ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I am the Angel of Death 'S' ฉันคือยมทูตS

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 6 เรื่องที่ยังไม่รู้มีอีกมากมายรึเปล่า? (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 56


    บทที่ 6

    วันนี้เป็นวันเสาร์ที่เหนื่อยมากอีกวัน เป็นวันเสาร์แรกที่เอมิลี่ต้องมาลาดตะเวนล่าปีศาจปกป้องวิญญาณร่วมกับฉัน พวกเราจัดการปีศาจได้ 5 ตัวเก็บวิญญาณได้ 12 ดวง หลังจากจัดการเสร็จก็มาพักกันที่สวนสาธารณะที่ที่ฉันเจอกับปีศาจสัปปะรด

    "โอ๊ย! เหนื่อยชะมัดเลย" เด็กสาวเปียฟ้าในชุดเอี๊ยมยีนส์ทิ้งตัวลงนอนเอาแรงบนสนามหญ้า

    ฉันมองเธอแล้วยิ้ม ทรุดตัวลงนั่งข้าง Partner ของฉัน เงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามที่ยังคงเหมือนเดิม

    นี่ก็ผ่านมาได้หนึ่งอาทิตย์แล้วสินะ ตั้งแต่วันนั้น

    "ฉันจะเป็น Partner ของเธอ"

    คำพูดนั้นฉันจำได้ไม่มีวันลืม มันยังคงดังก้องในหัวตลอดเวลา มันเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ จากที่ฉันต้องผจญใช้ชีวิตหลังความตายในฐานะยมทูตไล่ล่าจับปีศาจตัวคนเดียวมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว ฉันมี Partner เอมิลี่ ฟาทินสัน

    “วาเนสซ่า ฉันขอหลับซักงีบนะ” เอมิลี่หาวง่วงนอน

    “อืม”

    “เธอไม่นอนด้วยกันเหรอ” เธอหันมาชวน

    “ไม่อะ” ฉันส่ายหน้า “เธอนอนไปเถอะ”

    “โทษทีฉันลืมไปว่าเธอไม่จำเป็นต้องนอน” เธอนึกขึ้นได้ ฉันยิ้มให้อย่างไม่ใส่ใจ

    “งั้นฉันไม่นอนดีกว่า” เอมิลี่เด้งตัวขึ้นนั่ง

    “ทำไมล่ะ”

    “นอนคนเดียวมันรู้สึกแปลกๆ อะ นั่งคุยกับเธอดีกว่า”

    “เหรอ”

    “นี่วาเนสซ่า เธอจัดการปีศาจพวกนั้นตัวคนเดียวมาตลอดเลยเหรอ”

    “อืม ก็เกือบทั้งหมดล่ะนะ มีครั้งเดียวที่ Blade มาช่วย” ฉันบอก

    จะว่าไปตอนนี้เธอทำอะไรอยู่กันนะ ยมทูต Blade ออกล่าปีศาจอยู่รึเปล่านะ

    Blade ใครกันน่ะ” เอมิลี่ถาม

    “ยมทูตแห่งดาบน่ะ”

    “แล้วเค้าเก่งไหมอะ”

    “เก่งมากเลยแหละ”

    “เหรอ”

    บรรยากาศเงียบไปซักพัก เอมิลี่พลิกดูนาฬิกาข้อมือบอกเวลา17.29

    “5 โมงครึ่งแล้ว จะกลับกันรึยัง” เอมิลี่ถามขึ้น

    “เอาสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง” ฉันลุกยืนขึ้น

    “ไม่ต้องหรอ ฉันกลับเองได้ เธอก็รีบกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง” เอมิลี่ลุกขึ้นปัดเศษหญ้าออกจากตัว

    “แน่ใจนะ” ฉันถามย้ำด้วยความเป็นห่วง

    “จ้า”

    “งั้นก็ บาย เจอกันพรุ่งนี้นะ”

    “บาย”

    พวกเราแยกกัน เอมิลี่เดินไปขึ้นรถไฟที่สถานีหลังโรงเรียน ส่วนฉันเดินกลับบ้าน

    ทันทีที่ถึงบ้าน

    “แม่ หนูกลับมาแล้ว” ฉันวิ่งเข้ากอดแม่ที่ทำอาหารอยู่ในห้องครัวหลังบ้าน

    “กลับมาแล้วเหรอ แล้วน้องล่ะ”

    “น้องไม่ได้อยู่บ้านเหรอคะ”

    “เห็นออกไปไหนไม่รู้ ยังไม่กลับมาเลย” แม่บอกทำเอาฉันใจเสีย

    ซาเนีย เธอเป็นเทวทูตนะ วิญญาณของยมทูตมีพลังวิญญาณมากกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่า ยิ่งเป็นที่ล่อตาล่อใจของพวกปีศาจ ถึงตอนนี้พวกมันจะยังไม่รู้ว่าเธอเป็นเทวทูตก็เถอะ แต่ถ้ารู้ล่ะก็ซวยแน่

    “งั้นเดี๋ยวหนูออกไปตามน้องให้ค่ะ” ฉันบอกแม่แล้วรีบวิ่งออกมาหน้าบ้าน มองออกไปรอบทิศทางพยายามหาน้อง

    ไม่ไหว ทั้งตึกทั้งบ้านบังหมด

    ฉันกระโดดจากชั้น 1ขึ้นไปบนหลังคาบ้าน แล้วจึงมองหาอีกรอบ ด้วยความสามารถในการมองของยมทูตทำให้ฉันมองเห็นน้องกำลังนั่งอยู่กับเด็กผู้หญิงอีกคน

    แคลร์ เพื่อนของซาเนียนี่ ไปทำอะไรที่ชายป่ากันน่ะ

    ถ้าอยู่กันแค่2 คนคงไม่เป็นห่วงมากเท่าไหร่หรอก แต่ดันเป็น 2 คนกับ 1ตนนี่สิ

    แล้วไอ้ 1 ตนที่ว่าก็คือ ปีศาจ!

      เวรแล้ว ชายป่าห่างจากที่นี่เป็นโยชน์ จะไปช่วยทันไหมเนี่ย ไม่ลองไม่รู้ ฉันออกวิ่งจากบ้านไปที่นั่นทันทีด้วยความเร็วนรกสูงสุด

    1 นาทีถัดมา ฉันมาถึงแล้ว โอย ถึงขาของยมทูตจะแข็งแรงมากแค่ไหนก็ตามมันก็ต้องมีลิมิตกันบ้าง ตอนนี้ปวดระบมไปหมดแล้ว ทำไมนายหญิงถึงไม่สร้างยมทูตที่มีปีกก็ไม่รู้เนอะ

    “ซาเนีย!” ฉันตะโกนเรียกน้อง

    “พี่คะ” ซาเนียเรียกฉันด้วยความดีใจคราบน้ำตาจากความกลัวยังติดบนแก้มสีแดงระเรื่อของเธอ น้องกอดเพื่อนตัวเองไว้แน่น ทั้งคู่ยังตัวสั่นไม่หาย

    ฉันปรี่เข้าไปหาพวกหาพวกเธอ

    “แล้วปีศาจล่ะ?” ฉันถามถึงเจ้าตัวปัญหา

    น้องไม่ตอบแต่ชี้มือไปทางข้างหลังฉัน เมื่อหันกลับไปฉันก็พบว่า มันลงไปนอนโอดโอยร่างกายพุพองไปทั้งตัว เห็นอาการแล้วรู้ได้ในทันที กระแทกกับออโต้ชิลด์ของน้องเข้าไปแน่ๆ สภาพแบบนั้นคงยากที่จะฟื้นตัว ปล่อยไว้ก่อนดีกว่าหันมาสนใจน้องก่อน

    ซาเนียหอบ หายใจถี่ หน้าตาใบหน้าซีดเซียว เหงื่อออกซก ท่าทางเหนื่อยมากคงเพราะใช้พลังเวทย์ไปเยอะ

    แคลร์เกาะน้องสาวฉันตัวสั่นเทา แขนเสื้อซ้ายขาด ต้นแขนซ้ายมีรอยถูกฟันคาดว่าเป็นฝีมือของปีศาจแต่แผลแห้งตกสะเก็ดแล้ว โชคดีได้รับเวทย์รักษาจากซาเนีย

    “ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัว” ฉันลูบหัวเด็กสาว เธอพยักหน้าสีหน้าดีขึ้นแต่ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จู่ๆ ฉันก็ได้กลิ่นวิญญาณหลายดวงลอยไปทางปีศาจ

    ทางปีศาจ!

    ฉันหันขวับกลับไปดูทันที ความคิดเดียววิ่งเข้ามาในหัว

    ทำไมฉันถึงไม่จัดการมันตั้งแต่เมื่อกี้ให้เรียบร้อยฟะ

    ตอนนี้บนตัวมันมีดวงวิญญาณ 6 ดวงลอยอยู่ มันดูดวิญญาณพวกนั้นเข้าไปพริบตาเดียวร่างกายของมันก็ถูกฟื้นฟูจนหายดีแถมยังขยายร่างจนใหญ่กว่าเดิมเป็น 2 เท่า ใหญ่พอๆ กับรถสิบล้อ กางเล็กทั้งสิบยาวเป็นเมตรกลายเป็นดาบขนาดยักษ์

    “กรร” มันคำรามเต็มไปด้วยความโกรธอาฆาต

    มันพุ่งเข้ามาฟาดกรงเล็บอันมหึมาใส่ฉัน แค่เล็กเดียวก็ใหญ่กว่าตัวฉันแล้ว จะให้ฉันสู้ได้ยังไงกัน ฉันตัดสินใจเปลี่ยนร่างเป็นร่างยมทูต เสื้อผ้าในร่างยมทูตแข็งแรงกว่าเสื้อผ้าของมนุษย์มันเป็นเหมือนเสื้อเกราะให้กับฉัน ฉันหวังว่ามันจะลดอาการบาดเจ็บเวลาโดนโจมตีได้บ้าง

    “เหวอ!” ฉันกระโดดหลบตามสัญชาตญาณ

    มันฟาดมาไม่ยั้ง ฉันก็พยายามหลบ ฉันก็...

    “แฮ่ก แฮ่ก” ฉันหอบ เหนื่อยมาก ตาเริ่มพร่า ฉันขยี้ตาดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไร

    “โครม!” มันฟาดกรงเล็บลงมากระแทกพื้นแยก

                ฉันกระโดดหลบไปหาน้อง

    “โทร...” ฉันพยายามบอกน้องแต่เสียงมัน

    “คะ?” น้องตั้งใจฟัง

    “โทร... หา... เอมิลี่” ฉันเค้นเสียงออกมาจนได้

    “ค่ะ” น้องรับคำแล้วรีบโทรหา Partner ของฉันทันที

    ไม่ไหว ขามันไม่ขยับแล้ว จะสู้ต่อไปได้ยังไงกัน

    “กรี๊ด!” เสียงแคลร์กรีดร้องด้วยความหวาดกลัวเมื่อปีศาจย่างกายเข้ามาประชิดเงื้อกรงเล็บขึ้น

    ฟาด!

    หนอย! ฉันไม่ยอมหรอก ฉันฉุดร่างกายตัวเองขึ้นยืน ยกมือขึ้นยันเล็บมันไว้

    “โอ๊ย!” เลือดสีน้ำเงินไหลออกจากมือทั้งสองข้างเป็นทาง

    ฉันยังไม่แพ้หรอกน่า

    ไฟถูกจุดขึ้นบนมือ

    “พรึ่บ!” เพลิงแผ่ขยายเป็นวงกว้างกลายเป็นกำแพงไฟเผาเล็บของมันหลอมละลาย

    ปีศาจร้องไม่เป็นประสาถอยกลับไปพลางกุมแผลด้วยความเจ็บปวด

    พริบตานั้นฉัน ล้มลง...

     

    “วาเนสซ่า วาเนสซ่า ฟื้นสิวาเนสซ่า” เสียงใครกัน เสียงใครเรียก ฉันเลิกเปลือกตาขึ้น มันเบลอไปหมด

    “พี่วาเนสซ่า”

    คราวนี้เป็นเสียงใครอีกล่ะ

    “กรีดเลือดเดี๋ยวนี้” เสียงผู้หญิงอีกคนดังขึ้นมา

    “ค..ค่ะ”

    “ยกไว้เหนือปากให้เลือดไหลเข้าปาก”

    “ค่ะ”

    ฉันรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆ ไหลเข้าในปาก ลิ้นรับรู้รส หวานมัน อร่อย

    เป็นเลือดของใครกัน

    เลือดที่ฉันดื่มเข้าไปนั้นช่วยฟื้นฟูร่างากาย ทำให้ตาของฉันกลับมามองเห็นได้ชัด ประสาทสัมผัสเริ่มรับรู้สภาวะรอบข้าง คนแรกที่ฉันเห็นคือ เอมิลี่ เธอคือคนที่คุกเข่ายกข้อมือขวาที่ถูกเฉือนให้เลือดสีแดงสดไหลเข้าปากฉัน สีหน้าของเธอซีดเพราะเสียเลือดมาก

    “เอมิลี่พอแล้วล่ะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว” ฉันเอื้อมมือไปลดข้อมือขวาของเธอลง

    “อืม” เอมิลี่ห้ามเลือดตัวเองแล้วช่วยพยุงฉันขึ้นนั่ง แผลที่มือของฉันหายไปแล้ว

    ปีศาจล่ะ

    ฉันหันไปเห็นเด็กสาวผมสีช็อคโกแล็ตในชุดเดรสสีเหลืองอ่อนยืนหันหลังให้ฉันมองไปที่นายหญิง Deta เจ้าแห่งนรก หญิงสาวผมเงินยาวสลวยสวมเสื้อรัดรูป กระโปรงสั้น รองเท้าผ้าใบสีดำสนิท ถุงเท้ายาวลายทางแดงดำ เข็มขัดหนาม...

    ในมือถือเคียวยมทูตที่ยาวสูงกว่าตัวเธอเองเสียอีก ปลายเคียวคมกริบพร้อมจะฟันทุกอย่างที่มาขวาง เบื้องหน้าของนายหญิงมีดวงวิญญาณ 10 ดวงลอยอยู่ นั่นต้องเป็นวิญญาณของไอ้ปีศาจตนเมื้อกี้ ถูกนายหญิงจัดการเรียบร้อยแล้วสินะ

    “ฟื้นแล้วเหรอ เร็วดีนะเนี่ย” นายหญิงมายืนตรงหน้าฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนู้นอยู่เลย

    S” นายหญิงเรียก

    “คะ” ฉันสะดุ้ง

    “เหม่ออะไรของเธอ”

    “ไม่มีอะไรค่ะ นายหญิง ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เดือดร้อน”

    “ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่หรอก แต่คราวหน้าจะทำอะไร ห้ามทิ้งPartnerเด็ดขาดเข้าใจไหม”

    “ค่ะ” ฉันรับเสียงอ่อย

    “นายหญิง?” เอมิลี่สงสัย

    “ใช่จ๊ะ” นายหญิงหันไปยิ้มให้เอมิลี่

    “งั้นคุณก็คือ Deta เจ้าแห่งนรก?

    “จ้า คุณPartnerของS เอมิลี่ ฟาทินสัน”

    “ค่ะ” เอมิลี่เกรงๆ คงเพราะพึ่งเจอกันเป็นครั้งแรก

    “พี่คะ” น้องสาวเดินเข้ามาหาพร้อมกับเพื่อนของเธอและก็เด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาล

    “เด็กคนนี้ เธอคงรูจักแล้วสินะ” นายหญิงพูด

    Dream เทวทูตแห่งความฝัน” ฉันพูด

    นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอ Dream  ตัวเป็นๆ เธอดูเด็กกว่าที่ฉันคิดเยอะ

    Cure เธอรู้เหตุการณ์นี้ตั้งแต่ต้นใช่ไหม” นายหญิงถามน้องสาวของฉัน

    “ก็ไม่ทั้งหมดหรอกค่ะ”

    “งั้นเล่าเท่าที่เธอรู้ให้ฟังหน่อย”

    “ค่ะ คือว่าตอนที่ฉันกำลังทำการบ้านอยู่ที่บ้าน แคลร์ก็โทรศัพท์เข้ามา

    ซาเนีย ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย

    แคลร์ ใจเย็นๆก่อนนะค่อยๆเล่า มันเกิดอะไรขึ้น

    ปีศาจ มันจะฆ่าฉัน กรี๊ด!’

    แคลร์!’

    แล้วโทรศัพท์ก็ตัดไป ฉันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้แคลร์จะเข้าป่าเพื่อเก็บผลไม้ไปขาย เลยรีบมาที่นี่ เจอแคลร์นั่งกุมแผลที่โดนฟันอยู่ ฉันจึงรักษาให้ ปีศาจมันก็พยายามโจมตีพวกเรา โชคดีที่มีออโต้ชิลด์กั้นไว้ พวกเราจึงปลอดภัย แต่มันก็โจมตีมาไม่หยุดจนโจมตีไม่ไหวลงไปนอนกองกับพื้น ตอนนั้นเองพี่วาเนสซ่า เอ่อ ยมทูตSมาช่วย”

    “พอแค่นี้ก่อน” นายหญิงขัดขึ้น

    พอน้องเล่าฉันก็นึกขึ้นได้ จะว่าไปบังเอิญจังนะที่ปีศาจโจมตี แคลร์ ที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาถึง 2 ครั้งแล้วเธอก็รอดตายทั้ง 2 ครั้ง น่าแปลกจริงๆ

    นายหญิงมองแคลร์ที่ยังคงยืนเกาะน้องสาวฉันอยู่ เธอคงคิดแบบเดียวกับฉัน ต่อไปจะทำยังไงกับแคลร์ดีล่ะ จะปล่อยให้มีความทรงจำเกี่ยวกับปีศาจเกี่ยวกับพวกเราแบบนี้ก็ไม่ได้ซะด้วย

    Dream” นายหญิงสั่งขึ้น

    เทวทูตแห่งความฝันพยักหน้าแล้วหันไปจ้องตากับแคลร์ ดวงตาสีของแคลร์ค่อยๆ ปิดลงแล้วร่างกายก็อ่อนปวกเปียกทรุดลงไปกับพื้น โชคดีที่ซาเนียรับไว้ทัน

    “ทำอะไรน่ะ” ฉันถาม

    “เปลี่ยนความจริงให้กลายเป็นแค่ความฝันเป็นความสามารถอย่างหนึ่งของเทวทูตแห่งความฝันน่ะ” นายหญิงตอบแทน

    ชั่วพริบตาร่างของแคลร์ก็หายไป

    “เวทมนตร์เคลื่อนย้าย ตอนนี้แคลร์อยู่ที่บ้านของเธอแล้วไม่ต้องเป็นห่วง” นายหญิงพูดดัก

    “ทีนี้ก็เหลืองแค่เรื่องของเธอ ยมทูตS มีคนอยากจะคุยด้วย”

    “ใครกันคะ?” ฉันสงสัย

    “เดี๋ยวก็รู้เองแหละ” นายหญิงตัดบทแล้วหันไปหา Dream

    เด็กสาวพยักหน้ารับ แล้วมองเข้ามากลางวงพวกเรา ฉับพลันรอบตัวก็สว่างจ้าจนมองไม่เห็นอะไร ทันทีที่แสงหมดลงฉันพบว่าตนเองอยู่ที่ห้องประชุมแห่งหนึ่ง โต๊ะประชุมหินอ่อนรูปวงรีตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องรายล้อมด้วยเก้าอี้นับสิบ

    “ไปนั่งสิ” คำสั่งจากหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีเงินยาวสลวย ดวงหน้ารีสวยเข้ารูป ตาสีน้ำเงินดุจน้ำทะเลลึก แก้มสีเลือดฝาด ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อยิ้มน้อยๆ เธอสวมเสื้อยืดสีเขียวเข้มทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบดูทะมัดทะแมง

    ฉันจ้องเธอไม่ละสายตา ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาสั่งเรา

    "มีอะไรเหรอ" เธอรู้สึกตัวว่าถูกจ้องหันมาถามฉัน

    "คุณเป็นใคร" ฉันถามเรียบๆ

    ทุกคนในห้องดูอึ้งไปกับคำถามของฉัน

    เธอคนนั้นอมยิ้มแล้วตอบว่า

    "ฉันเองDeta ไง"

    นายหญิง! ร่างมนุษย์ของนายหญิงเหรอเนี่ย

    ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจของนายหญิง เธอยังไม่ตาย เธอยังเป็นมนุษย์อยู่

    Deta เจ้าแห่งนรกเป็นมนุษย์!

    "นั่งก่อนสิ" นายหญิงเชื้อเชิญให้พวกเรานั่งที่เก้าอี้

    "ค่ะ"

    ตอนนี้ทุกคนก็อยู่ในร่างมนุษย์กันหมดแล้วเหลือแค่ฉันคนเดียว ฉันจึงเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์บ้าง พวกเรานั่งรอบโต๊ะประชุมนั้น เพราะมีกันแค่ 5 คน จึงนั่งกันแค่ครึ่งโต๊ะ ฉันแปลกใจที่นายหญิงเว้นที่นั่งหัวโต๊ะไว้สำหรับคนที่กำลังจะมา

     ทันทีที่พวกเรานั่งกันเรียบร้อยแล้ว ประตูห้องประชุมก็เปิดออก หญิงสาววัยสะรุ่น เยื้องย่างเข้ามา ดวงหน้าเนียนรีมนสวยเด่นสว่างดุจแสงอาทิตย์อ่อนๆ ยามเช้า ดวงตาสีน้ำเงินเข็มดุจน้ำทะเลลึกสีเดียวกับเรือนผมที่สยายยาวจรดเอว ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อส่งยิ้มให้ เธอสวมเดรสสีครีม พันผ้าพันคอสีดำ ถุงน่องตาข่ายสีดำ รองเท้าสีดำ เธอนั่งลงในตำแหน่งหัวโต๊ะที่ว่างอยู่ ท่าทางอากัปกริยาของเธอนิ่งสงบแต่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจอันน่าเกรงขาม

    “สวัสดีทุกๆ คน ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อลูเซเรีย เป็นน้องสาวของพี่ลอเลนต์เซีย หรือที่พวกเธอรู้จักในชื่อ Deta” เธอแนะนำตัว

    “ตอนที่รู้ว่าเมืองที่พวกเธออาศัยอยู่มีปีศาจจากนรกขึ้นมาโจมตี ฉันตกใจมากยิ่งได้ยินมาว่ายมทูตตนแรกที่ถูกสร้างให้มาจัดการอายุเพียง 13 ปี ฉันก็เป็นห่วง แต่วันนี้ฉันได้เห็นแล้ว เธอเข้มแข็งและกล้าหาญกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะ ยิ่งมีPartnerแบบนี้ ฉันค่อยวางใจได้หน่อย ขอบคุณพวกเธอมากนะที่ช่วยปกป้องเมืองปกป้องชีวิตผู้คน ขอบคุณจริงๆ”

    “เอ่อ... ค่ะ” ฉันรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก

    เธอคนนี้ทั้งที่เจอกันเป็นครั้งแรกแต่กลับรู้สึกว่าเธอรู้เรื่องของฉันเยอะจนน่ากลัว และท่าทีที่นายหญิงกับ Dream นอบน้อมให้นางทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่า เธอเป็นแค่น้องสาวนายหญิงจริงๆ เหรอ

    “แล้วคุณรู้ไหมคะว่าพวกปีศาจนรกมันขึ้นมาได้ยังไง” เอมิลี่ถามขึ้น

    “ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็ ยัง แต่คาดว่าในอีกไม่ช้าก็คงรู้ว่าพวกมันขึ้นมาได้ยังไง ช่วงนี้ก็ฝากพวกเธอช่วยสอดส่องสิ่งผิดปกติให้ด้วยละกัน” เธอบอก

    “นายหญิง...เอ่อ พี่ลู” ซาเนียพูดขึ้น

    “มีอะไรเหรอ” ผู้ถูกเรียกถาม

    “เอ่อ คือ.. หนูยังใช้พลังเวทย์ไม่คล่อง”

    “ไม่เป็นไร ค่อยๆ ฝึกไปเดี๋ยวก็คล่องเอง” เธอบอกน้องแล้วหันมาบอกฉัน

    “ตอนนี้พวกปีศาจรู้แล้วว่าเด็กคนนี้เป็นเทวทูต ดังนั้นเธอต้องดูแลเค้าให้มากขึ้นนะ”

    “ค่ะ” ฉันรับคำ

    ทำไมสาวผมน้ำเงินคนนี้ถึงดูสนิทกับน้องจัง

    “6 โมงครึ่ง แย่แล้ว แม่ต้องต้องเป็นห่วงมากแน่ๆ” เอมิลี่โพล่งขึ้นหลังจากสังเกตนาฬิกาข้อมือ

    “งั้นก็กลับกันเถอะ ซาเนียเธอใช้เวทย์เคลื่อนย้ายได้รึยัง” ลูเซเรียถามน้อง

    “ได้ค่ะ”

    “งั้นเธอพาพวกพี่สาวกลับบ้านนะ ขอโทษด้วยที่ทำให้เสียเวลา วันข้างหน้าเราคงได้พบกันใหม่” ลูเซเรียบอก

    ซาเนียใช้เวทย์เคลื่อนย้ายพาฉันกับเอมิลี่กลับบ้าน

    ฉันยังสงสัยเรื่องวิญญาณ 6 ดวงที่ลอยมาช่วยปีศาจตนนั้นไม่หาย มันน่าจะมาจากปีศาจที่คอยสังเกตการณ์อยู่ ถ้าเป็นอย่างนั้นปีศาจตนนั้นจะต้องควบคุมการเคลื่อนที่ของดวงวิญญาณได้ Level คงสูงน่าดู มันจะเป็นตนเดียวกับที่สังเกตฉันสู้กับปีศาจสัปปะรดรึเปล่า

    ปล. อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์ด้วยล่ะ
               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×