ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I am the Angel of Death 'S' ฉันคือยมทูตS

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 เธอคือยมทูต Blade? (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 56


    บทที่ 4

    ยมทูตตนใหม่จะเป็นยมทูตแบบไหนกันนะ

    ฉันคิดเรื่องนี้มาโดยตลอด

    วาเนสซ่า วาเนสซ่า

    อ่าว เอมิลี่ มีอะไรเหรอฉันหันไปถามเอมิลี่

    ยังจะมีหน้ามาถามอีก เธอเหม่ออะไรของเธอน่ะ ฉันเรียกตั้งหลายรอบแล้วนะเอมิลี่ต่อว่า

    โทษที พอดีช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะน่ะฉันแก้ตัว

    ตกลงมีเรื่องอะไรเหรอ

    วาเนสซ่า นี่เธอไม่สบายตรงไหนรึเปล่าเนี่ย เมื่อเช้าก็ทำการบ้านไม่เสร็จจนต้องลอกชั้น ตอนนี้ก็จำสัญญาว่าจะไปหาข้อมูลทำรายงานด้วยกันไม่ได้ แปลกๆ นะเธอน่ะ

    อ๋อ เรื่องข้อมูลรายงานนี่เอง เธอไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันขอทำการบ้านทั้งหมดนี้ให้เสร็จก่อน

    เดี๋ยวสิ การบ้านตั้ง 4 วิชา จะให้เสร็จภายในกลางวันนี้ได้ไง

    เออน่า ขอทำก่อนนะ

    ไม่ได้ เรื่องรายงานเธอผลัดฉันมาเยอะแล้ว ส่วนการบ้านไว้ค่อยทำตอนเย็นเถอะแล้วเอมิลี่ก็ลากฉันไปห้องสมุดทันที ฉันไม่ลืมที่จะหยิบการบ้านไปด้วย

    ระหว่างทางกลิ่นปีศาจก็โชยมาเข้าจมูกฉันอีกแล้ว

    เอมิลี่ ขอไปห้องน้ำก่อนนะ ฝากด้วย ฉันยัดหนังสือการบ้านให้เอมิลี่ถือ แล้วรีบวิ่งความเร็วมนุษย์ไปหาที่เปลี่ยนร่างแล้ววิ่งด้วยความเร็วนรกถึงต้นกลิ่นในพริบตา ปีศาจตัวอ้วน เตี้ย ป้อม สั้น ไม่มีขา มีแต่เท้างอกออกมาจากลำตัว มีแขน 2 ข้างยืดหดได้ตามต้องการ ตอนที่ฉันไปถึง มันเหวี่ยงร่างชายเคราะห์ร้ายขึ้นไปพาดบนสายไฟฟ้าแรงสูง ร่างนั้นดำเมี่ยมเป็นตอตะโกแล้ว ไม่เหลือเค้าร่างเดิมเลย

    โถ่เว้ย! มาไม่ทันอีกแล้ว ไอ้ปีศาจบ้านี่

    ฉันชักปืนเล็งไปที่มันทันทีแล้วยิง

    ปัง!” ไม่โดน

    มันใช้แขนที่จับสายไฟฟ้าเหวี่ยงตัวเองขึ้นไปยืนบนนั้น ไม่ทันที่ฉันจะได้ทำอะไรมันยืดแขนลงมันจับตัวฉันเหวี่ยงขึ้นไปบนนั้นด้วย

    โอ๊ย!” แสบแต่ไม่เจ็บแค่เหมือนโดนไฟฟ้าสถิต ฉันใช้มือจับสายไฟให้มั่นโหนตัวเล็งปืนไปที่ปีศาจตนนั้น

    ปัง!”

    มันยังคงตะลึงไม่หายที่ฉันไม่ตายเมื่อถูกกระแสไฟฟ้าแรงสูงหลายหมื่นโวลต์ ไม่ทันได้ระวังตัว กระสุนเจาทะลุ Core ของมันเต็มๆ

    เพล้ง!” แล้วมันก็สลายไปเหลือดวงวิญญาณ 2 ดวง

    เมื่อฉันผนึกดวงวิญญาณของปีศาจและมนุษย์ผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นเสร็จเรียบร้อย ก็ต้องมาจัดฉากการตายของชายมนุษย์คนนั้นให้ดูตายอย่างเป็นธรรมชาติอีก

    เอาเป็น...ตายเพราะปีนเสาไฟฟ้าฆ่าตัวตายละกัน

    ต้องจัดให้มือของศพกำสายไฟฟ้าแรงสูงอยู่

    “เอาล่ะ เสร็จเรียบร้อย”

    ถ้าฉันต้องจัดฉากแบบนี้ทุกวันฉันคงได้เหรียญทองการปีนป่ายสายไฟฟ้าแน่ๆ

    ฉันรีบวิ่งสปีดนรกกลับร.ร.ทันทีที่เสร็จ หลังจากที่ฉันกลับร่างมนุษย์นาฬิกาบนข้อมือบอกเวลา 12.36 นี่มันเลยเวลาเข้าเรียนแล้ว  ฉันรีบวิ่งสปีดมนุษย์กลับห้องเรียน

    ปึง!!” ฉันเปิดประตูอย่างแรง

    ขออนุญาตเข้าห้องค่ะฉันพุด

    ทุกคนหันมาทางฉันกันหมดยกเว้นอาจารย์เพราะอาจารย์ยังไม่เข้าห้อง

    โชคดีไป ฉันถอนหายใจ เดินกลับที่นั่งด้วยความสงบไปนั่งปั่นการบ้านต่อ แค่เริ่มจะเปิดสมุด อาจารย์ก็เข้าสอนพอดี หมดกัน เย็นนี้ก็ต้องไปลาดตระเวนจับปีศาจสารพัด ไม่ได้ทำการบ้านแน่ สุดท้ายก็ต้องมาลอกการบ้านของเอมิลี่แบบวันนี้อีกแน่ ชัวร์เลย

    วันพฤหัสกับวันศุกร์ผ่านไปอย่างปกติธรรมดาสำหรับยมทูต แต่สำหรับมนุษย์มันคงเป็นอะไรที่พิเศษ พิสดาร น่าตื่นเต้น น่าสยดสยองไปตามๆ กันแน่ ถ้าต้องเจอกับ...

    คนตกตึกพร้อมกันพร้อมๆ กัน 4 ที่ 4 ราย ในวันเดียว

    เจอเด็กจมน้ำตาย

    เจอปีศาจที่นั่งรอความตายของชายที่ถูกฟันยับไปทั้งตัว แต่ก็ยังรอด เพราะฉันพาเขาไปส่งรพ.ซะก่อน

    ที่สำคัญเด็กที่ไม่เคยเข้าห้องสาย ไม่เคยโดดเรียน ไม่เคยลอกการบ้านแบบฉัน ต้องทำทั้งหมดที่ว่าภายในวันเดียว ฉันไม่มีเวลาบอกแม่เลยด้วยซ้ำว่าวันเสาร์หรือวันนี้ฉันจะไปบ้านเอมิลี่ ตอนทานอาหารเช้า ฉันสบโอกาสเหมาะ เลยถามทันที

    แม่คะ วันนี้หนูขอไปทำรายงานที่บ้านเอมิลี่นะ

    จะกลับกี่โมงล่ะ

    ประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ

    ได้สิ ระวังตัวด้วยละกัน

    โชคดีที่ฉันเคยไปบ้านเอมิลี่มาแล้ว จึงไม่ยากที่แม่จะอนุญาต

    การจะไปบ้านเอมิลี่นั้นต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานีข้างๆ โรงเรียน. นั่งรถไฟไปอีก 5 สถานี เดินเข้าไปในซอยอีกเกือบกิโล พอถึงบ้านเอมิลี่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเหงื่อซกไปแล้ว แต่ตอนนี้เหงื่อเม็ดเดียวก็ไม่มีให้เห็น

    "ไง วาเนสซ่า ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปรับที่สถานี" เอมิลี่ทัก

    "ไม่เป็นไร" ฉันพูดแล้วเดินไปทักทายคุณพ่อคุณแม่ของเอมิลี่

     "สวัสดีค่ะ"

     "สวัสดีจ๊ะ ตามสบายเลยนะ" คุณแม่ของเอมิลี่ทักตอบขณะพยุงตัวสามีของเธอหรือคุณพ่อของเอมิลี่ลุกจากรถเข็นขึ้นมานั่งบนเก้าอี้

     "ค่ะ" ฉันตอบ

    คุณพ่อของเอมิลี่พิการขาใช้การไม่ได้ทั้งสองข้าง คุณแม่ของเอมิลี่เมื่อก่อนเป็นพยาบาลคอยดูแลคนพิการและคนชราในศูนย์รับเลี้ยง ตอนนี้ลาออกมาดูแลสามีและลูก ครอบครัวของเอมิลี่อยู่ได้ด้วยเงินช่วยเหลือคนพิการและเงินรางวัลการแข่งขันของเอมิลี่

    เอมิลี่พาฉันไปที่ห้องนอนของเธอ พวกเรานั่งทำรายงานกันแต่เพราะมีแต่เอมิลี่คนเดียวที่หาข้อมูลมา ข้อมูลจึงยังไม่ครบถ้วนและเพียงพอสำหรับทำรายงาน ฉันต้องเดินไปโรงเรียนใกล้ๆเพื่อขอยืมใช้คอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์เนื่องจากบ้านของเอมิลี่ไม่มี และเดินกลับมานั่งทำโมเดลส่อการนำเสนอ กว่าจะเสร็จก็เกือบจะ 5 โมงเย็นจริงๆ ฉันเก็บของลาเอมิลี่กลับบ้าน

    ขณะที่รถไฟขบวนที่ฉันนั่งกำลังข้ามแม่น้ำที่กว้างที่สุดและลึกที่สุดในเมืองนี้ อยู่ดีๆรถไฟก็หยุด กึก อยู่กับที่พร้อมกับกลิ่นปีศาจแรงมากที่ลอยมาเข้าจมูกของฉันบ่งบอกว่ามันอยู่ใกล้ๆแถวๆนี้แหละ แล้วรถไฟก็เริ่มเอียงตัวไปมา ทำท่าจะตกรางและจะตกลงไปในแม่น้ำ

    ฉันเห็นท่าไม่ดี จึงปีนหน้าต่างขึ้นไปยืนบนหลังคา เห็นเต็ม 2 ตาเลยว่า มีปีศาจนับร้อย ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ไปกว่ามนุษย์ปกติกระโดดข้นมาจากในน้ำพยายามผลักรถไฟอย่างแรง ฉันรีบเปลี่ยนร่างเป็นยมทูต ชักปืนคู่ประจำตัวขึ้นมา

     "ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!" ฉันยิงออกไป

     "เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!"

    ปีศาจเริ่มสลายไป พวกที่เหลืออยู่รับรู้ถึงอันตรายที่ข้ามาจึงเปลี่ยนเป้าหมายจากรถไฟมาจัดการฉันแทน พวกมันดูดวิญญาณพรรคพวกที่ถูกฉันกำจัดมาเพิ่มพลังให้กับตนเอง มันขยายร่างตัวใหญ่ข้น พวกมันกระโจนเข้ามาใส่ฉันพร้อมกันนับสิบ กรงเล็บของมันคมมาก ฉันได้แต่ยิงป้องกันตนเอง

    ทนไม่ไหวแล้วนะ ฉันระเบิดพลังเวทย์ทั้งหมดกลายเป็นเพลิงระอุเผาปีศาจรอบตัวให้เป็นผุยผง

     "เพล้ง!" เสียง Core ปีศาจแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่ปีศาจก็ยังไม่หมดซักที

    แต่ว่ายิ่งฉันจัดการปีศาจได้มากเท่าไหร่ พวกปีศาจที่เหลือก็ดูดเอาวิญญาณพวกนั้นไปไม่จบไม่ส้น ตัวมันใหญ่ข้นเรื่อยๆ พยายามตะปบตัวฉันที่ไม่เหลือพลังแล้ว ทำให้ฉันต้องหลบตามสัญชาตญาณ ยังไงคนเดียวก็สู้หมา (ปีศาจ) หมู่ไม่ได้แน่นอน

    "โอ๊ย!" ฉันหลบพลาด โดนมันตะปบเข้าให้ มันฉีกเนื้อต้นแขนซ้ายติดมือไปเป็นยวงเผยให้เห็นกระดูกสีขาวซีดๆ ที่ยึงหัวไหล่กับแขนท่อนล่างไว้ เลือดสีน้ำเงินไหลโชกออกมาเป็นทาง ฉันเอามือกุมแผลพยายามถอยให้ห่างพวกมันให้ได้มากที่สุด แต่ก็ไม่ได้ผลพวกมันตามฉันมาติดๆ ทำไงดี

    'ฉันได้สร้างยมทูตแบบเธอขึ้นมาอีกตนแล้วนะ'

    เสียงที่นายหญิงพูดดังขึ้นมาในหัว ยมทูตตนนั้นจะเป็นคนแบบไหนกันนะ ถึงฉันจะคิดแบบนี้อยู่ตลอด แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ จะเป็นใครก็ได้ จะเป็นใครก็ช่าง มาช่วยฉันที  

    "ฟึ่บ!"

     "เพล้ง! เพล้ง!"

    ดาบถูกเหวี่ยงเข้าใส่พวกปีศาจจากทางด้านหลัง ผมยาวสลวยแปล่งประกายสีทองยามต้องแสงอาทิตย์พาดผ่านหน้าฉันไป

    เจ้าของเรือนผมนั้น ใบหน้าซีดขาวรีมนเข้ารูป ดวงตาสีแดงเพลิงคมกริบ เหลือบมองฉันแล้วหันกลับไปจับจ้องกับปีศาจที่อยู่ตรงหน้า หูยาวเหมือนเอลฟ์ ปากสีแดงเม้มอย่างไม่สบอารมณ์ จี้สร้อยคอรูปหัวกะโหลกสีเงินเงาเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกการเป็นยมทูต เสื้อทีเชิร์ตสีเขียวเข้มกางเกงยีนส์ขาสั้นทันสมัย เข็มขัดโซ่สีเงินเงา รองเท้าบู๊ตยาวสีดำสนิท

    เธอเงื้อดาบยาวขึ้นเหวี่ยงฟาดใส่ปีศาจ รุนแรงและสวยงามเหมือนนางฟ้าร่ายรำ คมดาบทลุเนื้อฟัน  Core แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

    "ไม่ได้เรื่อง" เสียงเจ้าของดาบพูดขึ้น

     "ฉันจะจัดการทางนี้เอง ส่วนเธอไปรักษาแผลก่อนเถอะ"

    "ค่ะ" ฉันรับคำแล้ววิ่งไปท้ายขบวนรถไฟทิ้งให้ยมทูตแห่งดาบจัดการปีศาจพวกนั้นแทน ฉันหยิบถุงเลือดขึ้นมา ฉีกถุงด้วยแรงมหาศาลราดเลือดมนุษย์เหล่านั้นลงบนแผล เลือดค่อยๆ ซึมเข้าไป แผลค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างช้าๆ กล้ามเนื้อค่อยๆงอกขึ้นมาประสานกัน ต้องใช้ถึง 2 ถุงถึงจะฟื้นฟูบาดแผลให้กลับมาปกติเหมือนเดิมใน 5 นาที ถ้าไม่ใช่เลยกว่าแผลจะปิดก็คงต้องรอไป 10 กว่านาทีแน่

    ฉันหันไปเห็นพวกปีศาจที่ตัวใหญ่กว่าเมื่อกี้เป็น 5 เท่า กำลังรุมจัดการยมทูตตนนั้น

    ชักทนไม่ไหวแล้วนะ

    ฉันเสกปืนบาซูก้าอันเบ้อเริ่มออกมา เล็งไปที่พวกมัน

    “ระวัง!” ฉันตะโกนขึ้นให้ยมทูตตนนั้นได้ยิน

    เธอและพวกปีศาจหันมามองทางฉันทันที

    “ปัง!” ฉันเหนี่ยวไกปืนยิงมันออกไปตกลงกลางวงนั้น

    “บึ้ม!!!

    พริบตาเดียวพวกปีศาจทั้งฝูงถูกระเบิดสลายแหลกละเอียดเหลือไว้แต่วิญญาณนับร้อยดวง ยมทูตตนนั้นกระโดดมายืนข้างฉัน เธอรอดจากการระเบิดได้ทันเวลาพอดี

    “ใช้ได้เหมือนกันนี่” เธอเงยหน้ามองฟ้าแล้วพูดลอยๆ

    “อืม”

    ฉันเหนื่อยมากทรุดตัวลงนั่งทันที ปืนบาซูก้าเป็นปืนที่ดึงพลังงานของผู้ใช้ไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งต้องฟื้นฟูร่างกายอีก ทำให้ฉันแทบไม่เหลือพลังงานแล้ว ฉันหยิบถุงเลือดถุงสุดท้ายที่พกมาฉีกแล้วเทเข้าปาก รสชาติหวานๆมันๆเค็มๆ อร่อยจัง นานมากแล้วที่ลิ้นฉันมันไม่รับรู้รสชาติ ฉันพึ่งรู้จริงๆ ว่ารสชาติของเลือดมนุษย์จะอร่อยขนาดนี้ ฉันดื่มมันหมดถุง  พลังงานค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมานิดหน่อย พอที่จะลุกขึ้นไปลบความทรงจำของมนุษย์ที่อยู่ในรถไฟข้างใต้เท้าของฉันนี่  ฉันกับยมทูตอีกตนแยกย้ายกันลบความทรงจำของมนุษย์ทั้งขบวน

    “นี่ เธอน่ะ ฉันอยากปะมือด้วย” ยมทูตตนนั้นพูดขึ้นกับฉันหลังจากลบความทรงจำทั้งหมดเสร็จ

    “คะ?” ฉันมึนๆ ร่างกายถึงขีดจำกัดแล้ว

    “เอาเหอะ สภาพแบบนี้ สู้ตอนนี้เลยคงไม่ไหว เจอกัน 1 ทุ่มในนรก”

    พอพูดจบเธอก็เปิดประตูมิติกลับนรกไปเลย ทิ้งให้ฉันต้องลงไปนั่งรถไฟและเดินกลับบ้าน ถึงบ้านก็ 6 โมงแล้ว ยังต้องทนกินอาหารไร้รสชาติของแม่อีก ตอนนี้อยากกลับนรกจะแย่อยู่แล้ว ฉันรีบกินให้เร็วที่สุดแต่ต่อหน้าแม่ก็กินได้เร็วแค่สปีดมนุษย์ กินเสร็จก็รีบขึ้นห้อง ล็อกประตู เปิดประตูมิติกลับนรก ถึงเตียงเมื่อไหร่ฉันนอนเมื่อนั้นหลับสนิททันทีอย่างเพลียจัด

    S S ยมทูต S” เสียงใครสักคนดังขึ้นมา ตัวฉันถูกเขย่า ฉันลืมตาขึ้น เสียงนายหญิงนั่นเอง นายหญิงยืนอยู่ข้างฉัน

    “หลับสนิทเลยนะ เพลียจัดล่ะสิ ชาร์ตแบตเต็มรึยัง?

    “ค่ะ” ฉันตอบพลางบิดขี้เกียจ

    “มียมทูตรอเธออยู่ข้างนอกแน่ะ” เธอบอกฉันแล้วพาฉันเดินออกไปนอกห้อง ไปหายมทูตที่ช่วยฉันเมื่อตอนเย็น

     "ขอบคุณค่ะ นายหญิง" เธอคนนั้นหันไปพูดกับนายหญิง

     "ไม่เป็นไร งั้นจะเริ่มประลองเลยไหมล่ะ"

     "เอาสิ" ยมทูตตนนั้นหันมาทางฉัน

    "ประลอง?"

    ฉันตามพวกเขาไม่ทันจริงๆ นี่จะให้ฉันที่มีอายุร่างกายเพียง 13 ปี สู้กับยมทูตสาวทีมีอายุร่างกายมากกว่าเป็น 10 ปี เนี่ยนะ ส่วนสูงก็บ่งบอกความเสียเปรียบแล้ว ฉันพึ่งสูงแค่ 151 เซนติเมตร ส่วนเธอตนนั้นสูงเกือบ170 สิ่งที่ฉันจะได้เปรียบคงมีอย่างเดียวคือระยะเวลาและประสบการณ์การเป็นยมทูต ก็ฉันตายก่อนเธอนี่ แต่ยังไงฉันก็จะไม่สู้หรอก ไม่ทันที่ฉันได้ค้านอะไร

     "เริ่มล่ะนะ" นายหญิงพูดขึ้น

    ภายในพริบตายมทูตนั้นคว้าดาบวิ่งเข้ามาหาฉันกะจะฟันในระยะประชิด

    ฉันไม่รู้หรอกนะว่าการประลองต่อสู้นี่ทำเพื่ออะไร ทำไมฉันต้องสู้ด้วย ยังไงก็ต้องป้องกันตัวไว้ก่อน

    ฉันกางกรงเล็บรับคมดาบที่ห่างจากหน้าเพียงไม่กี่เซนผลักมันออก เธอคนนั้นกระโดดถอยไปตั้งหลักแล้วกระโจนมาใหม่ทีนี้กะจะฟันลำตัว ฉันหมุนตัวกระโดดถีบกระแทกเข้าท้องของเธอเต็มๆ เธอลอยลิ่วออกไปตีลังกากลางอากาศลงพื้นอย่างสวยงาม

    ยังไงร่างมนุษย์ก็สู้ร่างยมทูตไม่ได้ ฉันจึงเปลี่ยนร่าง

    เธอคนนั้นยิ้มพอใจแล้วฟันดาบเป็นชุด ซ้ายขวาหน้าหลังแหวกอากาศเป็นคลื่นจำนวนมากวิ่งเข้ามาหาฉันด้วยความเร็วสูง

    สุดยอดเลย แบบนี้แสดงว่าเป็นยมทูตมาสักพักแล้วสินะ ถึงได้ชำนาญขนาดนี้อีกทั้งดาบนั่นก็ดูท่าจะแข็งแรงพอควร ฉันอยากจบการประลองนี้ให้เร็วที่สุด แต่ฉันจะจบมันยังไงดี

    อ๋อ! ได้การล่ะ

    ฉันเบี่ยงตัวหลบคลื่นดาบนั้นพร้อมกับสาดกระสุนใส่เธอไปด้วย

     "เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!"

    กระสุนถูกปัดทิ้งหมด ก็สมควรจะเป็นอย่างนั้น แต่ว่ายังไงฉันก็ไม่ยอมแพ้หรอก เมื่อคลื่นดาบหมดลง เธอคนนั้นตั้งดาบเตรียมรับการโจมตีจากฉันเหมือนรู้ว่าฉันจะบุกแล้ว ฉันยกมือขวาข้นเล็งปืนกระบอกเดิมไปที่เธอ

    "ปัง!"

    ทันทีที่ปืนลั่น ฉันดีดตัวพุ่งออกไป เงื้อมือซ้ายขึ้น กางกรงเล็บ อย่างที่คิดเธอเอาดาบรับกระสุนของฉัน

    "เพล้ง!" ดาบหักออกเป็น 2 ท่อน เธอตกใจมาก ฉันใช้จังหวะนี้แหละฟาดกรงเล็บทะลุเกราะกระชากเนื้อของเธอหลุดกระเด็นออกมาจนเห็นซี่โครง ปอด หัวใจ อวัยวะภายในชัดเจนเลือดสีน้ำเงินไหลทะลักออกมา เธอคนนั้นผงะทรุดลง

    "นี่มันอะไรกัน" สิ้นเสียงเธอก็หมดสติไปเลย

    ฉันยืนจ้องร่างที่โชกไปด้วยเลือดนั้นอย่างไม่ละสายตา เลือดของเธอยังชุ่มมือซ้ายของฉันอยู่เลย ร่างของฉันตอนนี้ก็เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของเธอคนนั้น

    เหวอ ฉันต้องทำอะไรต่อไปล่ะ ฉันทำตัวไม่ถูกแล้ว หันไปมองนายหญิง เธอกำลังยืนอึ้งหันมาสบตากับฉันแล้วหัวเราะออกมา ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่

    "เก่งมาก เก่งมาก" นายหญิงปรบมือให้ ฉันก็ยังคงงงอยู่

    "ไปล้างไม้ล้างมือล้างคราบเลือดนั่นซะ พักผ่อนให้สบาย จะอาบน้ำด้วยก็ได้นะ" นายหญิงบอกฉันหน้าตายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอหันไปมองคู่ต่อสู้ของฉัน

    "ส่วนเธอคนนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง ฟื้นเมื่อไหร่แล้วจะบอก แต่คงอีกพักใหญ่แหละ"

    "ค่ะ" ฉันรับคำแล้วเดินกลับเข้าห้องตัวเองอย่างงงๆ

    ถึงนายหญิงจะบอกให้ล้างมือหรืออาบน้ำแต่มันไม่จำเป็นเลย แค่เอาผ้าเช็ด คราบเลือดก็หายไปหมดแล้ว

    ก่อนเช็ดฉันก็ลองชิมมันดูเผื่อเลือดสีน้ำเงินจะอร่อยเหมือนกับเลือดสีแดงสดบ้างแต่ก็ต้องเศร้าเมื่อเลือดยมทูตรสชาติขมปี๋ยิ่งกว่ารสชาติของมะระซะอีก ไม่อร่อยเลย ก็นะ เลือดยมทูตมันเป็นเลือดของคนตายนี่นา ไม่ใช่เลือดสดๆของมนุษย์ จะให้อร่อยเหมือนกันได้อย่างไร

    ไม่นานเนื้อตัวของฉันมือของฉันสะอาดไม่มีกลิ่นเลือดหลงเหลืออยู่ เหมือนได้อาบน้ำใหม่สบายตัวจัง ฉันหยิบการบ้านขึ้นมานั่งทำรอเธอคนนั้นฟื้น

    ถ้าเป็นฉันแผลแค่นั้นคงหายภายใน 2 ชั่วโมง แต่สำหรับเธอคนนั้นไม่รู้จะเท่ากันหรือเปล่า ฉันนึกแล้วยังหวาดเสียวไม่หาย ไม่นึกเลยว่าเล็บของฉันจะคมขนาดนั้น เกราะของเธอบางเกินไป หรือร่างกายของเธอไม่แข็งแรงพอกันแน่ โชคดีนะเฉือนไม่ถึง Core (หัวใจ) ไม่งั้นเธอได้ตายรอบสองไปแล้ว

    กว่าเธอคนนั้นจะฟื้นก็ปาเข้าไป 3 ชั่วโมงเกือบ 5 ทุ่มแล้ว นายหญิงพาฉันไปที่ห้องของเธอที่ที่ยมทูตตนนั้นนอนพักอยู่ แผลของเธอหายสนิทแล้วเกราะก็ถูกฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมเรียบร้อย เธอลุกขึ้นนั่งมาคุยกับฉันกับนายหญิง

    ห้องของนายหญิงเหมือนกับห้องของฉันทุกประการแค่มีขนาดใหญ่กว่า

    นายหญิงนั่งลงข้างยมทูตตนนั้น ส่วนฉันนั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของนายหญิง

    “เธอทำยังไง?” คำถามแรกหลุดออกมาจากยมทูตสาวผมทอง

    “คะ?” ฉันยังงงๆ กับคำถาม

    “เธอทำให้ดาบของฉันหักได้ยังไง” เธอถามเสียงนิ่งเรียบแต่ดวงตาสีเลือดไม่ได้นิ่งด้วย มันจับจ้องมาที่ฉันเหมือนจะทะลุทะลวงเข้าไปในร่างกาย ทำให้ฉันคิดคำตอบไม่ออก

    “เธอเปลี่ยนกระสุนใช่ไหม”

    “ค..ค่ะ”

    “เปลี่ยนยังไง เปลี่ยนเมื่อไหร่ เปลี่ยนตอนไหน ทำไมฉันถึงไม่รู้” เธอขึ้นเสียงรัวคำถามใส่ฉันที่ยังตั้งตัวไม่ติด ยิ่งทำให้ฉันตอบไม่ถูกเข้าไปใหญ่

    ฉันเห็นนายหญิงบีบมือเธอ เธอจึงค่อยสงบลง

    “ขอโทษ”

    “ไม่..ไม่เป็นไร... ค่ะ” ฉันพูด ยังเสียวๆ ไม่หาย

    “แล้วตกลงเธอทำยังไง”

    “ตอนแรกหนูฟังเสียงกระสุนที่กระทบดาบแล้วเปลี่ยนกระสุนให้แข็งและเรียวขึ้นปรับปืนให้มีแรงยิงสูงขึ้นจนสามารถยิงทะลุดาบได้พอดี” ฉันพูดพร้อมกับทำท่าทางประกอบ

    “เปลี่ยนกระสุนกับรูปแบบปืนได้โดยไม่ขยับปืนเลยเนี่ยนะ” เธอพูดแบบไม่เชื่อความสามรถของฉันเลยสักนิด

    “ค่ะ หนูแค่ใส่พลังงานเข้าไปปรับเปลี่ยนมันตามที่หนูต้องการ” ฉันบอกท่ามกลางแววตาสีหน้าของฝ่ายตรงข้ามที่ทึ่ง ตกใจ หวาดกลัว อาฆาต ปะปนกันทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่

    เธอถอนหายใจแล้วพูด

    “นั่นเป็นดาบที่แข็งที่สุดที่ฉันมีในตอนนี้ แต่เธอกับพังมันได้ด้วยกระสุนแค่ไม่กี่นัด”

    ฉันอึ้งไปเลยเมื่อได้ยินเช่นนั้น

    เธอพูดต่อ “อีกทั้งพลังเล็บนั่น สุดยอดมาก” สีหน้าชื่นชม

    “เธอ Level อะไร” เธอถาม

    ฉันไม่เคยรู้เรื่อง Level มาก่อนเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเอง Level อะไร ฉันหันไปมองหน้านายหญิงเชิงถาม

    Level 5” นายหญิงพูดลอยๆ

    “อย่างนี้นี่เอง ฉันพึ่ง Level 4 สมควรแล้วล่ะที่จะแพ้” เธอคนนั้นพูดแววตาตกลง

    “ไม่หรอกค่ะ คุณเก่งมาก ทั้งคลื่นดาบ ทั้งวิธีการต่อสู้หนูยังกลัวเลย” ฉันแก้ให้

    “หึ ถ่อมตัวจังนะเธอเนี่ย”เธอยิ้มแล้วลุกขึ้นแววตากลับมาน่ากลัวเหมือนเดิม

    “ไว้เจอกันคราวหน้า ฉันไม่แพ้แน่” เธอท้ารบล่วงหน้า

    “คะ?” ตอนแรกฉันยังเหวอๆ แต่พอเห็นสายตาเอาจริงของเธอ ฉันก็ตอบรับในทันที

    “ค่ะ หนูก็จะไม่แพ้เหมือนกัน”

    ขณะที่เธอกำลังจะออกจากห้อง ฉันนึกขึ้นได้

    “เอ่อ คุณชื่ออะไรคะ” ฉันถาม

    Blade ยมทูต Blade เธอล่ะ”

    S ค่ะ ยมทูต S” ฉันตอบ แล้วเธอก็เดินจากไป

    ห้องทั้งห้องเงียบไปสักพักใหญ่ จนกระทั่ง...

    “นายหญิง Level คืออะไรคะ” ฉันถามขึ้น

    Level เป็นระดับพลังงานระดับความสามรถของยมทูต ตั้งแต่ตอนเกิดมาแต่ละตนก็จะมี Level เริ่มต้นไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมตอนยังเป็นมนุษย์ ตอนเกิดมา S ก็มี Level 3 แล้ว” นายหญิงบอก

    Level มันเพิ่มขึ้นได้จากอะไรคะ” ฉันถาม

    “เพิ่มจากประสบการณ์ จากไหวพริบ ในการปฏิบัติหน้าที่ของเธอ ดูในสมุดยมทูตของเธอสิ บนหน้าปกรองน่ะ มันมีเขียนอยู่ Level ของเธอ”

    ฉันกางสมุดดู มันมีเขียนอยู่จริงๆ ด้วย ฉันไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยนะเนี่ย

    “สูงสุด Level 10” นายหญิงบอก

    “ส่วนแต่ละ Level มีความสามารถอะไรบ้างเดี๋ยวก็รู้เอง ไม่ต้องถาม” เธอตัดบท

    “นายหญิงคะ”

    “มีอะไร”

    “คือ... เรื่อง Partner …

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×