ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ~๐Oo>>อาหารเย็นมื้อหรู กับ ผู้มาเยือนปริศนา
          กลิ่นหอมของอาหารอบอวลไปทั่วห้องลับห้องนั้น  บนโต๊ะอาหารในขณะนี้เต็มไปด้วยอาหารหน้าตาน่ารับประทานหลากหลายชนิด  เริ่มด้วยไก่ย่างตัวโตราดซอสไวน์แดงที่มีควันหอมกรุ่นกำลังนอนแน่นิ่งอยู่ในถาดเงินมันวาว  ประดับประดาด้วยหน่อไม่ฝรั่งและข้าวโพดอ่อนต้มชิ้นพอคำตั้งอยู่ตรงกลางโต๊ะพอดิบพอดี  ข้าง ๆ กันมีชามเปลสีขาวใบใหญ่ใส่สตูลิ้นวัวจนแทบล้น  ชิ้นเนื้อในชามนั้นดูหนานุ่มเปื่อยกำลังพอดีรวมกับควันกลุ่มเล็ก ๆ ที่ค่อยลอยขึ้นมาจากในชามพร้อมกับกลิ่นหอมบ่งบอกถึงความอร่อยน่าลิ้มลองยิ่งนัก 
          อีกด้านหนึ่งของถาดไก่ย่างมีถ้วยใส่มันอบสีเหลืองโรยหน้าด้วยใบออริกาโน่ป่นกำลังส่งกลิ่นเย้ายวนแข่งกับอาหารจานต่าง ๆ บนโต๊ะ  ซุปปลาแซลมอนใส่หัวหอมและแครอทในถ้วยก้นลึกสีขาวใบใหญ่ก็กำลังส่งควันหอมฉุยเพื่อโฆษณาถึงรสชาติของมัน  กลิ่นพริกไทยดำที่โรยหน้าซุปยิ่งช่วยชวนเชื่อยิ่งนักว่าอาหารจานนั้นมีความอร่อยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าจานใด ๆ บนโต๊ะเลยทีเดียว 
          ขาหมูทอดชิ้นโตวางอยู่ในจานกระเบื้องเคลือบสีขาว  สีเหลืองออกทองของหนังขาหมูชิ้นนั้นกับเนื้อหมูข้างในสีขาวกำลังพอดีแสดงให้เห็นว่ามันคงกรอบนุ่มได้ที่  มีถ้วยบาร์บีคิวซอสใบเล็ก ๆ วางไว้ใกล้ ๆ จานขาหมูเพื่อช่วยเสริมรสชาติอีกต่างหาก 
          ข้างหน้าของทั้งสามคนบนโต๊ะอาหารในตอนนี้มีจานสลัดเล็ก ๆ วางอยู่ข้างจานเปล่าที่มีผ้าเช็ดปากวางอยู่ตรงกลาง  ช้อนส้อมและมีดวางอยู่ถูกที่ของมันข้าง ๆ จานเปล่า  ด้านขวามือมีถ้วยใส่ซุปใบเล็กวางอยู่ถัดไปด้านหน้ามีแก้วใส่น้ำเปล่าเย็นเฉียบหนึ่งใบกับแก้วไวน์เปล่าอีกหนึ่งใบ 
          ทั้งไคน่าและลีโอดีนที่เพิ่งจัดการกับธุระส่วนตัวเสร็จต่างตกตะลึงกับอาหารมื้อเย็นที่จัดวางอยู่เบื้องหน้า  มันช่างเป็นมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบอะไรเช่นนี้  คงมีแต่ครีแกนที่กำลังนั่งอมยิ้มให้กับฝีมือของตัวเองพลางลูบหลังให้ จีจี้ ซึ่งกำลังแทะกินหัวมันอบอยู่บนตักของเขา
          “สุดยอดเลยครีแกน  นี่คุณทำเองทั้งหมดเลยหรอคะเนี่ย” ไคน่าถามออกไปในขณะที่ยังไม่ละสายตาจากเหล่าอาหารบนโต๊ะเบื้องหน้า
          “ชั้นคงให้จีจี้ช่วยแล่เนื้อแซลมอนแล้วมาทอดขาหมูนี่ล่ะมั๊งสาวน้อย” ครีแกนว่าพลางอมยิ้ม
          “ใช่มะจีจี้” เขาหันลงไปหัวเราะกับเจ้าตุ่นตัวน้อยอีกครั้ง
          “งั้นพวกเราลงมือแล้วนะครับ  นาน ๆ ทีจะได้เห็นอะไรน่ากินขนาดนี้  ไม่เกรงใจแล้วนะครีแกน”
          ทันทีที่พูดจบลีโอดีนก็ใช้ส้อมจิ้มลิ้นวัวชิ้นใหญ่มาวางในจานของเขา  แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาหั่นชิ้นเนื้อเข้าปากเป็นการใหญ่
          “ฮ่า ๆ ๆ เอาเลย  ลงมือตามสบายนะ  ค่อย ๆ เคี้ยวล่ะเดี๋ยวจะสำลักจนไม่ได้กินกันพอดี  แล้วก็อย่ากินจนอ้วกนะ  ของพวกเนี๊ยะชั้นกินได้เป็นอาทิตย์ ๆ เลยนะเนี่ย  อ้วกไปเสียดายแย่เลย” ครีแกนพูดขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะปล่อยให้ทั้งสองลงมือกินกันอย่างเต็มที่ 
          เขาลุกขึ้นคว้าขวดไวน์แดงจากถังแช่ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ ๆ กับเขารินใส่แก้วไวน์เปล่าทั้งสามใบก่อนที่จะนั่งลงกินอาหาร 
          พวกเขาใช้เวลาประมาณพักใหญ่ก็จัดการกับอาหารบนโต๊ะจนเกือบหมด  ในขณะที่ใต้โต๊ะอาหาร  คีซที่แทบจะไม่สนใจเนื้อสับในจานใบเล็ก ๆ ของมันเลย  แต่กำลังแทะหัวปลาแซลมอนที่ไคน่าโยนลงมาให้หลังจากที่เห็นมันทำท่าทางไม่พอใจในอาหารที่ครีแกนเตรียมให้มัน 
          ต่างจากเจ้าแลนซ์ที่หลังจากจัดการเนื้อสับชิ้นสุดท้ายในจานของมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ก็ตรงเข้าไปจัดการกับเนื้อสับของคีซต่อจนหมด  มิหนำซ้ำมันยังไปคลอเคลียอยู่ที่ปลายขาของลีโอดีนจนเขาต้องทิ้งกระดูกไก่ลงมาให้มันจัดการต่อ 
          ไคน่ายกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มหลังจากที่วางผ้าเช็ดปากลงไปไว้ที่ตัก  ในขณะที่ลีโอดีนเพิ่งวางช้อนส้อมลงแล้วเอามือค่อย ๆ ลูบพุงของเขาเป็นสัญญาณว่าไม่มีช่องว่างเหลือในกระเพาะอาหารของเขาแล้ว 
          ครีแกนเดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งหลังจากที่เอาจานชามที่ใส่อาหารบนโต๊ะขึ้นไปเก็บข้างบน  เขามาพร้อมกับพุดดิ้งเย็น ๆ ราดซอสสตรอเบอรี่สามถ้วย  หลังจากที่เขาแจกพุดดิ้งให้คนละถ้วยแล้วเขาก็เดินไปหยิบเหยือกน้ำเปล่ามารินใส่แก้วน้ำของทุกคนจนเต็ม  ก่อนที่จะเริ่มบทสนทนาใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
          “เอ้า  กินพุดดิ้งกันซะให้หมด  ระหว่างนี้ชั้นจะเล่าเรื่องที่พวกเธออยากรู้ให้ฟังละกัน”
          “จริงด้วยสิ  ชั้นเกือบลืมไปเลยล่ะครีแกน  แต่ว่าพุดดิ้งเนี่ย  ชั้นขอจัดการมันพรุ่งนี้ละกันนะ  วันนี้ไม่ว่าอะไรชั้นก็คงกินต่อไม่ไหวแล้วล่ะ” ลีโอดีนพูดพลางทำหน้าตาเชิงอ้อนวอนให้ครีแกนเห็นใจ
          “งั้นของนายชั้นรับจัดการเองละกัน  เอาเลยครีแกน  เล่าเรื่องนั้นมาได้แล้วล่ะ  ชั้นอยากรู้เร็ว ๆ”
          ไคน่าพูดไปก็ตักพุดดิ้งเข้าปากไป  ตอนนี้เธอดึงถ้วยพุดดิ้งของลีโอดีนมาไว้ตรงหน้าแล้วในขณะที่ลีโอดีนยังส่งสายตาเชิงเสียดายตามมากับถ้วยพุดดิ้งของเขา
          “เอาล่ะชั้นเริ่มละนะ” ครีแกนหยุดกระแอมก่อนอีกครั้งเป็นสัญญาณ 
          จีจี้หยุดทำตัวหลุกหลิกบนตักของครีแกน  ในขณะที่แลนซ์กับคีซก็กระโดดขึ้นไปหมอบบนตักของเจ้านายมันเอง  ไคน่ากับลีโอดีนเองก็เริ่มตั้งใจฟังในสิ่งที่ครีแกนจะเริ่มพูดในเวลาไม่ช้า
          “เมื่อประมาณหลายร้อยหลายพันปีก่อน  จอมมารนาบิซิสยกกองทัพปีศาจเข้ามายังโลกใบนี้เพื่อหวังครอบครองเป็นอาณาจักรของมัน  แต่มันก็ต้องถอยร่นไปพร้อมกับความอัปยศ  เพราะการต้านทานของพวกเราชาวลูเนียร์  ว่ากันว่าในครั้งนั้นเทพีแห่งแสงจันทร์ก็เข้าร่วมต่อต้านจอมมารด้วย  จอมมารจึงตั้งปฏิญาณไว้ว่าก่อนที่มันจะกลับมายึดครองโลกใบนี้อีกครั้ง  มันจะกำจัดพวกเราชาวลูเนียร์ให้สูญสิ้นเผ่าพันธุ์  และยังจะทำลายล้างเทพีแห่งแสงจันทร์ด้วยมือของมันเองอีกด้วย
          หลังจากที่จอมมารยกกองทัพกลับไป  เทพีแห่งแสงจันทร์ก็ได้ให้ทำนายไว้ก่อนที่ท่านจะกลับขึ้นไปยังสวรรค์  เนื้อหาหลัก ๆ ก็มีแค่อีกราว ๆ พันปีจะมีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้นเตือนให้รู้ว่าอีกไม่นานจอมมารนาบิซิสจะยกทัพกลับมาเยือนโลกมนุษย์อีกครั้ง  แต่ก็จะมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นเพื่อหยุดยั้งความชั่วร้ายของจามมารไว้อีกครั้งเช่นกัน”
          “แสดงว่าอีกไม่นานนี้จอมมารจะกลับมา  แล้วใครล่ะคะที่จะมาหยุดกองทัพของนาบิซิส” ไคน่าเอ่ยถามครีแกนด้วยท่าทีใคร่รู้
          “หรือเทพีแห่งแสงจันทร์จะลงมาจุติบนโลกมนุษย์เพื่อปราบจอมมารนาบิซิสอีกครั้งล่ะครีแกน” ลีโอดีนถามไปยังครีแกนอีกเช่นกัน
          “ชั้นว่าคงไม่ใช่อย่างที่เจ้าพูดหรอกลีโอดีน” ครีแกนทำสีหน้าครุ่นคิด
          “เค้าว่ากันว่าครั้งนั้นมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น  ทำให้เทพีแห่งแสงจันทร์ยอมลงมาช่วยพวกเรารบกับจอมมารนาบิซิส  เห็นว่าเป็นการร่วมกันอัญเชิญโดยกลุ่มคนสำคัญของเผ่า  อะไรประมาณเนี๊ยะ  ชั้นก็รู้ไม่ละเอียดหรอก  ที่รู้คร่าว ๆ ก็มีเท่านี้แหละ”
          ครีแกนมองกลับไปยังไคน่าและลีโอดีน  คล้ายกับจะบอกทั้งสองว่าเขาไม่มีเรื่องอะไรเหลือที่จะเล่าต่ออีกแล้ว
          “อืมม  ชั้นว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดาแล้วล่ะ  นอกจากคุณแล้วมีอีกหลายคนมั๊ยคะที่รู้” ไคน่ายิงคำถามใส่ครีแกนอีกครั้ง
          “มีสิ  อย่างน้อยหัวหน้าฝ่ายข่าวสารของชาวลูเนียร์แต่ละสาขาบนโลกก็น่าจะรู้นะ  อย่างน้อยถ้าไม่รู้เรื่องนี้ก็คงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้เป็นคนกระจายข่าวหรอก” ครีแกนตอบไคน่าไปโดยไม่ต้องคิด
          “ถ้าอย่างงั้น  หลังจากนี้คุณก็ต้องกระจายข่าวนี้ไปให้ทุกคนรู้สิครับ” ลีโอดีนกล่าวขึ้นหลังจากที่ฟังครีแกนพูดจนจบ
          “คงอย่างงั้นนะ  แต่ครั้งนี้ชั้นคงต้องระวังมากขึ้นเป็นพิเศษ  ต้องแน่ใจให้ได้มากที่สุดว่าข่าวจะปลอดภัยจากทุกอย่าง” ครีแกนทำสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาจนไม่เหลือเค้าชายแก่ใจดีคนเดิมเลย
          ขณะที่ทั้งสามยังนั่งเงียบรอการสนทนาบทใหม่อยู่นั้น  อยู่ดี ๆ จีจี้ก็มีอาการแปลก ๆ ทำท่าทางลุกลี้ลุกลนอยู่บนตักของครีแกน  จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนบ่าของเขาแล้วส่งเสียงแหลม ๆ ไม่รู้เรื่อง  เหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่างให้เขารู้ 
          แลนซ์กับคีซเงยหน้าขึ้นมาส่งเสียงเหมือนกับมันรู้ภาษาของจีจี้  คีซดีดตัวขึ้นมาที่พนักเก้าอี้ของไคน่าพร้อมทำท่าทางเหมือนกำลังจะกระโจนไปสู้กับอะไรบางอย่าง  ส่วนแลนซ์ก็คำรามเสียงต่ำ ๆ  จากนั้นก็กระโดดลงไปยืนตั้งท่าอยู่ที่หน้าโต๊ะอาหาร
          “จีจี้บอกชั้นว่ามีแขกมาข้างบน  และพวกเขากำลังหาทางลงมาข้างล่างนี้ด้วย” ครีแกนพูดขึ้นเบา ๆ 
          ทั้งสามก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร  พร้อมกับจ้องเขม็งไปยังทิศที่เคยปรากฏทางให้พวกเขาเดินลงมา  มีเสียงครืด ๆ ดังขึ้นมาเหนือเพดานบริเวณนั้น 
          ทั้งลีโอดีน  ไคน่า  และครีแกนขยับตัวเข้ามาใกล้กันมากขึ้นหน้าโต๊ะอาหาร  คีซกับแลนซ์ยืนตั้งท่าพร้อมกระโจนเข้าใส่ผู้ไม่ได้รับเชิญข้างหน้าพวกเขาทั้งสามอีกที  ในขณะที่จีจี้กำลังจ้องไปยังเพดานบริเวณนั้นอยู่บนบ่าของครีแกน
          และแล้วเพดานบริเวณนั้นก็แยกตัวออก  พร้อมกับบันไดที่ค่อย ๆ ทอดตัวลงมาทีละขั้น
          “โพรเทกเตอร์!!” ทั้งสามตะโกนขึ้นพร้อมกัน 
          ร่างกายของจีจี้ค่อย ๆ กลายเป็นตุ่นตัวใหญ่ท่าทางปราดเปรียวกระโดดลงไปยืนอยู่ข้างหลังคีซและแลนซ์  ซึ่งในขณะนี้คีซกลายเป็นแมวป่าสีส้มสดที่กำลังยืนแยกเขี้ยวพร้อมกระโจน  ดวงตาสีเหลืองของมันจ้องไปทางบันไดไม่กะพริบ  ไม่ต่างจากแลนซ์ที่ตอนนี้กลายเป็นสิงโตหนุ่มตัวมหึมา  มันส่งเสียงคำรามดังกึกก้องพร้อมกับตั้งท่ารอตะปบบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะเคลื่อนที่ผ่านลงมายังห้องนี้
          อีกด้านหนึ่งของถาดไก่ย่างมีถ้วยใส่มันอบสีเหลืองโรยหน้าด้วยใบออริกาโน่ป่นกำลังส่งกลิ่นเย้ายวนแข่งกับอาหารจานต่าง ๆ บนโต๊ะ  ซุปปลาแซลมอนใส่หัวหอมและแครอทในถ้วยก้นลึกสีขาวใบใหญ่ก็กำลังส่งควันหอมฉุยเพื่อโฆษณาถึงรสชาติของมัน  กลิ่นพริกไทยดำที่โรยหน้าซุปยิ่งช่วยชวนเชื่อยิ่งนักว่าอาหารจานนั้นมีความอร่อยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าจานใด ๆ บนโต๊ะเลยทีเดียว 
          ขาหมูทอดชิ้นโตวางอยู่ในจานกระเบื้องเคลือบสีขาว  สีเหลืองออกทองของหนังขาหมูชิ้นนั้นกับเนื้อหมูข้างในสีขาวกำลังพอดีแสดงให้เห็นว่ามันคงกรอบนุ่มได้ที่  มีถ้วยบาร์บีคิวซอสใบเล็ก ๆ วางไว้ใกล้ ๆ จานขาหมูเพื่อช่วยเสริมรสชาติอีกต่างหาก 
          ข้างหน้าของทั้งสามคนบนโต๊ะอาหารในตอนนี้มีจานสลัดเล็ก ๆ วางอยู่ข้างจานเปล่าที่มีผ้าเช็ดปากวางอยู่ตรงกลาง  ช้อนส้อมและมีดวางอยู่ถูกที่ของมันข้าง ๆ จานเปล่า  ด้านขวามือมีถ้วยใส่ซุปใบเล็กวางอยู่ถัดไปด้านหน้ามีแก้วใส่น้ำเปล่าเย็นเฉียบหนึ่งใบกับแก้วไวน์เปล่าอีกหนึ่งใบ 
          ทั้งไคน่าและลีโอดีนที่เพิ่งจัดการกับธุระส่วนตัวเสร็จต่างตกตะลึงกับอาหารมื้อเย็นที่จัดวางอยู่เบื้องหน้า  มันช่างเป็นมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบอะไรเช่นนี้  คงมีแต่ครีแกนที่กำลังนั่งอมยิ้มให้กับฝีมือของตัวเองพลางลูบหลังให้ จีจี้ ซึ่งกำลังแทะกินหัวมันอบอยู่บนตักของเขา
          “สุดยอดเลยครีแกน  นี่คุณทำเองทั้งหมดเลยหรอคะเนี่ย” ไคน่าถามออกไปในขณะที่ยังไม่ละสายตาจากเหล่าอาหารบนโต๊ะเบื้องหน้า
          “ชั้นคงให้จีจี้ช่วยแล่เนื้อแซลมอนแล้วมาทอดขาหมูนี่ล่ะมั๊งสาวน้อย” ครีแกนว่าพลางอมยิ้ม
          “ใช่มะจีจี้” เขาหันลงไปหัวเราะกับเจ้าตุ่นตัวน้อยอีกครั้ง
          “งั้นพวกเราลงมือแล้วนะครับ  นาน ๆ ทีจะได้เห็นอะไรน่ากินขนาดนี้  ไม่เกรงใจแล้วนะครีแกน”
          ทันทีที่พูดจบลีโอดีนก็ใช้ส้อมจิ้มลิ้นวัวชิ้นใหญ่มาวางในจานของเขา  แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาหั่นชิ้นเนื้อเข้าปากเป็นการใหญ่
          “ฮ่า ๆ ๆ เอาเลย  ลงมือตามสบายนะ  ค่อย ๆ เคี้ยวล่ะเดี๋ยวจะสำลักจนไม่ได้กินกันพอดี  แล้วก็อย่ากินจนอ้วกนะ  ของพวกเนี๊ยะชั้นกินได้เป็นอาทิตย์ ๆ เลยนะเนี่ย  อ้วกไปเสียดายแย่เลย” ครีแกนพูดขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะปล่อยให้ทั้งสองลงมือกินกันอย่างเต็มที่ 
          เขาลุกขึ้นคว้าขวดไวน์แดงจากถังแช่ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ ๆ กับเขารินใส่แก้วไวน์เปล่าทั้งสามใบก่อนที่จะนั่งลงกินอาหาร 
          พวกเขาใช้เวลาประมาณพักใหญ่ก็จัดการกับอาหารบนโต๊ะจนเกือบหมด  ในขณะที่ใต้โต๊ะอาหาร  คีซที่แทบจะไม่สนใจเนื้อสับในจานใบเล็ก ๆ ของมันเลย  แต่กำลังแทะหัวปลาแซลมอนที่ไคน่าโยนลงมาให้หลังจากที่เห็นมันทำท่าทางไม่พอใจในอาหารที่ครีแกนเตรียมให้มัน 
          ต่างจากเจ้าแลนซ์ที่หลังจากจัดการเนื้อสับชิ้นสุดท้ายในจานของมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ก็ตรงเข้าไปจัดการกับเนื้อสับของคีซต่อจนหมด  มิหนำซ้ำมันยังไปคลอเคลียอยู่ที่ปลายขาของลีโอดีนจนเขาต้องทิ้งกระดูกไก่ลงมาให้มันจัดการต่อ 
          ไคน่ายกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มหลังจากที่วางผ้าเช็ดปากลงไปไว้ที่ตัก  ในขณะที่ลีโอดีนเพิ่งวางช้อนส้อมลงแล้วเอามือค่อย ๆ ลูบพุงของเขาเป็นสัญญาณว่าไม่มีช่องว่างเหลือในกระเพาะอาหารของเขาแล้ว 
          ครีแกนเดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งหลังจากที่เอาจานชามที่ใส่อาหารบนโต๊ะขึ้นไปเก็บข้างบน  เขามาพร้อมกับพุดดิ้งเย็น ๆ ราดซอสสตรอเบอรี่สามถ้วย  หลังจากที่เขาแจกพุดดิ้งให้คนละถ้วยแล้วเขาก็เดินไปหยิบเหยือกน้ำเปล่ามารินใส่แก้วน้ำของทุกคนจนเต็ม  ก่อนที่จะเริ่มบทสนทนาใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
          “เอ้า  กินพุดดิ้งกันซะให้หมด  ระหว่างนี้ชั้นจะเล่าเรื่องที่พวกเธออยากรู้ให้ฟังละกัน”
          “จริงด้วยสิ  ชั้นเกือบลืมไปเลยล่ะครีแกน  แต่ว่าพุดดิ้งเนี่ย  ชั้นขอจัดการมันพรุ่งนี้ละกันนะ  วันนี้ไม่ว่าอะไรชั้นก็คงกินต่อไม่ไหวแล้วล่ะ” ลีโอดีนพูดพลางทำหน้าตาเชิงอ้อนวอนให้ครีแกนเห็นใจ
          “งั้นของนายชั้นรับจัดการเองละกัน  เอาเลยครีแกน  เล่าเรื่องนั้นมาได้แล้วล่ะ  ชั้นอยากรู้เร็ว ๆ”
          ไคน่าพูดไปก็ตักพุดดิ้งเข้าปากไป  ตอนนี้เธอดึงถ้วยพุดดิ้งของลีโอดีนมาไว้ตรงหน้าแล้วในขณะที่ลีโอดีนยังส่งสายตาเชิงเสียดายตามมากับถ้วยพุดดิ้งของเขา
          “เอาล่ะชั้นเริ่มละนะ” ครีแกนหยุดกระแอมก่อนอีกครั้งเป็นสัญญาณ 
          จีจี้หยุดทำตัวหลุกหลิกบนตักของครีแกน  ในขณะที่แลนซ์กับคีซก็กระโดดขึ้นไปหมอบบนตักของเจ้านายมันเอง  ไคน่ากับลีโอดีนเองก็เริ่มตั้งใจฟังในสิ่งที่ครีแกนจะเริ่มพูดในเวลาไม่ช้า
          “เมื่อประมาณหลายร้อยหลายพันปีก่อน  จอมมารนาบิซิสยกกองทัพปีศาจเข้ามายังโลกใบนี้เพื่อหวังครอบครองเป็นอาณาจักรของมัน  แต่มันก็ต้องถอยร่นไปพร้อมกับความอัปยศ  เพราะการต้านทานของพวกเราชาวลูเนียร์  ว่ากันว่าในครั้งนั้นเทพีแห่งแสงจันทร์ก็เข้าร่วมต่อต้านจอมมารด้วย  จอมมารจึงตั้งปฏิญาณไว้ว่าก่อนที่มันจะกลับมายึดครองโลกใบนี้อีกครั้ง  มันจะกำจัดพวกเราชาวลูเนียร์ให้สูญสิ้นเผ่าพันธุ์  และยังจะทำลายล้างเทพีแห่งแสงจันทร์ด้วยมือของมันเองอีกด้วย
          หลังจากที่จอมมารยกกองทัพกลับไป  เทพีแห่งแสงจันทร์ก็ได้ให้ทำนายไว้ก่อนที่ท่านจะกลับขึ้นไปยังสวรรค์  เนื้อหาหลัก ๆ ก็มีแค่อีกราว ๆ พันปีจะมีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้นเตือนให้รู้ว่าอีกไม่นานจอมมารนาบิซิสจะยกทัพกลับมาเยือนโลกมนุษย์อีกครั้ง  แต่ก็จะมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นเพื่อหยุดยั้งความชั่วร้ายของจามมารไว้อีกครั้งเช่นกัน”
          “แสดงว่าอีกไม่นานนี้จอมมารจะกลับมา  แล้วใครล่ะคะที่จะมาหยุดกองทัพของนาบิซิส” ไคน่าเอ่ยถามครีแกนด้วยท่าทีใคร่รู้
          “หรือเทพีแห่งแสงจันทร์จะลงมาจุติบนโลกมนุษย์เพื่อปราบจอมมารนาบิซิสอีกครั้งล่ะครีแกน” ลีโอดีนถามไปยังครีแกนอีกเช่นกัน
          “ชั้นว่าคงไม่ใช่อย่างที่เจ้าพูดหรอกลีโอดีน” ครีแกนทำสีหน้าครุ่นคิด
          “เค้าว่ากันว่าครั้งนั้นมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น  ทำให้เทพีแห่งแสงจันทร์ยอมลงมาช่วยพวกเรารบกับจอมมารนาบิซิส  เห็นว่าเป็นการร่วมกันอัญเชิญโดยกลุ่มคนสำคัญของเผ่า  อะไรประมาณเนี๊ยะ  ชั้นก็รู้ไม่ละเอียดหรอก  ที่รู้คร่าว ๆ ก็มีเท่านี้แหละ”
          ครีแกนมองกลับไปยังไคน่าและลีโอดีน  คล้ายกับจะบอกทั้งสองว่าเขาไม่มีเรื่องอะไรเหลือที่จะเล่าต่ออีกแล้ว
          “อืมม  ชั้นว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดาแล้วล่ะ  นอกจากคุณแล้วมีอีกหลายคนมั๊ยคะที่รู้” ไคน่ายิงคำถามใส่ครีแกนอีกครั้ง
          “มีสิ  อย่างน้อยหัวหน้าฝ่ายข่าวสารของชาวลูเนียร์แต่ละสาขาบนโลกก็น่าจะรู้นะ  อย่างน้อยถ้าไม่รู้เรื่องนี้ก็คงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้เป็นคนกระจายข่าวหรอก” ครีแกนตอบไคน่าไปโดยไม่ต้องคิด
          “ถ้าอย่างงั้น  หลังจากนี้คุณก็ต้องกระจายข่าวนี้ไปให้ทุกคนรู้สิครับ” ลีโอดีนกล่าวขึ้นหลังจากที่ฟังครีแกนพูดจนจบ
          “คงอย่างงั้นนะ  แต่ครั้งนี้ชั้นคงต้องระวังมากขึ้นเป็นพิเศษ  ต้องแน่ใจให้ได้มากที่สุดว่าข่าวจะปลอดภัยจากทุกอย่าง” ครีแกนทำสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาจนไม่เหลือเค้าชายแก่ใจดีคนเดิมเลย
          ขณะที่ทั้งสามยังนั่งเงียบรอการสนทนาบทใหม่อยู่นั้น  อยู่ดี ๆ จีจี้ก็มีอาการแปลก ๆ ทำท่าทางลุกลี้ลุกลนอยู่บนตักของครีแกน  จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนบ่าของเขาแล้วส่งเสียงแหลม ๆ ไม่รู้เรื่อง  เหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่างให้เขารู้ 
          แลนซ์กับคีซเงยหน้าขึ้นมาส่งเสียงเหมือนกับมันรู้ภาษาของจีจี้  คีซดีดตัวขึ้นมาที่พนักเก้าอี้ของไคน่าพร้อมทำท่าทางเหมือนกำลังจะกระโจนไปสู้กับอะไรบางอย่าง  ส่วนแลนซ์ก็คำรามเสียงต่ำ ๆ  จากนั้นก็กระโดดลงไปยืนตั้งท่าอยู่ที่หน้าโต๊ะอาหาร
          “จีจี้บอกชั้นว่ามีแขกมาข้างบน  และพวกเขากำลังหาทางลงมาข้างล่างนี้ด้วย” ครีแกนพูดขึ้นเบา ๆ 
          ทั้งสามก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร  พร้อมกับจ้องเขม็งไปยังทิศที่เคยปรากฏทางให้พวกเขาเดินลงมา  มีเสียงครืด ๆ ดังขึ้นมาเหนือเพดานบริเวณนั้น 
          ทั้งลีโอดีน  ไคน่า  และครีแกนขยับตัวเข้ามาใกล้กันมากขึ้นหน้าโต๊ะอาหาร  คีซกับแลนซ์ยืนตั้งท่าพร้อมกระโจนเข้าใส่ผู้ไม่ได้รับเชิญข้างหน้าพวกเขาทั้งสามอีกที  ในขณะที่จีจี้กำลังจ้องไปยังเพดานบริเวณนั้นอยู่บนบ่าของครีแกน
          และแล้วเพดานบริเวณนั้นก็แยกตัวออก  พร้อมกับบันไดที่ค่อย ๆ ทอดตัวลงมาทีละขั้น
          “โพรเทกเตอร์!!” ทั้งสามตะโกนขึ้นพร้อมกัน 
          ร่างกายของจีจี้ค่อย ๆ กลายเป็นตุ่นตัวใหญ่ท่าทางปราดเปรียวกระโดดลงไปยืนอยู่ข้างหลังคีซและแลนซ์  ซึ่งในขณะนี้คีซกลายเป็นแมวป่าสีส้มสดที่กำลังยืนแยกเขี้ยวพร้อมกระโจน  ดวงตาสีเหลืองของมันจ้องไปทางบันไดไม่กะพริบ  ไม่ต่างจากแลนซ์ที่ตอนนี้กลายเป็นสิงโตหนุ่มตัวมหึมา  มันส่งเสียงคำรามดังกึกก้องพร้อมกับตั้งท่ารอตะปบบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะเคลื่อนที่ผ่านลงมายังห้องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น