ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : เนตรสีเพลิง (แก้ไขคำผิด)
"มันถูกขนานนามว่า เนตรสีเพลิง ธิดาของสุริยะเทพและเทพีแห่งจันทรา ทรงมีเนตรสีแดงเพลิงเช่นนี้ เมื่อลืมตาดูโลกที่แสนเหงาใบนี้ ท่านจุติลงมาพร้อมดวงตาที่แสดงถึงฐานะอันสูงส่ง" ร่างสูงเอ่ยอย่างสงบ
แววตาที่มองสบกับเนตรสีเพลิงที่กำลังสั่นไหวแน่วแน่มั่นคง
"ฉันไม่ใช่ปีศาจจริงๆ นะ" ร่างบางเอ่ยถามอย่างร้อนรน
"แน่นอนกระต่ายน้อย ฉันเคยหลอกเธอหรือ?" เขาถาม
"ไม่เคยค่ะ ไม่เคยเลย"
ร่างสูงดันร่างบางให้นั่งลงบนกิ่งไม้ใกล้ๆ สาวน้อยย่อกายนั่งลงตามแรง เธอพยายามรวบรวมกำลังใจที่ดูจะหายไปนานแล้วกลับมา หยุดการสั่นเบาๆ ของร่างกายจากการผ่านเรื่องที่น่าตกใจมา
แวมไพร์หนุ่มนั่งบนกิ่งไม้ตรงหน้าเธอเพื่อจะได้สามารถมองเธอได้ชัดขึ้น เขาเฝ้ารอให้เธอปรับสภาพจิตใจให้พร้อมพอที่จะรับฟังเรื่องราวเพราะการเร่งรัดเกินไปย่อมทำให้เธอกระวนกระวายไปเปล่าๆ
ผ่านไปหลายนาทีร่างบางเริ่มขยับตัว ยืดหลังให้ตรงขึ้น รวบรวมกำลังใจและความกล้าหาญให้เธอกลับมา พร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเป็นการบอกกล่าวแทนคำพูดว่าเธอพร้อมที่จะรับฟังแล้ว
ร่างสูงเริ่มเล่า
"ตามเผ่าพันธุ์ของเธอมีรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างกว่าประชากรทั่วไปของที่นี่ เพราะบรรพบุรุษของเธอเป็นผู้วิเศษควบคุมมนตราแห่งธาตุศักดิ์สิทธิ์จึงได้รับรูปลักษณ์ที่งดงามต่างจากเผ่าพันธุ์อื่น เส้นผมสีทองแสดงถึงการเป็นสายเวทย์บริสุทธิ์เพราะเดิมเส้นผมเหล่านี้จะเป็นสีน้ำตาลและเหลืองขึ้นจนใกล้เคียงสีทอง ยิ่งใกล้เคียงกับเส้นไหมทองคำมากเท่าไรหมายถึง สายเวทย์บริสุทธิ์มากเท่านั้น ถือว่าผู้วิเศษเหล่านี้มีพลังอำนาจในขั้นสูง"
"งั้นฉันก็เป็นสายเวทย์บริสุทธิ์น่ะสิ"
"ใช่ ท่านคานิวาล ไนท์ พ่อของเธอก็มีเส้นผมที่ใกล้เคียงกับสีทองมาก ท่านจึงมีพลังเวทสูงขึ้นตามลำดับ แต่ฉันแปลกใจมาก ทั้งๆ ที่เธอมีแม่เป็นมนุษย์ธรรมดา สายเลือดน่าจะจางลง ไม่ใช่เพิ่มขึ้นจนมีเส้นผมสีทองดุจแพรไหมเช่นนี้"
"นั่นสิ เพราะตามที่อัสรันเล่ามา พลังเวทมันสืบทอดทางสายเลือดแต่ถึงฉันเป็นสายเลือดบริสุทธิ์แต่ฉันก็อาจไม่มีพลังเวทย์สูงขึ้นตามไปด้วยก็ได้นะ" สาวน้อยเสนอความคิดเห็น
"เรื่องนี้ต้องมาคอยดูกันต่อไป เธออาจมีพรสวรรค์เหมือนท่านคานิวาลก็ได้ แต่..." เขาหยุดไปราวกับกำลังคิดบางอย่าง
"แต่อะไรคะ?"
"ถ้าเธอมีพลังเวทย์ขั้นสูงขึ้นมาจริงๆ อันตรายก็จะเกิดกับเธอ"
"อันตรายยังไงคะ?"
"ถึงอาณาจักรแห่งนี้จะกว้างใหญ่ แต่ผู้วิเศษมีน้อย ยิ่งสายเวทย์บริสุทธิ์ยิ่งน้อยมาก การแก่งแย่งกันย่อมเกิดขึ้นและเธอก็คือเหยื่อ"
"ฉันจะมีอันตรายมากขนาดนั้นเลยหรอ?"
"ใช่...และอีกอย่างเธอยังเป็นผู้ครอบครองเนตรสีเพลิงในตำนานอีก เธอยิ่งเป็นสิ่งที่หลายเผ่าพันธุ์ต้องการได้มาครอบครอง"
"ทำไมล่ะอัสรัน? ดวงตาแบบนี้ทำไมถึงดูมีคนต้องการมันนักล่ะ?"
"เนตรสีเพลิงเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย วันใดที่เธอสามารถควบคุมให้เป็นตามที่คิดได้ มันจะกลายเป็นทั้งพรในทางสร้างสรรค์ แต่ก็เป็นอาวุธทำลายล้างได้เช่นกัน"
"น่ากลัวจังนะ แต่ฉันจะไม่ถอยและถึงแม้จะกลัวแต่ฉันจะต้องยืนหยัดให้ได้ ฉันควรภูมิใจในความเป็นฉันใช่ไหมคะอัสรัน"
"อื้อ! เก่งมากสมแล้วที่เป็นกระต่ายน้อยของฉัน ฉันน่ะภูมิใจในตัวเธอมากเลย"
ร่างสูงยืดอกอย่างภูมิใจออกหน้าออกตา เรียกเสียงหัวเราะจากใบหน้างามได้อยู่ไม่น้อย
"ฮึ ฮึ" สาวน้อยพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเพราะกลัวเขาจะโกรธ แต่เขากลับหัวเราะบ้างแล้วเอานิ้วจิ้มแก้มบุ๋มๆ อย่างสนุกแถมยังล้อเธออีก
"กระต่ายน้อยตาแดง แก้มพอง ฮ่ะ! ฮ่ะ! ฮ่ะ!"
"ไม่ใช่นะ แก้มฉันไม่ได้พอง!" ร่างบางยืนเท้าเอวเถียง ใบหน้างามพองแก้มใส่
"นี่ไงพองอีกแล้ว แก้วพอง แก้มพอง" ร่างสูงยังล้อ
"ถ้ายังว่าฉันแก้มพองอีก ฉันจะตีนายให้กลายให้เป็นแวมไพร์แบนๆ เลย" ร่างบางขู่พร้อมทั้งก้าวเท้าเข้าใกล้ แต่ดูจะไม่ทันร่างสูงที่หันหลังวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ ทำหน้าทะเล้นล้อเลียนเธอ
"แน่จริงจับให้ได้สิ กระ - ต่าย - น้อย - แก้ม - พอง" อัสรันจงใจเน้นทุกพยางค์เพื่อให้ใครบางคนโกรธซึ่งก็ได้ผลไม่น้อย
เมื่อร่างบางเริ่มวิ่งไล่ล่าเขา แต่เขาเหรอจะยอมให้โดนจับง่ายๆ
เขายังคงวิ่งหนีเธอไปเรื่อยๆ จนน่าสงสัยว่าจะไม่หยุดวิ่งง่ายๆ แน่ เขายังคงปล่อยเสียงตะโกนล้อเลียนสอดประสานกับเสียงหัวเราะดังสะท้อนไปทั้งผืนป่าสีรัตติกาล
แววตาที่มองสบกับเนตรสีเพลิงที่กำลังสั่นไหวแน่วแน่มั่นคง
"ฉันไม่ใช่ปีศาจจริงๆ นะ" ร่างบางเอ่ยถามอย่างร้อนรน
"แน่นอนกระต่ายน้อย ฉันเคยหลอกเธอหรือ?" เขาถาม
"ไม่เคยค่ะ ไม่เคยเลย"
ร่างสูงดันร่างบางให้นั่งลงบนกิ่งไม้ใกล้ๆ สาวน้อยย่อกายนั่งลงตามแรง เธอพยายามรวบรวมกำลังใจที่ดูจะหายไปนานแล้วกลับมา หยุดการสั่นเบาๆ ของร่างกายจากการผ่านเรื่องที่น่าตกใจมา
แวมไพร์หนุ่มนั่งบนกิ่งไม้ตรงหน้าเธอเพื่อจะได้สามารถมองเธอได้ชัดขึ้น เขาเฝ้ารอให้เธอปรับสภาพจิตใจให้พร้อมพอที่จะรับฟังเรื่องราวเพราะการเร่งรัดเกินไปย่อมทำให้เธอกระวนกระวายไปเปล่าๆ
ผ่านไปหลายนาทีร่างบางเริ่มขยับตัว ยืดหลังให้ตรงขึ้น รวบรวมกำลังใจและความกล้าหาญให้เธอกลับมา พร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเป็นการบอกกล่าวแทนคำพูดว่าเธอพร้อมที่จะรับฟังแล้ว
ร่างสูงเริ่มเล่า
"ตามเผ่าพันธุ์ของเธอมีรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างกว่าประชากรทั่วไปของที่นี่ เพราะบรรพบุรุษของเธอเป็นผู้วิเศษควบคุมมนตราแห่งธาตุศักดิ์สิทธิ์จึงได้รับรูปลักษณ์ที่งดงามต่างจากเผ่าพันธุ์อื่น เส้นผมสีทองแสดงถึงการเป็นสายเวทย์บริสุทธิ์เพราะเดิมเส้นผมเหล่านี้จะเป็นสีน้ำตาลและเหลืองขึ้นจนใกล้เคียงสีทอง ยิ่งใกล้เคียงกับเส้นไหมทองคำมากเท่าไรหมายถึง สายเวทย์บริสุทธิ์มากเท่านั้น ถือว่าผู้วิเศษเหล่านี้มีพลังอำนาจในขั้นสูง"
"งั้นฉันก็เป็นสายเวทย์บริสุทธิ์น่ะสิ"
"ใช่ ท่านคานิวาล ไนท์ พ่อของเธอก็มีเส้นผมที่ใกล้เคียงกับสีทองมาก ท่านจึงมีพลังเวทสูงขึ้นตามลำดับ แต่ฉันแปลกใจมาก ทั้งๆ ที่เธอมีแม่เป็นมนุษย์ธรรมดา สายเลือดน่าจะจางลง ไม่ใช่เพิ่มขึ้นจนมีเส้นผมสีทองดุจแพรไหมเช่นนี้"
"นั่นสิ เพราะตามที่อัสรันเล่ามา พลังเวทมันสืบทอดทางสายเลือดแต่ถึงฉันเป็นสายเลือดบริสุทธิ์แต่ฉันก็อาจไม่มีพลังเวทย์สูงขึ้นตามไปด้วยก็ได้นะ" สาวน้อยเสนอความคิดเห็น
"เรื่องนี้ต้องมาคอยดูกันต่อไป เธออาจมีพรสวรรค์เหมือนท่านคานิวาลก็ได้ แต่..." เขาหยุดไปราวกับกำลังคิดบางอย่าง
"แต่อะไรคะ?"
"ถ้าเธอมีพลังเวทย์ขั้นสูงขึ้นมาจริงๆ อันตรายก็จะเกิดกับเธอ"
"อันตรายยังไงคะ?"
"ถึงอาณาจักรแห่งนี้จะกว้างใหญ่ แต่ผู้วิเศษมีน้อย ยิ่งสายเวทย์บริสุทธิ์ยิ่งน้อยมาก การแก่งแย่งกันย่อมเกิดขึ้นและเธอก็คือเหยื่อ"
"ฉันจะมีอันตรายมากขนาดนั้นเลยหรอ?"
"ใช่...และอีกอย่างเธอยังเป็นผู้ครอบครองเนตรสีเพลิงในตำนานอีก เธอยิ่งเป็นสิ่งที่หลายเผ่าพันธุ์ต้องการได้มาครอบครอง"
"ทำไมล่ะอัสรัน? ดวงตาแบบนี้ทำไมถึงดูมีคนต้องการมันนักล่ะ?"
"เนตรสีเพลิงเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย วันใดที่เธอสามารถควบคุมให้เป็นตามที่คิดได้ มันจะกลายเป็นทั้งพรในทางสร้างสรรค์ แต่ก็เป็นอาวุธทำลายล้างได้เช่นกัน"
"น่ากลัวจังนะ แต่ฉันจะไม่ถอยและถึงแม้จะกลัวแต่ฉันจะต้องยืนหยัดให้ได้ ฉันควรภูมิใจในความเป็นฉันใช่ไหมคะอัสรัน"
"อื้อ! เก่งมากสมแล้วที่เป็นกระต่ายน้อยของฉัน ฉันน่ะภูมิใจในตัวเธอมากเลย"
ร่างสูงยืดอกอย่างภูมิใจออกหน้าออกตา เรียกเสียงหัวเราะจากใบหน้างามได้อยู่ไม่น้อย
"ฮึ ฮึ" สาวน้อยพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเพราะกลัวเขาจะโกรธ แต่เขากลับหัวเราะบ้างแล้วเอานิ้วจิ้มแก้มบุ๋มๆ อย่างสนุกแถมยังล้อเธออีก
"กระต่ายน้อยตาแดง แก้มพอง ฮ่ะ! ฮ่ะ! ฮ่ะ!"
"ไม่ใช่นะ แก้มฉันไม่ได้พอง!" ร่างบางยืนเท้าเอวเถียง ใบหน้างามพองแก้มใส่
"นี่ไงพองอีกแล้ว แก้วพอง แก้มพอง" ร่างสูงยังล้อ
"ถ้ายังว่าฉันแก้มพองอีก ฉันจะตีนายให้กลายให้เป็นแวมไพร์แบนๆ เลย" ร่างบางขู่พร้อมทั้งก้าวเท้าเข้าใกล้ แต่ดูจะไม่ทันร่างสูงที่หันหลังวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ ทำหน้าทะเล้นล้อเลียนเธอ
"แน่จริงจับให้ได้สิ กระ - ต่าย - น้อย - แก้ม - พอง" อัสรันจงใจเน้นทุกพยางค์เพื่อให้ใครบางคนโกรธซึ่งก็ได้ผลไม่น้อย
เมื่อร่างบางเริ่มวิ่งไล่ล่าเขา แต่เขาเหรอจะยอมให้โดนจับง่ายๆ
เขายังคงวิ่งหนีเธอไปเรื่อยๆ จนน่าสงสัยว่าจะไม่หยุดวิ่งง่ายๆ แน่ เขายังคงปล่อยเสียงตะโกนล้อเลียนสอดประสานกับเสียงหัวเราะดังสะท้อนไปทั้งผืนป่าสีรัตติกาล
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น