ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ~๐Oo>>จีจี้ คีซ และแลนซ์
          ข้างหลังประตูไม้แกะสลักสีน้ำตาลไหม้เป็นห้องเล็ก ๆ ที่มีสิ่งของวางอยู่รอบริมห้อง  ความจริงขนาดของห้องนี้ไม่ได้เล็กไปซะทีเดียวเพียงแต่จำนวนของต่าง ๆ นับร้อยชิ้นที่วางเรียงรายในห้องนั้นทำให้ห้องนี้ดูเล็กลงไปถนัดตา 
          กระสอบเมล็ดกาแฟและโกโก้สดนานาชนิดวางกองแยกกันไว้อย่างเป็นระเบียบ  กระสอบน้ำตาลทราย  น้ำตาลกรวด  และผงครีมเทียมที่เขาเพิ่งไปซื้อมากจากตลาดในวันนี้ถูกวางกองอย่างลวก ๆ ข้างกระสอบเมล็ดกาแฟที่มีป้ายติดไว้ว่า  อาราบิก้า  ถัดไปมีกะละมังใส่เมล็ดกาแฟคั่วแล้วที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายตั้งแต่ก้าวเข้าไปในห้องวางอยู่ห้าถึงหกใบ 
          ถัดจากกะละมังเหล่านั้นมีเครื่องบดกาแฟวางอยู่ข้างเตาไฟเล็ก ๆ  ที่ครีแกนคงจะมีไว้สำหรับคั่วเมล็ดกาแฟหลากชนิด  นอกจากนั้นคงเอาไว้ทำอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับอาหารแต่ละมื้อของเขาและอาหารง่าย ๆ ที่พอจะมีอยู่ในรายการอาหารของร้าน กาแฟถ้วยเดียว  ฝั่งตรงข้ามมีตู้แช่แข็งขนาดกลางที่ไอเย็นจับกระจกเปิดจนไม่สารถมองผ่านเข้าไปข้างในตู้ได้  ข้าง ๆ มีตู้น้ำที่มีแต่ความว่างเปล่า  พวกเขาคาดว่าพรุ่งนี้ครีแกนคงต้องขอแรงทั้งสองไปขนน้ำเปล่าและน้ำผลไม้จากร้านขายส่งเป็นแน่ 
          บนเพดานห้องมีดวงไฟนีออนสีส้มห้อยไว้เพียงสองดวงแค่พอที่จะทำให้เค้าไม่ทำอาหารบนเตาไหม้  นอกจากนั้นห้องนี้ก็เต็มไปด้วยชุดถ้วยกาแฟหลายแบบ  จานชามสำหรับอาหารวางกองไว้ที่มุมหนึ่งของห้องข้างตู้ไม้เก่า ๆ ใบหนึ่งที่คงเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องปรุงในการทำอาหาร  ซึ่งช้อนส้อมก็คงถูกเก็บไว้ในลิ้นชักชั้นใดชั้นหนึ่งในสามชั้นของตู้ใบนั้น 
          ลังใส่เครื่องปรุงต่าง ๆ ถูกวางซ้อนกันสูงเสียจนเกือบถึงเพดาน  ไคน่ากำลังจับจ้องไปยังลังกระดาษใบหนึ่งที่บ่งบอกว่าของข้างในคือวิปครีมชนิดเพิ่มแคลเซี่ยม  เก้าอี้ตัวหนึ่งที่ครีแกนคงมีไว้ปีนหยิบของวางอยู่ตรงมุมในสุดของห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำความสะอาดร้านและอ่างล้างหน้าอ่างเล็กที่ชิดมุมในพอดี 
          ครีแกนกำลังเดินไปเปิดก๊อกอ่างล่างหน้าแล้วซักผ้าเช็ดโต๊ะที่เขาเพิ่งเอามันลงมาจากบ่า  เมื่อเขาบิดไล่น้ำจากผ้าผืนนั้นจนหมดแล้วเขาก็พาดมันไว้บนถังน้ำที่วางอยู่ใต้อ่างแล้วหันมาทางที่ทั้งสองยืนอยู่
          “คุณจะคุยกับพวกเราที่นี่เหรอครับ” 
          ลีโอดีนมองไปรอบ ๆ ห้อง  เขาเห็นเก้าอี้เพียงตัวเดียวเท่านั้น  และนั่นก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยถามครีแกนออกไป
          “ชั้นก็ไม่ได้บอกอย่างนั้นนี่พ่อหนุ่มน้อย” ครีแกนทำหน้าอมยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอ 
          จากนั้นเขาจึงค่อย ๆ หลับตา  ลงอย่างสงบพร้อมกับยกมือทั้งสองขึ้นมากุมประสานกันเหนืออก 
          “ขออำนาจแห่งฤทธามนตร์เวทย์คาถามหาเทพีแสงจันทราผู้สว่างไสว  ซึ่งสถิตประจำดวงจิตบริวารอันภักดีองค์เทพีผู้แสนเกรียงไกร  สำแดงฤทธิ์ประสิทธิ์ประสาทแก่ตัวข้าดังใจหมาย...ในบัดดล”
          ครีแกนเริ่มร่ายมนตราขึ้นมาเบา ๆ กับตัวเองอย่างตั้งใจ  เขาหยุดเงียบไปซักพักเพียงไม่นานหลังจากนั้นก็มีแสงสีเหลืองนวลที่ดูช่างแสนอบอุ่นค่อย ๆ สว่างขึ้นกลางพื้นห้อง  แล้วพื้นไม้ตรงนั้นก็ค่อย ๆ ขยับห่างออกจากกันเผยให้เห็นช่องทางที่มีบันไดไม้สีเข้มทอดยาวลงไปยังที่แห่งใดแห่งหนึ่ง
          “เอาล่ะลีโอดีน  ฉันว่าพวกเราคงไม่ต้องคุยกันในนี้แล้วล่ะ”  เขาหันมามอบรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้กับลีโอดีน 
          “ค่อย ๆ ยกสัมภาระเดินตามฉันลงไปข้างล่างนี่ละกัน  เดินระวังหน่อยนะเด็ก ๆ บันไดมันค่อนข้างชันหน่ะ  ชั้นเองเคยพลาดตกลงไปข้างล่างตั้งหลายครั้ง  สะโพกงี้เคล็ดไปหลายวันเชียวนะ” ครีแกนพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี 
          เขาเดินนำลงไปข้างล่างโดยมีไคน่าที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเธอพร้อมกับคีบรองเท้าส้นสูงสีทองที่มันเริ่มกัดนิ้วเท้าแล้วและลีโอดีนที่ยกกระเป๋าของเขาขึ้นพาดบ่าแล้วช่วยประคองกระเป๋าของไคน่าไม่ให้มันไหลลงไปทับตัวเธอเองตามลงมาโดยไม่ทิ้งระยะห่างจากผู้นำมากนัก
          แล้วทั้งสองก็เดินลงมาหยุดอยู่ที่พื้นห้อง ๆ หนึ่ง  บันไดค่อย ๆ หายขึ้นไปทีละขั้น  ขณะเดียวกันช่องที่เปิดทางให้พวกเขาลงมาในตอนแรกกำลังเลื่อนชิดเข้าหากันจนสนิท  พร้อม ๆ กับแสงไฟที่สว่างขึ้นมาภายในห้องๆนั้น 
          ห้องลับห้องนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยไม้เนื้อแข็งสีเข้มขัดมันอย่างดี  สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งของประดับตกแต่งส่วนใหญ่ทำมาจากไม้ทั้งสิ้น  กลางห้องมีชุดรับแขกเล็ก ๆ พอรับรองแขกประมาณห้าถึงหกคนวางอยู่บนพรมหมีขาวตัวใหญ่ที่กำลังอ้าปากหันไปทางเตาผิงขนาดเล็ก 
          บนโต๊ะตัวเตี้ยกลางชุดรับแขกมีถาดแอปเปิ้ลเขียววางอยู่ข้าง ๆ ขวดไวน์เปิดแล้วที่ยังแช่อยู่ในถังและแก้วไวน์ใช้แล้วที่ยังมีไวน์แดงหลงเหลืออยู่  เหนือเตาผิงมีรูปวาดของชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นครีแกนในตอนหนุ่มกับหญิงสาวผมสีทองหน้าตาสะสวยกำลังส่งยิ้มให้ 
          ตู้หนังสือใบใหญ่สองใบวางอยู่เต็มพื้นที่ของผนังด้านซ้ายของเตาผิง  ประตูไม้สักสีทองบานใหญ่แกะสลักลวดลายอันวิจิตรงดงามอยู่ฝั่งตรงข้ามของตู้สองใบนั้น  ครีแกนจุดไฟขึ้นในเตาผิงแล้วเงยหน้าขึ้นมากล่าวกับทั้งสอง
          “เด็ก ๆ หลังประตูบานนั้นมีห้องนอนอยู่สี่ห้อง  ห้องแรกทางซ้ายมือเป็นของฉัน  ส่วนสามห้องที่เหลือพวกเธอเลือกเอาตามใจชอบแล้วกันว่าจะนอนห้องไหน  เอาข้าวของไปเก็บซะแล้วถ้าอยากอาบน้ำก็เชิญที่ห้องสุดทางเดินเลยนะจ๊ะ  ตกลงกันดี ๆ นะอย่าทะเลาะกันซะก่อนล่ะ  ฉันจะขึ้นไปทำอาหารเย็นมาต้อนรับพวกเธอ  เจอกันที่โต๊ะอาหารนะเด็ก ๆ”
          ครีแกนชี้ไปที่โต๊ะอาหารตัวใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเตาผิง  แล้วเขาก็เริ่มหลับตาร่ายเวทย์เพื่อเรียกบันไดไปข้างบนอีกครั้งอีกครั้ง
          ลีโอดีนเอื้อมมือไปเลื่อนประตูบานนั้น  และทันทีที่ประตูเปิดออกทั้งเขาก็สะดุ้งหลบไปทางข้าง ๆ ประตูพร้อมกับการกรีดร้องขึ้นมาของไคน่า  มีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านขาของพวกเขาไปทางบันไดที่เพิ่งทอดตัวลงมา  ครีแกนหันมาทางเสียงร้องและหัวเราะเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
          “ฮ่า ๆ ๆ ชั้นลืมไปว่าทิ้งแกไว้ข้างใน” ครีแกนพูดกับสัตว์ตัวเล็กที่เขาเพิ่งอุ้มมันขึ้นมาไว้ข้าง ๆ เอวด้วยมือข้างเดียว 
          “นี่ไงจีจี้ของชั้น  มันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของชั้นมาตลอดเลยล่ะถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ตุ่นตัวเล็ก ๆ ก็ตามเถอะ”  ครีแกนกล่าวขึ้นพร้อมกับโบกมือเป็นเชิงลาให้ทั้งสอง 
          เขาเดินขึ้นบันไดไปข้างบนพร้อมกับตัวตุ่นของเขา  บันไดและช่องนั้นก็หายไปอีกครั้งเหมือนกับตอนแรกที่พวกเค้าลงมากันที่ห้องนี้
          “ท่าทางตุ่นตัวนั้นจะเป็น  Protector  ของครีแกนนะ” ไคน่าหันมาพูดกับลีโอดีนแล้วเธอก็ทำสีหน้าตกใจขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับก้มลงไปเพื่อค้นอะไรบางอย่างในกระเป๋าเดินทาง 
          “ตายแล้ว!!!  ฉันลืมไปว่าเก็บ คีซ ไว้ในกระเป๋าตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องมาที่นี่แน่ะ”
          ไคน่าควานลงไปในกระเป๋าแล้วก็อุ้มแมวสีส้มตัวเล็กกว่าปกติขึ้นมา  มันมีขนาดประมาณฝ่ามือเท่านั้นเอง
          “ขอโทษนะคีซฉันไม่ได้ตั้งใจลืมแกนะ  โอ๊ย!! แกจะกัดฉันทำไมเนี่ย”
          ไคน่ารีบสะบัดมือออกพร้อม ๆ กับที่คีซกระโดดออกไปจากเธอ  มันหันมามองไคน่าด้วยท่าทางที่ดูเหมือนมันจะโกรธเธออย่างแรงแล้วก็สะบัดหน้าวิ่งไปนอนขดตัวอยู่บนชุดรับแขก 
          ลีโอดีนที่เพิ่งล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าของเขาอุ้มเอาสัตว์ตัวเล็กเท่า ๆ กับคีซออกมา  มันดูเหมือนแมวสีเหลืองที่มีขนรอบคอสีเข้ม ๆ ยาวจนรุงรัง  มันกำลังหลับอย่างมีความสุขโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น  เจ้าตัวนั้นทำท่าเหมือนจะตื่นขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่ลีโอดีนวางมันลงพื้นก่อนที่จะเดินอย่างงัวเงียไปนอนใต้โต๊ะกินข้าว 
          “น่าสงสารสิงโตน้อยของฉันจริง ๆ มันคงเพลียกับการเดินทางแน่เลย  ดูซิมันยังไม่ตื่นเลยตั้งแต่ฉันนั่งกินแฮมเบอร์เกอร์อยู่บนแท็กซี่ก่อนขึ้นแอร์พอร์ตน่ะ  นับวัน ๆ เจ้า แลนซ์ นี่ยิ่งขี้เกียจขึ้นทุกวัน” ลีโอดีนหันมาบ่นกับไคน่า
          “ช่างมันเถอะ  มันก็น่าจะเหมือน ๆ กับเจ้าของน่ะแหละ”
          ไคน่าหันมาทำหน้าทะเล้นใส่ลีโอดีนโดยที่เธอยังเอามือลูบแผลที่คีซเพิ่งฝากไว้เมื่อครู่  ลีโอดีนขยับปากทำท่าจะเถียงขึ้นมาแต่ไคน่าก็รีบพูดสวนขึ้นมาได้ทันควันอีกครั้ง
          “เอาล่ะ ๆ ปล่อยพวกมันไว้ในนี้แหละ  นายกับฉันรีบเอาข้าวของไปเก็บกันได้แล้วจะได้อาบน้ำอาบท่าแล้วมานั่งคุยเรื่องนั้นกับครีแกนซะที  ฉันจองห้องน้ำก่อนนะนายนอนรอไปก่อนละกัน”
          พูดจบไคน่าก็รีบขนข้าวของของเธอเข้าไปหลังประตูบานนั้น  ลีโอดีนส่ายหน้าพร้อมกับทำเสียงฮึดฮัดเล็กน้อยก่อนที่จะยกกระเป๋าของเขาขึ้นพาดบ่าแล้วเดินตามไคน่าเข้าไป
          ข้างหลังประตูบานนั้นเป็นทางเดินเล็ก ๆ ที่มีเชิงเทียนจุดส่องสว่างตลอดสองข้างทางไปยังห้องน้ำ  บนผนังทั้งสองข้างประดับไว้ด้วยรูปภาพที่สวยงามทั้งรูปวิวทิวทัศน์ต่าง ๆ  รูปปราสาทเก่าที่ยังคงความสง่างามเอาไว้และรูปบุคคลอีกสองสามคนที่ทั้งไคน่าและลีโอดีนรู้สึกคุ้นขึ้นมาบ้างแต่ทั้งคู่ก็ยังนึกไม่ออกว่าพวกเขาเป็นใคร 
          ประตูห้องแรกด้านซ้ายมือที่ครีแกนบอกว่าเป็นห้องของเขาเปิดแง้มไว้เล็กน้อย  ไคน่าเอื้อมมือไปปิดประตูห้องของครีแกนแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องข้าง ๆ ของห้องนั้น  ส่วนลีโอดีนก็เลือกเดินเข้าไปยังห้องที่อยู่ตรงข้ามพอดีกับห้องของครีแกนนั่นเอง  หลังจากที่ทั้งสองหายเข้าไปในห้องแล้วตลอดทางเดินก็กลับมาเงียบสนิทดังเดิม
          กระสอบเมล็ดกาแฟและโกโก้สดนานาชนิดวางกองแยกกันไว้อย่างเป็นระเบียบ  กระสอบน้ำตาลทราย  น้ำตาลกรวด  และผงครีมเทียมที่เขาเพิ่งไปซื้อมากจากตลาดในวันนี้ถูกวางกองอย่างลวก ๆ ข้างกระสอบเมล็ดกาแฟที่มีป้ายติดไว้ว่า  อาราบิก้า  ถัดไปมีกะละมังใส่เมล็ดกาแฟคั่วแล้วที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายตั้งแต่ก้าวเข้าไปในห้องวางอยู่ห้าถึงหกใบ 
          ถัดจากกะละมังเหล่านั้นมีเครื่องบดกาแฟวางอยู่ข้างเตาไฟเล็ก ๆ  ที่ครีแกนคงจะมีไว้สำหรับคั่วเมล็ดกาแฟหลากชนิด  นอกจากนั้นคงเอาไว้ทำอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับอาหารแต่ละมื้อของเขาและอาหารง่าย ๆ ที่พอจะมีอยู่ในรายการอาหารของร้าน กาแฟถ้วยเดียว  ฝั่งตรงข้ามมีตู้แช่แข็งขนาดกลางที่ไอเย็นจับกระจกเปิดจนไม่สารถมองผ่านเข้าไปข้างในตู้ได้  ข้าง ๆ มีตู้น้ำที่มีแต่ความว่างเปล่า  พวกเขาคาดว่าพรุ่งนี้ครีแกนคงต้องขอแรงทั้งสองไปขนน้ำเปล่าและน้ำผลไม้จากร้านขายส่งเป็นแน่ 
          บนเพดานห้องมีดวงไฟนีออนสีส้มห้อยไว้เพียงสองดวงแค่พอที่จะทำให้เค้าไม่ทำอาหารบนเตาไหม้  นอกจากนั้นห้องนี้ก็เต็มไปด้วยชุดถ้วยกาแฟหลายแบบ  จานชามสำหรับอาหารวางกองไว้ที่มุมหนึ่งของห้องข้างตู้ไม้เก่า ๆ ใบหนึ่งที่คงเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องปรุงในการทำอาหาร  ซึ่งช้อนส้อมก็คงถูกเก็บไว้ในลิ้นชักชั้นใดชั้นหนึ่งในสามชั้นของตู้ใบนั้น 
          ลังใส่เครื่องปรุงต่าง ๆ ถูกวางซ้อนกันสูงเสียจนเกือบถึงเพดาน  ไคน่ากำลังจับจ้องไปยังลังกระดาษใบหนึ่งที่บ่งบอกว่าของข้างในคือวิปครีมชนิดเพิ่มแคลเซี่ยม  เก้าอี้ตัวหนึ่งที่ครีแกนคงมีไว้ปีนหยิบของวางอยู่ตรงมุมในสุดของห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำความสะอาดร้านและอ่างล้างหน้าอ่างเล็กที่ชิดมุมในพอดี 
          ครีแกนกำลังเดินไปเปิดก๊อกอ่างล่างหน้าแล้วซักผ้าเช็ดโต๊ะที่เขาเพิ่งเอามันลงมาจากบ่า  เมื่อเขาบิดไล่น้ำจากผ้าผืนนั้นจนหมดแล้วเขาก็พาดมันไว้บนถังน้ำที่วางอยู่ใต้อ่างแล้วหันมาทางที่ทั้งสองยืนอยู่
          “คุณจะคุยกับพวกเราที่นี่เหรอครับ” 
          ลีโอดีนมองไปรอบ ๆ ห้อง  เขาเห็นเก้าอี้เพียงตัวเดียวเท่านั้น  และนั่นก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยถามครีแกนออกไป
          “ชั้นก็ไม่ได้บอกอย่างนั้นนี่พ่อหนุ่มน้อย” ครีแกนทำหน้าอมยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอ 
          จากนั้นเขาจึงค่อย ๆ หลับตา  ลงอย่างสงบพร้อมกับยกมือทั้งสองขึ้นมากุมประสานกันเหนืออก 
          “ขออำนาจแห่งฤทธามนตร์เวทย์คาถามหาเทพีแสงจันทราผู้สว่างไสว  ซึ่งสถิตประจำดวงจิตบริวารอันภักดีองค์เทพีผู้แสนเกรียงไกร  สำแดงฤทธิ์ประสิทธิ์ประสาทแก่ตัวข้าดังใจหมาย...ในบัดดล”
          ครีแกนเริ่มร่ายมนตราขึ้นมาเบา ๆ กับตัวเองอย่างตั้งใจ  เขาหยุดเงียบไปซักพักเพียงไม่นานหลังจากนั้นก็มีแสงสีเหลืองนวลที่ดูช่างแสนอบอุ่นค่อย ๆ สว่างขึ้นกลางพื้นห้อง  แล้วพื้นไม้ตรงนั้นก็ค่อย ๆ ขยับห่างออกจากกันเผยให้เห็นช่องทางที่มีบันไดไม้สีเข้มทอดยาวลงไปยังที่แห่งใดแห่งหนึ่ง
          “เอาล่ะลีโอดีน  ฉันว่าพวกเราคงไม่ต้องคุยกันในนี้แล้วล่ะ”  เขาหันมามอบรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้กับลีโอดีน 
          “ค่อย ๆ ยกสัมภาระเดินตามฉันลงไปข้างล่างนี่ละกัน  เดินระวังหน่อยนะเด็ก ๆ บันไดมันค่อนข้างชันหน่ะ  ชั้นเองเคยพลาดตกลงไปข้างล่างตั้งหลายครั้ง  สะโพกงี้เคล็ดไปหลายวันเชียวนะ” ครีแกนพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี 
          เขาเดินนำลงไปข้างล่างโดยมีไคน่าที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเธอพร้อมกับคีบรองเท้าส้นสูงสีทองที่มันเริ่มกัดนิ้วเท้าแล้วและลีโอดีนที่ยกกระเป๋าของเขาขึ้นพาดบ่าแล้วช่วยประคองกระเป๋าของไคน่าไม่ให้มันไหลลงไปทับตัวเธอเองตามลงมาโดยไม่ทิ้งระยะห่างจากผู้นำมากนัก
          แล้วทั้งสองก็เดินลงมาหยุดอยู่ที่พื้นห้อง ๆ หนึ่ง  บันไดค่อย ๆ หายขึ้นไปทีละขั้น  ขณะเดียวกันช่องที่เปิดทางให้พวกเขาลงมาในตอนแรกกำลังเลื่อนชิดเข้าหากันจนสนิท  พร้อม ๆ กับแสงไฟที่สว่างขึ้นมาภายในห้องๆนั้น 
          ห้องลับห้องนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยไม้เนื้อแข็งสีเข้มขัดมันอย่างดี  สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งของประดับตกแต่งส่วนใหญ่ทำมาจากไม้ทั้งสิ้น  กลางห้องมีชุดรับแขกเล็ก ๆ พอรับรองแขกประมาณห้าถึงหกคนวางอยู่บนพรมหมีขาวตัวใหญ่ที่กำลังอ้าปากหันไปทางเตาผิงขนาดเล็ก 
          บนโต๊ะตัวเตี้ยกลางชุดรับแขกมีถาดแอปเปิ้ลเขียววางอยู่ข้าง ๆ ขวดไวน์เปิดแล้วที่ยังแช่อยู่ในถังและแก้วไวน์ใช้แล้วที่ยังมีไวน์แดงหลงเหลืออยู่  เหนือเตาผิงมีรูปวาดของชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นครีแกนในตอนหนุ่มกับหญิงสาวผมสีทองหน้าตาสะสวยกำลังส่งยิ้มให้ 
          ตู้หนังสือใบใหญ่สองใบวางอยู่เต็มพื้นที่ของผนังด้านซ้ายของเตาผิง  ประตูไม้สักสีทองบานใหญ่แกะสลักลวดลายอันวิจิตรงดงามอยู่ฝั่งตรงข้ามของตู้สองใบนั้น  ครีแกนจุดไฟขึ้นในเตาผิงแล้วเงยหน้าขึ้นมากล่าวกับทั้งสอง
          “เด็ก ๆ หลังประตูบานนั้นมีห้องนอนอยู่สี่ห้อง  ห้องแรกทางซ้ายมือเป็นของฉัน  ส่วนสามห้องที่เหลือพวกเธอเลือกเอาตามใจชอบแล้วกันว่าจะนอนห้องไหน  เอาข้าวของไปเก็บซะแล้วถ้าอยากอาบน้ำก็เชิญที่ห้องสุดทางเดินเลยนะจ๊ะ  ตกลงกันดี ๆ นะอย่าทะเลาะกันซะก่อนล่ะ  ฉันจะขึ้นไปทำอาหารเย็นมาต้อนรับพวกเธอ  เจอกันที่โต๊ะอาหารนะเด็ก ๆ”
          ครีแกนชี้ไปที่โต๊ะอาหารตัวใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเตาผิง  แล้วเขาก็เริ่มหลับตาร่ายเวทย์เพื่อเรียกบันไดไปข้างบนอีกครั้งอีกครั้ง
          ลีโอดีนเอื้อมมือไปเลื่อนประตูบานนั้น  และทันทีที่ประตูเปิดออกทั้งเขาก็สะดุ้งหลบไปทางข้าง ๆ ประตูพร้อมกับการกรีดร้องขึ้นมาของไคน่า  มีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านขาของพวกเขาไปทางบันไดที่เพิ่งทอดตัวลงมา  ครีแกนหันมาทางเสียงร้องและหัวเราะเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
          “ฮ่า ๆ ๆ ชั้นลืมไปว่าทิ้งแกไว้ข้างใน” ครีแกนพูดกับสัตว์ตัวเล็กที่เขาเพิ่งอุ้มมันขึ้นมาไว้ข้าง ๆ เอวด้วยมือข้างเดียว 
          “นี่ไงจีจี้ของชั้น  มันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของชั้นมาตลอดเลยล่ะถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ตุ่นตัวเล็ก ๆ ก็ตามเถอะ”  ครีแกนกล่าวขึ้นพร้อมกับโบกมือเป็นเชิงลาให้ทั้งสอง 
          เขาเดินขึ้นบันไดไปข้างบนพร้อมกับตัวตุ่นของเขา  บันไดและช่องนั้นก็หายไปอีกครั้งเหมือนกับตอนแรกที่พวกเค้าลงมากันที่ห้องนี้
          “ท่าทางตุ่นตัวนั้นจะเป็น  Protector  ของครีแกนนะ” ไคน่าหันมาพูดกับลีโอดีนแล้วเธอก็ทำสีหน้าตกใจขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับก้มลงไปเพื่อค้นอะไรบางอย่างในกระเป๋าเดินทาง 
          “ตายแล้ว!!!  ฉันลืมไปว่าเก็บ คีซ ไว้ในกระเป๋าตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องมาที่นี่แน่ะ”
          ไคน่าควานลงไปในกระเป๋าแล้วก็อุ้มแมวสีส้มตัวเล็กกว่าปกติขึ้นมา  มันมีขนาดประมาณฝ่ามือเท่านั้นเอง
          “ขอโทษนะคีซฉันไม่ได้ตั้งใจลืมแกนะ  โอ๊ย!! แกจะกัดฉันทำไมเนี่ย”
          ไคน่ารีบสะบัดมือออกพร้อม ๆ กับที่คีซกระโดดออกไปจากเธอ  มันหันมามองไคน่าด้วยท่าทางที่ดูเหมือนมันจะโกรธเธออย่างแรงแล้วก็สะบัดหน้าวิ่งไปนอนขดตัวอยู่บนชุดรับแขก 
          ลีโอดีนที่เพิ่งล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าของเขาอุ้มเอาสัตว์ตัวเล็กเท่า ๆ กับคีซออกมา  มันดูเหมือนแมวสีเหลืองที่มีขนรอบคอสีเข้ม ๆ ยาวจนรุงรัง  มันกำลังหลับอย่างมีความสุขโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น  เจ้าตัวนั้นทำท่าเหมือนจะตื่นขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่ลีโอดีนวางมันลงพื้นก่อนที่จะเดินอย่างงัวเงียไปนอนใต้โต๊ะกินข้าว 
          “น่าสงสารสิงโตน้อยของฉันจริง ๆ มันคงเพลียกับการเดินทางแน่เลย  ดูซิมันยังไม่ตื่นเลยตั้งแต่ฉันนั่งกินแฮมเบอร์เกอร์อยู่บนแท็กซี่ก่อนขึ้นแอร์พอร์ตน่ะ  นับวัน ๆ เจ้า แลนซ์ นี่ยิ่งขี้เกียจขึ้นทุกวัน” ลีโอดีนหันมาบ่นกับไคน่า
          “ช่างมันเถอะ  มันก็น่าจะเหมือน ๆ กับเจ้าของน่ะแหละ”
          ไคน่าหันมาทำหน้าทะเล้นใส่ลีโอดีนโดยที่เธอยังเอามือลูบแผลที่คีซเพิ่งฝากไว้เมื่อครู่  ลีโอดีนขยับปากทำท่าจะเถียงขึ้นมาแต่ไคน่าก็รีบพูดสวนขึ้นมาได้ทันควันอีกครั้ง
          “เอาล่ะ ๆ ปล่อยพวกมันไว้ในนี้แหละ  นายกับฉันรีบเอาข้าวของไปเก็บกันได้แล้วจะได้อาบน้ำอาบท่าแล้วมานั่งคุยเรื่องนั้นกับครีแกนซะที  ฉันจองห้องน้ำก่อนนะนายนอนรอไปก่อนละกัน”
          พูดจบไคน่าก็รีบขนข้าวของของเธอเข้าไปหลังประตูบานนั้น  ลีโอดีนส่ายหน้าพร้อมกับทำเสียงฮึดฮัดเล็กน้อยก่อนที่จะยกกระเป๋าของเขาขึ้นพาดบ่าแล้วเดินตามไคน่าเข้าไป
          ข้างหลังประตูบานนั้นเป็นทางเดินเล็ก ๆ ที่มีเชิงเทียนจุดส่องสว่างตลอดสองข้างทางไปยังห้องน้ำ  บนผนังทั้งสองข้างประดับไว้ด้วยรูปภาพที่สวยงามทั้งรูปวิวทิวทัศน์ต่าง ๆ  รูปปราสาทเก่าที่ยังคงความสง่างามเอาไว้และรูปบุคคลอีกสองสามคนที่ทั้งไคน่าและลีโอดีนรู้สึกคุ้นขึ้นมาบ้างแต่ทั้งคู่ก็ยังนึกไม่ออกว่าพวกเขาเป็นใคร 
          ประตูห้องแรกด้านซ้ายมือที่ครีแกนบอกว่าเป็นห้องของเขาเปิดแง้มไว้เล็กน้อย  ไคน่าเอื้อมมือไปปิดประตูห้องของครีแกนแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องข้าง ๆ ของห้องนั้น  ส่วนลีโอดีนก็เลือกเดินเข้าไปยังห้องที่อยู่ตรงข้ามพอดีกับห้องของครีแกนนั่นเอง  หลังจากที่ทั้งสองหายเข้าไปในห้องแล้วตลอดทางเดินก็กลับมาเงียบสนิทดังเดิม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น