ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RO The Fiction : The Legendary War of Rune Midguard

    ลำดับตอนที่ #1 : สัญญาณเลือดแห่งท้องทุ่งพรอนเทร่า

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 47


           บรรยากาศเหนือท้องทุ่งแห่งพรอนเทร่า  เมืองหลวงแห่งมหานครรูนมิดการ์ด  ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำมืดครึ้ม  ลมพัดแรงราวกับจะเกิดพายุฝนห่าใหญ่  เสียงฟ้าร้องคำรามบ้าคลั่งน่าหวาดผวา  ทั้งๆที่เมื่อไม่ถึง 5 นาทีที่ผ่านมาท้องฟ้าเงียบสงบไร้สัญญาณใดๆบ่งบอกถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้  ภายในเมืองโกลาหลวุ่นวาย  ชาวเมืองต่างรีบวิ่งเข้าชายคาที่อยู่อาศัย  บ้างก็เข้าไปอาศัยหลบในโบสถ์อันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพบูชาของชาวเมือง  เหล่าทหารทั้งนักดาบนักธนูต่างรีบเข้าประจำการ  ณ  ประตูเมืองทั้ง 4 ทิศเป็นการใหญ่  เพียงชั่วเวลาไม่กี่อึดใจเมืองที่เคยเป็นระเบียบเรียบร้อย  กลับกลายเป็นเมืองที่สับสนอลหม่าน  สัญญาณที่เกิดขึ้นชาวเมืองต่างรู้ดีว่าหมายถึงอะไร  คำสาบานที่เจ้าแห่งความมืดเคยประกาศกร้าวไว้เมื่อหลายร้อยปีก่อนว่าจะกลับมาล้างแค้นและทำลายมหานครอันเงียบสงบแห่งนี้กำลังจะเกิดขึ้น  เรื่องราวนี้มันเคยเป็นเพียงตำนานเล่าขานเท่านั้น  แต่ในตอนนี้ตำนานบทนั้นกำลังคืบคลานมาใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นทุกทีแล้ว



    ณ ท้องพระโรงแห่งพระราชวังเมืองพรอนเทร่า



           “กราบทูลท่านโครโทนาซ  ขณะนี้ข้าได้สั่งเกณฑ์ไพร่พลทั้งเหล่านักดาบ(Swordman)และนักธนู(Archer)เข้าประจำยังประตูเมืองทั้ง 4 ทิศรอบๆเมืองแล้ว  ส่วนทหารประจำเมืองบางส่วนก็ช่วยเกณฑ์ชาวเมืองไปหลบในที่ปลอดภัยเรียบร้อยพะยะค่ะ”  ทหารยศสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานแก่ราชาแห่งพรอนเทร่า



           “เจ้าทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมท่านนายพล  ข้าขอบใจท่านและเหล่าทหารแทนชาวเมืองของข้าด้วย”  ราชาโครโทนาซพยายามกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบที่สุด  แต่พระองค์ก็ยังมีสีหน้าที่วิตกกังวลอยู่ไม่ใช่น้อย  พระองค์เป็นราชาเมื่ออายุยังน้อยและแม้เวลาผ่านไปร่วมสามสิบปีแล้วก็ตาม  ในวัยสี่สิบแปดของพระองค์ก็ยังไม่ทำให้พระองค์เป็นราชาที่สูงด้วยวัยวุฒิเลย  แต่ถ้าพูดถึงคุณสมบัติในการเป็นราชาของพระองค์แล้วก็ยากที่ราชาองค์ใดจะเปรียบเทียบกับท่านได้  และแม้พระองค์จะมีอายุเกือบห้าสิบปีแล้วแต่ร่างกายของพระองค์ยังคงดูหนุ่มแน่น  พระองค์มีรูปร่างกำยำสูงใหญ่  ผมยาวหยักศกสีน้ำตาลอ่อนถูกมัดรวบไว้ทางด้านหลัง  ใบหน้าที่เจือไปด้วยรอยยิ้มบ่งบอกถึงความมีเมตตาต่อประชากรของพระองค์  แม้พระองค์จะไม่หล่อเหลาจนเลิศเลอ  แต่พระองค์ก็ดูมีสง่าราศีสมกับเป็นเจ้าชีวิตแห่งมหานครพรอนเทร่า  ประชากรทุกคนในพรอนเทร่าเคารพและจงรักภักดีต่อราชาโครโทนาซเสมอมา  และพระองค์เองก็มักจะนึกคำนึงถึงความสุขสบายของประชากรในการดูแลของพระองค์อยู่เสมอมาเช่นกัน



           “ที่นี่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเราทุกคน  พวกเราจะปกป้องไว้ให้ถึงที่สุด  ขอพระองค์ทรงไว้วางใจ  อย่าได้วิตกกังวลไปเลยพะย่ะค่ะ”  พอกล่าวเสร็จทหารนายนั้นก็รีบวิ่งออกไปเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่  ราชาโครโทนาซมองตามทหารนายนนั้นไปแล้วทรงถอนหายใจเบาๆ  ขณะนี้สีหน้าของพระองค์ดูกลัดกลุ้มยิ่งนัก



           “ท่านโครโทนาซ ... ข้าได้ส่งสาส์นขอความช่วยเหลือไปยังเมืองต่างๆเรียบร้อยแล้ว  อีกไม่นานกองทัพจากเกฟเฟ่น  มอร๊อค  และพาย่อนก็จะยกมาสมทบ  ท่านคลายความกังวลลงได้แล้วเพคะ”  นักปราชญ์สาว(Sage)ข้างกายราชาโครนาซกราบทูลพระองค์ด้วยน้ำเสียงที่มีความหวัง  แต่แฝงไว้ด้วยแววตาที่หวาดหวั่นยิ่งนัก  เธอเป็นผู้หญิงที่ใบหน้างดงามราวกับรูปวาด  ผมยาวสลวยที่เหลืองมะนาวถูกปล่อยสยายทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่มีชีวิตชีวา  รูปร่างผอมบางและส่วนสูงเกินผู้หญิงทั่วไปของเธอนั้นช่างดูพอเหมาะเข้ากับชุดนักปราชญ์ที่เธอสวมใส่  สัดส่วนที่ผู้หญิงควรจะมีแสดงออกมาอย่างชัดเจนทั้งส่วนเว้าและโค้ง  ทำให้เธอเป็นนักปราชญ์หญิงที่สวยงามน่าค้นหาเสียจริง



           “เจ้ายังไม่รู้อะไรหรอกเฟอรีน เจ้ายังเด็กนัก ... สงครามครั้งนี้เป็นสงครามที่เหล่าบรรพชนแห่งพรอนเทร่าทุกคนต่างประหวั่นพรั่นพรึง  เจ้าแห่งความตายจะกลับมาทำตามสิ่งที่มันเคยลั่นวาจาไว้  เจ้าคิดดูสิขนาดคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าจอมเวทย์และสังฆราชเคยช่วยกันลงอาคมปิดผนึกมันไว้ยังถูกทำลายลงแล้ว  คราวนี้สงครามล้างเผ่าพันธุ์แห่งอาณาจักรรูนมิดการ์ดคงกำลังจะเกิดขึ้นแล้วสินะ  ทำไมมันต้องมาเกิดในยุคแห่งข้าด้วยเฟอรีน...ทำไม”



           “พระองค์อย่าตรัสเช่นนั้นเลยพะย่ะค่ะ ข้าเชื่อว่าสงครามครั้งนี้แม้ต้องแลกด้วยชีวิตนับหมื่นนับแสน  แต่อาณาจักรของพวกเราก็จะไม่ล่มสลายอย่างแน่นอน  แม้เมืองทั้ง 4 จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวซึ่งกันนานหลายทศวรรษ  แต่เมื่อถึงเวลาที่พวกเราต้องร่วมมือกันเพื่ออาณาจักรนี้  คงไม่มีใครที่นิ่งดูดายไม่ยื่นมือเข้าช่วย  พวกเราแม้ต้องแลกด้วยชีวิต  ก็จะต้องรักษาอาณาจักรแห่งนี้ให้สืบทอดไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานของพวกเราอย่างแน่นอนพะย่ะค่ะ”  จอมเวทย์หนุ่ม(Wizard)ที่เปรียบดั่งมือขวาของราชาโครโทนาซกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแห่งความมุ่งมั่น  เขาเป็นคนคู่ใจของเฟอรีนนั่นเอง  จอมเวทย์หนุ่มเป็นชายร่างสูงดูบอบบาง  แต่ใครอย่าทำให้เขาโกรธเพราะถ้าเขาร่ายเวทย์เป็นการสั่งสอนล่ะก็ทำใจไว้ได้เลยว่าเวทย์ชุดนั้นจะเป็นเวทย์ชุดสุดท้ายในชีวิตที่จะได้เห็นและสัมผัส  ใบหน้าอันหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาถูกซ่อนไว้ภายใต้เส้นผมสีดำที่เจ้าตัวจงใจให้มันลงมาปรกหน้า  แต่มันก็ไม่ได้บรรเทาความหล่อเหลาของเขาได้แม้แต่น้อย

          

           “ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้นเซลลอฟ  ขอให้ทุกคนรวมพลังกันเพื่อแผ่นดินแห่งรูนมิดการ์ด  ขอให้พระผู้เป็นเจ้าเข้าข้างพวกเราด้วยเถิด”



                                   .........................................................................................



           “แย่แล้วพะย่ะค่ะท่านโครโทนาซ ..!!!  ขณะนี้เหล่าทหารกำลังต้านกองทัพโคบอลด์และกองทัพก๊อบลินอยู่  แต่หน่วยสอดแนมรายงานมาว่ายังมีกองทัพอ๊อคและพวกผีดิบมุ่งหน้ามายังเมืองเราอีกนับหมื่นเลยพะย่ะค่ะ  ดูท่ากำลังทหารจะไม่อาจต้านทานได้แล้วพะย่ะค่ะพระองค์”

          

           “ท่านแม่ทัพการ์เนียล !!! นำกำลังอัศวิน(Knight)ทั้งหมดแบ่งเป็น 4 ส่วน  แยกไปต้านแต่ละประตูเมืองไว้  ส่วนท่านแม่ทัพเดเรนทรอล  ท่านนำเหล่านักรบศักดิ์สิทธิ์(Crusader)ทั้งหลายไปเป็นทัพหน้าต้านกองทัพอ๊อคและผีดิบอย่าให้เข้ามาใกล้บริเวณเมืองโดยด่วน  ไม่ต้องเหลือกำลังไว้ที่พระราชวังแห่งนี้”



           “แล้วพระองค์ล่ะพะย่ะค่ะ”  แม่ทัพการ์เนียลกล่าวขึ้น

          

           “ข้าว่าควรจะมีอัศวินและนักรบศักดิ์สิทธิ์ไว้ปกป้องพระองค์ส่วนนึงนะพะย่ะค่ะ  ถ้าพวกนั้นมีทางอื่นบุกเข้ามาได้  พระองค์อาจจะเป็นอันตรายได้”  แม่ทัพเดเรนทรอลกล่าวขึ้นด้วยท่าทีที่ร้อนรนยิ่งนัก  

          

           “ท่านการ์เนียลท่านเดเรนทรอลไม่ต้องเป็นห่วง  บริเวณพระราชวังปล่อยให้เป็นหน้าที่ของซาเรลล่าผู้นี้เถิด  ข้าและเหล่าหน่วยรบเกาทัณฑ์(Hunter)จะดูแลท่านโครโทนาซเอง”  หัวหน้าหน่วยรบสาวเอ่ยขึ้นมาทำให้คลายความกังวลของสองแม่ทัพหนุ่มลงได้บ้าง



           “ยังมีเหล่าจอมเวทย์ของข้าและเหล่านักปราชญ์ของเฟอรีนอยู่ด้วยอีกส่วนหนึ่ง  ท่านทั้งสองไม่ต้องห่วง”

           “พวกท่านรีบยกกองทัพไปเถิด  ทางนี้มีของข้า  เซลลอฟ  และซาเรลล่าอยู่แล้ว  พวกเราจะปกป้องท่านโครโทนาซอย่างสุดความสามารถ”  เฟอรีนกล่าวเสริม



           “งั้นพวกข้าต้องขอฝากหน้าที่นี้ไว้กับพวกท่านด้วยนะ”

           “ข้าทั้งสองขอทูลลาพะย่ะค่ะ  ข้าทั้งสองจะปกป้องพรอนเทร่าและรูนมิดการ์ดไว้ด้วยชีวิต”  เมื่อทั้งสองกล่าวจบก็รีบไปรวมพลและเคลื่อนกองทัพออกไปจากพระราชวัง



           “ท่านไบเอล  ท่านจงนำเหล่าทหารยุทโธปกรณ์(Blacksmith)ไปคอยซ่อมแซมอาวุธของกองทัพแต่ละกองและคอยเป็นกำลังเสริมในการศึกครั้งนี้  ส่วนท่านเฟลย์ริก  ท่านจงแบ่งกำลังหน่วยมือระเบิด(Alchemist)ของท่านไปคอยประจำการบนประตูเมืองทั้ง 4 ด้วย”



           “พะย่ะค่ะ !!”  ทั้งสองตอบรับแล้วรีบออกไปปฏิบัติตามคำสั่งของราชาโครโทนาซ

                                  ..........................................................................



           “ท่านโครโทนาซ !!! ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”  ต้นเสียงคือชายชราผู้หนึ่งที่ปรากฏกายขึ้นหน้าท้องพระโรงหลังจากแสงสว่างจ้าสีขาวได้จางหายไป



           “โอ้...ท่านสังฆราชมิคาเอล  ขอบคุณท่านมากที่ท่านมาในตอนนี้  ข้าต้องขอขอบคุณท่านมากที่ท่านเสียสละให้ชาวเมืองได้เข้าไปหลบอันตรายในพื้นที่โบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน  ตอนนี้ทางโบสถ์เหล่าชาวเมืองมีท่าทีอย่างไรกันบ้างหรือ”



           “ชาวเมืองพรอนเทร่าทุกคนปลอดภัยดี  พวกเขามีสติมากขึ้นแล้วล่ะท่าน  ข้ามาที่นี่เพื่อมาบอกท่านว่าข้าได้จัดให้เหล่านักบวช(Acolyte)ไปคอยรักษาเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว  ส่วนบาทหลวงและอธิการ(Priest)ทั้งหลายข้าได้ส่งให้ไปเป็นกองหนุนทัพของท่านการ์เนียลและท่านเดเรนทรอลอีกแรง  ท่านโครโทนาซวางใจได้”



           “แล้วใครจะคอยปกป้องเหล่าชาวเมืองที่โบสถ์ล่ะท่าน!!”



           “ท่านโครโทนาซไม่ต้องกังวลไป  ข้าและบาทหลวงทั้งหลายร่ายเวทย์ศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองโบสถ์ไว้อย่างแน่นหนา  อย่างน้อยมนตราศักดิ์สิทธิ์นั้นก็จะคงอยู่นานนับเดือน  พวกเขาไม่มีทางได้รับอันตรายจากพวกปีศาจเป็นแน่  ส่วนเรื่องเสบียงอาหารภายในโบสถ์ก็มีเตรียมไว้รองรับอยู่แล้วเพียงพอที่จะอยู่กินในนั้นเป็นเดือนๆเลยทีเดียว”



           “ท่านมิคาเอล  ข้าต้องขอขอบใจท่านมากๆถ้าไม่ได้ท่านเหล่าชาวเมืองคงจะอกสั่นขวัญแขวนอย่างมาก  บ้านเมืองคงวุ่นวายไปมากกว่านี้เป็นแน่”



           “ข้าเชื่อว่ายังไงพระผู้เป็นเจ้าต้องคอยคุ้มครองรูนมิดการ์ดให้ผ่านพ้นจากภัยที่กำลังคุกคามอยู่นี้  พระองค์จะไม่ยอมให้ความมืดและความชั่วร้ายมาปกคลุมที่นี่”



           “ข้าก็ขอให้เป็นเช่นนั้น...ท่านมิคาเอล”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×