ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~๐Oo>>The Moonlight Worriors<

    ลำดับตอนที่ #2 : ~๐Oo>>ร้านกาแฟถ้วยเดียว

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 49


              บรรยากาศของร้านกาแฟเก่า ๆ เล็ก ๆ แห่งหนึ่งในยามหัวค่ำอันแสนอบอุ่นจากแสงจันทร์สีเหลืองนวลที่ทอดผ่านหน้าต่างเข้ามา  ร้าน กาแฟถ้วยเดียว ตั้งอยู่หัวมุมถนนในย่านที่คนไม่ค่อยพลุกพล่านนักเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น ๆ ในลอสแองเจลลิส  ร้านนี้ถูกตกแต่งด้วยไฟนีออนสีเหลืองส้มที่เสริมบรรยากาศของค่ำคืนให้ดูโรแมนติกยิ่งขึ้น  



              ภายในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟคั่วหอมกรุ่น  และเสียงดนตรีเบา ๆ เปิดคลอให้ได้อารมณ์ที่ผ่อนคลายยิ่งขึ้น  แม้ตามปกติร้านนี้จะไม่ค่อยเป็นร้านที่ดูแออัดยัดเยียดไปด้วยฝูงคน  แต่ลูกค้าที่มาใช้บริการก็ผลัดเวียนกันเข้ามาไม่ขาดสาย  ทั้งขาประจำและขาจรมักจะมานั่งจิบกาแฟเพื่อเสพย์ความสุขเพียงเวลาไม่นาน  แล้วซักพักพวกเค้าก็จะจากไปและนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าของร้านต้องตั้งชื่อร้านกาแฟของเค้าอย่างนี้  



              ในร้านมีเพียงลูกค้าสามรายที่ต่างนั่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเองที่ได้จับจองไว้  ส่วนเจ้าของร้านกำลังวุ่นอยู่หลังบาร์กาแฟกลางร้านกับการเตรียมน้ำตาลและครีมเทียม  เมื่อตอนบ่ายแก่ๆเขาต้องปิดร้านไปพักใหญ่ทีเดียว  เนื่องจากเมื่อวานก่อนปิดร้านเค้าลืมตรวจดูปริมาณของน้ำตาลและครีมเทียม  วันนี้เค้าจึงต้องเสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อไปซื้อของสำคัญทั้งสองอย่างนี้





              ขณะที่เจ้าของร้าน กาแฟถ้วยเดียว กำลังสบถขึ้นเบา ๆ ใส่น้ำตาลถุงใหญ่ที่เค้าเพิ่งเทหกเกลื่อนพื้นหลังบาร์  เสียงกระดิ่งรูปกาต้มกาแฟที่แขวนไว้กับประตูหน้าร้านก็ดังขึ้น  



              ลูกค้าชายสูงวัยที่กำลังคลี่หนังสือพิมพ์ในมือเหลือบขึ้นมองต้นเหตุแห่งเสียงผ่านแว่นขอบหนาที่เขาใช้อำนวยความสะดวกในการอ่านเพียงแว่บเดียว  จากนั้นเขาก็ก้มลงสนใจกับข่าวสารเกี่ยวกับการปรับนโยบายของคณะเทศมนตรีประจำท้องถิ่นต่อ  หญิงวัยทำงานที่ดูเหมือนจะนั่งที่โต๊ะกลางร้านพอดียังคงคุยกับคนในโทรศัพท์มือถือของเธอต่อไปโดยไม่แม้แต่จะขยับตัวไปทางลูกค้ารายใหม่  ต่างจากเด็กหนุ่มวัยรุ่นในโต๊ะริมประตูที่มองตามการเคลื่อนไหวของหญิงสาวที่เพิ่งก้าวเข้ามาในร้านอย่างไม่ละสายตา



              

              "เชิญเลือกที่นั่งตามสบายนะครับ  แต่ถ้าไม่รังเกียจจะมานั่งคุยเป็นเพื่อนกันที่บาร์นี่ก็ได้  ถ้าคุณปล่อยให้ลุงบ่นไอ้น้ำตาลถุงนี้ไปตลอดคืนมีหวังคุณคงต้องตามไปกินกาแฟร้านลุงในโรงพยาบาลบ้าที่ไหนซักแห่งแน่"  ชายสูงวัยเจ้าของร้านกล่าวอย่างอารมณ์ดีขณะที่เค้ากำลังโกยน้ำตาลใส่ถังขยะสีเขียวที่เพิ่งดึงมาไว้ข้าง ๆ ตัว





              "ยังขี้บ่นไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะครีแกน"  หญิงสาวหยอกกลับมาอย่างคุ้นเคยกับชายแก่  พร้อมกับเลือกที่นั่งตรงกลางบาร์  



              เธอเป็นหญิงสาวสวยร่างเล็กที่สามารถทำให้หนุ่ม ๆ สะดุดตาได้ไม่ยาก  เธอมีผิวขาวนวลราวกับแสงจันทร์ยามค่ำคืน  ผมส้มซีด ๆยาวประบ่าสีซอยไล่สั้นขึ้นมาเล็กน้อย   นัยน์ตาสีน้ำตาลเฮเซิลที่ทาขอบตาบาง ๆ ด้วยสีเบจ  จมูกเข้ารูปรับกับใบหน้าเรียวรูปไข่  และริมฝีปากอันเรียวบางของเธอแต่งแต้มด้วยสีส้มอ่อน  



              เสื้อโค้ทตัวยาวเข้ารูปสีครีมเพิ่งถูกถอดออกวางลงข้าง ๆ ตัว  เผยให้เห็นเสื้อสายเดี่ยวสีครีมเข้มที่เข้าชุดกับผ้าพันคอลายสก๊อตสีน้ำตาลและกางเกงสแลคยาวสีน้ำตาลอ่อน  เมื่อรวมกับรองเท้าส้นสูงสีทองและกระเป๋าเดินทางสีดำที่เธอลากติดตัวมาด้วย  ทำให้ใคร ๆ ก็ต้องพอเดาออกว่าเธอเพิ่งออกมาจากสนามบินกลางเมือง  





              ชายแก่เจ้าของร้านตกใจกับน้ำเสียงอันคุ้นเคยของผู้มาเยือนจนต้องชะโงกจากหลังบาร์ขึ้นมาพลางขยับแว่นสายตาเพื่อเพ่งหน้าตาเธอให้ชัด  หลังจากนั้นครีแกนก็ทักทายพลางหัวเราะเบา ๆ ใส่หญิงสาวรุ่นหลานเบื้องหน้าซึ่งตอนนี้กำลังส่งยิ้มหวานมาให้  



              "อ้าว  นังหนูไคน่า!!!  เธอสวยขึ้นเป็นกองเลยนะเนี่ย  ตาแก่อย่างชั้นจำแทบไม่ได้แน่ะ  ถ้าชั้นยังไม่แก่นะเธอจะต้องเจอลูกตื้อของชั้นซักชุดสองชุดแน่"



              เขาว่าพลางก้มลงไปเก็บน้ำตาลที่หกบนพื้นต่อ  จากนั้นจึงรินกาแฟดำใส่ถ้วยเล็ก ๆ มาวางตรงหน้าเธอ  



              "เอ้ากินซะจะได้หายเหนื่อย  ท่าทางจะเดินมาไกลนะเด็กน้อยของชั้น"



              "ขอครีมเทียมกับน้ำตาลด้วยค่ะ  หนูไม่กินกาแฟดำ  เอ...แต่หนูว่าเปลี่ยนเป็นช็อกโกแลตเลยดีกว่าเพราะหนูไม่ค่อยชอบกาแฟน่ะ  ใส่น้ำแข็งด้วยนะคะ  อืมม...เอาเข้าเบลนเดอร์เลยดีกว่าค่ะเย็นดี  แล้วถ้าจะดีมาก ๆ ก็ใส่วิปครีมมาเยอะ ๆ นะจ๊ะครีแกนที่แสนดี" ไคน่าพูดพลางทำหน้าตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์ใส่ครีแกน



              "ยัยตัวดี  เรื่องมากแล้วก็ขี้อ้อนเป็นที่หนึ่ง  ไม่มีใครเกินไคน่าที่รักของชั้นได้เลยนะเนี่ย  งั้นยกกาแฟถ้วยนั้นให้เพื่อนเธอเลยละกัน" ครีแกนเบ้ปากไปทางประตูในขณะที่หนุ่มผมทองรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังเปิดประตูเข้ามา  



              เขาสวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำที่ไม่ได้รูดซิบทำให้เห็นเสื้อยืดสีส้มข้างใน  กางเกงยีนส์ตัวใหญ่ ๆ สีดำกับรองเท้าผ้าใบเหยียบส้นคู่ใหญ่ทำให้เขาดูเท่ไม่ใช่เล่น  เมื่อรวมกับดวงตาสีฟ้าบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาอีกทั้งร่างกายที่ไม่หนาและบอบบางจนเกินไป  มันยิ่งไม่น่าสงสัยถ้าจะมีผู้หญิงหลาย ๆ คนมาคลั่งไคล้ตัวในตัวเขา  



              เพียงแต่ว่าในตอนนี้สีหน้าของเขาแสดงออกมาว่าเขากำลังไม่สบอารมณ์กับอะไรบางอย่าง  เขาทำเสียงฮึดฮัด ๆ พร้อมทั้งสบถขึ้นมาอย่างเบา ๆ (...ในความคิดของเค้าเอง  แต่ถ้าสังเกตได้คนในร้านทุกคนก็หันมามองทางเขาเป็นสายตาเดียวหลังจากเค้าระบายบางคำบางคำออกมา)  



              จากนั้นเขาก็วางกระเป๋าอย่างแรงข้าง ๆ กระเป๋าของไคน่าพร้อมทั้งเหวี่ยงตัวขึ้นไปนั่งบนบาร์ข้าง ๆ เธออย่างรวดเร็ว  (นั่นทำให้ชายที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์มองเขาด้วยสายตาที่ดูถูกอย่างรุนแรง  เขารีบพับหนังสือพิมพ์ในมือและควักเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะจำนวนหนึ่ง  ก่อนที่จะเดินออกไปจากร้านอย่างไม่สบอารมณ์)





              "มาถึงก็เริ่มไล่ลูกค้าชั้นเลยนะลีโอดีน  เฮ้อ...เด็กหนุ่มสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยชั้นเล้ย" ครีแกนว่าพลางหัวเราะใส่เขา



              "ท่าทางนายเหมือนเพิ่งกินนมอุ่น ๆ จนอิ่มมานะเนี่ย  ทำตัวน่ารักเชียว" ไคน่าแกล้งแหย่ให้อารมณ์ของลีโอดีนพลุ่งพล่านขึ้นมาอีก  



              "จะไปนอนเลยมั๊ยล่ะจ๊ะหนูน้อย"



              "เธอเลิกยั่วประสาทชั้นอีกคนได้มั๊ยไคน่า  เมื่อตะกี๊ชั้นเพิ่งจัดการสั่งสอนไอ้เวรสองคนนั่นที่มากวนประสาทชั้นไปแหม่บ ๆ ลงเครื่องมาก็กะว่าจะรีบมาอาบน้ำให้สบายซะหน่อย  ต้องมาอารมณ์เสียอีกแล้ว  วันนี้มันเป็นวันอะไรของชั้นเนี่ย  เซ็งอิ๊บอ๋ายเลยว่ะ"  



              เขาระบายอารมณ์ออกมาก่อนที่จะคว้าช็อกโกแลตปั่นของไคน่าที่ครีแกนเพิ่งยกมาให้ไปกินหน้าตาเฉย



              "อะไรเนี่ย  ของนายอ่ะถ้วยนี้  นั่นมันช็อกโกแลตของชั้นนะ"



              "เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องเถียงกัน  โต ๆ กันแล้วยังกัดกันเป็นเด็กเล็ก ๆ เชียว  เดี๋ยวชั้นทำให้เธอใหม่ละกัน  ใส่วิปครีมให้หมดกระป๋องเลย  เอามะ" ครีแกนเก็บถ้วยกาแฟดำไปซดกินซะเองแล้วหันไปหยิบกระป๋องวิปครีมขึ้นมาเขย่าเป็นเชิงให้ไคน่าพร้อมกับรอยยิ้ม



              "งั้นก็ได้  ชั้นเห็นแก่ครีแกนนะเนี่ย" เธอพูดพลางส่งสายตาขุ่น ๆ ให้ชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ ก่อนจะหันไปจ้องที่กระป๋องวิปครีมอย่างไม่วางตา



              "บาทหลวงโดมินิกคิดยังไงให้คู่กัดสองคนนี้มาทำหน้าที่พร้อมกันเนี่ย  ท่านจะแปลกใจมั๊ยนะถ้าเที่ยวบินของปีนี้ต้องร่วงกลางทาง  เพราะผู้คุมกฎของลูเนียเรนาริสทั้งสองขึ้นไปกัดกันเองจนทำให้แผงควบคุมของตัวยานโดนลูกหลง" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเชิงสนุกพลางส่ายหน้าไปมา



              "เกินไปน่าครีแกน  เวลาไหนเป็นการเป็นงานชั้นก็รู้น่า" ลีโอดีนเงยหน้าขึ้นมาจากแก้ว  พร้อมกับสีหน้าไม่พอใจใส่ที่มุ่งตรงไปยังเจ้าของร้าน



              "ครั้งนี้ชั้นอยู่ข้างนาย"  ไคน่าก็เช่นกันส่งสายตาขุ่นเคืองไปทางชายแก่ใจดีที่กำลังอดกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว  



              "ว่าแต่ว่าครีแกน  เราอยากคุยอะไรบางอย่างกับคุณ" ไคน่าพูดขึ้นอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าที่เป็นจริงเป็นจังต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง





              ชายแก่เจ้าของร้านรู้ดีด้วยสีหน้าและท่าทางในตอนนี้ของทั้งสอง  เขาชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะทำสีหน้าปกติ  และหันไปกล่าวกับลูกค้าของเขาทั้งสองคนที่ยังเหลืออยู่ในร้าน  





              "ขอโทษนะครับคุณลูกค้าที่แสนดี  ผมเกรงว่าผมจะต้องปิดร้านในตอนนี้แล้วล่ะครับ  คงเข้าใจคนแก่ ๆ อย่างผมนะ  นาน ๆ ทีหลาน ๆ มันจะมาเยี่ยมซักครั้งนึง  ถือว่ากาแฟของพวกคุณผมเลี้ยงในโอกาสที่หลานผมมาเยี่ยมนะครับ  โอกาสหน้าค่อยมาเสียตังค์ให้ผมละกัน"



              "โธ่ลุง  ผมนัดกะเพื่อนไว้ที่นี่  ถ้าผมไม่เจอมันแล้วผมจะไปเที่ยวกับใครล่ะคร้าบบบ  ไปที่นั่นก็ไม่ถูกด้วย... รึว่าหลานสาวลุงจะสงสารยอมไปส่งผม"  หนุ่มวัยรุ่นหน้าร้านพูดกลับมาพร้อมส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับไคน่าที่ตอนนี้ดูเหมือนจะระอากับคำพูดเชย ๆ นั่นซะเต็มประดา



              "อยากไปนรกหรือสวรรค์ดีล่ะคะ  จะไปเร็วหรือไปช้าบอกด้วยนะคะจะได้ไปส่งให้ถูกใจคุณ"

              

              "ชั้นว่าโรงพยาบาลแถวนี้ดีกว่า  ท่าทางจะมีพยาบาลสวย ๆ รอเดทกะนายเยอะด้วยนะ" ลีโอดีนเสริมไคน่า  

              

              ไอ้หนุ่มคนนั้นโกรธจนหน้าแดง  แต่ที่เขาทำได้ก็แค่รีบเดินออกจากร้านไป



              "หึ  หลาน ๆ ของชั้นนี่ขี้เล่นจริงจริ๊ง" ครีแกนพูดแล้วทั้งสามก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน



              "เอ้า  ว่ามา  พวกเธอมีอะไรจะพูดกับชั้น"  น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว  สีหน้าของทุกคนตอนนี้ไม่หลงเหลือว่าเมื่อซักครู่พวกเค้าเพิ่งจะหยอกล้อกันเล็ก ๆน้อย ๆ



              "คือท่านบาทหลวงโดมิกนิก  ท่านบอกว่าคำทำนายที่ยิ่งใหญ่จะมีจุดเริ่มต้นในเวลาอันสั้นที่กำลังจะถึงนี้  ท่านย้ำว่าให้มาบอกให้คุณรู้  แล้วเรื่องอื่น ๆ คุณจะรู้เองว่าควรทำอย่างไรต่อไป" ลีโอดีนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสุขุมกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด



              "แล้วท่านยังบอกอีกว่าคำทำนายที่กำลังจะเกิดขึ้นจริง  ก็คือคำทำนายที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองทาง  จะมีการทำลายล้างเผ่าพันธุ์บนโลกครั้งยิ่งใหญ่  และจะมีการพิทักษ์รักษาจากบุคคลที่มีอำนาจอันแสนเกรียงไกรด้วยเช่นกัน" ไคน่าถ่ายทอดข้อความที่บาทหลวงโดมินิกได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน





              บทสนทนาหายไปพักใหญ่  ครีแกนดูเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่  ส่วนไคน่าและลีโอดีนยังคงความสงสัยอยู่ไม่น้อยกับข้อความที่บาทหลวงโดมินิกได้มอบหมายให้มาถ่ายทอดแก่ครีแกน  ความเงียบได้เข้าปกคลุมร้านซึ่งครีแกนเพิ่งปิดเพลงที่เปิดไปก่อนการสนทนาบทสุดท้ายจะเริ่มขึ้น  ความตึงเครียดเข้ามาแทนที่กลิ่นหอมหวลของกาแฟคั่วและบรรยากาศอันแสนอบอุ่นของร้าน กาแฟถ้วยเดียว จนทำให้ผู้ที่นั่งอยู่หน้าบาร์ทั้งสองรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกถึงกับต้องมองหน้ากันเพื่อพยายามหาคำตอบจากอีกฝ่ายผ่านทางสายตา





              "แล้วพวกเธอต้องไปรับเด็ก ๆ กันวันไหนล่ะ"



              ครีแกนทำลายบรรยากาศตรึงเครียดลงด้วยน้ำเสียงของชายแก่ใจดีที่เป็นปกติของเขา  เขาพยายามกลบเกลื่อนบรรยากาศเมื่อครู่ไปด้วยการทำสีหน้าให้สดใสแล้วฮัมเพลงขึ้นเบา ๆ พร้อมกับเดินออกมาจากหลังบาร์เพื่อไปเก็บถ้วยกาแฟที่ค้างอยู่บนโต๊ะทั้งสามของลูกค้า  ซึ่งเขาพบว่ามีเงินวางอยู่สิบห้าเซนต์บนโต๊ะของชายที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ด้วย



              "มะรืนนี้แล้วล่ะครีแกน" ไคน่าตอบเขากลับมา  



              ฟังจากน้ำเสียงแล้วความเคลือบแคลงใจของไคน่ายังคงไม่ลดหายไปแม้แต่น้อย  เธอหันมามองหน้ากับชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ เธอคิดว่าบางทีเธอจะได้รับรู้บางสิ่งบางอย่างที่จะทำให้เธอสบายใจมากขึ้น



              "เรื่องที่ท่านบาทหลวงให้มาบอกมันคืออะไรเหรอครีแกน  อธิบายให้ชั้นกับไคน่าฟังได้ไหม...ถ้าคุณไม่ลำบากใจ" ลีโอดีนกล่าวขึ้นหลังจากที่นั่งสบตากับไคน่าอยู่นาน





              ครีแกนซึ่งตอนนี้กำลังเช็ดทำความสะอาดโต๊ะทั้งสามยังคงฮัมเพลงต่อไปเรื่อย ๆ  แล้วเดินไปพลิกป้ายหน้าร้านเพื่อแสดงต่อผู้คนภายนอกว่าขณะนี้จะไม่มีการบริการใด ๆ ทั้งสิ้นภายในร้าน กาแฟถ้วยเดียว แห่งนี้  ทั้งสองยังรอคำตอบจากชายแก่ตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ  ครีแกนเงยหน้าขึ้นมามองยังทั้งสองเล็กน้อยก่อนที่จะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา





              "มันก็แค่คำทำนายธรรมดาที่เกิดขึ้นมาเมื่อหลายพันปีก่อน  พวกเธอต้องเคยได้ยินมันผ่าน ๆ มาบ้างแล้วล่ะ  อีกไม่นานพวกเธอก็คงจะเข้าใจมันเองนั่นแหละ" ครีแกนทำน้ำเสียงให้ดูราบเรียบปกติที่สุด  





              เขาเงี่ยหูฟังแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้ยินเสียงโต้ตอบใด ๆ กลับมาเลยจากคนรุ่นหลานทั้งสองที่ตอนนี้กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาที่กระหายใคร่รู้  เขาถอนหายใจเบา ๆ ครั้งหนึ่งก่อนจะเอาผ้าเช็ดโต๊ะพาดบ่าแล้วหยิบถ้วยกาแฟทั้งสามเดินกลับเข้าไปทางหลังบาร์  



        

              "ยังไงนักสู้อย่างพวกเธอก็ต้องรู้อยู่แล้วนี่นา  เอาล่ะถ้าพวกเธออยากรู้ก็ตามชั้นเข้ามาละกัน  หยิบสัมภาระเข้ามาด้วยแล้วช่วยปิดไฟในร้านให้ชั้นที"  



              ครีแกนกล่าวขึ้นลอย ๆ พร้อมทั้งวางถ้วยกาแฟลงในอ่างข้าง ๆ บาร์  ก่อนที่จะผลักประตูไม้แกะสลักบานเก่า ๆ สีน้ำตาลไหม้เข้าไปข้างใน  โดยมีทั้งสองเดินตามเขาเข้าไปพร้อมกับสัมภาระของตนเองขณะที่ร้าน กาแฟถ้วยเดียว ในตอนนี้ไม่มีแสงใด ๆ หลงเหลืออยู่เลย





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×