คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 7 เที่ยวน้ำตกกับยมทูต Blade รึเปล่านะ? (100%)
บทที่ 7
"ไปเที่ยวน้ำตกหรือคะ" ฉันถามขึ้นอย่างไม่เชื่อหูตนเอง
"ใช่วันจันทร์นี้พ่อจะพาพวกเราทั้งครอบครัวไปเที่ยวน้ำตกกัน" พ่อบอก
"หรือว่าไม่อยากไป ถ้าไม่อยากไม่ไปก็ได้นะ"
"ไปสิคะ หนูอยากไป" น้องดีใจยิ้มแก้มปริ
"ใครให้บัตรมาอีกล่ะคะ" ฉันถามอย่างรู้ทัน ไม่มีวันหรอกที่พ่อบ้างานของฉันคนนี้จะยอมหยุดงานเพื่อไปเที่ยว
"เบื่อลูกรู้ทันจริงๆ เพื่อนพ่อเขามีธุระด่วนไปไม่ได้เลยยกให้พ่อไปแทน" พ่อบอก
"ให้เอมิลี่ไปด้วยได้ไหมคะ" ฉันถาม คาดเดาสถานการณ์ล่วงหน้าได้เลย การไปเที่ยวครั้งนี้ก็เป็นการล่าปีศาจนอกสถานที่ดีๆ นั่นเอง ดังนั้นมีPartnerไปด้วยย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ
"ติดเพื่อนเหมือนกันนะเนี่ยเราเนี่ย" แม่แซว
"ตกลงได้ไหมคะ?"
"ได้จ๊ะ" แม่อนุญาต
เช้าวันต่อมา
"เอมิลี่ วันจันทร์นี้ครอบครัวฉันจะไปเที่ยวน้ำตก ไปด้วยกันนะ" ฉันชวน
"อะไรนะไม่ได้ยิน" เอมิลี่ตะโกนบอกจากข้างหลัง
"หลบ!" ฉันตะโกนบอกPartner แล้วเบี่ยงตัวหลบวัตถุสีดำความเร็วสูงให้วิ่งผ่านไปโดยไม่ทำอันตราย ฉันรอดแล้วแต่คนข้างหลังฉันนี่สิจะรอดไหม
"โอ๊ย!" เอมิลี่ยกแขนขึ้นป้องกันตามสัญชาตญาณ
วัตถุสีดำกระแทกแล้วกระจายตัวเหมือนหยดน้ำหมึกขนาดยักษ์ แล้วค่อยๆไหลลงมากองบนพื้น ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาคงละลายเละเป็นโจ๊กไปแล้ว โชคดีที่เธอเป็น Partner ร่างกายจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรไร้รอยเปรอะเปื้อน
"ไม่เป็นไรใช่ไหม" ฉันถาม
"ไม่เป็นไร" เธอตอบ
ฉันหันไปจ้องหน้าผู้ที่ปล่อยไอ้ระเบิดหมึกนั่นออกมา ปีศาจตาแดงกล่ำตั้งท่าอย่างกับผู้รักษาประตูฟุตบอลแต่ไม่ได้รอลูกบอลแต่อย่างใด มันจะปล่อยกระสุนน้ำหมึกออกจากมือทั้งสองนั่นต่างหาก
“แกนะแก มีวิญญาณมากแต่ไร้สมอง วันๆ เอาแต่ทำเรื่องชั่วๆ โง่ที่สุด” ฉันด่าเป็นชุด
ก็ปีศาจไม่มีสมองจริงๆ นี่ มันไม่สะเทือนกับคำพูดของฉันแม้แต่นิดเดียว มันยิงกระสุนน้ำหมึกใส่ฉันเป็นชุด
จัดการเลยดีกว่า
“เอมิลี่ หลบดีๆ นะ” ฉันตะโกนบอก Partner
“OK” เธอตะโกนตอบ
ฉันกระชับปืนคู่ในมือวิ่งหลบกระสุนเข้าไปให้ตัวมันจนถึงระยะยิง
ตัวอ้วนขนาดนี้ นัดเดียวจะอยู่ไหมนะ ลองดูก่อนละกัน
“ปัง!” ฉันยิงกระสุนเข้าไปตรงบริเวณที่น่าจะเป็น Core กระสุนถูกตัวมันแล้วค้างเจาะไม่เข้า ฉันตั้งท่าจะยิงใหม่ แต่เหมือนจะไม่ต้องแล้ว
กระสุนนัดนั้นเกิดประกายไฟแล้วลามไหม้ท่วมร่างปีศาจ
พึ่งรู้นะเนี่ยว่ากระสุนปืนจุดไฟได้
ร่างปีศาจมอดไหม้สลายไปในอากาศทิ้งเพียงดวงวิญญาณ 5 ดวง ให้ฉันผนึก
“ฟู่ รอดแล้วสินะ” เอมิลี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“อืม” ฉันมองไปรอบๆ รู้สึกระแวงเหมือนมีอะไรบางอย่างจ้องมองอยู่
คงคิดไปเองมั้ง ฉันพยายามคลายความวิตก
“นี่วาเนสซ่า ตกลงเมื่อกี้เธอจะบอกอะไรฉันนะ” เอมิลี่เดินเข้ามาถาม
“วันจันทร์นี้ครอบครัวฉันจะไปเที่ยวน้ำตก ไปด้วยกันนะ” ฉันชวน
“ไม่เป็นไรดีกว่า เธอไปเที่ยวกับครอบครัวให้สนุกนะ”
“ไปด้วยกันเถอะ เพราะฉันคิดว่ามันจะเป็นการล่าปีศาจนอกสถานที่มากกว่าการไปเที่ยวเล่นน่ะ”
“งั้นฉันจะลองขอพ่อกะแม่ดู” เอมิลี่พูดแล้วหันไปดูนาฬิกาข้อมือ
“วาเนสซ่า! นี่มันจะบ่ายโมงแล้วรีบกลับโรงเรียนเร็ว”
“โทษที ลืมไปเลย”
ฉันกับเอมิลี่พากันวิ่งกลับโรงเรียน
“เอมิลี่ ฉันจะไปแล้วน่าา...” ฉันเรียกเธอจากในรถ
“มาแล้ว มาแล้ว” เอมิลี่วิ่งกระหืบกระหอบออกจากบ้านมาขึ้นรถ
พ่อขับรถกระป๋องคันเดียวในบ้านพาพวกเราไปเที่ยวน้ำตกกัน น้ำตกที่ว่าก็ไม่ได้อยู่ไกลอะไรหรอกอยู่ในเมืองเดียวกับฉันนี่แหละ แค่อยู่คนละฟากกับบ้านของฉัน น้ำตกอยู่ชายป่าทางตะวันออก ส่วนบ้านของฉันอยู่ทางใต้ของเมือง เป็นน้ำตกที่ฉันเคยไปกับครอบครัวเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนั้นมันเป็นน้ำตกที่สวยมาก ชั้นหินเรียงตัวเป็นชั้นๆ ขึ้นไปบนภูเขา ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สีเขียวชอุ่มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต น้ำที่ลงมาตามชั้นหินสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายระยิบระยับ ปลาตัวเล็กตัวน้อยแหวกว่ายอย่างมีความสุข
วันนี้น้ำตกที่อยู่ตรงหน้าฉันในสายตาคนอื่นอาจจะมองว่ามันปกติดี แต่ฉันกับรู้สึกว่ามันไม่มีชีวิตชีวาเหมือนแต่ก่อน ต้นไม้ที่สูงใหญ่แต่ไม่ความรู้สึกว่ามันสูงสง่ากลับรู้สึกว่ามันแคระแกร็น ปลาที่แหวกว่ายเหมือนกับโดนกักขังหวาดระแวง
“วาเนสซ่า ไปเก็บของก่อนแล้วค่อยมาเล่นน้ำ” แม่เรียก
“ค่ะ” ฉันตอบละสายตาไปจากน้ำตก
ที่พักของพวกเราเป็นบ้านไม้อยู่ไม่ห่างไปจากน้ำตกมากนักเข้ากับธรรมชาติ และเพราะวันนี้เป็นวันจันทร์จึงไม่มีใครมาเที่ยวเลยนอกจากครอบครัวเรา น้ำตกเลยเหมือนเป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว
หลังจากทานข้าวกลางวันกันเรียบร้อย พ่อก็พาฉัน ซาเนียและเอมิลี่ลงเล่นน้ำตก
“นี่แน่ะ” ซาเนียสาดน้ำใส่ฉัน
“หนอย เอาคืนล่ะ” ฉันแกล้งกลับ
“เอาไปทั้งคู่เลย” พ่อยิงปืนฉีดน้ำใส่ฉันกับน้อง
“พ่อขี้โกง” พวกเราว่ายน้ำหนี
“โอ๊ย!” พ่อร้องขึ้นหลังจากโดนลูกบอลยางลอยมากระแทกหัว
“ขอโทษค่ะ” เอมิลี่ร้องขึ้นพลางว่ายเข้ามาหยิบบอล
“สมน้ำหน้า” น้องหัวเราะ ฉันยิ้มกว้างแต่ต้องหุบยิ้มทันทีเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองจากทางด้านหลัง ฉันหันขวับ ถึงในระดับสายตามนุษย์จะเห็นว่าจะไม่มีใครแต่ฉันมั่นใจมากว่าต้องมีใครจ้องมองฉันอยู่แน่นอน ฉันปรับโฟกัสการมองระดับยมทูต มองผ่านช่องระหว่างหมู่ต้นไม้เข้าไปในป่าหลายร้อยเมตรจึงเห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ตรงพุ่มไม้ พริบตาที่มันหันมา ฉันถึงกับผงะ ดวงตาสีแดงคมกริบราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ปีศาจ!
“วาเนสซ่า ระวัง!” เสียงเอมิลี่ตะโกนขึ้น
“โป้ก!” ลูกบอลยางลอยกระแทกหัวฉันเต็มๆ
เรื่องปีศาจไว้ค่อยจัดการทีหลังละกัน ตอนนี้จัดการเอมิลี่ก่อน
“นี่แน่ะ” ฉันปาลูกบอลกลับ
พวกเราเล่นน้ำกันจนกระทั่ง
“เลิกเล่นได้แล้ว ไปอาบน้ำเดี๋ยวเราจะทำบาร์บีคิวกัน” แม่เดินมาบอก
“ค่า” พวกเรารับ
หลังจากอาบน้ำ ทุกคนก็มาช่วยกันทำบาร์บีคิว ตอนทำสนุกกันมากแต่ตอนกินนี่สิ
“อร่อยไหม เอมิลี่” แม่ถาม
“อร่อยค่ะ” เอมิลี่ตอบ
“พี่ล่ะ อร่อยไหม” ซาเนียหันมาถามฉันที่กำลังฝืนกินอยู่
“ซาเนีย” เอมิลี่เอ็ด ซาเนียถึงนึกขึ้นได้
“ขอโทษค่ะ” น้องขอโทษแล้วเงียบไป
“มีอะไรกันเหรอ” พ่อถามขึ้น
“ไม่มีค่ะ” น้องตอบ ฉันเห็นน้องซึมก็รู้สึกไม่ดี
“เอ้า! อร่อยไม่ใช่เหรอ กินสิ” ฉันยกบาร์บีคิวในจานให้น้อง
“ให้หนูเหรอ” เธอถาม
“อืม”
“ขอบคุณค่ะ” น้องรับไปทานอย่างเอร็ดอร่อย ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น
“เอมิลี่ มาด้วยกันหน่อยสิ” ฉันสะกิดเพื่อน
“มีอะไร” เธอถาม
“ตามมาก่อนเถอะ” ฉันลากเธอเข้าไปในห้องพักของฉันแล้วล็อกประตู
“ตกลงมีอะไร” เธอถาม
“กระเป๋าเป้ของฉัน เธอเก็บมันไว้ที่ไหนน่ะ” ฉันถาม
“อ๋อ! ในตู้เสื้อผ้า”
ฉันเปิดตู้หยิบกระเป๋าเป้ตุงๆออกมา
“เธอยัดอะไรเยอะแยะทำไมมันตุงขนาดนี้” เอมิลี่ว่า
“ก็นะ” ฉันเปิดกระเป๋าออก ข้างในมีแต่ถุงเลือดสีแดงสดเต็มไปหมด ฉันหยิบถุงหนึ่งขึ้นมาฉีกดื่มระงับความหิว
“เธอหิวงั้นเหรอ”
“นิดหน่อยน่ะ แต่ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมไว้ก่อนสำหรับคืนนี้” ฉันตอบ ถุงแรกหมดแล้วตามด้วยถุงที่สอง
“คืนนี้ทำไม?”
“ตอนที่เล่นน้ำตกฉันเห็นปีศาจ” ถุงที่สองหมดลง ฉันเลียริมฝีปาก ก่อนจะฉีกถุงที่สาม
“ปีศาจ!”
“ใช่ เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะไปจัดการ เธอนอนดึกมากได้ใช่ไหม”
“ได้สิ”
“งั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม รอทุกคนหลับก่อนแล้วเราค่อยออกไปกัน”
“อืม”
ฉันเก็บซากถุงเลือดใส่ถุงพลาสติกมัดปากอย่างแน่นหนากันกลิ่นคาวรั่วแล้วเก็บซ่อนไวในกระเป๋าอย่างมิดชิด
พวกเราออกมาทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นต่อ หลังจากทานบาร์บีคิวเสร็จก็ช่วยกันล้างจาน จากนั้น
"วาเนสซ่า ซาเนีย เอมิลี่ รีบไปอาบน้ำจะได้รีบเข้านอน" แม่สั่ง
"ค่า" พวกเรารับคำ
ฉันกับเอมิลี่นั่งเล่นในห้องพัก รอคนอื่นๆเข้านอนกันหมดก่อน
"เอมิลี่ เธอนอนไปก่อนได้เลย จะไปเมื่อไหร่เดี๋ยวฉันปลุก" ฉันบอก Partner
"เอางั้นเหรอ"
"อืม"
เอมิลี่ล้มตัวลงนอนเอาแรง ส่วนฉันใช้หูของยมทูตฟังเสียงในห้องที่พ่อ แม่ และน้องนอน เมื่อไรเมื่อไหร่ที่เงียบเมื่อนั้นแหละฉันถึงจะออกไปข้างนอก ฉันได้ยินเสียงพ่อกับแม่คุยกัน
"รู้สึกไหมว่าตั้งแต่อุบัติเหตุไฟไหม้ วาเนสซ่าทานอาหารน้อยลง ส่วนสูงน้ำหนักก็ไม่เพิ่มขึ้นเลยในขณะเด็กวัยเดียวกันส่วนสูงเพิ่มเอาๆ" แม่ว่า
"พ่อไม่ทันได้สังเกตน่ะ แต่จะว่าไปตอนนี้ซาเนียก็ดูจะสูงเท่าวาเนสซ่าแล้ว ที่แม่พูดก็คงจะจริง"
"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ"
"ไม่รู้เหมือนกัน กลับบ้านแล้วคงต้องพาไปหาหมอ"
ไปหาหมอ! ลืมสนิทเลยว่าพ่อกับแม่ก็สังเกตตัวฉันอยู่เหมือนกัน ทำไงดี
เสียงจากห้องแม่เงียบไปสักพักจนฉันแน่ใจว่าพวกท่านหลับแล้ว ฉันจึงปลุกเพื่อนสาว
"เอมิลี่ เอมิลี่ ตื่น" ฉันเขย่าตัวเธอ
"หือ คนอื่นหลับหมดแล้วเหรอ" เธองัวเงีย
"อืม ไปกันเถอะ" ฉันว่าพลางเปิดหน้าต่างห้องออก
"เปิดหน้าต่างทำไม" เธอสงสัย
"เราจะออกทางหน้าต่าง" ฉันตอบเรียบๆ
"ทำไมไม่ออกทางประตู"
"อย่าพึ่งถาม เราไม่มีเวลาแล้ว" ฉันตัดบทแล้วกระโดดออกนอกหน้าต่างลงพื้นอย่างปลอดภัย แต่เอมิลี่นี่สิ
"วาเนสซ่า นี่มันชั้นสองนะ แล้วฉันก็เป็นมนุษย์ให้กระโดดมัน..." เธอเรียกฉันจากขอบหน้าต่าง
"ลงมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวฉันรับเอง" ฉันบอก
"โดดละนะ" เธอทิ้งตัวลงจากขอบหน้าต่าง
ฉันรับอุ้มเธอในท่าอุ้มเจ้าหญิงแล้วค่อยๆ ปล่อยเธอยืนบนพื้น เธอหมุนตัวสำรวจตัวเองไปมา ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร มองไปรอบข้าง
"มืดจัง มองไม่เห็นอะไรเลย ฉันลืมเอาไฟฉายลงมาซะด้วย" เอมิลี่บอก
“ไม่เป็นไรหรอก” ฉันว่า
“วาเนสซ่า นี่เธอมองเห็นในความมืดได้ด้วยงั้นรึ” เธอประชด
“อืม” ฉันตอบในขณะเปลี่ยนร่างเป็นยมทูตไปด้วย
“แล้วฉันล่ะ ฉันมองไม่เห็นเหมือนเธอสักหน่อย”
“แบบนี้เป็นไง” ฉันสั่งให้ร่างกายตัวเองเปล่งแสงสีส้มแดงเป็นประกายสว่าง
“ยอดไปเลย” เอมิลี่ทึ่ง
“ตามมา” ฉันบอกแล้วรีบวิ่งไปที่น้ำตกทันที
ฉันมองไปยังทางเดิมที่เห็นปีศาจ คราวนี้ปีศาจที่ฉันเห็นไม่ได้มีแค่ตนเดียว มีถึง 5 ตน
“เอมิลี่ ขอไรเฟิลหน่อย” ฉันสั่ง Partner
เด็กสาวผมเงินเปิดสมุดของ Partnerหรืออีกชื่อคือสมุดคลังอาวุธของยมทูต เธอเปิดหาไรเฟิล เพียงกดที่ชื่อ อาวุธก็ปรากฏออกมา
“เอ้า!” เธอส่งอาวุธให้ฉัน
อาวุธทุกชนิดยกเว้นอาวุธประจำตัวของยมทูตที่มี Partner แล้ว จะอยู่ที่ Partner ทั้งหมด ว่าง่ายๆ คือถ้าเอมิลี่ไม่ได้อยู่กับฉันตรงนี้ล่ะก็ฉันก็ใช้ได้แต่ปืนพกแค่นั้นแหละ
ฉันเล็งไรเฟิลไปที่ปีศาจทีละตน
"ปัง! ปัง! ปัง!ปัง! ปัง!" ฉันลั่นไกปืน
"เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!" Coreของปีศาจทั้งห้าแตกออก
ฉันต้องตามไปเก็บวิญญาณ
ฉันกับเอมิลี่วิ่งไปที่ตรงนั้น ต้นไม้บริเวณนั้นถูกทำลายเป็นวงกว้างจนกลายเป็นลานโล่งขนาดใหญ่ ดวงวิญญาณทั้งห้าที่ฉันจัดการลอยเด่นอยู่ ฉันหยิบสมุดยมทูตขึ้นมาเตรียมผนึก
"ผนึก" เสียงผู้หญิงคนอื่นดังขึ้น ดวงวิญญาณทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในสมุดในมือของผู้หญิงคนนั้น
“Blade!” ฉันเรียกด้วยความตกใจ นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอเธอคนนี้ที่นี่
“ยังไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม” ยมทูตสาวผมทองพูดอย่างไม่แยแส
“เธอมาทำอะไรที่นี่” ฉันถาม ผู้ถูกถามไม่ตอบแต่มองไปทาง Partner ของฉันแล้วถามขึ้น
“นั่นใคร?”
“Partner ของฉัน” ฉันตอบเรียบๆ
“Partner” เธอทวนสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
“ใครอะ วาเนสซ่า” เอมิลี่เดินมาสะกิดฉันเบาๆ ระแวง Blade ที่จ้องอย่างไม่ละสายตา
“ยมทูตผู้ใช้ดาบ โค้ดเนม Blade” ฉันบอก
“ไหนนายหญิงบอกว่ามี Partner แล้ว level จะสูงขึ้นไม่เห็นจะเปลี่ยนไรเลย” ยมทูตผมทองส่ายหัวปลงๆ
“จะลองดูไหมล่ะ” ฉันเริ่มของขึ้น
“หึ เอาสิ” เธอแสยะยิ้มกระชับดาบยาวในมือ
“เอมิลี่ ถอย” ฉันสั่งพร้อมกับโยนปืนสไนเปอร์ให้ เปลี่ยนอาวุธในมือเป็นปืนพกคู่ใจ
“ปัง!” ฉันยิงไปที่ Blade ทันที เธอรู้แล้วว่าดาบกันไม่อยู่แน่จึงขยับหลบ ใบหน้านิ่งๆ แสยะยิ้มที่มุมปากแบบนี้ไม่ว่าใครก็ฉุน
ฉันรัวปืนใส่เลยทีนี้ แถมไม่ใช้กระสุนธรรมดา กระสุนติดไฟทุกนัดถูกเล็งไปที่เธอ เธอเงื้อดาบขึ้น ลมจากไหนไม่รู้พัดวนรอบตัวเธอจนกลายเป็นเกราะลมกันกระสุนของฉันได้หมด
“ไม่ได้เรื่อง” เธอพูดลอยๆ
“เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!” เสียงกระสุนของฉันที่โดนลมพัดตกลงบนพื้นรอบตัวเธอ
“แน่ใจเหรอ” ฉันเลิกคิ้ว เห็นทางแล้ว ยมทูตสาวฉงนเล็กน้อย
ฉันตั้งปืนขึ้นเตรียมยิง
“ยังไงก็ไม่ได้เรื่อง” เธอย้ำ
“ใครว่าล่ะ” ฉันพูดแล้วยิงกระสุนติดไฟไปที่กระสุนที่กองอยู่รอบตัวเธอ
ถึงลมจะกันกระสุนได้แต่ลมก็ช่วยให้ไฟโหมได้เหมือนกันนะ
พรึ่บ กระสุนทั้งหมดติดไฟเผาตัวเธอทันที
เธอดีดตัวพุ่งเข้ามาหาฉันด้วยความเร็วสูงสูงขนาดที่ฉันที่ตั้งท่าคอยอยู่แล้วยังต้องถอย เร็วกว่าเมื่อคราวก่อนเยอะมาก สัก 3 เท่าได้มั้ง ฉันถอยเบี่ยงตัวหลบคมดาบของเธอที่รัวเข้ามาไม่ยั้ง ถอยจนหลังไปติดกับต้นไม้
เวรล่ะทีนี้
เธอเงื้อดาบขึ้นจะฟันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว
เรื่องอะไรจะยอมล่ะ จะเอาปืนรับปืนได้ถูกฟันเป็นสองท่อนแน่ จะเอามือรับเดี๋ยวก็เป็นเหมือนตอนนั้น เข็ดแล้ว งั้นก็เหลือทางเดียว
ฉันกระโดดหนี
“โอ๊ย!” ไม่พ้นฉันโดนฟันขาซ้ายขาด ส่วนตัวฉันลอยไปหล่นที่ข้างๆ นั่นแหละ เลือดสีน้ำเงินไหลเป็นทาง เจ็บชะมัด
“วาเนสซ่า!” เอมิลี่ทำท่าจะวิ่งเข้ามาหา
“อย่าเข้ามา!” ฉันตะโกนบอก พลางวางปืนลงตั้งมือรับการโจมตีจากยมทูตแห่งดาบที่ไม่ยอมหยุดแม้จะฟันขาฉันทิ้งไปแล้วก็ตาม
“เธอต้องการอะไรกันแน่” ฉันถามในขณะที่กางกรงเล็บรับคมดาบของเธอ
“อยากชนะฉันงั้นเหรอ”
“ใช่” เธอตะคอกพร้อมกับกดดาบแรงขึ้นอีก
“แล้วอย่างไหนที่มันเรียกว่าชนะกันล่ะ ให้ฉันหายไปก่อนงั้นเหรอ”
เงียบ
“เธอนั่นแหละที่ไม่ได้เรื่อง” ฉันผลักดาบออก มือซ้ายยึดข้อมือของเธอไว้ มือขวาคว้าปืนขึ้นเล็งกลางหัวนี่แหละ ใบหน้าของ Blade ที่ซีดอยู่แล้วซีดลงไปอีก ดวงตาสีเลือดของเธอเบิกกว้าง
“ปัง!”
“กรี๊ด!” เสียงเอมิลี่กรีดร้องดังก้องทั่วป่า
เหมือนเวลาหยุดเดินไปครู่ใหญ่ หลังจากทุกอย่างสงบลง
Blade จากที่อยู่ตรงหน้าฉัน ตอนนี้นั่งทรุดอยู่ห่างจากฉันหลายเมตร เลือดสีน้ำเงินไหลออกจากข้อมือขวา มือขวากับดาบของเธอยังติดอยู่ที่มือซ้ายของฉัน มือซ้ายของเธอกุมดาบอีกเล่มที่เปื้อนเลือดสีน้ำเงินอยู่ สีหน้าเธอดูโอเคขึ้นแล้ว
“เอ้า!” ฉันโยนมือขวาพร้อมดาบคืนเจ้าของ
“ที่จริงยมทูตอย่างเราถึงจะโดนยิงที่หัวก็คงไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ” ฉันพูดติดตลก
“หึ” เธอไม่ว่าอะไร ต่อมือขวากลับเข้าที่เดิม
“เอมิลี่ หยิบขาให้ฉันหน่อยสิ” ฉันบอก Partner
เอมิลี่ยังคงอึ้งช็อกอยู่
“เอมิลี่” ฉันเรียกซ้ำ เธอสะดุ้ง
“ไปหยิบขาให้หน่อยนะ” ฉันขอ
“อืม” เธอเดินไปหยิบให้อย่างงงๆ
ฉันต่อขากลับเข้าที่เดิม
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม” เอมิลี่ถามอย่างเป็นห่วง
“อืม ไม่เป็นไร” ฉันขยับขาซ้ายไปมาเห็นว่าเข้าที่ดีแล้วหันไปยิ้มให้เธอ
“Blade โอเคใช่ไหม” ฉันหันไปตะโกนถามคู่ต่อสู้
“ไม่ต้องยุ่ง” เธอตัดบท หน้าแดงแปลกๆ
สวบ...สวบ...
เสียงคนสองคนกำลังเดินผ่านป่ามาทางนี้
"เสียงอะไรน่ะ?"
"ไม่รู้เหมือนกัน" เสียงคนทั้งสองคุยกัน
พ่อ...แม่...แย่แล้ว เพราะเสียงเอมิลี่ร้องเมื่อกี้แน่เลย
ฉันหันไปหา Blade พบว่าเธอสั่งให้ร่างมองไม่เห็นในสายตามนุษย์เรียบร้อยแล้ว ฉันจึงทำแบบเดียวกัน
"เดี๋ยวสิทั้งสองคน" เอมิลี่สบถหลังจากถูกทิ้งให้รับมือคนเดียว
"เอมิลี่ หนูมาทำอะไรตรงนี้น่ะ" พ่อถามทันทีที่เห็นเด็กสาว ในขณะที่แม่ส่องไฟฉายมองไปรอบๆ
"นี้มันเกิดอะไรขึ้น" แม่ถามด้วยความสงสัยที่พื้นที่รอบๆ ที่ควรเป็นป่ากลายเป็นลานกว้าง
"คือ...หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ" เอมิลี่ตอบเลี่ยงๆ
ฉันหันมองซ้ายขวาไม่เห็นน้องรู้สึกผิดสังเกต
"แล้วน้องล่ะ?" ฉันถามขึ้น
เอมิลี่ที่ได้ยินเสียงฉันเพียงคนเดียวจึงถามพ่อแม่ให้
"แล้วซาเนียล่ะคะ?"
"ไม่รู้เหมือนกัน" แม่บอก
"น้องไม่ได้อยู่ที่บ้านเหรอคะ" เอมิลี่ถาม
ฉันเริ่มใจเสีย
"ไม่ได้หรอกจ๊ะ ตื่นมาก็ไม่เห็นแล้ว หนูเห็นน้องบ้างรึเปล่าล่ะ" แม่ว่า
"ไม่เห็นค่ะ" เอมิลี่ตอบ
"ซวยแล้ว ซวยแล้ว" ฉันพึมพำ
"ทำไมซวย" Blade เดินเข้ามาถาม
"ก็..." ฉันพูดไม่ทันจบประโยค
“ช่วยด้วย! ปล่อยนะ บอกให้ปล่อยไง” เสียงเด็กสาวผมสีชมพูร้องโวยวาย เธอถูกลากออกจากป่ามาที่ลานกว้างนี้โดยชายร่างใหญ่ในชุดดำสนิทกลืนกับความมืดยามค่ำคืน
“ซาเนีย!” ทุกคนตกใจ
“พ่อ แม่ พี่ ช่วยหนูด้วย” ซาเนียร้องพลางสะบัดมือให้หลุดจากอุ้งมือของชายผู้นั้นแต่แม้พยายามมออกแรงเท่าไหร่ก็ไม่หลุด
“แกเป็นใคร” พ่อตวาดถาม อีกฝ่ายที่มองไม่เห็นหน้าเหมือนจะหัวเราะเยาะแต่ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอกออกมา
“ปล่อยเด็กคนนั้นเดี๋ยวนี้นะ” แม่ขึ้นเสียง
“วาเนสซ่า นี่มันแปลกๆ อยู่นะ” เอมิลี่หันมากระซิบกับฉัน สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
“ปีศาจ” Blade ที่มายืนข้างฉันเมื่อไหร่ไม่รู้พูดขึ้น
“ปีศาจ?” เอมิลี่ทวน
“น่าจะใช่ ไม่ได้ยินเสียงลมหายใจเลยสักนิด” ฉันบอก
“ฉันจะจัดการ” Blade กระชับดาบคู่ในมือ
“เดี๋ยว!” ฉันห้ามแต่ช้าไปเธอไปถึงตัวทั้งคู่แล้ว ยมทูตผมทองเงื้อดาบขึ้นฟาดแต่ก็ต้องผงะ พริบตานั้นร่างหญิงสาวกระดอนกลับกระแทกพื้นข้างฉัน ดาบละลาย ร่างกายเต็มไปด้วยแผลผุพอง
“เหวอ!” แม่ตกใจ
พ่อกับแม่เห็นร่าง Blade แล้ว บาดเจ็บขนาดนั้นคงคุมไม่ให้ร่างมองไม่เห็นไม่ไหว ไม่นึกเลยว่าปีศาจนั่นมันจะใช้น้องเป็นเกราะกำบัง เห็นแบบนี้แล้วซ่อนร่างไปก็เท่านั้นฉันสั่งให้ร่างมองเห็นได้ทำเอาพ่อกับแม่ตะลึงไปอีกรอบ โชคดีที่ทั้งคู่จำฉันไม่ได้
“แกคิดจะทำอะไรกับเด็กคนนั้น” ฉันตะโกนถาม ทั้งๆ ที่รู้ว่าปีศาจมันพูดไม่ได้
“ก็ไม่รู้สินะ” ปีศาจพูดเสียงแหบพร่าแต่กวนตีนได้ใจ
“ปีศาจพูดได้” เอมิลี่ตกใจ
“จะพูดได้หรือพูดไม่ได้ก็ช่าง ปล่อยเด็กคนนั้นเดี๋ยวนี้นะ” ฉันโวย
“ปล่อยก็ได้” มันพูดแล้วสะบัดร่างน้องล้มกระแทกกับพื้น
“โอ๊ย!” น้องร้อง
หนอย! ฉันโกรธมาก ดีดตัวพุ่งเข้าหามันทันที
“ปัง! ปัง! ปัง!” ฉันยิงกระสุนติดไฟใส่ มันแค่ใช้มือรับก็หยุดกระสุนของฉันได้หมด
ปีศาจ level อะไรเนี่ย เก่งชะมัด
“ยอมแพ้แล้วงั้นเหรอ” มันกวน
“ไม่ได้เรื่อง สมแล้วล่ะที่ต้องคอยให้ Deta ช่วยอย่างเดียว”
“หมายความว่าไง” ฉันฉุน
“แค่เพิ่มวิญญาณดวงสองดวงก็สู้ไม่ได้” มันเย้ยอีก
ฉันนึกได้ทันทีต้องเป็นตอนนั้นแน่ๆ
“แกนี่เองที่เป็นคนส่งวิญญาณ 6 ดวงนั้นมา แกใช่ไหมที่คอยแอบสะกดรอยตามฉันมาตลอด” ฉันถามสิ่งที่สงสัยมาตลอด
“ถ้าใช่แล้วไง ยังไงคนอย่างเธอก็ไม่มีทางชนะได้หรอก”
คราวนี้แหละฉันไม่ต่อล้อต่อเถียงกับมันแล้ว ของมันขึ้นสุดขีด ฉันระเบิดพลังทั้งหมดของตัวเองออกมา ไฟสีแดงฉานลุกท่วมร่าง ปืนพกในมือเปลี่ยนเป็นเคียวยมทูตขนาดยักษ์
“หึ” ฉันแสยะยิ้ม ควงเคียวเล่นไปมาชายตามองไปทางปีศาจที่ถึงกับสะอึก
ฉันวิ่งเข้าใส่มัน กระโดดขึ้นฟ้า ควงเคียวเพื่อเพิ่มพลังโจมตีแล้วฟาดมันลงมา
"ครืน!" แผ่นดินที่โดนฟาดแตกเป็นเสี่ยงๆ
ปีศาจหายตัวไปแล้ว
"พี่วาเนสซ่า ข้างหลัง!" เสียงซาเนียตะโกนเรียก
ฉันหันไปข้างหลังทันทีปีศาจตนนั้นเงื้อกรงเล็บดวงตาสีแดงของมันฉายแววน่ากลัว
ตั้งรับไม่ทัน โดนแน่ๆ
วินาทีนั้นฉันคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ แต่วินาทีถัดมาทำให้ฉันรู้ว่า ฉันรอดแล้ว
"อ้าก!" เสียงปีศาจร้องทรมาน ทั้งร่างผุพองเหมือนโดนน้ำกรดสาด
ฉันหันไปหาน้อง เห็นเด็กคนนั้นตั้งมือมาทางฉัน ทันทีที่เธอเห็นฉันปลอดภัยก็ส่งยิ้มให้แล้วล้มทั้งยืน
"ซาเนีย!" ฉันตกใจ เธอคงใช้พลังเวทย์ทั้งหมดในการปกป้องฉัน
"ฝากไว้ก่อนเถอะ" ปีศาจบอกก่อนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ตอนนี้ปัญหาที่เหลืออยู่ก็มีแต่
พ่อ...แม่...
..........................................................................................................................................................................
*อย่าลืมคอมเม้นท์กันด้วยนะ จากไรท์เตอร์ผู้โหยหาคอมเม้นท์
ความคิดเห็น