ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I am the Angel of Death 'S' ฉันคือยมทูตS

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 5 เพื่อนกับน้องสาวที่ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกับน้องสาว? (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 26 ธ.ค. 56


    บทที่ 5

    ฉันใช้ชีวิตหลังความตายในการเป็นยมทูตมา 3 เดือนแล้ว หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่ได้เจอ Blade อีก การไล่จับปีศาจของฉันเป็นไปเรื่อยๆ ไม่มีหยุด ถ้ามีใครสังเกตคงจะพบว่าในช่วง 3 เดือนนี้มีคนรอดชีวิตจากไฟไหม้หรืออุบัติเหตุต่างๆ มากขึ้น ก็ฉันลงไปช่วยเองนี่ ฉันใช้เวทย์ลบความทรงจำไม่ให้มนุษย์พวกนั้นจำฉันได้ ฉันยังคงอยากเป็นมนุษย์ในสายตาคนอื่นอยู่ พวกปีศาจก็ช่างสร้างสถานการณ์จริงๆ ทั้งรถระเบิด รถตกคลอง คนจมน้ำ ไฟไหม้ และที่บ่อยที่สุด คือ ฆ่าตัวตาย

    ตอนนี้ฉันรวบรวมวิญญาณได้เป็นร้อยแล้ว Level ก็เพิ่มขึ้นเป็น Level6 พลังเพิ่มขึ้นเยอะมากจากที่ยิงบาซูก้าได้แค่นัดเดียวตอนนี้ยิงได้ ง 5 นัดติด

    เฮ้อ เหนื่อยสุดๆ ไปเลย

    ฉันอยากมีเวลาว่างเหมือนตอนยังมีชีวิตบ้างจัง มีเวลาไปเดินเล่น ไปเที่ยว ไปห้าง ไปอ่านหนังสือ ไปทำอะไรก็ตามที่ไม่โดนขัดจังหวะด้วยกลิ่นปีศาจ

    ยิ่งพอ Level สูงขึ้นก็ยิ่งสัมผัสได้ว่าปีศาจก็มี Level แตกต่างกัน ถ้าปีศาจมี Level สูงกว่ายมทูต ยมทูตก็จะไม่ได้กลิ่นและมองไม่เห็นปีศาจตนนั้น เป็นอะไรที่แย่มาก

    เรื่องโรงเรียน เอมิลี่เริ่มจะเข้าใจว่า ฉันไม่มีเวลาว่างทำการบ้านหรือทำงานต่างๆ ที่อาจารย์มอบหมาย เธอช่วยทำการบ้านมาให้ฉันลอกตอนเช้า หาข้ออ้างให้เวลาฉันเข้าห้องเรียนสาย ถึงแม้เธอจะไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงเลยก็ตาม

    “เพื่อนต้องช่วยเพื่อนอยู่แล้ว ฉันเชื่อใจเธอนะ วาเนสซ่า” เอมิลี่บอก

    เธอช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ฉัน รู้สึกเสียใจที่บอกความจริงกับเธอไม่ได้ มีวันหนึ่งเป็นวันตรวจสุขภาพประจำปีของโรงเรียน ฉันชั่งน้ำหนักได้ 39 กิโลกรัม วัดส่วนสูงได้ 151 เซนติเมตร ไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลงจากตอนที่วัดที่โรงพยาบาลเลย ฉันต้องปรับค่าชีพจร ปรับค่าความดัน ปรับอุณหภูมิร่างกายให้ใกล้เคียงกับคนอื่นๆ ด้วย

    ตอนนี้ก็ใกล้จะสอบกลางภาคแล้ว ฉันยังหาเวลาว่างมาอ่านหนังสือไม่ได้เลยนอกจากตอนกลางคืนซึ่งส่วนใหญ่ฉันก็ใช้มันไปกับการนอนสลบไสลในนรก ฉันตื่นเองไม่ได้ซะด้วย หลับจนกระทั่งนายหญิงมาปลุกตอนเช้า เห็นรึยังว่าฉันเพลียขนาดไหน

    วันนี้วันจันทร์ฉันกับเอมิลี่เป็นเวรทำความสะอาดห้อง พร้อมกับเพื่อนๆ อีก 6 คน เนื่องจากซาเนียเป็นเวรวันศุกร์ฉันจึงให้เธอกลับบ้านไปก่อนพร้อมกับเพื่อนๆ ของเธอก่อน

    ขณะที่ฉันกำลังกวาดพื้นอยู่ฉันก็คิดถึงน้องไปด้วย

    ตอนนี้พวกซาเนียน่าจะเดินไปได้ครึ่งทางแล้วมั้ง

    จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเป็นห่วงน้องมากเป็นพิเศษ เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับน้อง

    ขอให้ลางสังหรณ์ของฉันไม่เป็นจริงด้วยเถิด

    แต่มันก็เป็นจริงจนได้เมื่อกลิ่นปีศาจจางๆ ลอยมาแตะจมูก ฉันรู้ได้ในทันที

    กลิ่นปีศาจมาจากทางที่น้องเดิน!’

    “ตุ้บ!

    ไม้กวาดในมือตกกระทบพื้น ใบหน้าฉันซีดเผือด

    ไม่จริงน่า ต้องไม่ใช่ซาเนีย ฉันไม่ยอมให้มันมาทำร้ายน้องเด็ดขาด ฉันรีบวิ่งไปหาน้องทันทีเร็วที่สุดที่ความเร็วมนุษย์จะทำได้ ตอนนี้ฉันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ชีวิตของน้องสำคัญที่สุด ฉันวิ่งมาหยุดที่สนามเด็กเล่น

    ปีศาจตัวกลมโตใหญ่มหึมา ดวงตาสีแดงเพลิงจับจ้องไปที่น้องสาวของฉันกับเพื่อนๆ ของเธอที่กอดกันกลมด้วยความกลัว มันเด้งตัวเองเหมือนลูกบอลพุ่งเข้าใส่พวกเธอหวังทับให้ตาย

    “ไม่!!!” ฉันร้องตะโกนสุดเสียงด้วยความตกใจทำอะไรไม่ถูก

    ชั่วพริบตาที่ปีศาจถึงตัวน้องฉันใจหายวาบ เหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ

    “ตึง!” เสียงวัตถุกระแทกพื้นอย่างแรงเรียกฉันขึ้นจากภวังค์

    ปีศาจจากที่อยู่ตรงหน้าน้องลอยกระเด็นออกมาตกกระแทกพื้นห่างออกไป บนตัวมันมีแผลไฟไหม้ขนาดใหญ่ มันกลิ้งตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด

    นี่มันเกิดอะไรขึ้น

    ซาเนีย ฉันนึกขึ้นได้รีบวิ่งเข้าไปดูอาการน้อง

    “ไม่เป็นไรใช่ไหม” ฉันถาม

    “โอ๊ย!” ฉันชักมือทั้งสองข้างที่จับตัวน้องอยู่ออกทันที

    ร้อนมาก ร้อนยิ่งกว่าไฟนรก ทำไมน้องถึงตัวร้อนขนาดนี้

    ฉันพลิกมือตัวเองขึ้นดู ฝ่ามือเต็มไปด้วยรอยแผลไฟไหม้แดงพองเป็นวงทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มี

    พลังที่จะทำร้ายยมทูตได้มีแต่พลังของเทพไม่ใช่เหรอ ถ้ารวมเหตุการณ์เมื่อกี้ที่ปีศาจกระดอนกลับไป มันดูเหมือนกระแทกกับอะไรบางอย่าง

    เกราะป้องกัน.. ชิลด์.. หรือว่า ออโต้ชิลด์

     เคยได้ยินมาว่าออโต้ชิลด์เป็นเวทมนตร์ป้องกันอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นคนใช้มันได้ก็ต้องใช้เวทมนตร์ได้ด้วย

    เทวทูตเป็นมนุษย์ที่มีพลังของเทพติดตัวมา

    หมายความว่า... ซาเนียเป็นเทวทูต!!!

    “ตึง!” ฉันหันขวับไปตามเสียงที่ดังมาจากข้างหลัง ปีศาจตนนั้นมันลุกขึ้นได้แล้ว มันตั้งท่ากระโจนเข้ามาอีก ไม่เข็ดเลยจริงๆ

    คราวนี้ฉันไม่ปล่อยไว้แน่ เรื่องของน้องไว้ว่ากันทีหลัง

    เพราะอยู่ต่อหน้าน้องกับเพื่อนๆ ฉันจึงไม่กล้าใช้ร่างยมทูต ฉันชักปืนออกมายิงมันขณะที่ยังลอยอยู่กลางอากาศ

    “ปัง!

    พลาด! มันหลบไปอยู่ไหนล่ะเนี่ยฉันมองหารอบตัวก็ไม่เจอ

    “วาเนสซ่า! ระวัง! ข้างหลัง!” เสียงใครสักคนตะโกนบอกจากที่ไกลๆ

    ฉันหันหลังไปดู ปีศาจตัวดำใหญ่มหึมาสูงมิดหัวยืนจ่ออยู่ตรงหน้าฉัน

    “กรร” มันคำรามในลำคอ

    ฉันหน้าซีด เอาไงดี ระยะประชิดแบบนี้ ถ้าขืนใช้ร่างมนุษย์ต่อไปล่ะก็มีหวังได้ตายรอบสองแน่

    ฉันเปลี่ยนเป็นร่างยมทูตในพริบตาทันพอดีกับแขนป้อมๆ ของปีศาจที่ฟาดร่างฉันลอยกระเด็นไปกระแทกพื้น

    “โอ๊ย!” ฉันพยุงตัวขึ้น ร่างกายเสื้อผ้าไร้รอยขีดข่วน นี่ล่ะน่าข้อดีของร่างยมทูต

    “ตึง!” ปีศาจกระโจนตามมาไม่รอให้ฉันตั้งสติก่อน

    ด้วยความตกใจ จะคว้าปืนก็ไม่ทันแล้วฉันฟาดกรงเล็บเข้าไปเจาะเข้าท้องมันเต็มๆ

    “เพล้ง!Core ของปีศาจแตกคามือ ร่างของมันแตกสลายไปเหลือเพียงวิญญาณ 3 ดวงลอยเด่น

    “ผนึก” ฉันกางสมุดยมทูตผนึกวิญญาณทั้งสาม

    "ฟู่!" ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ทันได้คิดถึงเหตุการณ์ที่จะตามมา

    "วาเนสซ่า!" เสียงคนเมื่อกี้เรียกฉัน

    ทันทีที่ฉันหันไปหา ดวงตาสีเลือดของฉันเบิกกว้าง เหมือนเวลาทุกอย่างหยุดนิ่ง หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

    "เอมิลี่!" ฉันเรียกชื่อเธอออกมา

    เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีฟ้าที่ยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาสีเทาของเธอจ้องฉันแววตาตื่นตระหนกตกใจ

    "วาเนสซ่า นี่เธอ..."

    "เธอมาทำอะไรที่นี่?" ฉันถาม

    ยังไม่ทันที่เอมิลี่จะตอบ ซาเนียเดินเข้ามา

    "พี่วาเนสซ่า นี่พี่..."

    ฉันมองสลับไปมาระหว่างหน้าน้องกันเอมิลี่ จะเอายังไงดี ฉันเหลือบไปเห็นเพื่อนๆ ของน้อง

    "ซาเนีย เอมิลี่ รอแปปนะ เดี๋ยวมาอธิบายให้ฟัง" ฉันผละจากทั้งคู่ เดินไปหาเพื่อนๆของซาเนีย เอมม่า มีนา และแคลร์ที่นั่งกอดกันตัวกลมมองมาที่ฉันด้วยสายตาหวาดกลัวตัวสั่นระริก

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็จบแล้วล่ะ” ฉันบอกเด็กพวกนั้นแต่เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า

    “นั่นเธอจะทำอะไรน่ะ” เอมิลี่ร้องถาม

    ฉันไม่สนใจ เริ่มร่ายเวท

    “ด้วยนามแห่งยมทูต S ขอวิงวอนแด่ท่านจอมเทพ...”

    เวทย์ลบความทรงจำของเด็ก 3 คนนั้น

    ทันทีที่เวททำงาน ร่างของฉันกลายเป็นมนุษย์อีกครั้ง ส่วนเด็กสามคนนั้นก็กลับมายืนเป็นปกติ

    “พวกเธอกลับบ้านกันไปก่อนเลย พอดีพี่กับซาเนียมีธุระนิดหน่อยน่ะ” ฉันบอก

    “ค่ะ” เด็กพวกนั้นรับคำแล้วพากันเดินออกจากสถานที่แห่งนี้ไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้ซาเนียกับเอมิลี่ยืนมองอึ้งๆ

    “แค่เวทย์ลบความทรงจำ” ฉันพูดอย่างไม่ใส่ใจ

    “เมื่อกี้เธอร่ายเวทย์” เอมิลี่ท้วงขึ้น

    “อืม” ฉันพยักหน้าเลี่ยงการสบตากับพวกเธอ

    “พี่ร่ายเวทย์ว่า ‘ด้วยนามแห่งยมทูตหมายความว่าพี่เป็น..” ซาเนียพูดขึ้นบ้าง

    “ยมทูต” เอมิลี่จบประโยคให้ด้วยสีหน้าตกใจ

    “อืม” ฉันพยักหน้ารับ

    ยังไงก็คงต้องบอกความจริงสินะ ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ รวบรวมความมั่นใจหันไปสบตากับทั้งคู่แล้วเริ่มเล่า

    “คืองี้นะ ตอนนี้ฉันไม่ใช่มนุษย์ ฉันเป็นยมทูต โค้ดเนม S...

    ฉันเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ฉันตายเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ถึงตอนแรกทั้งคู่ดูจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันเล่า ไม่เชื่อว่าฉันตายแล้ว แต่ด้วยเหตุการณ์ที่ทั้งคู่เห็นฉันที่ผ่านมาก็เป็นตัวยืนยันได้ดีว่าฉันไม่เหมือนเดิม ทั้งเรื่องการกินการใช้ชีวิตประจำวัน

    “แล้วทำไมเธอถึงไม่ยอมเล่าให้ใครฟังเลยล่ะ นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะ” เอมิลี่ถามขึ้น

    ฉันส่ายหน้าแล้วตอบ ”มันเป็นกฎน่ะ”

    “พ่อแม่ก็ไม่ได้งั้นเหรอ” ซาเนียถาม

    “อืม” ฉันพยักหน้า รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา

    “จริงสิ ซาเนียเธอเป็นเทวทูตใช่ไหม” ฉันถามสิ่งที่ค้างคาใจ

    “พี่รู้ได้ไง!” เธอตกใจ

    “ก็ออโต้ชิลด์ของเธอทำมือพี่เป็นอย่างงี้น่ะสิ” ฉันพูดพลางโชว์ฝ่ามือ 2 ข้างที่มีแผลไฟลวกถึงแม้จะวงเล็กลงแล้วก็ตามมันก็ยังดูน่ากลัวสำหรับทั้งคู่อยู่ดี

    “หนูขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ พี่เจ็บมากไหม” น้องรีบขอโทษ

    “ไม่เท่าไหร่หรอกช่างมันเถอะ ว่าแต่ทำไมเธอถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้พี่รู้ก่อน” ฉันถาม

    “Dream บอกว่าไม่ต้องบอกใคร เดี๋ยวใครจะรู้ก็รู้เอง” น้องตอบ

    “Dream นี่เธอรู้จักDreamด้วยเหรอ”

    “ค่ะ Dreamเป็นคนเข้าฝันมาบอกว่าหนูเป็นเทวทูต”

    “แล้วโค้ดเนมของเธอล่ะ เทวทูตต้องมีโค้ดเนมใช่ไหม”

    “ค่ะ หนูเป็นเทวทูตแห่งการเยียวยา โค้ดเนม  Cure

    “Cure เทวทูตCure” ฉันทวน

    “เอาเถอะ เรื่องนี้ไว้ถาม Dream ต่อคืนนี้ละกัน” ฉันตัดบท

    “วาเนสซ่า เมื่อกี้เธอบอกว่าห้ามให้มนุษย์รู้เรื่องแล้วฉันล่ะ” เอมิลี่ถามขึ้น

    “นายหญิงบอกว่าห้ามให้มนุษย์ทุกคนรู้เรื่องยกเว้น Partner” ฉันบอก

    “Partner?

    “Partner คือมนุษย์ที่เป็นคู่หูของยมทูต Partner และยมทูตต่างต้องเชื่อใจ ยอมรับและไว้ใจกันและกันมากที่สุด เพราะPartnerจะต้อยคอยช่วยเหลือยมทูตในทุกๆ เรื่อง

    เอมิลี่ถ้าเธอเป็น Partner ของฉันเธอก็จะรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ แต่ถ้าไม่เธอ ฉันก็จะลบความทรงจำเธอเหมือนกับเพื่อนของซาเนีย”

    “งั้นฉันจะเป็น”

    “เดี๋ยว! การเป็น Partner มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิดหรอกนะ Partner จะเป็นคนเก็บอาวุธของยมทูต ดังนั้น Partner จะต้องตามยมทูตไปสู้กับปีศาจน่ากลัวแบบนั้น เธอจะเอาเหรอ?

    เอมิลี่นิ่ง

    “แถมถ้ายมทูตเกิดตายขึ้นมา Partner จะต้องตายแล้วกลายเป็นยมทูตแทนนะ”

    ฉันพยายามหาเหตุผลค้านทั้งๆ ที่ในใจอยากให้เธอคนนี้เป็น Partner ของตนเองมากที่สุดแต่อีกใจก็ไม่อยากให้เพื่อนที่เรารัก เชื่อใจและไว้ใจมากขนาดนี้ต้องมาตกระกำลำบากร่วมกับเรา เพราะเหตุผลนี้สินะนายหญิงถึงไม่ยอมรับให้ฟังตั้งแต่แรก

    “แล้วการเป็น Partner มันไม่มีข้อดีบ้างเลยงั้นเหรอคะ?” ซาเนียถามขึ้น

    “เอ่อ... ที่เห็นก็มีอย่างเดียวคือดวงวิญญาณจะไม่มีทางถูกปีศาจดูดกินเด็ดขาด หมายความว่าปีศาจจะฆ่า Partner ไม่ได้ และยมทูตคู่หูจะเป็นคนเก็บดวงวิญญาณนั้นเอง” ฉันบอก

    “ยังไงฉันก็จะเป็น” เอมิลี่โพล่งขึ้น

    “อะไรนะ” ฉันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

     “ฉันจะเป็น Partner ของเธอ วาเนสซ่า” เอมิลี่ยืนยัน

    “แต่...”

    “ไม่มีแต่ ถ้าแค่กับปีศาจพรรค์นั้น เธอทำได้ฉันก็ต้องทำได้”

    “เอมิลี่”

    “วาเนสซ่า เราเป็นเพื่อนกันนะ ยังไงเพื่อนก็ต้องไม่ทิ้งเพื่อนอยู่แล้ว” คำพูดนี้ทำเอาฉันไปต่อไม่ถูกได้แต่จำยอม

    “อืม”

    “แล้วการจะเป็น Partner ต้องทำอะไรบ้างล่ะ” เอมิลี่ถาม

    ฉันถอดสร้อยคอรูปหัวกะโหลกประจำตัวออกมา จี้รูปหัวกะโหลกที่แท้เป็นตลับ เมื่อเปิดฝาออกข้างในมีผงสีขาวนวลละเอียดบรรจุอยู่ ใต้ฝามีมีดพับเหน็บไว้ ฉันแกะแล้วยื่นมีดเล่มนั้นให้เอมิลี่

    “รับไปสิ”

    เอมิลี่รับมันขึ้นมาด้วยสีหน้างงๆ

    “กรีดข้อมือตัวเองซะ” ฉันสั่งเสียงเรียบๆ

    “อะไรนะ!” ทั้งเอมิลี่และซาเนียร้องขึ้นพร้อมกัน

    “กรีดข้อมือเพื่อทำพันธสัญญา คิดจะเป็นPartner เรื่องแค่นี้น่ะถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก ถ้าไม่กล้าไม่ต้องเป็นก็ได้นะ” ฉันบอก

    เอมิลี่มองหน้าฉันอึ้งๆ

    คงไม่ไหวสินะ

    แล้วฉันก็ต้องทึ่งเมื่อเอมิลี่ยื่นข้อมือซ้ายออกมา

    “วาเนสซ่า เธอกรีดให้ไม่ได้เหรอ” เอมิลี่ถามออกมา

    “จะบ้ารึไง ยมทูตห้ามทำร้ายมนุษย์ ถ้าทำฉันก็ตายน่ะสิ”

    “งั้นก็...” เอมิลี่ก้มลงมองข้อมือตัวเอง ในขณะที่ฉันกับน้องลุ้นกันจนตัวสั่น

    “เป็นไงเป็นกัน” เอมิลี่พูดพลางสูดหายใหญ่เฮือกใหญ่ยกมือขวาขึ้นแล้วจรดใบมีดลงบนข้อมือซ้ายของตัวเอง หยดเลือดสีแดงสดค่อยๆ ผุดขึ้นตามรอยรอยแผล

    ไม่น่าเชื่อ

    “คว่ำมือลง” ฉันบอกพลางรีบเอาตลับหัวกะโหลกไปรองให้เลือดมนุษย์สดๆ ซึมเข้าไปในเนื้อผงสีขาวนวลมันค่อยๆ จับตัวกลายเป็นแผ่นบางๆ เรียงกันเป็นชั้น

    “เอมิลี่พลิกมือขึ้น” ฉันบอกพร้อมกับลอกแผ่นบางๆ นั่นขึ้นมาแผ่นนึงทาบไปบนแผลของเธอ แผ่นซึมเข้าไปในเนื้อ เลือดหยุดไหลแผลหายเป็นปลิดทิ้ง

    “ยอดเลย” ซาเนียทึ่ง

    “เอมิลี่ มีด” ฉันขอมีดพับคืนเก็บใส่ตลับปิดฝาแล้วสวมสร้อยเส้นนั้นให้เอมิลี่

    “เสร็จล่ะ” ฉันยิ้มให้ Partner หมาดๆของตนเอง

    “อ้อ! บอกไว้ก่อนนะสร้อยเส้นนั้นถอดไม่ออกจนกว่าจะตายนะ”

    “อืม” เอมิลี่ยิ้มตอบ

    สายลมสักขีพยานพัดผ่านพวกเราไปพร้อมกับพากลิ่นไม่พึงประสงค์มาด้วย

    “เหม็นชะมัดเลย กลิ่นอะไรเนี่ย เหม็นจะอ้วกอยู่แล้ว” เอมิลี่บีบจมูก

    “ปีศาจ!” ฉันโพล่งขึ้น

    “อะไรนะ” เอมิลี่ตกใจ

    “กลิ่นปีศาจ”ฉันบอก

    “หนูไม่เห็นจะได้กลิ่นอะไรเลย” ซาเนียพูด

    “ซาเนีย เธอกลับบ้านไปก่อนเลย เดี๋ยวพวกพี่ขอไปจัดการปีศาจก่อน” ฉันบอกน้อง

    “ค่ะ” น้องรับคำ

    “เอมิลี่ตามฉันมา” ฉันบอกแล้วออกตัววิ่งไปทางต้นกลิ่นทันที ตามด้วยเอมิลี่ที่ตอนนี้เป็น Partner ของฉันแล้ว

     


    ------------------------------------------
    คำขอร้องจากไรท์เตอร์
    ขอความกรุณาช่วยคอมเม้นท์ให้หน่อยนะคะ
    ถ้าคิดไม่ออกว่าจะเม้นท์อะไร ไรท์เตอร์มีตัวช่วย
             ไม่สนุกเลย(ไม่ชอบเลย)   พิมพ์ 1
             สนุกน้อย                          พิมพ์ 2
             ปานกลาง(เฉยๆ)              พิมพ์ 3
             สนุก(ชอบ)                        พิมพ์ 4
             สนุกมาก(ชอบมาก)          พิมพ์ 5
             ให้กำลังใจไรท์เตอร์ (สู้ๆ)  พิมพ์ 6
    นอกเหนือจากนี้ถ้าอยากติชมอะไรเม้นท์มาได้เลยนะคะ

                                      ...ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนที่อ่านมากๆ ค่ะ ^^...


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×