คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Video Time 3 : การแข่งประลองยุทธ์
Video Time 3
งานแข่งประลองยุทธ์
กล้องถ่ายวีดิโอขนาดเล็กถูกติดเข้าที่ปกเสื้อของเดมิเทรียสโดยอาเทย์ที่ให้คำให้การว่า
“ถ้าไม่ติดไว้แบบนี้ ก็คงไม่เห็นเหตุการณ์ข้างใน และเก็บภาพไม่ได้เพราะระยะห่างไป”
หญิงสาวร่างเล็กเลยจำต้องติดเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าแข่งหลายชั่วโมง... อาเมน
ปัจจุบัน
“เผลอ แป๊ปๆได้เวลาแข่งแล้วแหะ”ฉันยืนอยู่บนอัฒจรรย์สีส้มในสนามประลอง หลังจากได้ยินเสียงประกาศเรียกตัวผู้เข้าแข่งขันฉันก็โบกมือให้เพื่อนๆในสี ที่คนไม่ครบ...เรย์โดนลอบสังหารสินะ = =’’ เห็นโผล่มาก่อนหน้านี้ไปซะแล้ว ฉันโดดลงจากอัฒจรรย์เข้าสู่สนามประลอง เบื้องหน้ามีกำแพงขนาดใหญ่....กำแพงของเขาวงกต ฉันโบกมือให้มาร์ชที่กำลังโบกมือมาให้ (พร้อมกับกินป็อปคอร์นรสเปลือกไม้) ฉันเลิกคิ้วมองมาร์ช...นึกว่าจะกินกิ่งไม้ปรุงรสซะอีก หึหึ และแล้วความคิดอันชั่วร้ายก็วิ่งเข้าสมอง ดวงตาสีประหลาดของฉันจ้องเขม็งไปที่ป็อปคอร์น ก่อนจะสาปให้มันกลายเป็นรสขี้เท้าเรย์ในใจ ฉันยิ้มอย่างสะใจเมื่อเห็นสีหน้าพะอืดพะอมของเพื่อนสาว ดวงหน้าน่ารักเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงอมเขียว ภายในเวลาไม่นานคุณเธอก็วิ่งออกจากที่นั่งทันที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจุดหมายคือที่ใด ฉันละสายตาจากเพื่อนของตนก่อนจะกวาดสายตามองผู้เข้าแข่งขันอีกสองคน สีฟ้า อพอลลอน สีชมพู เรริน ส่วนสีแดงไม่มี ฉันหันไปมองกรรมการคุมสนาม ประลอง คานอส
“ยินดี ต้อนรับสู่วงกตแห่งฤดูกาล ข้าคือกรรมการคุมสนามประลองแห่งนี้ กติกาครั้งนี้คือ แข่งจนกว่าจะเหลือผู้ชนะเพียงคนเดียว”ผู้พิทักษ์สุสานหยุดซักพักก่อนจะกล่าว ต่อ
“สำหรับผู้ชนะเลิศในการประลองจะได้รับเงิน 2000S. สกิล+7 และได้30คะแนนไป...สำหรับรองชะนเลิศจะได้เงินรางวัล 1000S. สกิล+5 และได้20คะแนน รางวัลของรองชนะเลิศอันดับสองคือเงิน 500S. Skill +3 และได้10คะแนน”
“ข้อควรระวังที่พวก เข้าควรรู้คือ หนึ่ง, สนามนี้จะเปลี่ยนเส้นทางตลอดเวลา สอง, สภาพอากาศภายในเองก็เช่นกัน สาม, จงระวังต้นไม้รอบๆด้วย เพราะมันก็สามารถฆ่าเจ้าได้ สี่, ขอให้โชคดี และสุดท้าย” นางเหยียดยิ้ม
“เชิญตะลุมบอนกันให้เต็มที่นะจ๊ะ”
“แม่เจ้าตรูเกลียดเขาวงกต!!!!!” ฉันตะโกนเสียงดังลั่นเขาวงกต อย่างหงุดหงิด หลังจากเดินไปเดินมาเกือบชั่วโมง ฉันเลือกเส้นทางที่เดินเข้าเขาวงกตครึ่งซ้าย ฉันบอกซ้ายมองขวาทั้งๆที่รู้ว่าถึงจะมองก็หาทางออกไม่เจอ...อีกอย่างครึ่ง นี้ไม่ได้เล่นใครเขาจากเขาวงกตได้ก่อนด้วย...แต่เป็นการจัดการผู้เข้าแข่ง ขันอีก2คนเพื่อให้ตัวเองเหลืออยู่คนเดียวต่างหาก
แต่แล้ว....ฉันก็สัมผัสถึงความ เปลี่ยนแปลง เส้นทางที่เห็นอยู่ข้างหน้าสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะขยับไปด้านข้างเผยให้เห็น เส้นทางใหม่ เส้นทางที่ให้ความรู้สึกเย็น..ต่างจากเส้นทางที่ข้ายืนอยู่ที่ให้ความรุ้สึก อบอุ่น
“ถึงครึ่งขวาแล้วเหรอเนี่ย”ฉันหรี่ตา ลง ใบหูแมวของฉันกระดิกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครซักคน ฉันคลี่ยิ้มเข้าเล่ห์
“อพอลลอน..เหรอเนี่ย”
ตึก ตึก...ตึก
เสียงฝีเท้าของร่างสูงของชายหนุ่ม ตัวแทนสีฟ้าดังก้องเขาวงตก่อนจะหยุดลงเมื่อพบกับทางแยก ชายหนุ่มยืนครุ่นคิดอยู่ซักพัก...ก่อนที่จะชักคันธนูขึ้นมารับการโจมตีที่ พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เคร้ง!!!
ร่างเล็กของเด็กสาวตัวแทนสีส้มดีด ตัวตีลังกากลางอากาศหลังจากปะทะกับอพอลลอน ก่อนจะ วิ่งเข้ามาหาเขาไปด้วยความเร็วสูงหลังที่เท้าแตะพื้น มือเล็กกระหน่ำซัดมีดสั้นมาที่เขา อพอลลอนเอี่ยวตัวหลบ ด้วยความเร็วที่เขามีและไม่เคยพลาดแม้แต่หน่อย มือหนาโกงธนูในมือก่อนจะปล่อยลูกศรออกไปด้วยความเร็วสูงที่ยากจะมองด้วยตา เปล่า แดมิเทรียสเอียงคอหลบลูกศรที่พุ่งมาที่หัว ก่อนจะตีลังกาไปข้างหน้า หลบลูกศรที่พุ่งมาที่ข้อเท้า เด็กสาวสบถเบาๆ ก่อนที่จะพุ่งไปหาอพอลลอน โดดเตะโดยที่ขาข้างหนึ่งงออีกข้างยืดแล้วใช้ขาที่ถูกเพิ่มกล้ามเนื้อให้ใหญ่ และแข็งมากขึ้นเตะก้านคออพอลลอนอย่างแรง!
ตูม!!
ร่างของชายหนุ่มก็ปลิวไปปะทะกับ กำแพงของเขาวงกต...ซึ่งมีต้นไม้มากมาย
แซ่กๆ
เสียงการเคลื่อนไหวของต้นไม้ ทำให้เขานึกได้ถึงคำเตือนของผู้พิทักษ์สุสาน
“ข้อควรระวังที่พวกเข้าควรรู้คือ หนึ่ง, สนามนี้จะเปลี่ยนเส้นทางตลอดเวลา สอง, สภาพอากาศภายในเองก็เช่นกัน สาม, จงระวังต้นไม้รอบๆด้วย เพราะมันก็สามารถฆ่าเจ้าได้...”
“เฮ้ยยยย ปล่อยตรู๊!!!!!!~”เสียงโหยหวนของอพอลลอนดัง ผ่านกลุ่มไม้ที่เข้าไปล้อมด้วยความรักความเอ็นดูอยากฆ่าชายหนุ่มเป็นที่สุด แดมิเทรียสยืนกอดอกคอยมองว่า จะเกิดอะไรขึ้น ดวงตาสีประหลาดหรี่ลงเมื่อเห็นแสงสีส้มๆภายใต้กองใบไม้ที่ครอบคลุมร่างของอ พอลลอน
ตูม!!!
แสงสีส้มสว่างจ้าจนเธอต้อง เอาแขนมาบัง เธอพยายามเพ่งว่าเกิดอะไรขึ้น แรงระเบิดที่เอาร่างของเธอแทบกระเด็นไปติดอีกฟากของเขาวงกต เธอใช้มือทั้งสองข้างจิกลงลึกไปในดึก พยายามใช้ความสามารถพิเศษทำให้เล็บยาวขึ้น เธอใช้ดวงตาที่เปลี่ยนสีเป็นสีส้มจ้องไปที่เงาสีดำที่ค่อยๆเดินออกมาจากต้น กำเนิดแสง
“พยายามจุดพลุเชียร์สีส้ม??”เด็กสาวตะโกนถาม พลางดึงเล็บออกจากดิน อพอลลอนขมวดคิ้ว
“อย่าง ฉันต้องเชียร์สีฟ้าสิ ยัยบ้า!”เขาสวนกลับ แดมิเทรียสยิ้มอย่างร่าเริงให้เขา...เขาเบิกตาสีทองอย่างตกใจ เพราะเธอเข้ามาอยู่ตรงหน้าเขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เธอใช้เล็บที่ยาวและแหลมคมราวกับมีดข่วนแขนเขาจนเลือดกระฉูด เขายกคันธนูขึ้นมาตีแสกดวงหน้าเล็ก ร่างของแดมิเทรียสลอยละลิ่วไปชนกับกำแพงหินอีกฟาก
เธอใช้มือข้างซ้ายกุม ใบหน้าตัวเอง เลือดสีสดค่อยๆไหลชุ่มมือขาวก่อนจะหยดลงบนเสื้อของเธอทำให้เสื้อสีส้มถูก ย้อมด้วยสีแดง เห็นดังนั้นเขาก็ไม่ลังเลที่จะปล่อยลูกศรส่ายฟ้าไปที่เด็กสาวทันที
ฉึก! ฉึก!
ร่างบางสะบัดตามแรงกระแทก เธอพยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่ก็ช้าไปทำให้ลูกธนูดอกหนึ่งปักที่ไหล่แล้วอีกดอกปักที่ต้นขา ดวงตาสีนํ้าตาลประกายวาวโรจน์ เธอกระชากลูกธนูออกจากร่างโดยไม่สนถึงความเจ็บปวด เธอกัดริมฝีปากล่างด้วยความโมโหจนเลือดไหลซิบๆ อพอลลอนปล่อยลูกศรอีกดอกหวังจะปิดฉาก แดมิเทรียสกางมือรับลูกธนูได้อย่างฉิวเฉียด ก่อนจะหักมันคามือ เธอจ้องอพอลลอนเขม็ง ก่อนที่ร่างที่เคยนอนอยู่บนพื้นจะหายไป
ตูม!!!
โดยที่ไม่ทันรู้ตัว แดมิเทรียสก็มาอยู่ข้างหลังเขา ก่อนจะใช้ท่อนขาขนาดใหญ่ฟาดกลางหลังเขาอย่างรุนแรงจนเป็นคราวของเขาที่ กระเด็นไปชนกับกำแพงหิน อพอลลอนกระอักเลือดก่อนจะดินทุรนทุรายอย่างเจ็บปวด เขาเบิกตากว้างเมื่ออีกฝ่ายวิ่งตามเขามาอย่างรวดเร็วก่อนจะปล่อยหมัดมาที่ หน้าของเขา
ตูม!!
แรงเยอะชิบ!!!
เขาคิดอย่างตกตะลึง ถ้าเมื่อกี้เขาเอี่ยวหัวหลบไม่ทัน เอื้อก! ไม่รอดแน่ๆ เขาสวนหมัดกลับไปที่ท้องของเด็กสาว แต่แทนที่จะล้มลงไปด้วยความจุก เธอกลับยกขาขึ้นกระทืบเขาอย่างรุนแรง
กร๊อบ!!!
"อ๊ากกกก"อพอลลอนกรีดร้องอย่างเจ็บปวด กระดูกเกือบทั้งร่างของเขาหักตามแรงกระทืบของเด็กสาวที่ไม่คิดจะยั้งพลังอัน มหาศาลของตัวเอง เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายยันเด็กสาวออกจากร่างตน ก่อนจะกระหนำยิงธนูออกไปแบบไม่ดูเป้าหมาย แดมิเทรียสหน้าเหวอพลางหลบลูกธนูที่ยิงอย่างมั่วซั่ว แต่เพราะความมั่วซั่วมันก็ทำให้หลบยากนะเฮ้ย!!!
ขวับ~
เด็กสาวโค้งตัวหลบ แต่ผมที่ยาวของเธอก็มิพ้นโดนเฉี่ยวปลายไป
"กรี๊ซซซ ผมช้าน!!!" อาเมน..... ด้วยความพิโรธเธอจึงเรียกค้อนยักษ์(ย้ำว่ายักษ์)สุดที่รักขึ้นมา ก่อนจะแสยะยิ้ม อพอลลอนที่ได้แต่มองค้อนขนาดยักษ์ตาค้างจึงไม่ทันได้สังเกตรอยยิ้มอันชั่วร้าย
“เมิงตาย!!”
“กรี๊ด!!!!!!!!(?)”
..............................
(ทำไมจบแบบเสื่อมๆวะ!?!)
ล้อเล่นหน่าๆ
.
เด็กสาวกระชับมือให้แน่นขึ้น แล้วหวดค้อนยักษ์เลย (งานนี้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตก๊ะ =w=b) ขณะนี้อพอลลอนเองก็ไม่มีแรงอะไรมากด้วย เพราะเขา...ไม่ได้ถึกนะเฮ้ย!!TT[]TT แค่โดนรุมยำก็จะไปตายแล้ว (เริ่มรั่ว เริ่มเสื่อม) เขาใช้พลังเฮือกสุดท้ายร่ายเวทย์ป้องกันแต่บาเรียที่เขามั่นใจว่าแข็งแกร่ง(ถ้าสภาพเขายังสมบูรณ์นะ) ก็พังทลายลงด้วยแรงมหาศาลและความหนักของค้อนยักษ์ สติของเขาเริ่มขาดหาย เพราะเสียเลือดเยอะ ไม่พอเขายังถูกซ้อมก่อนซะด้วย....และแล้วทุกอย่างก็มืดมิด
.
.
.
.
"เคี้ยกๆๆๆ"เสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองดังก้องทางเขาวงกต แดมิเทรียสยืนหัวเราะอยู่ข้างๆร่างของอพอลลอน ถึงสภาพจะสะบักสะบอม แต่รู้สึกว่าชายหนุ่มที่นอนกองอยู่บนพื้นจะหนักกว่า....
สุดท้ายผู้ที่ยืนอยู่(ด้วยความอึดถึก)ก็คือผู้ชนะ
แต่เพื่อความชัวร์เธอก็เริ่มกระทืบร่างของชายหนุ่มต่อ...แล้วร่ายเวทย์สายฟ้าช็อตไปอีกหนึ่งทีแบบไม่ต้องไปผุดไปเกิด
เฮือก!!
ร่างของตัวแทนสีชมพูที่เดินวนเวียนในเขาวงกตมาซักพักสะดุ้งเฮือก ก่อนจะใช้มือลูบแขนตัวเองเบาๆ
“ทำไมอยู่ๆก็หนาวเฉยเลย”รินรินหันซ้ายหันขวา ก่อนจะเดินต่อไป...
หลังจากสู้กับอพอลลอน แดมิเทรียสก็ต้องหยุดพักเพื่อรักษาตัวเอง
“ชิ”เธอสบถอย่างหงุดหงิด พลางร่ายเวทย์รักษาแผลที่โดนธนูยิงอย่างยากลำบาก เพราะแผลลึกมากทำให้ใช้เวลานานในการรักษา แผลจากธนูสายฟ้านั่นยังทำให้เธอยังรู้สึกชาไม่หาย ถามว่าทำไมตอนสู้ถึงยังไม่ชา? คงเพราะเธอหุ้มตัวเองด้วยดินมั้ง..ถึงจะมองไม่เห็นก็เถอะ เพราะเธอกะเอามาสู้กับเรริน แต่ต้องเสียไปเปล่าๆเพราะสู้กับอพอลลอน คิดแล้วก็กัดริมฝีปากล่างอย่างเจ็บใจ
ตึก..
เสียงของฝีเท้าที่ดังก้องกังวานในหูทำให้เธอต้องหันไปตามทิศที่ได้ยิน
“รินริน..”เธอหรี่ตาอย่างหงุดหงิด พยายามเคลื่อนยายร่างตัวเองให้อยู่ห่างจากคู่ต่อสู้ให้มากที่สุด ในสภาพนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะสู้ต่อ อย่างน้อยต้องรอให้ความรู้สึกชาหายไปก่อน ตอนนี้เธอเองก็อยู่ห่างจากรินรินมากทีเดียว
ทุกอย่างเป็นไปอย่างยากลำบาก แขนและขาที่ถูกสายฟ้าจากธนูของอพอลลอนก็ยังชาไม่หาย เมื่อเสียงฝีเท้าที่เคยได้ยินในหูหายไป แดมิเทรียสก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอเรียกมีดสั้นมาไว้ในมือ อย่างน้อยหากเกิดอะไรก็ยังตั้งรับได้ทัน ตอนนี้อาการชาเริ่มจางหายไปแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลเงยหน้ามองฟ้าอย่างเลื่อนลอยเพื่อรอเวลา
หายชาแล้ว...
เด็กสาวค่อยๆยันกายตัวเองเพื่อลุกขึ้น
อย่างน้อยตอนนี้ก็เดินไปเรื่อยๆก่อนละกัน!!
ผ่านไปสองชั่วโมง
ไม่เจอแม้แต่ยุง...
ขณะนี้สภาพร่างกายเธอกลับมาสมบูรณ์เรียบร้อย ถึงจะยังเจ็บแผลจากธนูนิดๆแต่แค่นี้สบายอยู่แล้ว
ถึกซะอย่าง!!~ (ภูมิใจจริงจริ๊ง)
ถึงการที่ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเองตลอดสองชั่วโมงที่ผ่านมา แต่มันกลับน่าเบื่อยิ่งนัก ไม่มีอะไรทำ ได้แต่เดินไปเดินมา มันน่าเบื๊อ!!!! นึกแล้วก็จุดไฟเผาต้นไม้ที่แอบยื่นกิ่งของมันมาหาเธอด้วยความหงุดหงิด เดินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปซักพัก ก็พบที่โล่งและกว้าง แดมิเทรียสเลิ่กคิ้วอย่างประหลาดใจ
“นึกว่าเขาวงกตจะมีแต่ทางเดินชวนเวียนหัวซะอีก...นั่งรอรินรินดีกว่า” ว่าแล้วก็เดินไปรอบทางโล่งนั่น ก่อนจะหามุมมืดนั่ง สุดท้ายก็เผลอหลับด้วยความเพลีย....
.
.
.
ตึก...
เสียงทำก้องในหูทำให้เด็กสาวที่นอนหลับอย่างสบายใจค่อยๆลืมตาตื่น เธอยิ้มอย่างดีใจเมื่อเป้าหมายได้มาถึงแล้ว ที่เหลือแค่รอเวลาให้อีกฝ่ายเดินมาถึงที่โล่งกว้างนี่แหละ เธอกระชับมีดสั้นในมือที่ถือยังไม่ยอมปล่อยหลายชั่วโมงแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลงก่อนจะนับถอยหลังในใจ
3
เธอตั้งท่าเตรียมพร้อม ดวงตาสีน้ำตาลสั่นระริก
2
สายฟ้าแล่นไปทั่วใบมีดสั้นที่อยู่ในมือ ส่งเสียงดัง
1...
เธอพุ่งตัวไปที่ทางเดินที่อยู่ฝั่งซ้ายด้วยความเร็วสูง
0..เคร้ง!!!!
เสียงของมีดสั้นปะทะมีดสั้นดังก้องกังวาน ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะตวัดมีดของตัวเองปะทะกันอีกรอบ แล้วดีดตัวแยกออกจากกัน เรรินปามีดสั้นจำนวนมากใส่มิทที่กำลังตีลังกาหลังเพื่อหลบมีดสั้นที่พุ่งเข้ามาหาด้วยความเร็วสูง ความจริงถ้าโดนไปซักสองสามเล่มเธอก็ไม่เป็นอะไรเท่าไหร่หรอก ถ้ามีดสั้นนี้เป็นมีดธรรมดานะ...
เปรี๊ยง!ฉึก
ได้ยินเสียงแล้วสยองได้ใจ นี้เป็นมีดปาเสริมด้วยพลังเวทย์สายฟ้า แค่เล็งแล้วปา เบาแค่ไหนมีดก็จะพุ่งไปด้วยความเร็วสูง แถมถ้าโดนมีหวัง..เกรียม
แดมิเทรียสกัดฟันกรอดก่อนจะสะบัดมีดสั้นในมือจนเกิดคลื่นพลังพุ่งเข้าไปหาคู่ต่อสู้ เรรินกางมือปรากฏเกราะบาเรียใสๆขึ้นมากันคลื่นดาบ แดมิเทรียสดีดนิ้วดังเป๊าะ! ไฟก็ลุกบริเวณที่รินยืนอยู่ทันที ทำให้เธอต้องกระโดดสูงเพื่อไม่ให้โดนย่าง เมื่อเท้าถึงพื้นเธอก็พุ่งเข้าหาตัวแทนสีส้มทันที เธอตวัดมีดสั้นในมือใส่แดมิเทรียส มิทยกมีดสั้นขึ้นมารับ ก่อนจะใช้หางของตนฟาดใส่กลางลำตัวของเรริน แต่ก็พลาด เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีเงิน กระโดดตีลังกาก่อนจะใช้ส้นเท้าฟาดใส่มิท โดยเล็งที่หัว แต่ก็วืดเพราะอีกฝ่ายก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วหลบการโจมตี
“ส้นเท้าเหล็กหนาด้วยสินะนี่ ไม่อ่าวววว” คนที่เพิ่งหลบเมื่อกี้เอ่ยด้วยสีหน้าหวาดๆ ก่อนจะเบิกตาของตัวเองให้ใหญ่กว่าเดิมด้วยความตื่นตะลึงกับพื้นที่ยุบลงไปจากแรงฟาดของเรริน เด็กสาวผมสีนวลเก็บมีดสั้นของตนก่อนจะกางมือซ้าย
“ฟวอคโค่”พรึบ!ลูกไฟขนาดมหึมาลุกโชนบนฝ่ามือของเธอ เธอคว่ำมืออีกข้างก่อนจะร่ายมนตร์อีกบท ดวงตาสีน้ำตาลที่ค่อยแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง เรรินตั้งท่าคอยดูว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรแต่ในมือก็เรียกอาวุธดาบมาถือ
“ซุออลโล่” มือขาวเพียงแผ่แสงสีน้ำตาลออกมา ดวงตาสีน้ำตาลปิดลง เธอประกบฝ่ามือเข้าด้วยกัน แต่เรรินไม่คิดจะรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอพุ่งเข้ามาพร้อมตวัดมือฟันดาบใส่อีกฝ่ายทันที แดมิเทรียสเบิกตาโพล่งก่อนที่จะใช้มือขวารับดาบ..มือเปล่าแล้ว ใช้มือที่ลุกเป็นไฟทาบที่ท้องของเรริน
“asteroid”ตูม!! สิ้นเสียงร่างของรินก็กระเด็นไปกระแทกกับกำแพงเขาวงกตทันที แรงกระแทกทำให้กำแพงร้าว เธอกระอักเลือด ก่อนจะร่ายเวทย์ดับไฟที่กำลังเผาเสื้อผ้าของเธอ แล้วร่ายเวทย์รักษาไปอีกทีแต่ว่า...กลับรักษาไม่ได้ เธอตวัดดวงตาสีแดงไปที่ร่างของอีกฝ่ายอย่างโมโห
“ทำไมรักษาไม่ได้!!!”จ้องอีกฝ่ายอย่างอาฆาต แต่แล้วก็ต้องหงุดหงิดมากกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายจ้องมาที่เธอมึนๆ
“อ่าวรักษาไม่ได้เรอะ....”พึมพำๆเบาๆกับตัวเอง แต่อย่าคิดว่าคนอย่างเรรินไม่ได้ยิน เธอกัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิดก่อนจะร่ายเวทย์น้ำแข็งคลุมแผลตัวเอง อย่างน้อยก็ไม่ให้ความรู้สึกเจ็บทำร้ายละ! แต่ขณะที่อีกฝ่ายกำลังจ้องมือของเธอที่กำลังแผ่ไอเย็นสร้างน้ำแข็ง เธอก็สะบัดมืออีกข้างส่งแท่งน้ำแข็งที่มีปลายแหลมใส่ทันที
“เฮ้ย”เอียงตัวหลบ พ้นไปหนึ่งเจออีกสองจุดไฟละลายแมร่งเลย(ขออภัยสำหรับคำหยาบคาย) แต่เพราะถูกเปลวไฟบดบังสายตาจึงมองไม่เห็นแท่งน้ำแข็งที่พุ่งฝ่าเปลวเพลิง
ฉึก!!
“อึ้ก!”เลือดสีแดงกระเซ็นออกจากบาดแผล แดมิเทรียสกระชากแท่งน้ำแข็งออกก่อนจะโยนทิ้ง ไม่ทันได้รู้ตัว เรรินก็พุ่งเข้ามาฟาดดาบอย่างแรงใส่เธอทันที ดวงตาสีเหลืองเบิกกว้างอย่างตกใจ เพราะไม่ทันได้รู้ตัวจึงทำให้ถูกฟันที่ลำตัวเต็มๆ แม้จะไม่ค่อยลึกเท่าไหร่เพราะเธอก้าวถอยหลังทันก็เถอะ แต่มันก็เจ็บ.. เธอรีบตีลังกาหลบการโจมตีครั้งต่อมาของเรรินทันที แต่แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นดาบยาวขึ้น ไม่รู้เพราะอะไรแต่ต้องหนีก่อนละ! ว่าแล้วก็กวาดสายตาหาที่หลบ มือเล็กพยายามกดแผลห้ามเลือด เธอวิ่งเข้าในทางเดินแล้วหลบหลังกำแพง พยายามจับสัมผัสให้ได้ว่ารินรินอยู่ไหน เธอไม่คิดจะใช้เวทย์รักษาเพื่อเปลืองพลังตัวเอง อย่างน้อยก็ยังทนได้อยู่...แต่เมื่อหันดูรอบตัว ก็พบกับแท่งน้ำแข็งที่มีสายฟ้าแล่นส่งเสียงแปล๊บปลาบมากมายลอยล้อมเธอ ทำให้รู้ว่าเธอติดกับดักแล้ว
“บ้าเอ๊ย!!” เธอรวบรวมสมาธิซึ่งช่างยากลำบากในเวลาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแบบนี้ เธอใช้เลือดของตัวเองวาดวงแหวนเวทย์ลงบนมือก่อนจะท่องมนตร์ แต่เรรินคงไม่รอถึงขนาดนั้น เธอลงมือทันที
“ลาเฟียสเกรช ออซวาล!!”พอดีกับแดมิเทรียสที่ร่ายเวทจบพอดี เธอลืมตาขึ้นมองแท่งน้ำแข็งที่พุ่งเข้ามาอย่างหวาดหวั่น ครืน เสียงแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง เธอปิดตาแน่นเร่งไอเวทก่อนจะตะโกนออกมา
“ต้องทันเซ่!!!!!”
ตูม!!!!
แท่งน้ำแข็งทั้งหลายถูกหลอมละลายหายไปในทันทีที่สัมผัสสิ่งที่พุ่งออกจากผืนดิน มันก็คือลาวา!!!!! แต่ว่าเพียงแค่นั้นก็คงไม่สามารถป้องกันสายฟ้า รินรินแย้มยิ้มและยืนมอง...และแล้วดวงตาสีแดงก็เบิกกว้างอย่างตกใจ
ลาวาที่เจอความร้อนของน้ำแข็งกลายเป็นหิน สายฟ้าฟาดเปรี้ยงไปที่หินจนแหลกสลาย มันพุ่งเข้าไปก่อนจะหายไป...ภายในลาวายังมีดินอีกชั้น!!!
ตูม!!!!
เสียงก้อนดินแตะกระจายจากแรงกระแทกภายใน แดมิเทรียสหอบแฮกๆด้วยความเหนื่อยอ่อน ในมือเธอถือค้อนคู่ใจ..เธอกระชับมันแน่นก่อนที่หางหลายเส้นจะงอกออกมาให้เห็น
“เคยเห็นมั้ย!!แมวดำ13หางน่ะ!!!!”เธอตะโกน เรรินมองค้อนขนาดยักษ์อย่างตกใจ เธอร่ายเวทย์ลมจนเกิดพายุขนาดใหญ่ สายลมอันคมกริบกรีดร่างของเด็กสาวแต่เธอก็ไม่คิดจะสนใจ แดมิเทรียสพุ่งเข้ามาหาเรรินอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ในมือกลับถือค้อนที่แม้แต่ผู้ชายที่มีพละกำลังมากยังถือไม่ได้!
ตูม!!
เรรินกระโดดลอยตัวจากพื้นดิน เธอใช้มือทั้งสองข้างยันหัวค้อนของคู่ต่อสู้ไว้ต่างพื้นก่อนจะตวัดขาซ้ายงอขาขวาเตะอีกฝ่าย แดมิเทรียสเพียงแค่หันตามแรงฟาด เธอลืมตาขึ้นดวงตาสีแดงสดจ้องมาที่เธอเขม็ง..อย่างน่ากลัว แต่แล้วอีกฝ่ายก็ใช้ห่างทั้งสิบสามตบร่างเธอกระเด็นชนทะลุกำแพง เธอกระอักเลือดอย่างเจ็บปวด แต่ก็ไม่ยอมแพ้...ปากเล็กขยับอย่างรวดเร็ว ก่อนที่น้ำแข็งจะพุ่งขึ้นจากพื้นดิน แดมิเทรียสโดดหลบ แต่แล้วเมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบร่างของเรรินกำลังตีลังกา..ก่อนจะฟาดส้นเท้าอย่างรวดเร็วและรุนแรงปานสายฟ้า แดมิเทรียสใช้หางทั้ง13ป้องกันการโจมตีของอีกฝ่ายโดยการเปลี่ยนให้มันแข็งดุจเพชร
แต่ถึงจะป้องกัน สุดท้ายร่างบางๆของแดมิเทรียสก็ถูกแรงโจมตีมหาศาลกระเด็นกลับสู่พื้นดิน แต่เธอก็ตีลังกาเพื่อลดแรงกระแทก แล้วฟาดหางทั้ง13ใส่เรรินอีกครั้ง ด้วยความที่เรรินลอยอยู่กลางอากาศทำให้มันยากที่จะหลบหลีก แต่สุดท้ายเธอก็ร่ายเวทย์ลมช่วย ทำให้เธอสามารถพุ่งออกจากจุดเดิมได้อย่างฉิวเฉียด แดมิเทรียสควงค้อนในมือที่ถูกลดขนาดให้ควงง่ายๆก่อนที่เธอจะใช้มันต่างบูมเมอแรง ปาใส่ร่างที่ลอยอยู่ทันที
เรรินเอี่ยวตัวหลบทันก่อนที่จะคว้าด้ามจับโดยหวังจะปาใส่อีกฝ่ายคืนแต่แล้วก็ต้องชักมือกลับเมื่อรู้สึกถึงไฟฟ้าสถิต ถ้าจับมีหวังโดนช็อตแน่!! เธอพุ่งเข้าไปหาร่างเล็กอีกครั้งก่อนจะใช้ดาบฟันไปที่ร่างของอีกฝ่าย แดมิเทรียสใช้ด้ามจับของค้อนรับการโจมตีก่อนที่จะใช้ขายันอีกฝ่าย เรรินหรี่ตาลงก่อนจะขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด เธอเรียกมีดน้ำแข็งของเธอขึ้นมา ก่อนจะฟาดมันกลางอากาศ แดมิเทรียสรีบดีดตัวออกจากพื้นที่เดิมทันทีตามสัญชาตญาณ
เปรี้ยง!!
อัสนีสีทองฟาดลงบนพื้นที่เดิมของแดมิเทรียส เธอกลืนน้ำลายดังเอื้อก เพราะถ้าไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณ เธอตายแน่!
เธอตั้งท่าดูอีกฝ่าย เรรินยิ้มกริ่มก่อนจะสะบัดมีดในมืออีกครั้ง แดมิเทรียสยกแขนก่อนจะกางมือ เกิดหลุมดำขึ้นกลางอากาศ สายฟ้าที่ฟาดลงมากลืนหายไปกับหลุมดำ
“กลืนกิน” แดมิเทรียสควงค้อนในมืออีกครั้ง ก่อนจะหวดมันใส่ร่างของเรริน มันขยายขนาดและยาวมากขึ้น ทุบลงบนร่างของเรรินจนไม่สามารถมองเห็นได้ แต่แดมิเทรียสไม่ไว้วางใจ เธอกระโดดถอยหลัง คอยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังคาด...ค้อนของเธอถูกดันกลับมา!!!~
เรรินใช้ความสามารถควบคุมเหล็กสร้างเป็นเกราะขนาดใหญ่แล้วใช้น้ำแข็งหนากันอีกที เมื่อรับการโจมตีของค้อนเธอ ก็ระเบิดพลังออกมาจนแดมิเทรียสต้องจิกเล็บลึกเข้าไปในดินเพื่อไม่ให้ตัวเองปลิว
“มาตัดสินกันเลยดีกว่า!”เรรินตะโกนบอก แดมิเทรียสเลิ่กคิ้วขึ้น เด็กสาวผมเงินกล่าวต่อ
“ดวลกันด้วยพลัง เธอกับฉันจะยิงเวทย์ออกมาปะทะกันใครสามารถทนได้ก็ดีไป ผู้ที่สามารถยืนเป็นสุดท้ายได้คือผู้ชนะ!” แดมิเทรียสพยักหน้าเห็นด้วย เพราะสภาพของพวกเธอก็สะบักสะบอมไม่แพ้กัน การตัดสินทีเดียวเห็นจะง่ายกว่าเยอะ พวกเธอทั้งสองตั้งท่าร่ายเวทย์ ดวงตาสีแดงทั้งสองคู่สบกัน ก่อนที่พลังเวทย์ของทั้งสองจะปะทะกัน รวดเร็วและรุนแรง สายพลังสีส้มของแดมิเทรียส สีชมพูของเรริน (เอาตามสีเลย) ต้านกันยาวนาน ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแต่ทั้งสองต่างมีเหงื่อไหลพรากๆ ทั้งสองเริ่มหอบ พวกเธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆรวบรวมสมาธิและปล่อยพลังให้รุนแรงมากที่สุด
“ย้ากกก~!”ตูม!!! จุดที่แสงทั้งสองสีปะทะกันระเบิดเกิดควันสีเทาปกคลุมทั่วทั้งสนาม ร่างของทั้งสองกระเด็นทะลุกำแพง ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้ทั้งสองแทบบ้าคลั่ง แดมิเทรียสค่อยๆยันกายลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เธอกระอักเลือดจำนวนมาก โชคดีที่เธอใช้หางฟูนุ่มทั้ง13รับแรงกระแทกไปไว้มาก และเพิ่มจำนวนกล้ามเนื้อ.. เด็กสาวลุกขึ้นก่อนที่จะเรียกปืนสีดำขลับมาไว้ในมือ แล้วกระหน่ำยิงออกไป
ทางด้านเรริน เธอเองก็ไม่แพ้กันออกจะหนักกว่าด้วยซ้ำ ด้วยเพราะถึงจะใช้น้ำแข็งมารับแรงกระแทก แต่มันก็เจ็บมาก อีกอย่างหัวเธอกระแทกกับกำแพงทำให้เกิดสภาพมึนงงชั่วขณะ โดยไม่ทันได้รู้ตัว กระสุนสายฟ้าก็พุ่งเข้ามาที่ร่างเธอ ช็อตเธออย่างรุนแรง ร่างของเธอแน่นิ่งไปซักพัก ก่อนจะล้มลง
แดมิเทรียสฝ่าควันเดินเข้ามาดูว่าร่างของคู่ต่อส็เป็นไง เธอยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน ความจริงเธอเองก็ถูกเรรินโจมตีไปไม่น้อย ต้องขอบคุณที่ความถึกของเธอสินะ เธอหัวเราะเบาๆ การขยับร่างกายตอนนี้ดูจะบ้ามาก เธอยิงพลุสีส้มขึ้นไปบนฟ้า..บ่งบอกถึงชัยชนะ
เพียงไม่นาน หน่วยปฐมพยาบาลจำเป็นอย่างซอนเน่และมาร์เชลก็รีบวิ่งมาพยุงตัวสาวร่างเล็กไว้ พร้อมทั้งให้เรย์หอบกลับ ทางด้านอาเทย์ก็จัดการจัดเตรียมยาไว้ให้เป็นที่เรียบร้อย พร้อมทั้งส่ายหัวระอาให้หญิงสาวผู้ดื้อรั้ว แล้วหยิบกล้องขนาดจิ๋วที่จะพังแหล่มิพังแหล่ออกมา
“ขอโทษน้า ~ มาให้เห็นสภาพไม่น่าดูซะได้”
เดมิเทรียสยิ้มเจื้อน แต่ได้เพียงเสียงหัวเราะจากอีกสี่คนที่อยู่ลายล้อมเตียงผู้ป่วย พร้อมทั้งเสียงเอ่ยให้กำลังใจ
“ทำได้ดีแล้วละ” อาเทย์เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“ช่ายๆ ยิ่งตอนเธอจัดการอพอลนะ ผมสะใจสุดๆเลย” เรย์เอ่ยอย่างร่าเริง
“ทีนี้ก็ชนะแล้ว ดีใจด้วยนะมิทจี้” ซอนเน่เอ่ยพร้อมขยี้ผมเดมิเทรียสเบาๆ
“ไว้จบนี้เราไปเลี้ยงหนมกัน เอิ๊กๆ” คนสุดท้ายคงไม่ใช่ใครนอกจากมาร์เชล ก่อนที่ทั้งสามจะหัวเราะพร้อมกันแล้วพากันไปพักผ่อนรอการแข่งนัดต่อไป
“ก็เพราะที่ชนะน่ะไม่ใช่ฉันคนเดียว แต่เป็นเพราะทุกคนด้วยไงล่ะ”