ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ~๐Oo>>บทเรียนจากทูตแห่งความตาย
สายตาทั้งหกคู่จับจ้องที่บันไดขั้นบนสุด รอคอยการมาเยือนของแขกยามวิกาลที่ไม่ได้รับเชิญ เพียงผ่านลงมาแม้แค่ชายกางเกงพวกเขาก็จะเข้าไปต้อนรับให้ถึงตัวเลยทีเดียว
ขณะนี้ทั้งข้างล่างและข้างบนต่างเงียบกริบ ความเงียบสงบที่น่าจะเกิดขึ้นกลับถูกแทนที่ด้วยความอึดอัดตึงเครียด รังสีเข่นฆ่าพลุ่งพล่านคละคลุ้งอยู่ทั่วทุกหนแห่ง แลนซ์ส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ บ่งบอกถึงการเตรียมพร้อมที่จะลุยทุกเมื่อทันทีที่เจ้านายมันสั่ง ส่วนคีซนั้นดูเหมือนจะอดใจรอไม่ไหว มันหรี่ตาทั้งสองลงก่อนที่จะย่อตัวลงเล็กน้อย แล้วมันก็ค่อย ๆ สืบเท้าทั้งสี่เข้าไปใกล้กับบันไดขั้นสุดท้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ
"มาเยี่ยมกันทั้งทีไม่คิดจะลงมาทักทายกันมั่งเลยหรอ ... ชั้นรอนานแล้วนะ"
ไคน่าพูดอย่างเคร่งขรึมด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบที่แฝงไว้ด้วยความเอาจริงเอาจัง เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มันทำให้คีซต้องชะงักและย่อตัวลงอีกจนติดพื้น
"และชั้นก็ไม่ใช่คนที่อดทนเก่งซะด้วย"
ไคน่าเริ่มตะเบ็งเสียง จนทำให้จีจี้มีอาการสะดุ้งเล็กน้อย ในขณะที่คีซเหมือนจะส่งเสียงแหลมเล็กขู่ผู้มาเยือนที่อยู่ด้านบนตามอย่างเจ้านายของมัน
"คีซ ...... ลุยขึ้นไปเลย!!!"
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงตะโกนของไคน่า คีซที่เหมือนจะรู้ใจเจ้านายของมันก็กระโจนอย่างคล่องแคล่วขึ้นไปตามขั้นบันไดที่ทอดลงมา ตามด้วยไคน่าที่วิ่งตามมันขึ้นไปติดติด
"ไคน่า!!!" ลีโอดีนร้องตามไคน่า
เขาดูตกใจกับการตัดสินใจอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังของเธอ แล้วก็หันมามองที่ครีแกน
"คุณรอที่นี่นะครับ ระวังตัวเองด้วยละกัน"
เขาหันมาพูดรัวจนครีแกนไม่สามารถพูดแทรกอะไรได้ จากนั้นลีโอดีนกับแลนซ์ก็พุ่งผ่านขั้นบันไดตามไคน่าขึ้นไป ทิ้งให้ครีแกนกับจีจี้อยู่ในห้องข้างล่างตามลำพัง
ทันทีที่ไคน่าขึ้นมาถึงห้องเก็บของด้านบน เธอก็ต้องตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้า หมาไฮยีน่าตัวผอมกะหร่องกำลังแยกเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่คีซที่กำลังยืนตั้งท่าเตรียมกระโจนใส่ผู้บุกรุกตรงหน้า
มันดูเหมือนหมาบ้าที่อดโซไม่มีอาหารตกถึงท้องมานานแสนนาน น้ำลายที่ฟูมปากไหลย้อยลงเต็มพื้นห้อง ลิ้นยาวสีแดงสดเหมือนสีลูกตาทั้งสองของมันห้อยลงมาจากปาก แววตาที่ดูกระหายเลือดจ้องไปยังคีซไม่กะพริบ แม้มันจะผอมจนเหลือแต่กระดูกดูไร้เรี่ยวแรง แต่จากสายตาของไคน่าแล้วเธอก็ยังไม่กล้าสั่งอย่างเต็มปากให้คีซเข้าไปจัดการมัน
ทันใดนั้นเองไฮยีน่าตัวนั้นก็เหมือนจะถอยหลังไปเล็กน้อย มันคงเกรงกลัวในพละกำลังของสิงโตหนุ่มตัวใหญ่ที่ขึ้นมายืนผงาดอยู่ข้างหลังไคน่า ตามมาด้วยชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายสิงโตตัวนั้น เขาขึ้นมายืนอยู่ข้าง ๆ ไคน่าแล้ว
ไฮยีน่าตัวนั้นค่อย ๆ ถอยไปทางมุมห้อง ซึ่งในขณะนี้ไคน่าเพิ่งสังเกตเห็นได้ว่ามีหญิงสาวร่างเล็กขึ้นไปนั่งอยู่บนกองกระสอบเมล็ดกาแฟ เธอคนนั้นซ่อนใบหน้าอยู่ในความมืด แต่เมื่อดูจากรูปร่างอันบอบบางและไฮยีน่าสาวตัวนั้น ไคน่าและลีโอดีนก็พอจะเดาได้ว่าเธอคนนี้คือใคร
"เนห์รีน" ลีโอดีนส่งเสียงขึ้นมาลอย ๆ
หญิงสาวคนนั้นดูเหมือนจะยักไหล่รับคำของเขาเล็กน้อย ก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะในลำคอขึ้นมาเบา ๆ
ไคน่าจ้องมองไปทางหญิงสาวที่ลีโอดีนเรียกว่า เนห์รีน แววตาของเธอในขณะนี้แสดงออกมาชัดเจนว่าไม่พอใจหญิงสาวที่อยู่ในมุมมืดของห้องเป็นอันมาก
"บอกว่าจะขึ้นมาทักทายกันไม่ใช่หรอไคน่า ชั้นเห็นเธอเอาแต่ยืนนิ่งตั้งแต่ขึ้นมาแล้ว ไม่คิดจะพูดอะไรกับเพื่อนเก่าซักหน่อยรึไงจ๊ะ"
เนห์รีนทำเสียงยั่วยุอารมณ์ของไคน่าให้พลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เธอยืนกำมือจนแน่นเม้มริมฝีปากจนสั่น มันทำให้คนในความมืดแสดงอาการที่ดูเหมือนจะพอใจขึ้นมาอย่างมาก
"คนอย่างเธอเรอะ คำว่าคนรู้จักชั้นยังไม่อยากจะใช้กับเธอเลย" ไคน่ากัดฟันพูดออกไป
เธอทำท่าเหมือนจะขยับเข้าไปหาเรื่องเนห์รีน แต่ลีโอดีนคว้าข้อมือเธอเอาไว้เป็นเชิงปรามไม่ให้ใจร้อนไปมากกว่านี้
"เธอมาที่นี่ทำไม" ไคน่าถามด้วยเสียงห้วน ๆ
ผู้ถูกถามหัวเราะในลำคอขึ้นมาอีกครั้ง เสียงหัวเราะในครั้งนี้ดูเยือกเย็นน่ากลัว แต่มันกลับทำให้ไคน่าดูเหมือนจะหัวเสียยิ่งขึ้น
คีซส่งเสียงแหลม ๆ ขึ้นมาเหมือนจะบอกกับไคน่าว่ามันพร้อมจะลุยแล้ว ในขณะที่ไฮยีน่าตัวนั้นก็ส่งเสียงคำรามแหบพร่าตอบกลับมา ราวกับว่ามันก็พร้อมจะขย้ำคีซเหมือนกัน
"ชั้นจะพูดว่ายังไงดีน๊า ..." เนห์รีนยังคงยั่วประสาทไคน่าต่อไปอีก
เธอส่ายหัวช้า ๆ เหมือนกำลังเรียบเรียงคำตอบ ก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
"ตามความคิดของชั้น ไฮยีน่าก็เหมือนกับ ทูตแห่งความตาย" น้ำเสียงแสนอำมหิตถูกเปล่งออกมาจากปากของหญิงสาวร่างบอบบาง
"แล้วชั้นจะต้องบอกมั๊ยว่า ตอนนี้ดูเหมือนว่า ยาฮาร์ล จะกระหายความตายมากซะด้วย โดยเฉพาะความตายของพวกศัตรูแห่งนายท่านนาบิซิส"
ทันทีที่เนห์รีนพูดจบ เจ้ายาฮาร์ลก็แสยะแยกเขี้ยวขึ้นมา ทำเอาน้ำลายกองใหญ่ของมันหกรดลงพื้น
หลังจากที่ลีโอดีนเงียบฟังอยู่นานก็เหมือนจะโดนปะทุไฟโกรธขึ้นมาอีกคนแล้ว เค้าเริ่มกำมือจนแน่นและขยับตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ ส่วนไคน่าหลังจากที่สบถออกไปอย่างจงใจให้ฝ่ายตรงข้ามได้ยินแล้ว เธอก็ตั้งท่าพร้อมที่จะลงมือเช่นกัน
สายตาของทั้งคู่จับจ้องไปยังเนห์รีนอย่างเคียดแค้น เพียงแค่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของเนห์รีน ไคน่าและลีโอดีนก็จะถือเป็นสัญญาณในการเริ่มต้นลงมือทันที
"หึ หึ แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะลีโอดีน ไคน่า ชั้นแค่มาเตือนพวกเธอเฉย ๆ ฝากไปบอกตาแก่โดมินิกด้วยนะ ว่าอย่าขวางทางพวกเราซะให้ยากเลย ครั้งนี้นายท่านสั่งสมอำนาจมากกว่าเมื่อหลายพันปีนับร้อยนับพันเท่า อย่าทำตัวเป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟบรรลัยกันตร์เลย รึท่าตาแก่นั่นยังเรียกร้องความตายอยู่อีก ก็อย่าพยายามไปลากคนอื่นเข้ามายุ่งด้วยละกัน เอาชีวิตไปทิ้งกันซะเปล่า ๆ น่าเสียดายนะ"
คนพูดยังทำน้ำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาว ส่วนทางด้านคนฟังทั้งสองแทบจะระเบิดอารมณ์โกรธทั้งหมดออกมาในวินาทีนั้นเลยทีเดียว
"เอาล่ะ ชั้นมาบอกแค่นี้แหละ"
เนห์รีนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เธอทำท่าเหมือนกำลังจะลุกจากไป ก่อนที่จะมีเสียงขัดมาจากลีโอดีน
"เธอนึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไปแบบนี้น่ะหรอ มันง่ายไปหน่อยมั๊ง" ลีโอดีนพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าตอนนี้เค้าแทบจะคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่แล้ว
"ชั้นคิดไว้แล้วว่าพวกเธอต้องไม่ยอมเข้าใจอะไรง่าย ๆ แน่ คงต้องเพิ่มบทเรียนให้เข้าใจกันมากขึ้นสินะเนี่ย"
"อวดดีเหมือนเดิมนะเนห์รีน แต่คิดหรอว่าเธอคนเดียวจะสู้อะไรพวกเราได้" ไคน่าเริ่มมีน้ำเสียงเอาจิงเอาจัง
เธอเริ่มก้าวเท้าเข้าไปใกล้เนห์รีนและยาฮาร์ลมากขึ้นพร้อม ๆ กับลีโอดีน คีซกับแลนซ์ที่นำหน้าทั้งสองกำลังส่งเสียงคำรามในลำคอขู่ยาฮาร์ล แต่มันก็ไม่ขยับหนีแม้แต่น้อย
เนห์รีนยิ้มมุมปากเล็กน้อย เธอส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
"เฮ่อ แต่เท่าที่ชั้นจำได้ ชั้นไม่ได้บอกซักหน่อยว่าชั้นมาคนเดียว"
คำพูดของเนห์รีนทำให้ทั้งสองชะงักไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงที่ดึงความสนใจของทั้งสองไปจากเนห์รีนได้อย่างสิ้นเชิง
อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!!!!
"ครีแกน!!!"
ทั้งสองหันไปมองหน้ากันอย่างตกใจก่อนที่จะรีบหันลงไปทางห้องลับด้านล่าง ลีโอดีนกับแลนซ์รีบวิ่งลงบันไดไป ส่วนไคน่าที่ตอนนี้ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่แล้ว กำลังหันหลังกลับไปเอาเรื่องกับเนห์รีน
"เธอทำอะ... อั่กก"
ทันทีที่ไคน่าหันกลับไปโดยที่เธอยังไม่ทันจะตั้งท่ารับมือกับการต่อสู้ เธอก็รู้สึกเหมือนกับมีบางสิ่งบางอย่างที่หนักราวกับค้อนเหล็กฟาดเข้าที่ต้นคอ
หญิงสาวผมสีบลอนด์ซีด ๆ ตัดสั้นคล้ายผู้ชายชะโงกหน้าไปเพ่งมองไคน่าอยู่เหนือตัวของเธอ เธอคนนั้นอยู่ในชุดเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นสีดำสนิท ดวงตาสีเขียวอ่อนคู่ที่วางอยู่บนใบหน้าอันซูบซีดที่มีเค้าโครงละม้ายคล้ายไคน่ายิ่งนักกำลังจ้องมองเธออย่างผู้ชนะ เนห์รีนขยับมุมปากยิ้มอย่างมีชัย ในขณะที่เปลือกตาของไคน่าค่อยๆปิดลงจนมิดในที่สุด
ส่วนยาฮาร์ลก็กำลังยืนคร่อมอยู่บนร่างไร้สติของคีซ มันค่อย ๆ แยกเขี้ยวและก้มหน้าเข้าไปใกล้กับคีซ สูดดมไปทั่วร่างนางแมวป่า ท่าทางของมันราวกับคนที่กำลังดีใจเมื่อได้เห็นอาหารมื้อโอชะ บนตัวของคีซเต็มไปด้วยน้ำลายของไฮยีน่าสาว ยาฮาร์ลเงื้อกรงเล็บอันคมกริบของมัน หมายจะเผด็จศึกเข้าที่คอของคีซ แต่แล้วเนห์รีนก็ส่งเสียงห้ามมันไว้
"อย่าเพิ่งทำอะไรพวกมันสิยาฮาร์ล หน้าที่ของเราแค่มาทำความเข้าใจกับพวกมันเท่านั้น มันยังมีประโยชน์ต่อนายท่านอีกมากนัก แกอย่าทำตัวงี่เง่าสิ"
คำพูดของเนห์รีนดูเหมือนจะขัดใจไฮยีน่าตัวโปรดของเธอไม่น้อย แต่มันก็ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจและเดินกลับไปยืนข้าง ๆ เนห์รีน
ทางด้านของลีโอดีน ทันทีที่เขาเดินลงไปยังห้องด้านล่าง ภาพที่เขาเห็นคือจีจี้ ที่กำลังห้อยต่องแต่งจมกองเขี้ยวอยู่ในปากของเสือดำตัวมหึมา ที่พื้นด้านข้างครีแกนกำลังนอนจมกองเลือด เขาหายใจถี่มากจนทำให้เลือดค่อย ๆ ไหลออกจากตัวเขาไม่ยอมหยุด
แลนซ์กระโจนเข้าใส่เสือดำตัวนั้น แต่มันก็กระโดดหลบได้อย่างว่องไว ในขณะนั้นเองลีโอดีนสังเกตเห็นว่าครีแกนพยายามจะบอกอะไรบางอย่างให้เขารับรู้ เขาทำท่าทางเหมือนจะชี้ไปทางด้านหลังของบันได
อ๊อกกก!!!
ยังไม่ทันที่ลีโอดีนจะได้ขยับตัวทำอะไรอีก เขาก็หมดสติอยู่ที่ปลายบันไดนั้นเอง
ชายคนที่เพิ่งทำให้ลีโอดีนหมดสติไปเป็นชายหนุ่มที่ดูลึกลับยิ่งนัก แม้เขาจะอยู่ในชุดคลุมยาวมิดชิดสีดำ แต่ดูจากรูปร่างและท่าทางของเขา เขาคงเป็นชายหนุ่มที่บอบบางกว่าลีโอดีนเพียงเล็กน้อย
ใบหน้าของเขาซ่อนอยู่ใต้หมวกคลุม มีเพียงดวงตาทั้งสองเท่านั้นที่ผู้อื่นสามารถมองเห็นได้ รอยแผลเป็นที่ตาซ้ายทำให้เขาสามารถใช้ตาได้ข้างเดียว ตอนนี้ดวงตาสีดำข้างที่เหลือกำลังจ้องไปทางแลนซ์
แลนซ์กำลังเปลี่ยนเป้าหมายจากเจ้าเสือดำตัวใหญ่ เป็นชายผู้ที่ทำร้ายเจ้านายของมัน ชายคนนั้นพึมพำอะไรบางอย่างก่อนที่จะวาดมือไปทางแลนซ์ที่พุ่งตรงเข้ามา
กลุ่มควันหนาสีดำพุ่งออกจากมือของชายคนนั้นไปกระแทกแลนซ์อย่างจัง สิงโตหนุ่มลอยคว้างข้ามห้องไปกระแทกกับผนังอีกด้านอย่างแรง กรอบรูปภาพบนผนังหล่นลงมาแตกกระจายทั่วพื้นห้อง แลนซ์พยายามจะยันตัวขึ้น แต่ในที่สุดมันก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับเศษกระจก
"เพอราซโซ่ บอกโซลิคแบ่งเนื้อไอ้ตุ่นเส็งเคร็งนั่นให้ยาฮาร์ลหน่อยสิ ยาฮาร์ลน่ะมันหิวจะตายอยู่แล้ว" เนห์รีนพูดกับชายหนุ่มคนนั้น
"มันไม่กินเนื้อตุ่นพรรค์นั้นหรอก"
เป็นดังพูด เสือดำตัวนั้นเหวี่ยงร่างของจีจี้ในปากมาทางยาฮาร์ล ไฮยีน่าสาวไม่รอช้าตรงเข้าตะครุบซากไร้วิญญาณของตุ่นผู้ภักดีอย่างจีจี้ในทันที ก่อนที่จะฉีกทึ้งเนื้อและกลืนกินอย่างหิวกระหาย
"เอาล่ะ ถือว่ารองท้องไปก่อนละกัน" เนห์รีนพูดกับยาฮาร์ล มันเงยหน้าขึ้นมารับรู้คำพูดของเนห์รีน จากนั้นก็จัดการทึ้งซากของจีจี้ต่อไป
"อย่าให้เสียเวลาเลย เรารีบกลับไปรายงานนายท่านกันได้แล้วล่ะเนห์รีน" เพอราซโซ่พูดกับเนห์รีน ก่อนที่เขาจะหันหลังเดินขึ้นบันไดโดยมีโซลิคเดินตามขึ้นไปอย่างใกล้ชิด
"ยาฮาร์ล กลับกันได้แล้ว ค่อยไปหาอะไรดี ๆ กินที่ปราสาทละกัน"
ทันทีที่พูดจบ เนห์รีนก็เดินตามเพอราซโซ่กับโซลิคขึ้นไป ยาฮาร์ลฉีกเอาเนื้อชิ้นสุดท้ายไปจากซากของจีจี้ ก่อนที่มันจะรีบวิ่งตามนายของมันไปด้วย
ในตอนนี้ ร้านกาแฟถ้วยเดียวที่เคยเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสุข ก็ถูกกลิ่นคาวเลือดกลบซะจนหมดสิ้น ภาพที่หลงเหลือตอนนี้ภายในร้านกาแฟถ้วยเดียว นอกจากภาพข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดแล้ว ก็คือภาพของร่างอันไร้สติของคนสองคนกับสิงโตและแมวป่า ร่างอันไร้วิญญาณของตัวตุ่นผู้โชคร้าย และร่างชายแก่เจ้าของร้านที่นอนจมกองเลือด ท่าทางเขากำลังจะสูญสิ้นลมหายใจไปตลอดกาล
ขณะนี้ทั้งข้างล่างและข้างบนต่างเงียบกริบ ความเงียบสงบที่น่าจะเกิดขึ้นกลับถูกแทนที่ด้วยความอึดอัดตึงเครียด รังสีเข่นฆ่าพลุ่งพล่านคละคลุ้งอยู่ทั่วทุกหนแห่ง แลนซ์ส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ บ่งบอกถึงการเตรียมพร้อมที่จะลุยทุกเมื่อทันทีที่เจ้านายมันสั่ง ส่วนคีซนั้นดูเหมือนจะอดใจรอไม่ไหว มันหรี่ตาทั้งสองลงก่อนที่จะย่อตัวลงเล็กน้อย แล้วมันก็ค่อย ๆ สืบเท้าทั้งสี่เข้าไปใกล้กับบันไดขั้นสุดท้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ
"มาเยี่ยมกันทั้งทีไม่คิดจะลงมาทักทายกันมั่งเลยหรอ ... ชั้นรอนานแล้วนะ"
ไคน่าพูดอย่างเคร่งขรึมด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบที่แฝงไว้ด้วยความเอาจริงเอาจัง เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มันทำให้คีซต้องชะงักและย่อตัวลงอีกจนติดพื้น
"และชั้นก็ไม่ใช่คนที่อดทนเก่งซะด้วย"
ไคน่าเริ่มตะเบ็งเสียง จนทำให้จีจี้มีอาการสะดุ้งเล็กน้อย ในขณะที่คีซเหมือนจะส่งเสียงแหลมเล็กขู่ผู้มาเยือนที่อยู่ด้านบนตามอย่างเจ้านายของมัน
"คีซ ...... ลุยขึ้นไปเลย!!!"
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงตะโกนของไคน่า คีซที่เหมือนจะรู้ใจเจ้านายของมันก็กระโจนอย่างคล่องแคล่วขึ้นไปตามขั้นบันไดที่ทอดลงมา ตามด้วยไคน่าที่วิ่งตามมันขึ้นไปติดติด
"ไคน่า!!!" ลีโอดีนร้องตามไคน่า
เขาดูตกใจกับการตัดสินใจอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังของเธอ แล้วก็หันมามองที่ครีแกน
"คุณรอที่นี่นะครับ ระวังตัวเองด้วยละกัน"
เขาหันมาพูดรัวจนครีแกนไม่สามารถพูดแทรกอะไรได้ จากนั้นลีโอดีนกับแลนซ์ก็พุ่งผ่านขั้นบันไดตามไคน่าขึ้นไป ทิ้งให้ครีแกนกับจีจี้อยู่ในห้องข้างล่างตามลำพัง
ทันทีที่ไคน่าขึ้นมาถึงห้องเก็บของด้านบน เธอก็ต้องตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้า หมาไฮยีน่าตัวผอมกะหร่องกำลังแยกเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่คีซที่กำลังยืนตั้งท่าเตรียมกระโจนใส่ผู้บุกรุกตรงหน้า
มันดูเหมือนหมาบ้าที่อดโซไม่มีอาหารตกถึงท้องมานานแสนนาน น้ำลายที่ฟูมปากไหลย้อยลงเต็มพื้นห้อง ลิ้นยาวสีแดงสดเหมือนสีลูกตาทั้งสองของมันห้อยลงมาจากปาก แววตาที่ดูกระหายเลือดจ้องไปยังคีซไม่กะพริบ แม้มันจะผอมจนเหลือแต่กระดูกดูไร้เรี่ยวแรง แต่จากสายตาของไคน่าแล้วเธอก็ยังไม่กล้าสั่งอย่างเต็มปากให้คีซเข้าไปจัดการมัน
ทันใดนั้นเองไฮยีน่าตัวนั้นก็เหมือนจะถอยหลังไปเล็กน้อย มันคงเกรงกลัวในพละกำลังของสิงโตหนุ่มตัวใหญ่ที่ขึ้นมายืนผงาดอยู่ข้างหลังไคน่า ตามมาด้วยชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายสิงโตตัวนั้น เขาขึ้นมายืนอยู่ข้าง ๆ ไคน่าแล้ว
ไฮยีน่าตัวนั้นค่อย ๆ ถอยไปทางมุมห้อง ซึ่งในขณะนี้ไคน่าเพิ่งสังเกตเห็นได้ว่ามีหญิงสาวร่างเล็กขึ้นไปนั่งอยู่บนกองกระสอบเมล็ดกาแฟ เธอคนนั้นซ่อนใบหน้าอยู่ในความมืด แต่เมื่อดูจากรูปร่างอันบอบบางและไฮยีน่าสาวตัวนั้น ไคน่าและลีโอดีนก็พอจะเดาได้ว่าเธอคนนี้คือใคร
"เนห์รีน" ลีโอดีนส่งเสียงขึ้นมาลอย ๆ
หญิงสาวคนนั้นดูเหมือนจะยักไหล่รับคำของเขาเล็กน้อย ก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะในลำคอขึ้นมาเบา ๆ
ไคน่าจ้องมองไปทางหญิงสาวที่ลีโอดีนเรียกว่า เนห์รีน แววตาของเธอในขณะนี้แสดงออกมาชัดเจนว่าไม่พอใจหญิงสาวที่อยู่ในมุมมืดของห้องเป็นอันมาก
"บอกว่าจะขึ้นมาทักทายกันไม่ใช่หรอไคน่า ชั้นเห็นเธอเอาแต่ยืนนิ่งตั้งแต่ขึ้นมาแล้ว ไม่คิดจะพูดอะไรกับเพื่อนเก่าซักหน่อยรึไงจ๊ะ"
เนห์รีนทำเสียงยั่วยุอารมณ์ของไคน่าให้พลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เธอยืนกำมือจนแน่นเม้มริมฝีปากจนสั่น มันทำให้คนในความมืดแสดงอาการที่ดูเหมือนจะพอใจขึ้นมาอย่างมาก
"คนอย่างเธอเรอะ คำว่าคนรู้จักชั้นยังไม่อยากจะใช้กับเธอเลย" ไคน่ากัดฟันพูดออกไป
เธอทำท่าเหมือนจะขยับเข้าไปหาเรื่องเนห์รีน แต่ลีโอดีนคว้าข้อมือเธอเอาไว้เป็นเชิงปรามไม่ให้ใจร้อนไปมากกว่านี้
"เธอมาที่นี่ทำไม" ไคน่าถามด้วยเสียงห้วน ๆ
ผู้ถูกถามหัวเราะในลำคอขึ้นมาอีกครั้ง เสียงหัวเราะในครั้งนี้ดูเยือกเย็นน่ากลัว แต่มันกลับทำให้ไคน่าดูเหมือนจะหัวเสียยิ่งขึ้น
คีซส่งเสียงแหลม ๆ ขึ้นมาเหมือนจะบอกกับไคน่าว่ามันพร้อมจะลุยแล้ว ในขณะที่ไฮยีน่าตัวนั้นก็ส่งเสียงคำรามแหบพร่าตอบกลับมา ราวกับว่ามันก็พร้อมจะขย้ำคีซเหมือนกัน
"ชั้นจะพูดว่ายังไงดีน๊า ..." เนห์รีนยังคงยั่วประสาทไคน่าต่อไปอีก
เธอส่ายหัวช้า ๆ เหมือนกำลังเรียบเรียงคำตอบ ก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
"ตามความคิดของชั้น ไฮยีน่าก็เหมือนกับ ทูตแห่งความตาย" น้ำเสียงแสนอำมหิตถูกเปล่งออกมาจากปากของหญิงสาวร่างบอบบาง
"แล้วชั้นจะต้องบอกมั๊ยว่า ตอนนี้ดูเหมือนว่า ยาฮาร์ล จะกระหายความตายมากซะด้วย โดยเฉพาะความตายของพวกศัตรูแห่งนายท่านนาบิซิส"
ทันทีที่เนห์รีนพูดจบ เจ้ายาฮาร์ลก็แสยะแยกเขี้ยวขึ้นมา ทำเอาน้ำลายกองใหญ่ของมันหกรดลงพื้น
หลังจากที่ลีโอดีนเงียบฟังอยู่นานก็เหมือนจะโดนปะทุไฟโกรธขึ้นมาอีกคนแล้ว เค้าเริ่มกำมือจนแน่นและขยับตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ ส่วนไคน่าหลังจากที่สบถออกไปอย่างจงใจให้ฝ่ายตรงข้ามได้ยินแล้ว เธอก็ตั้งท่าพร้อมที่จะลงมือเช่นกัน
สายตาของทั้งคู่จับจ้องไปยังเนห์รีนอย่างเคียดแค้น เพียงแค่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของเนห์รีน ไคน่าและลีโอดีนก็จะถือเป็นสัญญาณในการเริ่มต้นลงมือทันที
"หึ หึ แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะลีโอดีน ไคน่า ชั้นแค่มาเตือนพวกเธอเฉย ๆ ฝากไปบอกตาแก่โดมินิกด้วยนะ ว่าอย่าขวางทางพวกเราซะให้ยากเลย ครั้งนี้นายท่านสั่งสมอำนาจมากกว่าเมื่อหลายพันปีนับร้อยนับพันเท่า อย่าทำตัวเป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟบรรลัยกันตร์เลย รึท่าตาแก่นั่นยังเรียกร้องความตายอยู่อีก ก็อย่าพยายามไปลากคนอื่นเข้ามายุ่งด้วยละกัน เอาชีวิตไปทิ้งกันซะเปล่า ๆ น่าเสียดายนะ"
คนพูดยังทำน้ำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาว ส่วนทางด้านคนฟังทั้งสองแทบจะระเบิดอารมณ์โกรธทั้งหมดออกมาในวินาทีนั้นเลยทีเดียว
"เอาล่ะ ชั้นมาบอกแค่นี้แหละ"
เนห์รีนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เธอทำท่าเหมือนกำลังจะลุกจากไป ก่อนที่จะมีเสียงขัดมาจากลีโอดีน
"เธอนึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไปแบบนี้น่ะหรอ มันง่ายไปหน่อยมั๊ง" ลีโอดีนพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าตอนนี้เค้าแทบจะคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่แล้ว
"ชั้นคิดไว้แล้วว่าพวกเธอต้องไม่ยอมเข้าใจอะไรง่าย ๆ แน่ คงต้องเพิ่มบทเรียนให้เข้าใจกันมากขึ้นสินะเนี่ย"
"อวดดีเหมือนเดิมนะเนห์รีน แต่คิดหรอว่าเธอคนเดียวจะสู้อะไรพวกเราได้" ไคน่าเริ่มมีน้ำเสียงเอาจิงเอาจัง
เธอเริ่มก้าวเท้าเข้าไปใกล้เนห์รีนและยาฮาร์ลมากขึ้นพร้อม ๆ กับลีโอดีน คีซกับแลนซ์ที่นำหน้าทั้งสองกำลังส่งเสียงคำรามในลำคอขู่ยาฮาร์ล แต่มันก็ไม่ขยับหนีแม้แต่น้อย
เนห์รีนยิ้มมุมปากเล็กน้อย เธอส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
"เฮ่อ แต่เท่าที่ชั้นจำได้ ชั้นไม่ได้บอกซักหน่อยว่าชั้นมาคนเดียว"
คำพูดของเนห์รีนทำให้ทั้งสองชะงักไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงที่ดึงความสนใจของทั้งสองไปจากเนห์รีนได้อย่างสิ้นเชิง
อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!!!!
"ครีแกน!!!"
ทั้งสองหันไปมองหน้ากันอย่างตกใจก่อนที่จะรีบหันลงไปทางห้องลับด้านล่าง ลีโอดีนกับแลนซ์รีบวิ่งลงบันไดไป ส่วนไคน่าที่ตอนนี้ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่แล้ว กำลังหันหลังกลับไปเอาเรื่องกับเนห์รีน
"เธอทำอะ... อั่กก"
ทันทีที่ไคน่าหันกลับไปโดยที่เธอยังไม่ทันจะตั้งท่ารับมือกับการต่อสู้ เธอก็รู้สึกเหมือนกับมีบางสิ่งบางอย่างที่หนักราวกับค้อนเหล็กฟาดเข้าที่ต้นคอ
หญิงสาวผมสีบลอนด์ซีด ๆ ตัดสั้นคล้ายผู้ชายชะโงกหน้าไปเพ่งมองไคน่าอยู่เหนือตัวของเธอ เธอคนนั้นอยู่ในชุดเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นสีดำสนิท ดวงตาสีเขียวอ่อนคู่ที่วางอยู่บนใบหน้าอันซูบซีดที่มีเค้าโครงละม้ายคล้ายไคน่ายิ่งนักกำลังจ้องมองเธออย่างผู้ชนะ เนห์รีนขยับมุมปากยิ้มอย่างมีชัย ในขณะที่เปลือกตาของไคน่าค่อยๆปิดลงจนมิดในที่สุด
ส่วนยาฮาร์ลก็กำลังยืนคร่อมอยู่บนร่างไร้สติของคีซ มันค่อย ๆ แยกเขี้ยวและก้มหน้าเข้าไปใกล้กับคีซ สูดดมไปทั่วร่างนางแมวป่า ท่าทางของมันราวกับคนที่กำลังดีใจเมื่อได้เห็นอาหารมื้อโอชะ บนตัวของคีซเต็มไปด้วยน้ำลายของไฮยีน่าสาว ยาฮาร์ลเงื้อกรงเล็บอันคมกริบของมัน หมายจะเผด็จศึกเข้าที่คอของคีซ แต่แล้วเนห์รีนก็ส่งเสียงห้ามมันไว้
"อย่าเพิ่งทำอะไรพวกมันสิยาฮาร์ล หน้าที่ของเราแค่มาทำความเข้าใจกับพวกมันเท่านั้น มันยังมีประโยชน์ต่อนายท่านอีกมากนัก แกอย่าทำตัวงี่เง่าสิ"
คำพูดของเนห์รีนดูเหมือนจะขัดใจไฮยีน่าตัวโปรดของเธอไม่น้อย แต่มันก็ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจและเดินกลับไปยืนข้าง ๆ เนห์รีน
ทางด้านของลีโอดีน ทันทีที่เขาเดินลงไปยังห้องด้านล่าง ภาพที่เขาเห็นคือจีจี้ ที่กำลังห้อยต่องแต่งจมกองเขี้ยวอยู่ในปากของเสือดำตัวมหึมา ที่พื้นด้านข้างครีแกนกำลังนอนจมกองเลือด เขาหายใจถี่มากจนทำให้เลือดค่อย ๆ ไหลออกจากตัวเขาไม่ยอมหยุด
แลนซ์กระโจนเข้าใส่เสือดำตัวนั้น แต่มันก็กระโดดหลบได้อย่างว่องไว ในขณะนั้นเองลีโอดีนสังเกตเห็นว่าครีแกนพยายามจะบอกอะไรบางอย่างให้เขารับรู้ เขาทำท่าทางเหมือนจะชี้ไปทางด้านหลังของบันได
อ๊อกกก!!!
ยังไม่ทันที่ลีโอดีนจะได้ขยับตัวทำอะไรอีก เขาก็หมดสติอยู่ที่ปลายบันไดนั้นเอง
ชายคนที่เพิ่งทำให้ลีโอดีนหมดสติไปเป็นชายหนุ่มที่ดูลึกลับยิ่งนัก แม้เขาจะอยู่ในชุดคลุมยาวมิดชิดสีดำ แต่ดูจากรูปร่างและท่าทางของเขา เขาคงเป็นชายหนุ่มที่บอบบางกว่าลีโอดีนเพียงเล็กน้อย
ใบหน้าของเขาซ่อนอยู่ใต้หมวกคลุม มีเพียงดวงตาทั้งสองเท่านั้นที่ผู้อื่นสามารถมองเห็นได้ รอยแผลเป็นที่ตาซ้ายทำให้เขาสามารถใช้ตาได้ข้างเดียว ตอนนี้ดวงตาสีดำข้างที่เหลือกำลังจ้องไปทางแลนซ์
แลนซ์กำลังเปลี่ยนเป้าหมายจากเจ้าเสือดำตัวใหญ่ เป็นชายผู้ที่ทำร้ายเจ้านายของมัน ชายคนนั้นพึมพำอะไรบางอย่างก่อนที่จะวาดมือไปทางแลนซ์ที่พุ่งตรงเข้ามา
กลุ่มควันหนาสีดำพุ่งออกจากมือของชายคนนั้นไปกระแทกแลนซ์อย่างจัง สิงโตหนุ่มลอยคว้างข้ามห้องไปกระแทกกับผนังอีกด้านอย่างแรง กรอบรูปภาพบนผนังหล่นลงมาแตกกระจายทั่วพื้นห้อง แลนซ์พยายามจะยันตัวขึ้น แต่ในที่สุดมันก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับเศษกระจก
"เพอราซโซ่ บอกโซลิคแบ่งเนื้อไอ้ตุ่นเส็งเคร็งนั่นให้ยาฮาร์ลหน่อยสิ ยาฮาร์ลน่ะมันหิวจะตายอยู่แล้ว" เนห์รีนพูดกับชายหนุ่มคนนั้น
"มันไม่กินเนื้อตุ่นพรรค์นั้นหรอก"
เป็นดังพูด เสือดำตัวนั้นเหวี่ยงร่างของจีจี้ในปากมาทางยาฮาร์ล ไฮยีน่าสาวไม่รอช้าตรงเข้าตะครุบซากไร้วิญญาณของตุ่นผู้ภักดีอย่างจีจี้ในทันที ก่อนที่จะฉีกทึ้งเนื้อและกลืนกินอย่างหิวกระหาย
"เอาล่ะ ถือว่ารองท้องไปก่อนละกัน" เนห์รีนพูดกับยาฮาร์ล มันเงยหน้าขึ้นมารับรู้คำพูดของเนห์รีน จากนั้นก็จัดการทึ้งซากของจีจี้ต่อไป
"อย่าให้เสียเวลาเลย เรารีบกลับไปรายงานนายท่านกันได้แล้วล่ะเนห์รีน" เพอราซโซ่พูดกับเนห์รีน ก่อนที่เขาจะหันหลังเดินขึ้นบันไดโดยมีโซลิคเดินตามขึ้นไปอย่างใกล้ชิด
"ยาฮาร์ล กลับกันได้แล้ว ค่อยไปหาอะไรดี ๆ กินที่ปราสาทละกัน"
ทันทีที่พูดจบ เนห์รีนก็เดินตามเพอราซโซ่กับโซลิคขึ้นไป ยาฮาร์ลฉีกเอาเนื้อชิ้นสุดท้ายไปจากซากของจีจี้ ก่อนที่มันจะรีบวิ่งตามนายของมันไปด้วย
ในตอนนี้ ร้านกาแฟถ้วยเดียวที่เคยเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสุข ก็ถูกกลิ่นคาวเลือดกลบซะจนหมดสิ้น ภาพที่หลงเหลือตอนนี้ภายในร้านกาแฟถ้วยเดียว นอกจากภาพข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดแล้ว ก็คือภาพของร่างอันไร้สติของคนสองคนกับสิงโตและแมวป่า ร่างอันไร้วิญญาณของตัวตุ่นผู้โชคร้าย และร่างชายแก่เจ้าของร้านที่นอนจมกองเลือด ท่าทางเขากำลังจะสูญสิ้นลมหายใจไปตลอดกาล
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น