด้วยสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก  เขาดูจะไม่ค่อยเห็นด้วยความทางเลือกเดียวและทางเลือกสุดท้ายที่ซิสเตอร์ราเชลเสนอขึ้นมา



              “ถ้ามันเป็นทางเดียว  ข้าและเหล่านักรบศักดิ์สิทธิ์ก็พร้อมสละชีวิตเพื่อรูนมิดการ์ด”



              “เดเรนทรอล ...” แม่ทัพการ์เนียลหันไปมองแววตาอันหนักแน่นของแม่ทัพเดเรนทรอล  พวกเขาฝึกดาบด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก  คำสัญญาระหว่างเด็กชายทั้งสองว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นแม่ทัพผู้ปกป้องมหานครรูนมิดการ์ดนั้น  ก็สำเร็จด้วยความเพียรพยายามของทั้งคู่  แต่อีกคำสัญญาที่ยังคงตรึงอยู่ในความทรงจำของแม่ทัพทั้งสองก็คือ  เพื่อนจะไม่ทิ้งกัน  ครั้งนี้การ์เนียลรู้สึกเหมือนเค้าจะถูกทอดทิ้งจากเพื่อนรักไปนานแสนนาน



              “การ์เนียล  ชีวิตข้าเป็นของรูนมิดการ์ด” เดเรนทรอลกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  แววตาอันมุ่งมั่นของเขาจ้องมองไปยังเพื่อนรัก  รอยยิ้มของเดเรนทรอลเหมือนเป็นการสั่งลาต่อการ์เนียล  และในที่สุดการ์เนียลก็มอบรอยยิ้มกลับไปยังเพื่อนรักของเขา



              “ทำให้เต็มความสามารถเลยนะเพื่อนรักของข้า” การ์เนียลแตะบ่าของเดเรนทรอลเบา ๆ  เดเรนทรอลยกมือขึ้นมากุมมือของเพื่อนเค้าไว้  ราวกับจะให้คำมั่นสัญญาว่า  เขาจะไม่มีวันลืมเพื่อนที่แสนดีคนนี้อีกเลย





              แม่ทัพเดเรนทรอลเอาเท้าทั้งสองแตะที่ข้างลำตัวของแกรนเปโกเปโก้  แล้วควบมันไปหยุดอยู่ที่ใจกลางสมรภูมิรบ  ก่อนที่จะตะโกนด้วยเสียงอันดัง



              “เหล่านักรบศักดิ์สิทธิ์แห่งรูนมิดการ์ด  ถึงเวลาที่พวกท่านต้องพลีชีพเพื่อบ้านเมืองของพวกเราแล้ว  พวกเราจงร่วมใจกันอัญเชิญพลังอันศักดิ์สิทธิ์  ทำลายล้างเหล่าผีดิบให้หมดสิ้นไปจากมหานครอันเกรียงไกรของพวกเราด้วยเถิด” ทันทีที่พูดจบเสียงเฮลั่นของเหล่านักรบศักดิ์สิทธิ์บนหลังแกรนเปโกเปโก้ก็ดังไปทั่วท้องทุ่งพรอนเทร่า  พวกเขาควบพาหนะตรงเข้ามารวมกันที่แม่ทัพเดเรนทรอล  ทันทีที่ทั้งหมดมารวมที่นั่น  เดเรนทรอลก็พยักหน้าเป็นสัญญาณให้ซิสเตอร์ราเชลและบราเทอร์มิชลอฟเริ่มพิธีได้





              ทั้งสองหยิบเครื่องเป่าออกมาแล้วเป่าให้สัญญาณกับบาทหลวงและอธิการทั้งหลาย  การศึกเหมือนจะชะงักไปชั่วครู่เมื่อเสียงสัญญาณจากทั้งสองดังขึ้น  เสียงสัญญาณที่ก้องกังวานนั้นฟังดูสงบเยือกเย็น  แต่เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่  เหล่าบาทหลวงและอธิการทั้งหลายควบม้าเข้ามารวมกับทั้งสองร่วมร้อยคน  ทำให้บริเวณนั้นดูเหมือนมีมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนอยู่ไปทั่ว





              “ท่านบาทหลวงและอธิการทั้งหลาย  ต่อจากนี้พวกเราจะร่วมกันทำพิธีสวดส่งวิญญาณ  ลำแสงศักดิ์สิทธิ์จะนำเหล่าดวงวิญญาณร้ายไปสู่การพิพากษาครั้งสุดท้ายของพวกมัน  ขอพวกท่านจงร่วมใจกันสวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า  ให้พระองค์ได้ส่งพลังอันศักดิ์สิทธิ์มาชำระบาปของพวกมันด้วยเถิด”  บราเทอร์มิชลอฟเปล่งวาจาออกมาด้วยน้ำเสียงอันเข้มแข็ง  



              พอสิ้นคำพูด  เหล่าผู้ถวายการรับใช้แด่พระเจ้าก็หลับตาลง  พร้อมกับเอื้อมมือไปสัมผัสกับโรซารี่กางเขนที่ห้อยคออยู่  พวกเขาตั้งจิตอธิษฐานพร้อมกับขยับริมฝีปากพึมพำบทสวด  เสียงบทสวดมนตร์ดังก้องกังวานขึ้นเรื่อย ๆ แสงสีขาวค่อย ๆ เปล่งประกายกระจายเจิดจ้าออกไปทั่วบริเวณนั้น  เหล่าผีดิบต่างหันไปจับจ้องกลุ่มแสงนั้น  บางตัวก็ทำท่าทางลนลานหนีกันจ้าละหวั่น  เพียงไม่นานก็มีลำแสงสีขาวขึ้นรอบ ๆ ตัวเหล่านักรบศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังตั้งสมาธิอยู่อย่างสงบ  พวกเขาค่อย ๆ หลับตารวบรวมสมาธิและกางแขนทั้งสองข้างออกช้า ๆ  ลำแสงนั้นสว่างจ้าขึ้นเรื่อย ๆ  แม้กระทั่งเหล่านักธนูและมือระเบิดที่รักษาการณ์อยู่บนประตูเมืองก็ยังต้องหรี่ตามองไปทางนั้น  จนในที่สุดลำแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ระเบิดออกไปรอบ ๆ  



              ซูมมมมมม



              คลื่นลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ดูนุ่มนวลแต่หนักแน่นแผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว  เหล่าผีดิบที่ถูกลำแสงศักดิ์สิทธิ์ต่างกรีดร้องอย่างโหยหวน  ก่อนที่ร่างของพวกมันจะค่อยสลายไปด้วยเวลาเพียงไม่กี่นาที  ศัตรูในสนามรบลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว  คงเหลือแต่พวกอ๊อคตัวเขียว  ที่ทำท่าทางสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่  ก่อนที่จะวิ่งหนีกันอลหม่านออกไปจากท้องทุ่งพรอนเทร่า





              เหล่าผู้กล้าต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่  มันช่างรวดเร็วจนจับตามองไม่ทัน  แม่ทัพการ์เนียลหายใจหอบอยู่บนหลังนกเปโกเปโก้  ตอนนี้หมอกควันกระจายฟุ้งไปทั่วบริเวณที่เหล่านักรบศักดิ์สิทธิ์เคยอยู่  แต่พอหมอกควันเหล่านั้นจางลง  ทุกคนก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง  เหล่านักรบศักดิ์สิทธิ์บนหลังนกแกรนเปโกเปโก้หายไปอย่างไร้ร่องรอย  แม่ทัพการ์เนียลเบิกตากว้างจ้องมองไปยังพื้นที่ว่างเปล่า  ไม่กี่วินาทีที่ผ่านมาเพื่อนรักของเขายังคุมแกรนเปโกเปโก้อยู่ตรงนั้นเลย  ดวงตาของการ์เนียลเริ่มสั่นน้ำใส ๆ ในดวงตาเอ่อล้นขึ้นมา  และก่อนที่เขาจะหลั่งน้ำตาให้ทุกคนเห็น  เขาก็เงยหน้าขึ้นและหันหลังกลับไปทางประตูเมือง





              “พวกเขาพลีชีพเพื่อความสงบสุขของพรอนเทร่า  จงจดจำวีรกรรมครั้งนี้ของพวกเขาไปจนวันตายของพวกท่านทุกคน” แม่ทัพการ์เนียลเค้นคำพูดออกมาด้วยเสียงสั่น  บราเทอร์มิชลอฟและซิสเตอร์ราเชลควบม้าเข้ามาข้างกายของแม่ทัพหนุ่ม  เหล่าทหารผู้กล้ากลางสนามรบต่างนิ่งเงียบ  ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า  ทหารบางคนถึงกับทรุดลงนั่งทอดอาลัย  ความเงียบเหมือนจะตรงจะตรงเข้ากัดกินหัวใจของทุกคนจนสิ้น  แต่แล้วแม่ทัพการ์เนียลก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง



              “เลิกโศกเศร้ากันได้แล้วพี่น้องทั้งหลาย  พวกเขาทำเพื่อรักษาความสุขให้คงอยู่กับพวกเรา  ถ้าพวกท่านมัวแต่เสียใจกับการพลีชีพของพวกเขา  ดวงวิญญาณของผู้กล้าต้องไม่เป็นสุขแน่” แม่ทัพการ์เนียลปลุกระดมเหล่าทหาร  “ในเมื่อเหตุการณ์สงครามสงบแล้ว  พวกเราก็ควรกลับไปรายงานท่านโครโทนาซ  อัศวินทั้งหมดยกทัพกลับ !!!” เขากล่าวด้วยเสียงที่พยายามทำให้ดูหนักแน่นที่สุด  แล้วก็กระตุ้นให้เปโกเปโก้ของเขาเดินนำหน้าไปทางประตูเมือง



              “ท่านการ์เนียล...” บราเทอร์มิชลอฟพยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับการ์เนียล  แต่เขายกมือห้ามไว้  แล้วใช้เท้ากระตุ้นเปโกเปโก้ของเขาให้เร่งความเร็วยิ่งขึ้นมุ่งตรงไปข้างหน้า





              “การ์เนียลกับเดเรนทรอลเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายกันมาตั้งแต่เด็ก  เรื่องนี้เขาคงยังทำใจไม่ได้เร็วนักหรอกนะมิชลอฟ” ซิสเตอร์ราเชลบังคับม้ามาหยุดอยู่ข้าง ๆ บาทหลวงหนุ่ม  พวกเขามองตามหลังการ์เนียลจนเขาหายเข้าไปในประตูเมือง  บราเทอร์มิชลอฟถอนหายใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น  ก่อนที่จะควบม้าตามเหล่าทหารเข้าไปในประตูเมืองพร้อม ๆ กับซิสเตอร์ราเชล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×