ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้นของการลาจาก
ณ ชายป่าอันเงียบสงบแถบชานเมืองดอร์สโลเวเนีย - -เมืองหลวงแห่งอาณาจักรแอนเตริเนร่า  หนุ่มน้อยอายุราวสิบห้าปี  กำลังกวัดแกว่งดาบไม้ไปมาอย่างเอาจิงเอาจังภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่  ท่วงท่าในเพลงดาบของเขาดูราวกับทหารกล้าที่ผ่านประสบการณ์สนามรบมาอย่างโชกโชน  ความดุดันแฝงซ่อนอยู่ในลีลาสะบัดดาบอันพลิ้วไหว  แม้เป็นเพียงดาบไม้  แต่การร่ายรำของหนุ่มน้อยคนนี้ก็ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก
            เสียง...ฟั่บ...ฟั่บ...ของดาบไม้  ดังแหวกอากาศอย่างต่อเนื่องมานานนับชั่วโมงแล้วโดยไม่มีการหยุด  บนใบหน้าสวยงามได้รูปของเด็กหนุ่ม เต็มใบด้วยหยาดเหงื่อที่แสดงถึงความมุมานะในการฝึกฝน  แววตาสีฟ้าอ่อนแสดงถึงความมุ่งมั่นที่มีเกินวัย  ริมฝีปากอันเรียวบางผ่อนลมเข้าออกช้าๆตามจังหวะหายใจ  เส้นผมยาวประบ่าสีน้ำตาลที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ  สะบัดไปมาตามแรงเหวี่ยงในท่วงท่าของเพลงดาบ
เด็กหนุ่มยังคงวาดดาบไม้คู่ใจไปมาโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  เวลาก็ค่อยๆผ่านไปจนบ่ายคล้อย  มีเสียงเล็กๆลอยมาตามสายลม 
            “ลีออฟ ...พี่ลีออฟ” 
            ลีออฟหยุดชะงักการรำดาบและหันไปทางต้นเสียง  พลันรอยยิ้มก็ผุดขึ้นที่เรียวปากบางๆของเด็กหนุ่ม  เด็กสาวตัวเล็กๆกำลังวิ่งกระเตาะกระแตะมาทางเขา  ใบหน้าของเด็กสาวดูร่าเริงยิ่งนักเมื่อได้เห็นพี่ชาย  รอยยิ้มและแววตาอันสดใสของเธอทำให้พี่ชายหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง 
            เด็กสาวโผเข้ากอดพี่ชายทันทีที่ถึงตัว  สองพี่น้องหัวเราะร่าราวกับไม่ได้เจอกันมานานนับปี  ทั้งๆที่เมื่อเที่ยงพี่ชายเพิ่งกล่อมน้องสาวให้นอนหลับไป  ก่อนจะออกมาฝึกดาบที่ชายป่าแห่งนี้
            “มาเธอร์บอกว่าพี่ลีออฟน่าจะอยู่ตรงนี้  เลนน่าเลยออกมาตามหาพี่”  เด็กสาวตัวน้อยพูดจาเจื้อยแจ้ว  ทำให้พี่ชายยิ่งรักและเอ็นดูน้องสาวคนนี้
            “แล้วเลนน่าแอบหนีมาเธอร์มาหาพี่คนเดียวอีกแล้วหรอเนี่ย  พี่บอกแล้วว่าให้รอพี่ที่โบสถ์  เดี๋ยวเย็นๆพี่ก็กลับแล้ว”
            “ทีพี่ยังหนีเรียนกับมาเธอร์มาแอบซ้อมดาบที่นี่ได้เลยนี่นา  เลนน่าเป็นน้องของพี่  ก็ต้องหนีมาเธอร์มาหาพี่ได้เหมือนกันน่ะแหละ”
            แล้วสองพี่น้องก็หัวเราะร่วนกันอย่างมีความสุข  เด็กหนุ่มลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู  ส่วนน้องสาวก็กอดพี่ชายเอาไว้แน่นราวกับไม่ยอมให้พี่ชายห่างไปไหนอีก
            “นี่ก็เย็นแล้ว  พวกเรารีบกลับโบสถ์กันเถอะ  ถ้ามืดแล้วมาเธอร์จะตีเอา  เผลอๆอาจจะให้อดข้าวเย็นด้วย  พี่ยิ่งหิวๆอยู่”
            ลีออฟพูดพลางดึงผ้าผืนยาวที่พาดอยู่กับกิ่งไม้เตี้ยๆมาผูกยึดดาบไม้เอาไว้กับหลัง  แล้วส่งมือไปให้เลนน่า  เธอรีบตะครุบเอามือขวาของพี่ชายไว้ด้วยมือเล็กๆทั้งสองข้างของเธอ จากนั้นสองพี่น้องก็พากันเดินจูงมือลัดเลาะชายป่ากลับเข้าเมืองดอร์สโลเวเนีย
------------------------------------------------------------------------------------------
            ลีออฟและเลนน่าเป็นสองพี่น้องกำพร้า  พ่อแม่ของทั้งคู่ตายตั้งแต่ลีออฟยังอายุเพียงสิบขวบกว่าๆ  ในขณะที่เลนน่าลืมตาดูโลกได้ไม่นาน  พวกเขาจึงมีเพียงกันและกันมาตั้งแต่บัดนั้น  ลีออฟต้องคอยร่อนเร่ขอเศษอาหารและนมจากพวกชาวเมืองผู้ใจบุญวันแล้ววันเล่า  เพื่อประทังชีวิตตนเองและน้องสาวที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้  แล้วกลางดึกคืนหนึ่ง  เทพีแห่งโชคชะตาก็ทรงปรานีสองพี่น้อง 
            ระหว่างทางกลับจากการแสวงบุญของมาเธอร์เยนลัวร์  นางพบสองพี่น้องนอนหนาวสั่นอยู่ข้างทางท่ามกลางหิมะในราตรีอันมืดมิด  เนื้อตัวทั้งคู่มอมแมมสกปรก  เสื้อผ้ามอซอขาดรุ่งริ่ง  ทั้งคู่ต่างเป็นผ้าห่มซึ่งกันและกัน  เศษอาหารและเศษขยะเกลื่อนกลาดรอบตัว มาเธอร์เยนลัวร์เห็นแล้วเวทนานัก  จึงพาสองพี่น้องกลับมาเลี้ยงดูในโบสถ์เซนต์แซคคริลีน - - โบสถ์ใหญ่แห่งเดียวกลางใจเมืองดอร์สโลเวเนีย
            ในโบสถ์เซนต์แซคครีลีนมีเด็กกำพร้าที่มาเธอร์เยนลัวร์รับมาอุปการะมากมาย  แต่ด้วยความที่ลีออฟเป็นเด็กเงียบขรึมและไม่สุงสิงกับใคร  ทำให้ในตอนแรกเขาไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก  คนที่เขาจะพูดคุยด้วยมากที่สุดคือมาเธอร์เยนลัวร์  นั่นทำให้ความคิดความอ่านของเขา  ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกันมากนัก
            วันทั้งวันลีออฟจะเอาแต่ดูแลเลนน่า  น้องสาวที่เป็นเหมือนสิ่งสำคัญเพียงสิ่งเดียวที่เขาเหลืออยู่ในชีวิต  เลนน่าจึงกลายเป็นทั้งน้องสาวและเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา  สำหรับเลนน่าก็เช่นกัน  ลีออฟเปรียบเสมือนทั้งพ่อ  พี่ชายและเพื่อนเพียงคนเดียวของเด็กสาวตัวเล็กๆคนนี้  เธอจึงติดพี่ชายคนนี้มาก 
            เวลาที่ลีออฟแอบหนีเรียนออกไปฝึกดาบที่ชายป่าด้านนอกเมือง  เลนน่ามักแอบหนีออกจากโบสถ์  ตามไปดูลีออฟฝึกดาบเสมอ  มาเธอร์เยนลัวร์ต้องกังวลเป็นประจำที่ทั้งสองหายไปจากโบสถ์  นางออกตามหาทั้งสองให้ทั่วเมืองในการหายไปครั้งแรกๆ  แต่หลังจากนั้น  เรื่องที่ลีออฟกับเลนน่าหนีออกไปนอกโบสถ์ก็กลายเป็นเรื่องปกติไป
            ถึงแม้กระนั้นก็ตาม  มาเธอร์เยนลัวร์ก็ยังคอยเป็นห่วงสองพี่น้องอยู่ห่างๆ  นางรู้สึกถูกชะตากับเด็กทั้งสองเป็นพิเศษ  จึงรักและเอ็นทั้งคู่มากกว่าเด็กคนอื่นๆในโบสถ์  เนื่องจากทั้งสองเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย  เวลาอยู่ในโบสถ์ก็คอยช่วยงานต่างๆ  ไม่พยายามทำตัวเองให้เป็นภาระของมาเธอร์และซิสเตอร์  ที่สำคัญ  ตั้งแต่คืนที่มาเธอร์เยนลัวร์พบทั้งสองนอนอยู่ข้างถนน  นางก็ยังไม่เคยเห็นว่าทั้งสองจะแยกจากกันเลย  พี่น้องสองคนนี้มีเหลือเพียงกันและกัน  จึงไม่แปลกที่ทั้งสองจะสำคัญต่อกันมากกว่าสิ่งอื่นใด  นางประทับใจในความรักระหว่างพี่น้องคู่นี้มาก
            เมื่อคิดดังนี้มาเธอร์เยนลัวร์ก็ต้องใจหาย  เวลานั้นกำลังจะมาถึง  เวลาแห่งการลาจากของสองพี่น้อง  หนึ่งในนั้นรู้อยู่แก่ใจและเป็นคนตัดสินให้มันเป็นไปอย่างนั้น  แต่อีกคนหนึ่งยังไม่เคยคิดถึงช่วงเวลานั้นเลยแม้แต่น้อย  มาเธอร์เยนลัวร์ไม่อาจคิดถึงผลที่ตามมาได้  นางได้แต่ภาวนาให้อีกคนที่ยังไม่ระแคะระคายใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้  สามารถเข้มแข็งและผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้  เหมือนอย่างผู้ที่ตัดสินใจเลือกเข้มแข็งมากพอ  ที่จะเลือกให้เกิดการลาจากจากสิ่งสำคัญที่เหลือเพียงสิ่งเดียวในชีวิต
--------------------------------------------------------------------------
            เวลาเกือบหกโมงเย็น  มาเธอร์เยนลัวร์ยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง  สองพี่น้องมักจะกลับมาเวลานี้เสมอ  นางก็มายืนรอที่ตรงนี้ทุกวันเช่นกัน  สายตาของนางยังคงทอดมองไปที่ถนนเส้นหลักของเมืองดอร์สโลเวเนีย  ผู้คนยังคงเดินผ่านไปผ่านมาบริเวณหน้าโบสถ์อยู่เรื่อยๆ  หลังจากนั้นไม่นานนางก็เห็นสองพี่น้องเดินคุยกันมาถึงทางเข้าโบสถ์ 
            ลีออฟหิ้วของพะรุงพะรังเป็นพิเศษ  วันนี้ในมือของเขามีถุงขนมหลากสีสัน  เลนน่ารบเร้าให้เขาแวะตลาดนัดในเมืองซื้อขนมมามากมาย  ตอนนี้เธอกำลังเลียอมยิ้มสีชมพูแสนหวานในมืออย่างเอร็ดอร่อย  เธอหันมาหัวเราะกับลีออฟอย่างร่าเริง  สีหน้าและแววตาของทั้งคู่บ่งบอกถึงความสุขในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน  ความรักอันบริสุทธิ์ของพี่น้องคู่นี้ช่างงดงามนัก  ภาพที่มาเธอร์เยนลัวร์กำลังมองอยู่ช่างตราตรึงใจเหลือเกิน  ถ้าเป็นไปได้  นางอยากเห็นภาพอย่างนี้ไปอีกนานเท่านาน
            “อมยิ้มอันนี้อร่อยจังเลยค่ะพี่ลีออฟ  อร่อยกว่าขนมปังอันเมื่อกี๊อีก  อิอิ” เลนน่าพูดไปก็เลียอมยิ้มไปอย่างมีความสุข
            “กินไปตั้งหลายอย่างแล้วนะเลนน่า  กินไปเยอะขนาดนี้จะกินข้าวเย็นที่โบสถ์ไหวมั๊ยเนี่ย”
            “เลนน่ากินไหวอยู่แล้วค่ะ  มาเธอร์บอกว่าเด็กๆยิ่งกินเยอะยิ่งโตเร็ว”
            “แต่ขืนกินเยอะอย่างนี้ทุกวัน  อีกหน่อยน้องสาวของพี่กลายเป็นลูกบอลแน่  555”
            “ถึงเป็นลูกบอลเลนน่าก็เป็นลูกบอลที่น่ารักที่สุดแหล่ะน่า  เค้าไม่กลัวอ้วนหรอก”  เลนน่ายังคงตั้งหน้าตั้งตากินไม่ฟังเสียงใคร 
            สองพี่น้องหยุดนั่งกินขนมต่อตรงบันไดหน้าประตูโบสถ์  เลนน่าล้วงเข้าไปในถุงกระดาษสีน้ำตาล  แล้วหยิบโดนัทเคลือบช๊อกโกแลตออกมากัดคำโต  ลีออฟนั่งอมยิ้มมองน้องสาวกินขนม  สายตาเวลาที่เขามองน้องสาวช่างอ่อนโยนอบอุ่น  ในความคิดของเขา  ไม่มีเด็กคนไหนน่ารักมากกว่าน้องสาวของเขาอีกแล้ว  ลีออฟอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวน้องสาวเบาๆ  เลนน่าเงยมองพี่ชายแวบนึง  ก่อนที่จะส่งยิ้มให้
            \"วันหลังพี่ลีออฟพาเลนน่าไปซื้อขนมอีกนะ  เลนน่าอยากโตเร็วๆ  จะได้ไปซ้อมดาบเป็นเพื่อนพี่ลีออฟไง\"
            คำพูดที่จริงใจของเลนน่าทำให้ลีออฟสะอึก  สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที  ในตอนนี้เขารู้สึกสงสารน้องสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาจับใจ  เลนน่าจะทำใจรับการลาจากกับเขาได้ไหม  เขาคิดดีแล้วหรือที่ตัดสินใจแบบนั้น  เลนน่ามองหน้าลีออฟกลับด้วยความงุนงง  ที่อยู่ดีๆพี่ชายของเธอก็ทำหน้าเศร้าขึ้นมา
            \"พี่ลีออฟเป็นอะไรไปคะ  ทำไมทำหน้าเศร้าจัง\"
            ลีออฟไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น  แต่กลับดึงร่างน้องสาวมากอดไว้จนแน่น  เลนน่ายังไม่เข้าใจกับพฤติกรรมของพี่ชาย  แต่เมื่อลีออฟกอดเธอแน่นขึ้น  ความรู้สึกแปลกๆก็เริ่มเกิดในใจของเลนน่า  เธอปล่อยโดนัทเคลือบช๊อกโกแลตที่เหลืออีกครึ่งชิ้นในมือทิ้งลงพื้น  แล้วกอดตัวพี่ชายกลับจนแน่น  โดยที่ไม่มีการพูดคุยใดๆ  น้ำตาของทั้งคู่ก็ไหลอาบแก้ม 
            ไม่ต่างอะไรกับมาเธอร์เยนลัวร์  นางยืนมองสองพี่น้องทั้งน้ำตาอยู่ตรงริมหน้าต่างที่เดิม  ความคิดที่อยากจะเดินเข้าไปโอบกอดเด็กทั้งสอง  ถูกแทนที่ด้วยความคิดว่าปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามลำพังดีกว่า  เวลานี้สิ่งที่ดีที่สุดในความคิดของนาง  คือการให้เด็กทั้งสองได้ใช้เวลาที่เหลือร่วมกันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  เวลาที่เหลือเพียงแค่อีก 2 วันเท่านั้น  วันที่ลีออฟจะมีอายุครบสิบห้าปีบริบูรณ์  และเป็นวันเดียวกับวันที่ลีออฟตัดสินใจจะเดินออกไปจากโบสถ์เซนต์แซคคริลีนแห่งนี้....เพียงลำพัง
            เสียง...ฟั่บ...ฟั่บ...ของดาบไม้  ดังแหวกอากาศอย่างต่อเนื่องมานานนับชั่วโมงแล้วโดยไม่มีการหยุด  บนใบหน้าสวยงามได้รูปของเด็กหนุ่ม เต็มใบด้วยหยาดเหงื่อที่แสดงถึงความมุมานะในการฝึกฝน  แววตาสีฟ้าอ่อนแสดงถึงความมุ่งมั่นที่มีเกินวัย  ริมฝีปากอันเรียวบางผ่อนลมเข้าออกช้าๆตามจังหวะหายใจ  เส้นผมยาวประบ่าสีน้ำตาลที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ  สะบัดไปมาตามแรงเหวี่ยงในท่วงท่าของเพลงดาบ
เด็กหนุ่มยังคงวาดดาบไม้คู่ใจไปมาโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  เวลาก็ค่อยๆผ่านไปจนบ่ายคล้อย  มีเสียงเล็กๆลอยมาตามสายลม 
            “ลีออฟ ...พี่ลีออฟ” 
            ลีออฟหยุดชะงักการรำดาบและหันไปทางต้นเสียง  พลันรอยยิ้มก็ผุดขึ้นที่เรียวปากบางๆของเด็กหนุ่ม  เด็กสาวตัวเล็กๆกำลังวิ่งกระเตาะกระแตะมาทางเขา  ใบหน้าของเด็กสาวดูร่าเริงยิ่งนักเมื่อได้เห็นพี่ชาย  รอยยิ้มและแววตาอันสดใสของเธอทำให้พี่ชายหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง 
            เด็กสาวโผเข้ากอดพี่ชายทันทีที่ถึงตัว  สองพี่น้องหัวเราะร่าราวกับไม่ได้เจอกันมานานนับปี  ทั้งๆที่เมื่อเที่ยงพี่ชายเพิ่งกล่อมน้องสาวให้นอนหลับไป  ก่อนจะออกมาฝึกดาบที่ชายป่าแห่งนี้
            “มาเธอร์บอกว่าพี่ลีออฟน่าจะอยู่ตรงนี้  เลนน่าเลยออกมาตามหาพี่”  เด็กสาวตัวน้อยพูดจาเจื้อยแจ้ว  ทำให้พี่ชายยิ่งรักและเอ็นดูน้องสาวคนนี้
            “แล้วเลนน่าแอบหนีมาเธอร์มาหาพี่คนเดียวอีกแล้วหรอเนี่ย  พี่บอกแล้วว่าให้รอพี่ที่โบสถ์  เดี๋ยวเย็นๆพี่ก็กลับแล้ว”
            “ทีพี่ยังหนีเรียนกับมาเธอร์มาแอบซ้อมดาบที่นี่ได้เลยนี่นา  เลนน่าเป็นน้องของพี่  ก็ต้องหนีมาเธอร์มาหาพี่ได้เหมือนกันน่ะแหละ”
            แล้วสองพี่น้องก็หัวเราะร่วนกันอย่างมีความสุข  เด็กหนุ่มลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู  ส่วนน้องสาวก็กอดพี่ชายเอาไว้แน่นราวกับไม่ยอมให้พี่ชายห่างไปไหนอีก
            “นี่ก็เย็นแล้ว  พวกเรารีบกลับโบสถ์กันเถอะ  ถ้ามืดแล้วมาเธอร์จะตีเอา  เผลอๆอาจจะให้อดข้าวเย็นด้วย  พี่ยิ่งหิวๆอยู่”
            ลีออฟพูดพลางดึงผ้าผืนยาวที่พาดอยู่กับกิ่งไม้เตี้ยๆมาผูกยึดดาบไม้เอาไว้กับหลัง  แล้วส่งมือไปให้เลนน่า  เธอรีบตะครุบเอามือขวาของพี่ชายไว้ด้วยมือเล็กๆทั้งสองข้างของเธอ จากนั้นสองพี่น้องก็พากันเดินจูงมือลัดเลาะชายป่ากลับเข้าเมืองดอร์สโลเวเนีย
------------------------------------------------------------------------------------------
            ลีออฟและเลนน่าเป็นสองพี่น้องกำพร้า  พ่อแม่ของทั้งคู่ตายตั้งแต่ลีออฟยังอายุเพียงสิบขวบกว่าๆ  ในขณะที่เลนน่าลืมตาดูโลกได้ไม่นาน  พวกเขาจึงมีเพียงกันและกันมาตั้งแต่บัดนั้น  ลีออฟต้องคอยร่อนเร่ขอเศษอาหารและนมจากพวกชาวเมืองผู้ใจบุญวันแล้ววันเล่า  เพื่อประทังชีวิตตนเองและน้องสาวที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้  แล้วกลางดึกคืนหนึ่ง  เทพีแห่งโชคชะตาก็ทรงปรานีสองพี่น้อง 
            ระหว่างทางกลับจากการแสวงบุญของมาเธอร์เยนลัวร์  นางพบสองพี่น้องนอนหนาวสั่นอยู่ข้างทางท่ามกลางหิมะในราตรีอันมืดมิด  เนื้อตัวทั้งคู่มอมแมมสกปรก  เสื้อผ้ามอซอขาดรุ่งริ่ง  ทั้งคู่ต่างเป็นผ้าห่มซึ่งกันและกัน  เศษอาหารและเศษขยะเกลื่อนกลาดรอบตัว มาเธอร์เยนลัวร์เห็นแล้วเวทนานัก  จึงพาสองพี่น้องกลับมาเลี้ยงดูในโบสถ์เซนต์แซคคริลีน - - โบสถ์ใหญ่แห่งเดียวกลางใจเมืองดอร์สโลเวเนีย
            ในโบสถ์เซนต์แซคครีลีนมีเด็กกำพร้าที่มาเธอร์เยนลัวร์รับมาอุปการะมากมาย  แต่ด้วยความที่ลีออฟเป็นเด็กเงียบขรึมและไม่สุงสิงกับใคร  ทำให้ในตอนแรกเขาไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก  คนที่เขาจะพูดคุยด้วยมากที่สุดคือมาเธอร์เยนลัวร์  นั่นทำให้ความคิดความอ่านของเขา  ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกันมากนัก
            วันทั้งวันลีออฟจะเอาแต่ดูแลเลนน่า  น้องสาวที่เป็นเหมือนสิ่งสำคัญเพียงสิ่งเดียวที่เขาเหลืออยู่ในชีวิต  เลนน่าจึงกลายเป็นทั้งน้องสาวและเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา  สำหรับเลนน่าก็เช่นกัน  ลีออฟเปรียบเสมือนทั้งพ่อ  พี่ชายและเพื่อนเพียงคนเดียวของเด็กสาวตัวเล็กๆคนนี้  เธอจึงติดพี่ชายคนนี้มาก 
            เวลาที่ลีออฟแอบหนีเรียนออกไปฝึกดาบที่ชายป่าด้านนอกเมือง  เลนน่ามักแอบหนีออกจากโบสถ์  ตามไปดูลีออฟฝึกดาบเสมอ  มาเธอร์เยนลัวร์ต้องกังวลเป็นประจำที่ทั้งสองหายไปจากโบสถ์  นางออกตามหาทั้งสองให้ทั่วเมืองในการหายไปครั้งแรกๆ  แต่หลังจากนั้น  เรื่องที่ลีออฟกับเลนน่าหนีออกไปนอกโบสถ์ก็กลายเป็นเรื่องปกติไป
            ถึงแม้กระนั้นก็ตาม  มาเธอร์เยนลัวร์ก็ยังคอยเป็นห่วงสองพี่น้องอยู่ห่างๆ  นางรู้สึกถูกชะตากับเด็กทั้งสองเป็นพิเศษ  จึงรักและเอ็นทั้งคู่มากกว่าเด็กคนอื่นๆในโบสถ์  เนื่องจากทั้งสองเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย  เวลาอยู่ในโบสถ์ก็คอยช่วยงานต่างๆ  ไม่พยายามทำตัวเองให้เป็นภาระของมาเธอร์และซิสเตอร์  ที่สำคัญ  ตั้งแต่คืนที่มาเธอร์เยนลัวร์พบทั้งสองนอนอยู่ข้างถนน  นางก็ยังไม่เคยเห็นว่าทั้งสองจะแยกจากกันเลย  พี่น้องสองคนนี้มีเหลือเพียงกันและกัน  จึงไม่แปลกที่ทั้งสองจะสำคัญต่อกันมากกว่าสิ่งอื่นใด  นางประทับใจในความรักระหว่างพี่น้องคู่นี้มาก
            เมื่อคิดดังนี้มาเธอร์เยนลัวร์ก็ต้องใจหาย  เวลานั้นกำลังจะมาถึง  เวลาแห่งการลาจากของสองพี่น้อง  หนึ่งในนั้นรู้อยู่แก่ใจและเป็นคนตัดสินให้มันเป็นไปอย่างนั้น  แต่อีกคนหนึ่งยังไม่เคยคิดถึงช่วงเวลานั้นเลยแม้แต่น้อย  มาเธอร์เยนลัวร์ไม่อาจคิดถึงผลที่ตามมาได้  นางได้แต่ภาวนาให้อีกคนที่ยังไม่ระแคะระคายใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้  สามารถเข้มแข็งและผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้  เหมือนอย่างผู้ที่ตัดสินใจเลือกเข้มแข็งมากพอ  ที่จะเลือกให้เกิดการลาจากจากสิ่งสำคัญที่เหลือเพียงสิ่งเดียวในชีวิต
--------------------------------------------------------------------------
            เวลาเกือบหกโมงเย็น  มาเธอร์เยนลัวร์ยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง  สองพี่น้องมักจะกลับมาเวลานี้เสมอ  นางก็มายืนรอที่ตรงนี้ทุกวันเช่นกัน  สายตาของนางยังคงทอดมองไปที่ถนนเส้นหลักของเมืองดอร์สโลเวเนีย  ผู้คนยังคงเดินผ่านไปผ่านมาบริเวณหน้าโบสถ์อยู่เรื่อยๆ  หลังจากนั้นไม่นานนางก็เห็นสองพี่น้องเดินคุยกันมาถึงทางเข้าโบสถ์ 
            ลีออฟหิ้วของพะรุงพะรังเป็นพิเศษ  วันนี้ในมือของเขามีถุงขนมหลากสีสัน  เลนน่ารบเร้าให้เขาแวะตลาดนัดในเมืองซื้อขนมมามากมาย  ตอนนี้เธอกำลังเลียอมยิ้มสีชมพูแสนหวานในมืออย่างเอร็ดอร่อย  เธอหันมาหัวเราะกับลีออฟอย่างร่าเริง  สีหน้าและแววตาของทั้งคู่บ่งบอกถึงความสุขในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน  ความรักอันบริสุทธิ์ของพี่น้องคู่นี้ช่างงดงามนัก  ภาพที่มาเธอร์เยนลัวร์กำลังมองอยู่ช่างตราตรึงใจเหลือเกิน  ถ้าเป็นไปได้  นางอยากเห็นภาพอย่างนี้ไปอีกนานเท่านาน
            “อมยิ้มอันนี้อร่อยจังเลยค่ะพี่ลีออฟ  อร่อยกว่าขนมปังอันเมื่อกี๊อีก  อิอิ” เลนน่าพูดไปก็เลียอมยิ้มไปอย่างมีความสุข
            “กินไปตั้งหลายอย่างแล้วนะเลนน่า  กินไปเยอะขนาดนี้จะกินข้าวเย็นที่โบสถ์ไหวมั๊ยเนี่ย”
            “เลนน่ากินไหวอยู่แล้วค่ะ  มาเธอร์บอกว่าเด็กๆยิ่งกินเยอะยิ่งโตเร็ว”
            “แต่ขืนกินเยอะอย่างนี้ทุกวัน  อีกหน่อยน้องสาวของพี่กลายเป็นลูกบอลแน่  555”
            “ถึงเป็นลูกบอลเลนน่าก็เป็นลูกบอลที่น่ารักที่สุดแหล่ะน่า  เค้าไม่กลัวอ้วนหรอก”  เลนน่ายังคงตั้งหน้าตั้งตากินไม่ฟังเสียงใคร 
            สองพี่น้องหยุดนั่งกินขนมต่อตรงบันไดหน้าประตูโบสถ์  เลนน่าล้วงเข้าไปในถุงกระดาษสีน้ำตาล  แล้วหยิบโดนัทเคลือบช๊อกโกแลตออกมากัดคำโต  ลีออฟนั่งอมยิ้มมองน้องสาวกินขนม  สายตาเวลาที่เขามองน้องสาวช่างอ่อนโยนอบอุ่น  ในความคิดของเขา  ไม่มีเด็กคนไหนน่ารักมากกว่าน้องสาวของเขาอีกแล้ว  ลีออฟอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวน้องสาวเบาๆ  เลนน่าเงยมองพี่ชายแวบนึง  ก่อนที่จะส่งยิ้มให้
            \"วันหลังพี่ลีออฟพาเลนน่าไปซื้อขนมอีกนะ  เลนน่าอยากโตเร็วๆ  จะได้ไปซ้อมดาบเป็นเพื่อนพี่ลีออฟไง\"
            คำพูดที่จริงใจของเลนน่าทำให้ลีออฟสะอึก  สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที  ในตอนนี้เขารู้สึกสงสารน้องสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาจับใจ  เลนน่าจะทำใจรับการลาจากกับเขาได้ไหม  เขาคิดดีแล้วหรือที่ตัดสินใจแบบนั้น  เลนน่ามองหน้าลีออฟกลับด้วยความงุนงง  ที่อยู่ดีๆพี่ชายของเธอก็ทำหน้าเศร้าขึ้นมา
            \"พี่ลีออฟเป็นอะไรไปคะ  ทำไมทำหน้าเศร้าจัง\"
            ลีออฟไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น  แต่กลับดึงร่างน้องสาวมากอดไว้จนแน่น  เลนน่ายังไม่เข้าใจกับพฤติกรรมของพี่ชาย  แต่เมื่อลีออฟกอดเธอแน่นขึ้น  ความรู้สึกแปลกๆก็เริ่มเกิดในใจของเลนน่า  เธอปล่อยโดนัทเคลือบช๊อกโกแลตที่เหลืออีกครึ่งชิ้นในมือทิ้งลงพื้น  แล้วกอดตัวพี่ชายกลับจนแน่น  โดยที่ไม่มีการพูดคุยใดๆ  น้ำตาของทั้งคู่ก็ไหลอาบแก้ม 
            ไม่ต่างอะไรกับมาเธอร์เยนลัวร์  นางยืนมองสองพี่น้องทั้งน้ำตาอยู่ตรงริมหน้าต่างที่เดิม  ความคิดที่อยากจะเดินเข้าไปโอบกอดเด็กทั้งสอง  ถูกแทนที่ด้วยความคิดว่าปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามลำพังดีกว่า  เวลานี้สิ่งที่ดีที่สุดในความคิดของนาง  คือการให้เด็กทั้งสองได้ใช้เวลาที่เหลือร่วมกันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  เวลาที่เหลือเพียงแค่อีก 2 วันเท่านั้น  วันที่ลีออฟจะมีอายุครบสิบห้าปีบริบูรณ์  และเป็นวันเดียวกับวันที่ลีออฟตัดสินใจจะเดินออกไปจากโบสถ์เซนต์แซคคริลีนแห่งนี้....เพียงลำพัง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น