ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Voice of Bloody Black Sheep 2
ชื่อเรื่อง : Voice of Bloody Black Sheep
ผู้แต่ง : มัดหมี่ (ob_ars@hotmail.com)
ประเภท : ชีวิต
ช่วงเวลา : ก่อนภาค 1
เรื่องย่อ : เมื่อซาตาน 'ตื่น' ขึ้นมาอีกครั้ง (ตอนต่อของ U R my Light (Version 1) และ Satan's Diary)
“นายไม่มีอะไรจะทำมากกว่ายืนตะลึงรึไง โรเวน” เสียงทักจากทางด้านหลัง เรียกให้สติของเจ้าชายหนุ่มหวนกลับมาอีกครั้ ง พร้อมกับการรับรู้ถึงสายตาเย้ยหยันที่มองต รงมา เพียงแต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโต้เถียง สถานการณ์เบื้องหน้าจำต้องแก้ไขอย่างด่วนที่ สุด เจ้าชายแห่งเจมิไนจึงก้าวลงสู่สนามเพื่อเค ลียร์วิกฤติที่เกิดขึ้น หากในใจยังหวนประหวัดไปถึงคนที่มาปลุกให้เ ขาตื่นจากอาการตกตะลึง คน
ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็มีจิตใจที่มั่นคงไ ม่เคยหวั่นเกรงสิ่งใด
ชื่นชมนัก กับความสามารถที่คนๆนั้นมี
ขุ่นขวางนัก กับฐานะที่คนๆนั้นเป็น
อย่างไรเสียก็หนีไม่พ้นที่จะต้องเป็นศัตรู กัน
อาเธอร์ บริสตั้น เดอะ ปรินซ์ ออฟ ซาเรส
------------------------------
บรรยากาศในห้องพักนักกีฬาฝ่ายป้อมอัศวินยา มนี้อึมครึมเป็นที่สุด เหล่าตัวเอ้ของชั้นปี 1 กำลังยืนประชุมกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดที่ มุมหนึ่งของห้อง ขณะที่อีกมุม
ต้นเหตุของเรื่อง ลูคัส ซาโดเรีย กำลังนั่งเงียบอยู่บนม้านั่งยาว สายตาเหม่อลอยไร้ชีวิตหลุบต่ำทอดนิ่งอยู่ที่ มือสองข้างที่ประสานวางอยู่บนหน้าตัก เวลานี้เจ้าตัวไม่รับรู้สิ่งใดทั้งสิ้น ไม่เห็น ไม่พูด ไม่ได้ยิน ราวกับทุกส่วนในร่างกายได้หยุดทำงานไปตั้ง แต่เริ่มรับรู้ถึงสิ่งที่ตนเองกระทำ
“สรุปคือ นายจะให้อธิบายว่าพลังประหลาดทั้งหมดนั่นข องลูคัสเป็นแค่มายาภาพแหกตาที่เจ้าตัวถนัด ใช้ ส่วนการบาดเจ็บของลอเรนซ์ก็เป็นเพียงอุบัติ เหตุที่เกิดขึ้นเพราะหมอนั่นตื่นตูมพรวดพ ราดเข้าไปขวางเอง เฮ้อ
คนเค้าจะยอมเชื่อกันมั้ยเนี่ย” โซมาเนียเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงแวววิตกอย่างชั ดเจน
“ที่สำคัญลอเรนซ์จะรับได้เหรอ” ชิวาสกล่าวเสริม สีหน้าติดจะแหยงๆ
“ลอเรนซ์ นิสัยอย่างหมอนั่นคงไม่แคร์หรอกว่ าใครจะคิดยังไง ส่วนคนอื่นๆจะเชื่อไม่เชื่อก็ขึ้นอยู่กับค วามสามารถในการโน้มน้าวใจของพวกเราแล้วล่ะ เพราะงั้น
โม้ได้โม้ แหลได้แหล ทำยังไงก็ได้ให้คนอื่นเชื่อให้ได้ เอาล่ะ
เดี๋ยวฉันกับโรเวนจะไปอธิบายให้พวก อาจารย์ฟัง แล้วจะได้แถลงให้ผู้ชมในสนามเข้าใจ ส่วนเธอกับชิวาสก็อยู่ช่วยกันอธิบายให้เพื่ อนคนอื่นๆรับรู้ด้วยก็แล้วกัน” ไธนอสตอบคำพร้อมกับวางแผนให้เสร็จสรรพ
“แต่ถ้าเอาอย่างนั้นจริง พวกเราก็จะถูกปรับแพ้เพราะทำผิดกติกาน่ะสิ ” โซมาเนียขัดอย่างไม่ชอบใจ แต่ก่อนที่ใครจะตอบคำ หญิงสาวก็ใช้สองมือตบหน้าตัวเองเพื่อเรียก สติ “ไม่ใช่สิ เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ที่สำคัญคือพวกปราสาทขุนนางจะยอมคล้อยตามเ ราเหรอ พวกนั้นต้องพยายามใส่ความลูคัสให้ถูกไล่ออ กแน่”
โรเวนยิ้มเย็นทันทีเมื่อโซมาเนียกล่าวจบ “ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงปราสาทขุนนางก็เห็นผลประโยชน์ของตัวเ องมาก่อนเสมอ งานนี้เจ้าพวกนั้นไม่กล้าพูดมากแน่ เพราะหากมีการสอบสวนเกิดขึ้น เรื่องที่ไอ้บิชอปนั่นแอบตุกติกใช้เวทกับก องเลือดที่พื้นก่อนคำสั่งบุกของฉันจะดังขึ้ นก็ต้องถูกเปิดโปง ถึงลูคัสจะถูกไล่ออกสมใจ แต่พวกมันก็ต้องถูกปรับแพ้แทน ไม่น่าปลื้มนักหรอก ปราสาทขุนนางคงยอมปล่อยเรื่องครั้งนี้ให้ผ่ านไป แล้วรอโอกาสจับผิดลูคัสครั้งหน้ามากกว่า” คำอธิบายจากโรเวน ทำให้ทุกคนมั่นใจกับคำแก้ตัวที่คิดไว้มากขึ้ น
แต่ก่อนที่แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ ชิวาสก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบายใจ “แล้วลูคัสล่ะ จะปล่อยให้นั่งอยู่แบบนี้น่ะเหรอ”
นัยน์ตาสีน้ำเงินคู่สวยเหลือบมองไปยังคนที่ ถูกกล่าวถึง
เจ้าของพลังประหลาดที่หลังจา กได้สติกลับมาและเห็นสภาพของลอเรนซ์เต็มตา ก็เอาแต่นิ่งเงียบ ทั้งๆที่วินาทีนั้นเขาเองยังคิดว่าหมอนี่จ ะต้องคลุ้มคลั่งอาละวาด หรือไม่ก็เสียใจหนักกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เปล่าเลย มันไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเสียงกรีดร้องโวยวายอย่างเจ็บ ปวด อาการงุนงงไม่เข้าใจ หรือแม้กระทั่งน้ำตา บิชอปหนุ่มที่เพิ่งได้สติไร้ปฏิกิริยาใดๆทั้ งสิ้น มีเพียงสายตาว่างเปล่าจับจ้องอยู่กับร่างที่ หายใจรวยรินในอ้อมแขน แม้แต่ตอนที่พวกเขาเอาตัวลอเรนซ์ไปรักษา หรือตอนที่ลากเจ้าตัวมานั่งหลบอยู่ในห้องนี้ หมอนั่นก็ยังคงไร้การตอบสนอง ไม่สนใจคำพูดที่พวกเขาพยายามพูดด้วย ไม่สนใจเรื่องราวที่พวกเขาปรึกษาหารือกัน ไม่สนใจ
แม้กระทั่งว่ามือและเสื้อผ้าของตน ยังอาบไปด้วยเลือดของนักบวชผมทองคนนั้น
โรเวนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหนัก ดวงหน้ารูปสลักติดจะเครียดอย่างไม่เคยเป็น “ช่วยไม่ได้ล่ะนะ เพราะถึงพวกเราจะเรียกเท่าไหร่ เจ้าตัวก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลย คงต้องรอให้เจ้าของมาจัดการเอง ดังนั้นตอนนี้การปล่อยให้อยู่คนเดียวเงียบ ๆน่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ไปเถอะ นี่สายมากแล้ว ทุกคนกำลังรอคำตอบอยู่นะ” เจ้าชายหนุ่มตัดบทพร้อมกับก้าวฉับไปเปิดปร ะตูห้องพัก
“ลอเรนซ์” โรเวนอุทานขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือใคร พรีสท์แห่งแอเรียสยังคงอยู่ในชุดบิชอปแห่ง ป้อมอัศวิน ดวงหน้าขาวแม้จะดูเซียวไปมากหากก็ยังรักษา ความบึ้งตึงอันเป็นเอกลักษณ์เอาไว้ การปรากฏตัวของเพื่อนตรงหน้าทำให้โรเวนขยั บรอยยิ้ม “นายมาก็ดีแล้ว เรื่องข้างนอกยกให้เป็นหน้าที่ของพวกฉัน ส่วนนายช่วยจัดการไอ้เพื่อนเจ้าปัญหาของพว กเราด้วยแล้วกัน”
“ได้ เดี๋ยวฉันจะสั่งสอนให้มันหูตาสว่างเอง” ลอเรนซ์รับคำเสียงขุ่น
เจ้าชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ อารมณ์ดูเหมือนจะผ่อนคลายไปมาก “อย่าเทศนาให้ยาวนักล่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าหมอนั่นได้หลับสบาย ขณะที่พวกเราเหนื่อยแทบตาย”
“กล้าหลับก็ลองดู” ลอเรนซ์แยกเขี้ยวกล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง
------------------------------
นักบวชหนุ่มยืนมองคนที่นั่งอยู่ในห้องด้วย สีหน้า
บูดสนิท ขัดใจเป็นที่สุดที่ไอ้ตัวต้นเหตุของเรื่อง บ้านี่ดันมานั่งเล่นบทโศก หมดอาลัยตายอยากอยู่ตรงนี้ แทนที่จะบากหน้าไปขอโทษคนเจ็บ กลับต้องให้คนเจ็บถ่อสังขารมาดูใจ ความไม่สบอารมณ์บวกกับอาการปวดหัวหนึบๆน่า รำคาญที่เป็นผลมาจากร่างกายเสียเลือดมากไป เรียกให้ความหงุดหงิดพุ่งริ้ว
ลอเรนซ์กระแทกหมัดเข้ากับผนังห้องดัง ปึง! ก่อนจะตวาดเสียงลั่น “นายจะนั่งทำหน้าจะเป็นจะตายแบบนี้อีกนานมั้ ย ลูคัส!!”
คนถูกเรียกไหวตัวเล็กน้อยแต่มันก็มากพอให้ อีกฝ่ายสังเกตเห็น หากเจ้าตัวก็ยังนั่งก้มหน้าอยู่ท่าเดิม
และนั่นก็ส่งผลให้เส้นอารมณ์ของลอเรนซ์ขาด ผึง นักบวชหนุ่มก้าวตรงไปกระชากคอเสื้อของลูคั สให้หันมาเผชิญหน้า นัยน์ตาคู่คมเข้มสบประสานกับนัยน์ตาสีม่วง อเมธิสต์ชั่วแวบ ก่อนจะเบือนหนี ท่าทางของคนตรงหน้าทำให้ลอเรนซ์อ่อนใจ สรุปกับตัวเองว่าอีกฝ่าย
อาการหนัก เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาอัญมณีสีนิลคู่นั้ นจะทอประกายกล้าจ้องสบกับสายตาทุกคู่ที่มอ งมาเสมอ แล้วความคิดของลอเรนซ์ก็ต้องชะงักลง เมื่อเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้น
“ขอโทษ ” น้ำเสียงที่เอ่ยฟังแหบพร่าแผ่วเบาราวกับคน พูดต้องใช้พลังใจทั้งหมดในการเค้นคำพูดออก มา “ขอโทษนะ
ขอโทษ”
ลอเรนซ์ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเห็นเป็นเรื่องไม่สำ คัญ “นายจะคิดมากทำไม ฉันก็ไม่ได้เจ็บหนักอะไร”
ลูคัสแค่นหัวเราะ ปัดมือของพรีสท์หนุ่มที่ยังจับอยู่ที่คอเสื้ อของตนทิ้ง คำกล่าวต่อมาเสียงดังขึ้นด้วยอารมณ์ที่สับ สน “คิดมากทำไม? ไม่ได้เจ็บหนักอะไรงั้นเหรอ? นายมันจะไปเข้าใจอะไร ยังไงมันก็เป็นความผิดของฉันอยู่ดี ฉันเป็นคนทำร้ายนาย คราวนี้ยังโชคดีที่นายแค่บาดเจ็บ ถ้านายตายไป
ฉันไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงดี ฉันกลัว
ลอเรนซ์
ฉันกลัว ทั้งๆที่คิดว่าควบคุมมันได้แล้ว แต่มันก็เหมือนเดิมไม่ต่างจากคราวนั้น ฉันกลัว
คราวหน้าฉันอาจจะฆ่านายไปจริงๆก็ไ ด้”
“นายคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ” ลอเรนซ์เอ่ยถามเสียงเรียบ ดวงหน้าของนักบวชหนุ่มยามนี้ดูนิ่งจนอ่านอ ะไรไม่ออก “ฟังให้ดีนะ ลูคัส ฉันจะพูดครั้งเดียวเท่านั้น นายคิดจริงๆเหรอว่าเพราะความโชคดีอะไรนั่น ฉันถึงรอดมาได้ ถ้านายคิดงั้นจริงก็งี่เง่ามาก จะบอกให้ว่าตอนที่ฉันเข้าไปขวางไม่ให้นายฆ่ าไอ้บิชอปนั่น ที่ๆนายเล็งจะแทงคือนี่
ตรงนี้..หัวใจฉัน ซึ่งแน่นอนว่าถ้ามันถูกนายแทงทะลุ ต่อให้กี่เลโมธีก็ช่วยไม่ได้ แต่ในเสี้ยววินาทีสุดท้าย นายกลับลดมือต่ำลง ฉันถึงได้ไม่ตาย ตาสว่างรึยังว่าที่ฉันแค่บาดเจ็บเป็นเพราะ นายไม่ได้ตั้งใจจะฆ่า ไม่ใช่เพราะความโชคดีไร้สาระ ที่สำคัญระหว่างคนตายทั้งหมู่บ้านกับฉันบา ดเจ็บแค่คนเดียว นายยังพูดได้อีกเหรอว่ามันไม่ต่างจากคราวนั้ นน่ะ” นัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์ของคนพูดยามนี้จ้องลึ กเข้าไปในดวงตาคู่เข้มที่ยอมหันมามองสบแล้ ว ก่อนที่นักบวชหนุ่มจะกล่าวขึ้นอีกราวกับจะ ย้ำให้อีกฝ่ายแน่ใจ “นายทำได้ดีแล้ว ลูคัส”
ราวกับแสงสว่างถูกจุดขึ้นตรงหน้า ความรู้สึกกังวล สับสน ที่มีอยู่มลายหายไปหมดสิ้น แต่ก่อนที่ความโล่งใจจะเข้าครอบคลุมจิตใจ
ทั้ งหมด เศษเสี่ยวของความจริงอีกอย่างก็แวบเข้ามาต อกย้ำให้เจ็บลึก ให้ไม่ลืมถึง
สายตารังเกียจของเหล่ากองเชี ยร์และสีหน้าหวาดกลัวของคู่ต่อสู้ “ขอบใจนายมากนะ ลอเรนซ์ คำพูดของนายทำให้ฉันดีใจจริงๆ แต่ว่ายังไงฉันก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ ความจริงก็ตือความจริง ฉันเป็นคนทำร้ายนาย แล้วที่สำคัญ
ไอ้พลังน่ารังเกียจนี่ก็ไม่รู้ จะตื่นขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ ฉันไม่ควรอยู่ที่นี่อีกต่อไป”
อารมณ์โกรธของลอเรนซ์กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้นักบวชหนุ่มนึกอยากขย้ำคอคนตรงหน้าใ ห้แหลกคามือ ไม่เข้าใจว่าไอ้โง่นี่จะโง่ไปถึงไหน ถ้อยต่อมาจึงห้วนสนิท “แล้วยังไง! นายมันหลงตัวเองมากเกินไปแล้ว ดูซะให้เต็มตาว่าฉันยังสบายดี ฝีมือนายมันก็แค่นั้น ฆ่าฉันไม่ได้ ทำร้ายใครก็ไม่ได้” ลอเรนซ์ส่งสายตาดูแคลนให้อีกฝ่าย ก่อนตะคอกต่อเสียงลั่น “แล้วถ้านายยังไม่รู้ ฉันจะบอกให้เอาบุญว่าตอนนี้ โรเวน ไธนอส ชิวาส และโซมาเนีย กำลังพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยนาย แล้วนายจะหนีไปง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ!!”
ลูคัสนิ่งไปอย่างจนด้วยคำพูด สีหน้าแสดงออกถึงความสับสน ทั้งอึ้ง หงุดหงิด ประหลาดใจ ตื้นตันใจ ปนเปกันไป และท่าทางนั้นก็ทำให้นักบวชหนุ่มเสียงอ่อน ลง “ก็นะ ฉันว่านายไม่ควรกังวลเรื่องพลังนั่นให้มาก จะว่าไปมันก็เป็นความผิดของฉันเหมือนกันที่ ไม่ได้เตือนนายเมื่อวาน ทั้งๆที่คิดอยู่แล้วว่าถ้านายตกอยู่ในสถาน การณ์คับขันอาจเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
นักบวชหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งอย่างเห นื่อยอ่อน ก่อนจะมองไปทางลูคัสอย่างชั่งใจ แล้วของสิ่งหนึ่งก็ถูกยื่นส่งให้ “ฉันให้ เก็บไว้สิ”
ลุคัสมองแว่นตาที่ถูกยื่นมาตรงหน้า แล้วก็หันไปมองคนให้อย่างไม่แน่ใจ “ให้ แต่นี่มันของดูต่างหน้าอาจารย์นายไม่ใช่เร อะ!? จะดีเหรอ”
“ไม่เป็นไรหรอก ที่สำคัญฉันไม่เคยให้อะไรใครเลย โอกาสอย่างนี้น้อยมากนะ” ลอเรนซ์กล่าวพร้อมกับเสไปมองทางอื่น
ท่าทีแบบนั้นทำให้ลูคัสอดรู้สึกไม่ได้ว่านั กบวชเจ้าอารมณ์คนนี้กำลังเขินอยู่ รอยยิ้มบางปรากฏบนดวงหน้าคมเข้มอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี “ฉันใส่มันได้มั้ย”
ลอเรนซ์มุ่นหัวคิ้ว “จะว่าได้ก็ได้หรอก แต่นายจะใส่ไปทำไม”
ซาตานหนุ่มยิ้มกว้างอย่างชอบใจ “ก็นี่น่ะเคยเป็นสมบัติของนักบวชชั้นสูงเชี ยวนา คงพอถูไถใช้เป็นอุปกรณ์ควบคุมพลังได้ ไม่เปลืองตังค์ดี แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เมื่อก่อนนายพกแว่นนี่ติดตัวตลอดเวลา คราวนี้นายก็จะได้พกฉันติดตัวตลอดเวลาแทนไ ง แถมเวลาที่นายมองหน้าฉัน นายก็จะได้เห็นมั้งคนรูปหล่อ ทั้งของที่ระลึกถึงอาจารย์ ดีจะตาย เนอะ ลอรี่”
“ดีบ้านแกน่ะสิ เอามันคืนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ แล้วก็บอกแล้วไงว่าอย่ามาเรียกฉันแบบนั้น! ” ลอเรนซ์โวยลั่นขึ้นมาทันที แล้วเสียงมีดบินแหวกอากาศก็ดังขึ้นอย่างต่ อเนื่องในห้องพักนักกีฬาฝ่ายป้อมอัศวินอัน แสนสงบเงียบ
------------------------------
คืนนี้ท้องฟ้ากระจ่างใสไร้เมฆหมอก พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้าทอแสง นวลลงมาราวกับจะปลอบโยนเหล่าผู้คนที่อยู่ใ ต้ความมืดมิดแห่งรัตติกาล ลูคัส ซาโดเรีย เดอะ ซอร์เซอเรอร์ ออฟ ทริสทอร์ กำลังนอนเหยียดกายอาบแสงจันทร์ นัยน์ตาคู่คมเข้มหลังแว่นตาทอดจับโคมสวรรค์ ที่ลอยเด่น เด็กหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายเป็นที่สุด เรื่องปวดหัวมากมายดูจะมลายไปพร้อมกับลมเย็ นเอื่อยๆที่พัดผ่าน หากแล้วน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ที่แสนจะคุ้นหู ก็ดังขึ้น “นายมาทำอะไรอยู่ที่สวนนี่ คิดว่านี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว!”
“ง่า ก็มานอนชมจันทร์ แล้วตอนนี้ก็คงเกือบเที่ยงคืนแล้วมั้ง” คนถูกขัดบรรยากาศพยายามหาคำตอบที่คิดว่าน่ าจะถูกใจอีกฝ่ายมากที่สุด
แต่ท่าทางของนักบวชหนุ่มกับถ้อยคำต่อมาก็บ อกชัดว่าตอบผิด “แล้วนายไม่รู้รึไงว่ามันเลยเวลาปิดหอมานา นขนาดไหนแล้ว!? มันลำบากฉันที่ต้องออกมาตามนายนะโว้ย”
“อูย อยู่ใกล้แค่นี้ไม่ต้องตะโกนก็ได้ เดี๋ยวพวกยามก็แห่กันมาพอดี” ลูคัสว่าเสียงอ่อย พลางแกล้งทำท่าปิดหูไปด้วย ก่อนจะหันมายิ้มให้คนหน้าบูด “คืนนี้อากาศดีจังว่ามั้ย ไหนๆนายก็อุตส่าห์ออกมาแล้ว มานั่งคุยกันก่อนเถอะ” คำชวนอย่างไม่รู้สึกผิด ขณะที่มือก็ตบแปะๆกับพื้นหญ้าข้างตัวเป็นก ารบอกให้อีกฝ่ายนั่งลง
ลอเรนซ์แยกเขี้ยวเข้าใส่ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอย่างเสียมิได้ ปากก็บ่นไปๆอย่างหงุดหงิด “ไม่รู้ชาติที่แล้วฉันไปทำกรรมเวรอะไรไว้ช าตินี้ถึงได้ดวงซวยมาเจอนาย คนอะไรหาเรื่องปวดหัวมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน ไอ้บ้าสี่คนนั่นก็เหมือนกัน ดูพวกมันแต่งเรื่องแก้ตัวให้นาย
ไม่ได้ไว้ หน้ากันมั่งเลย ฉันเลยซวยกลายเป็นตัวตลกแห่งป้อมอัศวินที่ เสร่องี่เง่าจนทำให้ทีมถูกปรับแพ้ บัดซบที่สุด ไม่รู้ว่าคนอื่นๆเชื่อกันเข้าไปได้ยังไง โคตรจะไร้สาระเลย ลูคัส! อย่ามาหัวเราะนะ”
ถ้อยตวาดเสียงเขียว ทำให้หนุ่มผมดำต้องหยุดหัวเราะ หากใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้มเต็มที่ “ฉันชักจะเชื่อแล้วว่าแสงจันทร์มีอำนาจพิเ ศษ เพราะดูเหมือนคืนนี้มันจะเปลี่ยนให้นายให้ กลายเป็นนักบวชขี้บ่นไปแล้วนะ ลอรี่”
เฟี้ยว! ฉึก!
มีดบินเล่มแรกถูกส่งไปให้คนปากหาเรื่องทัน ที แต่ก่อนที่มีดสั้นเล่มที่สองจะตามออกไป คู่กรณีก็ยกมือยอมแพ้ขอสงบศึกกลางสวน พร้อมกับเอ่ยต่อขันๆ “มีใครเขากล้าว่านายเป็นตัวตลกแห่งป้อมอัศ วินกันล่ะ แต่นายก็ดวงซวยจริงๆล่ะ ฉันว่าที่พวกมันแต่งเรื่องไปแบบนั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นการแก้แค้นนายที่รู้เรื่อ งฉันแต่ไม่ยอมเล่าให้ฟังก็ได้ อืม
ฉันว่าส่วนนี้ต้องเป็นความคิดของโรเวน แน่นอน”
“ชิ แล้วทำไมพวกมันมาแก้แค้นฉันคนเดียวล่ะ” ลอเรนซ์สวนอย่างหงุดหงิด
“ฮะ ฮะ แย่หน่อยนะ อืม แต่จะว่าไปไม่ใช่ว่าคนอื่น ‘เชื่อ’ หรอก เรื่องที่พวกนั้นแต่งน่ะ แค่ ‘แกล้งเชื่อ’ ต่างหาก ไม่งั้นจะมีคนเรียกพวกเราว่า นักบวชกับซาตานแห่งป้อมอัศวินเหรอ”
“นักบวชกับซาตานแห่งป้อมอัศวิน?” ลอเรนซ์เลิกคิ้ว มองหน้าเพื่อนที่ยังยิ้มละไมอยู่ แล้วจึงเอ่ยถาม “นายโอเคเหรอที่คนเขาจะเรียกนายแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรหรอก จะว่าไปฉันก็ชอบนะ ดีออกที่เรามีฉายาคู่กันแบบนี้ ขนาดโรเวนยังไม่มีใครเรียกว่าเจ้าชายแห่งป้ อมอัศวินเลย” ลูคัสกล่าวยิ้มๆ
“ก็ดี” ลอเรนซ์ตอบเรียบ
เงียบกันไปสักพัก แล้วลูคัสก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย “ว่าแต่นายหาฉันเจอได้ไงน่ะ คราวก่อนก็ด้วย?”
“ที่ซ่อนของเด็ก หาไม่ยากหรอก” ลอเรนซ์ตอบห้วนๆ
ลูคัสยิ้มออกมา ก่อนจะถามต่อ “ฉันเด็ก แล้วนายไม่เด็กหรือไง”
“อย่างน้อยฉันก็เป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่หายตั วไปดื้อๆให้คนอื่นเขาต้องเป็นห่วงแบบนาย” ลอเรนซ์กัดตอบ
คำตอบที่ทำให้ลูคัสจ้องหน้าอีกฝ่ายนิด ก่อนจะพยักหน้ายิ้มๆ “นั่นสินะ ก็ดีเหมือนกัน ฉันเด็ก ส่วนนายเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
ลอเรนซ์เลิกคิ้วกับคำกล่าวนั้น ไม่คิดว่าคนหัวดื้อจะยอมรับง่ายๆ ใบหน้าที่ปรากฏเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมดข องนักบวชหนุ่ม ทำให้อีกฝ่ายยอมเฉลย “ถ้าตามเหตุผลของนาย ฉันอยากเป็นเด็กตลอดไปด้วยซ้ำ นายจะได้หาฉันเจอทุกครั้ง ไม่ทิ้งให้ฉันต้องอยู่ตัวคนเดียว ส่วนนายเป็นผู้ใหญ่น่ะดีแล้ว จะได้ไม่หายตัวไปจากฉันเฉยๆ เพราะถ้านายหายตัวไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ฉันอาจ
” ถึงตรงนี้ลูคัสก็เงียบไป
คราวนี้ลอเรนซ์มุ่นหัวคิ้ว ก่อนจะเอ่ยถามอย่างหงุดหงิด “พล่ามอะไรของนาย ยังคิดมากอยู่อีกเรอะ”
“เปล่าหรอก” ลูคัสตอบพร้อมกับยิ้มบาง “นายอาจจะไม่เข้าใจ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากใครๆ อย่างฉัน เพื่อน
โดยเฉพาะพวกนายห้าคนมีค่าสำหรับฉัน มาก น้ำใจที่พวกนายมีให้มันมากมายชนิดที่ฉันไม่ เคยกล้าแม้แต่จะคิดหวังไปถึงด้วยซ้ำ ยิ่งนาย
ลอเรนซ์ ไม่ว่านายจะคิดยังไง แต่การกระทำของนายก็ช่วยฉุดฉันขึ้นมาจากคว ามมืดครั้งแล้วครั้งเล่า สำหรับฉัน..นายเป็นเหมือนแสงอาทิตย์ที่ส่อ งนำให้กับคนหลงทาง เป็นเหมือนแสงจันทร์ที่คอยปลอบประโลมคนที่ จมอยู่ในความมืด ฉันติดหนี้นายมาก จนไม่รู้จะขอบใจยังไงดีแล้ว”
“พอเลย เลิกเพ้อได้แล้ว อีกอย่างฉันถือคติบุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ”
ลูคัสยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี “งั้นเหรอ แต่ว่าฉันติดหนี้นายชนิดที่ใช้ยังไงก็ไม่ห มด เอาเป็นว่าฉันจะตามติดเพื่อตอบแทนบุญคุณนา ยไปตลอดชีวิตเลยละกัน”
ลอเรนซ์ยกมือขึ้นกุมขมับ เอ่ยถามอย่างปวดหัว “ตามติดเพื่อตอบแทนบุญคุณ? สับสนกับตามรังควานรึเปล่า”
“อ้าว ไม่ดีเหรอ ฉันคุยเก่งนะ มีฉันอยู่เป็นเพื่อนนายจะได้ไม่เหงาไง ฉันชงน้ำชาอร่อยด้วย นายยังติดใจเลยไม่ใช่เหรอ แล้วที่สำคัญฉันมีแว่นตาที่ระลึกถึงท่านอา จารย์ของนายติดตัวอยู่ ฉันคอยติดตามนาย นายก็ต้องเห็นหน้าฉันบ่อยๆ จะได้หายคิดถึงทั้งฉันทั้งอาจารย์ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ฉันมีข้อดีขนาดนี้นายยังจะบ่นอีกเหรอ
” ลูคัสต้องหยุดพูด เมื่อหันกลับไปเห็นว่าคนขี้โมโหข้างตัวได้ เผลอหลับไปเสียแล้ว
“นี่ ลอรี่ นายจะนอนตรงนี้ไม่ได้นะ” ลูคัสพยายามปลุก หากแต่
เฟี้ยว! ฉึก!
มีดสั้นสีเงินลอยเฉียดหน้าคนปลุก ขณะที่เจ้าของมีดยังคงนอนหลับสนิทไม่ยอมตื่ น ทำเอาลูคัสอดยิ้มไม่ได้ “เอาเข้าไป ฉันปลุกแล้วนะ นายไม่ยอมตื่นเอง อย่ามาโทษกันล่ะ”
แล้วซาตานแห่งป้อมอัศวินก็นอนเฉย ไม่ยอมปลุกอีกฝ่ายซะอย่างนั้น แล้วสักพักลูคัสก็ผลอยหลับตามคนข้างตัวไป โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ตอนลืมต าตื่นก็คือหน้าขมึงทึงของอาจารย์เจ้าชายชา มัล และคำสั่งทำรายงานพันหน้า!!
------------------------------
กาลเวลาผันผ่าน จากวันนั้นจนถึงวันนี้
“ไง ระหว่างปี 5 ป้อมอัศวิน กับปี 6 ปราสาทขุนนาง นายจะเล่นข้างไหนว่ามาเลย” นักเรียนปีหนึ่งใจกล้าแห่งป้อมอัศวินกำลัง ทำตัวเป็นโต๊ะรับแทงพนันอย่างไม่เกรงฟ้ากลั วดิน
“งวดนี้ป้อมอัศวินเป็นรอง แทง 7 จ่าย 10 ใช่ป่ะ” เสียงใครอีกคนที่หาญกล้าไม่แพ้กันถามขึ้น
“แม่นแล้วเพื่อน จะแทงฝ่ายไหน เท่าไหร่ดีล่ะ” เจ้ามือตอบกลับอย่างกระตือรืนร้น
“อืม ฉันเล่นข้างป้อมอัศ ” คนใจหาญต้องเงียบไปเมื่อเสียงกระแอมนุ่มๆดั งขึ้น “อะแฮ่ม ป้อมเรามีกฎห้ามการพนันทุกชนิดนะครับ น้องๆ”
ตอนนี้ทั้งคนริจะเล่นพนันและคนรับพนันยืนตั วแข็งทื่อไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นชัดตาว่าคนพูดเป็นใคร ..ผู้คุมกฎลูคัส.. แล้วยังอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ..ผู้คุมกฎลอเรนซ์..
“เอาเป็นว่าครั้งนี้จะไม่เอาโทษ แต่อย่าให้มีครั้งหน้าอีกละกัน” น้ำเสียงและรอยยิ้มใจดีของลูคัส ทำให้คนผิดค่อยหายใจโล่ง รีบยิ้มแผล่ตอบคำ “ครับ รับรองไม่มีครั้งหน้าแน่”
แล้วผู้คุมกฎทั้งสองก็เดินห่างออกไป สามก้าว ระยะที่เสียงยังดังมาให้ได้ยิน
“มาพนันกันมั้ยว่าเจ้าหนูนั่นจะถูกจับฐานเ ล่นพนันอีกครั้งเมื่อไหร่” คำกล่าวอารมณ์ดีของลูคัสที่ทำให้ลอเรนซ์เริ่ มแยกเขี้ยว ขณะที่รุ่นน้องอีกสองคนอ้าปากค้างไปเรียบร้ อยแล้ว
“50 คราวน์ หมอนั่นจะถูกจับอีกรอบในหนึ่งชั่วโมง นายล่ะลอรี่” ลูคัสยังคงพูดต่อยิ้มๆอย่างไม่รู้สึกรู้สา ส่งผลให้มีดบินปลิวว่อนพร้อมคำตวาดเสียงลั่ น
จากวันนั้นถึงวันนี้ นักบวชกับซาตานแห่งป้อมอัศวินยังคงดำเนินชี วิตในรั้วโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์กอย่า งสงบสุข!?
--------------------------------------------------------------------
จบแล้ว!! แง่มๆ ไปลัก(ขโมย)ผลงานเค้ามาฮึๆน่าหนุกดีแฮะ(จิบนมนิดๆ)
คราวหน้า...เรื่องที่เราแต่งจะเอามาแก้ใหม่ให้มันสมบูรณ์ไปเลยฝากเรื่องเมืองมหามนตราแอเรียเทียร์ด้วย
ใครไม่เม้นต์ฆ่าแน่ฮ่าๆ(ล้อเล่นน่า)
อ้อ...อย่าลืมโหวดให้ล่ะ...แล้วแต่จะโหวดให้หรือไม่ให้ก็ได้ไม่ถือสาเราไม่โหดขนาดเท่าลูคี่เค้าหรอก
ผู้แต่ง : มัดหมี่ (ob_ars@hotmail.com)
ประเภท : ชีวิต
ช่วงเวลา : ก่อนภาค 1
เรื่องย่อ : เมื่อซาตาน 'ตื่น' ขึ้นมาอีกครั้ง (ตอนต่อของ U R my Light (Version 1) และ Satan's Diary)
“นายไม่มีอะไรจะทำมากกว่ายืนตะลึงรึไง โรเวน” เสียงทักจากทางด้านหลัง เรียกให้สติของเจ้าชายหนุ่มหวนกลับมาอีกครั้
ชื่นชมนัก กับความสามารถที่คนๆนั้นมี
ขุ่นขวางนัก กับฐานะที่คนๆนั้นเป็น
อย่างไรเสียก็หนีไม่พ้นที่จะต้องเป็นศัตรู
------------------------------
บรรยากาศในห้องพักนักกีฬาฝ่ายป้อมอัศวินยา
“สรุปคือ นายจะให้อธิบายว่าพลังประหลาดทั้งหมดนั่นข
“ที่สำคัญลอเรนซ์จะรับได้เหรอ” ชิวาสกล่าวเสริม สีหน้าติดจะแหยงๆ
“ลอเรนซ์ นิสัยอย่างหมอนั่นคงไม่แคร์หรอกว่
“แต่ถ้าเอาอย่างนั้นจริง พวกเราก็จะถูกปรับแพ้เพราะทำผิดกติกาน่ะสิ
โรเวนยิ้มเย็นทันทีเมื่อโซมาเนียกล่าวจบ “ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงปราสาทขุนนางก็เห็นผลประโยชน์ของตัวเ
แต่ก่อนที่แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ ชิวาสก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบายใจ “แล้วลูคัสล่ะ จะปล่อยให้นั่งอยู่แบบนี้น่ะเหรอ”
นัยน์ตาสีน้ำเงินคู่สวยเหลือบมองไปยังคนที่
โรเวนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหนัก ดวงหน้ารูปสลักติดจะเครียดอย่างไม่เคยเป็น
“ลอเรนซ์” โรเวนอุทานขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือใคร พรีสท์แห่งแอเรียสยังคงอยู่ในชุดบิชอปแห่ง
“ได้ เดี๋ยวฉันจะสั่งสอนให้มันหูตาสว่างเอง” ลอเรนซ์รับคำเสียงขุ่น
เจ้าชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ อารมณ์ดูเหมือนจะผ่อนคลายไปมาก “อย่าเทศนาให้ยาวนักล่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าหมอนั่นได้หลับสบาย ขณะที่พวกเราเหนื่อยแทบตาย”
“กล้าหลับก็ลองดู” ลอเรนซ์แยกเขี้ยวกล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง
------------------------------
นักบวชหนุ่มยืนมองคนที่นั่งอยู่ในห้องด้วย
ลอเรนซ์กระแทกหมัดเข้ากับผนังห้องดัง ปึง! ก่อนจะตวาดเสียงลั่น “นายจะนั่งทำหน้าจะเป็นจะตายแบบนี้อีกนานมั้
คนถูกเรียกไหวตัวเล็กน้อยแต่มันก็มากพอให้
“ขอโทษ ” น้ำเสียงที่เอ่ยฟังแหบพร่าแผ่วเบาราวกับคน
ลอเรนซ์ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเห็นเป็นเรื่องไม่สำ
ลูคัสแค่นหัวเราะ ปัดมือของพรีสท์หนุ่มที่ยังจับอยู่ที่คอเสื้
“นายคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ” ลอเรนซ์เอ่ยถามเสียงเรียบ ดวงหน้าของนักบวชหนุ่มยามนี้ดูนิ่งจนอ่านอ
ราวกับแสงสว่างถูกจุดขึ้นตรงหน้า ความรู้สึกกังวล สับสน ที่มีอยู่มลายหายไปหมดสิ้น แต่ก่อนที่ความโล่งใจจะเข้าครอบคลุมจิตใจ
ทั้
อารมณ์โกรธของลอเรนซ์กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้นักบวชหนุ่มนึกอยากขย้ำคอคนตรงหน้าใ
ลูคัสนิ่งไปอย่างจนด้วยคำพูด สีหน้าแสดงออกถึงความสับสน ทั้งอึ้ง หงุดหงิด ประหลาดใจ ตื้นตันใจ ปนเปกันไป และท่าทางนั้นก็ทำให้นักบวชหนุ่มเสียงอ่อน
นักบวชหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งอย่างเห
ลุคัสมองแว่นตาที่ถูกยื่นมาตรงหน้า แล้วก็หันไปมองคนให้อย่างไม่แน่ใจ “ให้ แต่นี่มันของดูต่างหน้าอาจารย์นายไม่ใช่เร
“ไม่เป็นไรหรอก ที่สำคัญฉันไม่เคยให้อะไรใครเลย โอกาสอย่างนี้น้อยมากนะ” ลอเรนซ์กล่าวพร้อมกับเสไปมองทางอื่น
ท่าทีแบบนั้นทำให้ลูคัสอดรู้สึกไม่ได้ว่านั
ลอเรนซ์มุ่นหัวคิ้ว “จะว่าได้ก็ได้หรอก แต่นายจะใส่ไปทำไม”
ซาตานหนุ่มยิ้มกว้างอย่างชอบใจ “ก็นี่น่ะเคยเป็นสมบัติของนักบวชชั้นสูงเชี
“ดีบ้านแกน่ะสิ เอามันคืนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ แล้วก็บอกแล้วไงว่าอย่ามาเรียกฉันแบบนั้น!
------------------------------
คืนนี้ท้องฟ้ากระจ่างใสไร้เมฆหมอก พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้าทอแสง
“ง่า ก็มานอนชมจันทร์ แล้วตอนนี้ก็คงเกือบเที่ยงคืนแล้วมั้ง” คนถูกขัดบรรยากาศพยายามหาคำตอบที่คิดว่าน่
แต่ท่าทางของนักบวชหนุ่มกับถ้อยคำต่อมาก็บ
“อูย อยู่ใกล้แค่นี้ไม่ต้องตะโกนก็ได้ เดี๋ยวพวกยามก็แห่กันมาพอดี” ลูคัสว่าเสียงอ่อย พลางแกล้งทำท่าปิดหูไปด้วย ก่อนจะหันมายิ้มให้คนหน้าบูด “คืนนี้อากาศดีจังว่ามั้ย ไหนๆนายก็อุตส่าห์ออกมาแล้ว มานั่งคุยกันก่อนเถอะ” คำชวนอย่างไม่รู้สึกผิด ขณะที่มือก็ตบแปะๆกับพื้นหญ้าข้างตัวเป็นก
ลอเรนซ์แยกเขี้ยวเข้าใส่ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอย่างเสียมิได้ ปากก็บ่นไปๆอย่างหงุดหงิด “ไม่รู้ชาติที่แล้วฉันไปทำกรรมเวรอะไรไว้ช
ถ้อยตวาดเสียงเขียว ทำให้หนุ่มผมดำต้องหยุดหัวเราะ หากใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้มเต็มที่ “ฉันชักจะเชื่อแล้วว่าแสงจันทร์มีอำนาจพิเ
เฟี้ยว! ฉึก!
มีดบินเล่มแรกถูกส่งไปให้คนปากหาเรื่องทัน
“ชิ แล้วทำไมพวกมันมาแก้แค้นฉันคนเดียวล่ะ” ลอเรนซ์สวนอย่างหงุดหงิด
“ฮะ ฮะ แย่หน่อยนะ อืม แต่จะว่าไปไม่ใช่ว่าคนอื่น ‘เชื่อ’ หรอก เรื่องที่พวกนั้นแต่งน่ะ แค่ ‘แกล้งเชื่อ’ ต่างหาก ไม่งั้นจะมีคนเรียกพวกเราว่า นักบวชกับซาตานแห่งป้อมอัศวินเหรอ”
“นักบวชกับซาตานแห่งป้อมอัศวิน?” ลอเรนซ์เลิกคิ้ว มองหน้าเพื่อนที่ยังยิ้มละไมอยู่ แล้วจึงเอ่ยถาม “นายโอเคเหรอที่คนเขาจะเรียกนายแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรหรอก จะว่าไปฉันก็ชอบนะ ดีออกที่เรามีฉายาคู่กันแบบนี้ ขนาดโรเวนยังไม่มีใครเรียกว่าเจ้าชายแห่งป้
“ก็ดี” ลอเรนซ์ตอบเรียบ
เงียบกันไปสักพัก แล้วลูคัสก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย “ว่าแต่นายหาฉันเจอได้ไงน่ะ คราวก่อนก็ด้วย?”
“ที่ซ่อนของเด็ก หาไม่ยากหรอก” ลอเรนซ์ตอบห้วนๆ
ลูคัสยิ้มออกมา ก่อนจะถามต่อ “ฉันเด็ก แล้วนายไม่เด็กหรือไง”
“อย่างน้อยฉันก็เป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่หายตั
คำตอบที่ทำให้ลูคัสจ้องหน้าอีกฝ่ายนิด ก่อนจะพยักหน้ายิ้มๆ “นั่นสินะ ก็ดีเหมือนกัน ฉันเด็ก ส่วนนายเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
ลอเรนซ์เลิกคิ้วกับคำกล่าวนั้น ไม่คิดว่าคนหัวดื้อจะยอมรับง่ายๆ ใบหน้าที่ปรากฏเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมดข
คราวนี้ลอเรนซ์มุ่นหัวคิ้ว ก่อนจะเอ่ยถามอย่างหงุดหงิด “พล่ามอะไรของนาย ยังคิดมากอยู่อีกเรอะ”
“เปล่าหรอก” ลูคัสตอบพร้อมกับยิ้มบาง “นายอาจจะไม่เข้าใจ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากใครๆ
“พอเลย เลิกเพ้อได้แล้ว อีกอย่างฉันถือคติบุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ”
ลูคัสยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี “งั้นเหรอ แต่ว่าฉันติดหนี้นายชนิดที่ใช้ยังไงก็ไม่ห
ลอเรนซ์ยกมือขึ้นกุมขมับ เอ่ยถามอย่างปวดหัว “ตามติดเพื่อตอบแทนบุญคุณ? สับสนกับตามรังควานรึเปล่า”
“อ้าว ไม่ดีเหรอ ฉันคุยเก่งนะ มีฉันอยู่เป็นเพื่อนนายจะได้ไม่เหงาไง ฉันชงน้ำชาอร่อยด้วย นายยังติดใจเลยไม่ใช่เหรอ แล้วที่สำคัญฉันมีแว่นตาที่ระลึกถึงท่านอา
“นี่ ลอรี่ นายจะนอนตรงนี้ไม่ได้นะ” ลูคัสพยายามปลุก หากแต่
เฟี้ยว! ฉึก!
มีดสั้นสีเงินลอยเฉียดหน้าคนปลุก ขณะที่เจ้าของมีดยังคงนอนหลับสนิทไม่ยอมตื่
แล้วซาตานแห่งป้อมอัศวินก็นอนเฉย ไม่ยอมปลุกอีกฝ่ายซะอย่างนั้น แล้วสักพักลูคัสก็ผลอยหลับตามคนข้างตัวไป โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ตอนลืมต
------------------------------
กาลเวลาผันผ่าน จากวันนั้นจนถึงวันนี้
“ไง ระหว่างปี 5 ป้อมอัศวิน กับปี 6 ปราสาทขุนนาง นายจะเล่นข้างไหนว่ามาเลย” นักเรียนปีหนึ่งใจกล้าแห่งป้อมอัศวินกำลัง
“งวดนี้ป้อมอัศวินเป็นรอง แทง 7 จ่าย 10 ใช่ป่ะ” เสียงใครอีกคนที่หาญกล้าไม่แพ้กันถามขึ้น
“แม่นแล้วเพื่อน จะแทงฝ่ายไหน เท่าไหร่ดีล่ะ” เจ้ามือตอบกลับอย่างกระตือรืนร้น
“อืม ฉันเล่นข้างป้อมอัศ ” คนใจหาญต้องเงียบไปเมื่อเสียงกระแอมนุ่มๆดั
ตอนนี้ทั้งคนริจะเล่นพนันและคนรับพนันยืนตั
“เอาเป็นว่าครั้งนี้จะไม่เอาโทษ แต่อย่าให้มีครั้งหน้าอีกละกัน” น้ำเสียงและรอยยิ้มใจดีของลูคัส ทำให้คนผิดค่อยหายใจโล่ง รีบยิ้มแผล่ตอบคำ “ครับ รับรองไม่มีครั้งหน้าแน่”
แล้วผู้คุมกฎทั้งสองก็เดินห่างออกไป สามก้าว ระยะที่เสียงยังดังมาให้ได้ยิน
“มาพนันกันมั้ยว่าเจ้าหนูนั่นจะถูกจับฐานเ
“50 คราวน์ หมอนั่นจะถูกจับอีกรอบในหนึ่งชั่วโมง นายล่ะลอรี่” ลูคัสยังคงพูดต่อยิ้มๆอย่างไม่รู้สึกรู้สา
จากวันนั้นถึงวันนี้ นักบวชกับซาตานแห่งป้อมอัศวินยังคงดำเนินชี
--------------------------------------------------------------------
จบแล้ว!! แง่มๆ ไปลัก(ขโมย)ผลงานเค้ามาฮึๆน่าหนุกดีแฮะ(จิบนมนิดๆ)
คราวหน้า...เรื่องที่เราแต่งจะเอามาแก้ใหม่ให้มันสมบูรณ์ไปเลยฝากเรื่องเมืองมหามนตราแอเรียเทียร์ด้วย
ใครไม่เม้นต์ฆ่าแน่ฮ่าๆ(ล้อเล่นน่า)
อ้อ...อย่าลืมโหวดให้ล่ะ...แล้วแต่จะโหวดให้หรือไม่ให้ก็ได้ไม่ถือสาเราไม่โหดขนาดเท่าลูคี่เค้าหรอก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น