ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Voice of Bloody Black Sheep
ชื่อเรื่อง : Voice of Bloody Black Sheep
ผู้แต่ง : มัดหมี่ (ob_ars@hotmail.com)
ประเภท : ชีวิต
ช่วงเวลา : ก่อนภาค 1
เรื่องย่อ : เมื่อซาตาน 'ตื่น' ขึ้นมาอีกครั้ง (ตอนต่อของ U R my Light (Version 1) และ Satan's Diary)
ในความเงียบที่ได้ยินเพียงเสียงหัวใจตัวเอ งเต้น บรรยากาศรอบข้างที่อบอวลไปด้วยอายแห่งความ สิ้นหวัง ผิดหวังและเศร้าสร้อย กลิ่นคาวเลือดที่โชยมาแตะจมูก
ความฝันนั้นอีกแล้วหรือ? ภาพหมู่บ้านที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดตามมาหลอก หลอนอีกครั้งงั้นหรือ?
สติของเด็กหนุ่มนาม ลูคัส ซาโดเรีย เริ่มกลับมา...
กลับมา...เพื่อประจักษ์กับความจริงตรงหน้า ความจริง...ที่มิใช่ภาพฝัน
ความเงียบ...ที่เกิดเพราะผู้คนในสนามกำลัง นิ่งงันด้วยความตะลึงและสับสน...หวาดกลัวแ ละรังเกียจ
บรรยากาศประหลาด...ที่เป็นหลักฐานยืนยันกา รตื่นของ...ซาตาน
และกลิ่นคาวเลือด...ที่ลอยมาจากร่างไร้สติ ในอ้อมแขน...ร่างโชกเลือดของ ลอเรนซ์ ดอร์น เดอะ พรีสต์ ออฟ แอเรียส !!!
------------------------------
ชิวาส เดเบส นักเรียนปี 1 แห่งป้อมอัศวิน กำลังนั่งหน้าเซ็งอยู่ในห้องพัก ขณะที่สายตาก็เหลือบมองเพื่อนร่วมห้องอีกส องคน ลอเรนซ์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง สมาธิแน่วแน่อยู่กับสิ่งที่อ่านไม่มีวอกแว ก ส่วนลูคัส... หมอนี่นั่งก้มหน้าก้มตาทำการบ้านท่าทางตั้ งอกตั้งใจเต็มที่ แต่ไม่วายฮัมเพลงไปด้วยอย่างสบายอารมณ์ และแล้วชิวาสก็ทนนั่งเงียบต่อไปไม่ไหวจนต้ องเอ่ยออกมา
“นายสองคนนี่ตายด้านกันหรือไง พรุ่งนี้พวกเรามีแข่งหมากกระดานเกียรติยศนั ดเปิดสนามแท้ๆ พวกนายกลับดูไม่ตื่นเต้นกันเลยสักนิด คนนึงก็เอาแต่นั่งอ่านหนังสือ อีกคนก็ก้มหน้าก้มตาทำการบ้าน ฉันล่ะไม่เข้าใจพวกนายจริงๆ จะมาขยันอะไรกันตอนนี้ แทนที่จะไปนั่งคุยนั่งปรึกษากันเหมือนกับค นอื่นๆเขาที่ห้องนั่งเล่นรวม”
คำบ่นแกมประชดนิดๆที่ไม่มีเสียงตอบรับจากล อเรนซ์ แต่อย่างน้อยมันก็เรียกให้เด็กหนุ่มอีกคนใ นห้องยอมเงยหน้าขึ้นจากการบ้านที่กำลังทำอ ยู่ พลางแย้มรอยยิ้มขัน “นายรู้ตัวรึเปล่าว่านายบ่นแบบนี้ทุกห้านา ที ชิววี่ ถ้านายอยากไปห้องนั่งเล่นรวมก็ไปเถอะ ไม่ต้องมาจ้องไปบ่นไปแบบนี้หรอก”
“เออ ฉันไปแน่” ชิวาสตอบกระแทกเสียง นึกด่าไอ้เพื่อนบ้าไร้มนุษยสัมพันธ์สองตัว นี้อยู่ในใจ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างฉุนๆ “ถามจริง นายไม่ตื่นเต้นสักนิดเลยรึไง”
“มีโรเวนเป็นคนถือป้าย จะตื่นเต้นไปทำไม นิสัยหมอนั่นอาจไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่ถ้าเรื่องความสามารถ...รบภายใต้การนำขอ งโรเวน พรุ่งนี้ปิดประตูแพ้ไปได้เลย” ลูคัสตอบยิ้มๆ
“นายมั่นใจในตัวโรเวนขนาดนั้น?” ชิวาสเอ่ยถามอีกครั้ง เด็กหนุ่มทึ่งไม่น้อยกับคำตอบของเพื่อนตรง หน้า เพราะถึงแม้การที่อยู่ป้อมเดียวกันมาเกือบ หนึ่งปี จะทำให้เขารู้ว่าเจ้าชายโรเวนแห่งเจมิไนมี ท่าทางภายนอกที่แปรผกผันกับนิสัยและความสา มารถ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาเชื่อมั่นได้ถึงขนา ดนั้น
ลูคัสขยับรอยยิ้มมากขึ้น พลางบุ้ยใบ้ไปทางเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่ยั งอ่านหนังสือไม่เลิก “ไม่ใช่ฉันคนเดียวซะหน่อย”
คำตอบที่ทำให้ชิวาสถอนหายใจออกมาดังๆ พร้อมกับกล่าว “ฉันไม่เข้าใจพวกนายสองคนจริงๆนั่นล่ะ เอาเถอะ พูดไปพูดมานายสองคนก็ไม่ไปห้องนั่งเล่นรวม กับฉันอยู่ดี ตามสบายละกัน” ว่าแล้วเรนเจอร์หนุ่มก็เดินออกจากห้องไป
พอเหลือกันอยู่สองคน ลูคัสก็ละจากกองการบ้าน ลุกเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ข้างๆนักบวชหนุ่ม “นายคิดยังไงกับการแข่งวันพรุ่งนี้”
“ถ้านายอยากคุยเรื่องนี้ทำไมไม่ไปที่ห้องนั่ งเล่นรวมกับชิวาสเล่า” ลอเรนซ์กล่าวอย่างรำคาญ หากสายตายังคงจดจ่ออยู่กับหนังสือตรงหน้า
ลูคัสแย้มรอยยิ้ม ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี “ก็ฉันอยากรู้ความคิดนายไม่ใช่ความคิดคนอื่ นก็ต้องอยู่ถามนายสิ อันที่จริง...นายเองก็มีเรื่องจะคุยกับฉัน ไม่ใช่เหรอ” เมื่อเห็นคนตรงหน้ายังเฉย เจ้าตัวก็แย่บต่อ “มีอะไรก็พูดมาเถอะ การที่วันนี้นายดึงดันจะอ่านหนังสืออยู่ใน ห้อง ทั้งๆที่ปกติถ้าหมอนั่นชวน นายก็มักจะตัดรำคาญยอมไปนั่งหน้าบูดในห้อง นั่งเล่นรวม ก็บอกชัดอยู่แล้วว่านายมีเรื่องจะพูด รึไม่จริง ลอรี่”
เฟี้ยว! ฉึก!!
“ไอ้ที่เรียกอย่างนั้นนี่อยากตายมากใช่มั้ ย” ลอเรนซ์ว่าอย่างหงุดหงิด แต่ก็ยอมวางหนังสือลงและหันมาให้ความสนใจกั บคนข้างตัวเป็นครั้งแรก “นายพูดถูก ฉันมีบางอย่างอยากพูดกับนาย”
“นั่นไง เห็นมะ” ลูคัสเอ่ยขัดยิ้มๆอย่างคนชนะ เล่นเอานักบวชหนุ่มหันมามองตาขวาง ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องพลังซาตานในตัวนาย”
ชั่วแวบที่ได้ยินคำกล่าวของลอเรนซ์ ใบหน้าคมเข้มดูจะผิดไปจากปกติ หากแล้วรอยยิ้มอารมณ์ดีก็กลับมาเกลื่อนบนด วงหน้านั้นอีกครั้ง น้ำเสียงที่เอ่ยสดใสขี้เล่นไม่เปลี่ยน “ไม่มีอะไรต้องห่วงนี่ ฉันควบคุมมันได้อยู่แล้ว นายอย่าคิดมากสิ เดี๋ยวหน้าก็ไปก่อนหรอก”
ลอเรนซ์นับหนึ่งถึงสิบในใจอย่างเพียรจะสงบ สติอารมณ์ แล้วเอ่ยขึ้นใหม่ “ฉันแค่อยากจะเตือนนายว่า...”
หากลูคัสก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจฟังคำพูดของ อีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มผมดำขยับตัวไปที่หัวเตียง สายตาจ้องนิ่งอยู่ที่ของสิ่งหนึ่ง ขณะที่มือก็เอื้อมไปหมายจะหยิบ แต่แล้ว...
เผียะ! ลอเรนซ์ฟาดไปที่มือของคนอยู่ไม่สุขเต็มแรง พร้อมกับตวาดถามเสียงห้วน “นายคิดจะทำอะไร”
“ง่า...แบบว่าจะขอดูหน่อยน่ะ ฉันสงสัยอยากถามมานานแล้วว่าไอ้นี่มันสำคั ญยังไง นายถึงได้พกติดตัวอยู่ตลอด ตอนจะนอนก็วางไว้ข้างหมอน ทั้งๆที่นายก็ไม่น่าจะสายตาสั้น จะว่าไป...ก็ไม่เห็นนายเคยใส่ด้วยซ้ำ” คำถามแทงใจจากลูคัส ทำเอานักบวชหนุ่มนิ่งเงียบไป ลืมสิ่งที่ตั้งใจจะพูดกับคนตรงหน้าหมดสิ้น
นัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์คู่งามเบือนมาจับที่ แว่นตาที่วางอยู่ข้างหมอน ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาอย่างทะนุถ นอม สายตาของลอเรนซ์ยามนี้ดูเหม่อลอย...จมลึกอ ยู่ในความคิดคำนึงของตนเอง ดวงหน้าที่เคยเคร่งอยู่เสมอกำลังฉายแววบาง อย่างที่อีกฝ่ายไม่เคยเห็น...และไม่เคยปรา รถนาจะได้เห็น
ลูคัสมองเพื่อนตรงหน้านิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยเรียกด้วยเสียงแผ่วเบา “ลอเรนซ์ นายโอเคนะ”
คนถูกเรียกสะดุ้งเล็กน้อย รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หากน้ำเสียงที่ใช้เอ่ยยังฟังดูโหวงๆ “แว่นตาอันนี้...เป็นของดูต่างหน้าอาจารย์ ฉัน ท่านเป็นคนเก็บเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่ างฉันมาเลี้ยง ...และท่านก็ตายเพราะปกป้องฉัน...”
แล้วความเงียบอันแสนอึดอัดก็เข้าปกคลุม... แต่ก่อนที่ลูคัสจะทันนึกหาคำพูดมาเปลี่ยนเ รื่อง นักบวชหนุ่มก็กล่าวตัดบทขึ้น “ถ้านายไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะนอนล่ะ”
เด็กหนุ่มผมดำมองหน้าอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ ก่อนจะยิ้มบาง “อืม...ฝันดีนะ” แล้วเจ้าตัวก็ลุกไปนอนที่เตียงของตน
------------------------------
ดึกมากแล้ว เสียงกรนเบาๆของชิวาสดังสะท้อนอยู่ในความเ งียบ ทุกสรรพสิ่งดูเหมือนจะอยู่ในห้วงนิทรา หากนัยน์ตาคู่คมเข้มยังคงลืมอยู่ในความมืด ทอดมองไปยังดวงจันทร์เกือบเต็มดวงที่ลอยเด่ นอยู่บนฟากฟ้า ปล่อยความคิดให้วนเวียนอยู่กับเรื่องซ้ำๆ. .. ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็รู้ดีว่า มีใครอีกคนที่ยังนอนไม่หลับเฉกกัน เขาคนนั้นคงจะกำลังจมอยู่กับความทรงจำในอดี ต ทั้งที่ไม่เคยคิดจะทำร้าย ไม่เคยคิดจะทำให้เจ็บปวด ไม่เคยอยากจะเห็นสีหน้าแบบนั้น...สีหน้าที่ ฉายแววเจ็บใจ เสียใจ และอ้างว้าง หากแล้วก็เป็นเพราะเขาเอง เพราะความอ่อนแอของเขา ที่เพียงได้ฟังคำว่า ‘พลังซาตานในตัวนาย’ ก็รู้สึกเจ็บลึก เหมือนมีหนามเสียดแทงใจ ทั้งๆที่บอกตัวเองมาตลอดว่าไม่เป็นไรแล้ว แต่ก็ยังอดกลัวไม่ได้ว่าทุกวันในเอดินเบิร์ กจะกลายเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่ง ยิ่งเป็นคำพูดจากปากหมอนั่นยิ่งไม่อยากจะร ับฟัง คนขี้ขลาดถึงได้หนี โดยใช้อดีตของคนๆนั้นมาบังหน้า ทั้งๆที่ไม่เคยคิดจะถามเพราะไม่ต้องการให้ เจ็บปวด แต่แล้วเพราะความอ่อนแอ ความขี้ขลาด จึงได้เลือกที่จะปกป้องตัวเองด้วยการไปสะกิ ดแผลของอีกฝ่าย จะนึกเสียใจก็สายเกินไปแล้ว คนๆนั้นต้องมีสีหน้าและแววตาแบบนั้นก็เพรา ะเขาเอง
------------------------------
บรรยากาศในห้องพักนักกีฬาของฝ่ายป้อมอัศวิ นยามนี้ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ปี 1 ทุกคนกำลังตื่นเต้นที่จะได้ลงสนามในศึกใหญ่ ของจริง เสียงพูดคุยจึงดังอื้ออึงไปทั่ว แต่แล้วไม่นานทุกคนในห้องก็สังเกตเห็นถึงค วามผิดปกติบางอย่าง...
ลูคัส ซาโดเรีย ไอ้เพื่อนตัวดีที่ยิ้มแย้มร่าเริงอยู่เป็น นิจ วันนี้กลับเซื่องผิดตา เด็กหนุ่มในชุดนักบวชเต็มยศกำลังนั่งหน้าจ๋ อย หูตกหางตกอยู่บนม้านั่งเงียบๆอย่างผิดวิสั ย เพราะขนาดแค่ตอนที่รู้ตัวว่าจะได้ลงในตำแห น่งบิชอปขวา เจ้าตัวยังถูกอกถูกใจยกใหญ่ที่จะได้ใส่ชุด นักบวชเหมือนกับลอเรนซ์ที่เป็นบิชอปซ้าย
“ชิวาส สองคนนั่นทะเลาะกันเรื่องอะไรอีกล่ะคราวนี้ ” โรเวนเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่ต้องคิด รู้ดีว่าต้นเหตุที่ทำให้เจ้าตัวแสบที่ไม่เ คยรู้ร้อนรู้หนาวอะไรกับใครเค้าหงอยลงได้มี อยู่แค่อย่างเดียวคือลอเรนซ์
เรนเจอร์หนุ่มเกาหัวแกรก ตอบเสียงอ่อย “คือ...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อวานพอฉันกลับถึงห้องพวกมันก็นอนกันไป แล้ว พอตอนเช้าหมอนั่นก็ซึมไปเรียบร้อย”
โรเวนถอนหายใจกับคำตอบ ก่อนจะเดินไปถามอีกคนที่น่าจะรู้เรื่องมาก กว่า “ลูคัสเป็นอะไรไปอีกล่ะ”
ลอเรนซ์ส่ายหน้าแทนคำตอบอย่างหงุดหงิด “เห็นเป็นมาตั้งแต่เช้าแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้สนใจ” นักบวชหนุ่มเอ่ยเพียงเท่านั้น ไม่ได้อธิบายต่อไปว่าที่ไม่ได้สนใจน่ะ เป็นเพราะตัวเองก็พยายามหลบหน้าอีกฝ่ายอยู่ เหมือนกัน ก็นะเมื่อวานดันเผลอแสดงความอ่อนแอให้หมอนั้ นเห็นซะได้ น่าอายน้อยอยู่หรือ
เจ้าชายหนุ่มพิจารณาท่าทีของเพื่อนตรงหน้า แล้วจึงตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ “ถ้างั้น เรื่องหมอนั่นฉันฝากนายดูแลด้วยแล้วกัน เดี๋ยวฉันต้องไปประชุมแล้วน่ะ”
“อืม” ลอเรนซ์รับคำ ก่อนจะหันไปมองภาระที่ถูกฝากไว้ตาเขียว ...ไอ้คนที่ซึมมันควรเป็นเขาไม่ใช่เรอะ เพราะหมอนั่นดันถามอะไรไม่รู้จักดูตาม้าตา เรือถึงได้ทำให้เขาเผลอนึกถึงอดีตขึ้นมา พาลให้ลืมเรื่องที่จะพูดกับมันไปสนิทอีกต่ างหาก แล้วทำไมหมอนั่นถึงมานั่งซึมกะทื่อแทนซะงั้ นล่ะ...
นักบวชหนุ่มคิดพลางเดินเข้าไปหาคนที่นึกด่ าอยู่ในใจ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงห้วน “นายโอเครึเปล่า”
ลูคัสเงยขวับขึ้นมามองหน้าคนพูดทันที “นายไม่โกรธฉัน” คำกล่าวที่คนควรโกรธต้องเลิกคิ้วอย่างสงสั ย “นายจะให้ฉันโกรธเรื่องอะไร”
“เปล่าๆ นายไม่โกรธก็ดีแล้ว” ลูคัสแย้มรอยยิ้มออกมา ท่าทางร่าเริงขึ้นทันตา “ดูสิ นายว่าฉันใส่ชุดนักบวชขึ้นไหม ฉันว่าเท่ห์อย่าบอกใครเลยล่ะ”
ท่าทีที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือขอ งคนตรงหน้า เล่นเอาลอเรนซ์ต้องกุมขมับ นึกอยากไปกระชากคอโรเวนมาตะคอกถามนักว่าไอ ้คนแบบนี้มันมีตรงไหนที่ควรต้องดูแล
------------------------------
และแล้วประตูห้องพักนักกีฬาก็ถูกเปิดออก พร้อมกับการก้าวเข้ามาของเจ้าชายโรเวนและเ หล่าบุคคลสำคัญแห่งป้อมอัศวิน ยาประคองพลังชีวิตถูกแจกจ่ายให้ทุกคนถ้วนห น้า คำพูดปลุกใจได้สร้างความฮึกเหิมและเรียกเล ือดนักสู้ในกายให้เดือดพล่าน บัดนี้ป้อมอัศวินพร้อมแล้วสำหรับการประเดิ มสนามนัดแรก
“ระวังตัวล่ะ” คำพูดที่คาดไม่ถึงว่าจะหลุดออกมาจากปากนัก บวชหน้าเคร่ง ทำให้ลูคัสต้องยิ้มกว้างรับ “นายก็เหมือนกัน”
แล้วหมากกระดานเกียรติยศนัดสำคัญก็เริ่มต้ นขึ้น....
------------------------------
“น่าเสียดายที่นายไม่ได้ลงแข่งนะ โรเวน” เสียงทักทายลอยมาเข้าหูขณะที่เจ้าชายแห่งเ จมิไนและตัวสำรองอีกสองคนกำลังเดินไปประจำ ที่ในปะรำพิธี
“เป็นผู้เดินหมาก ไม่ใช่ไม่ลงแข่ง” โรเวนเอ่ยโต้ นัยน์ตาสีน้ำเงินคู่สวยฉายแววเย็นเยือกขณะ เบือนมาสบนัยน์ตาสีดำคมกริบของอีกฝ่าย “และถ้าดูไม่ผิดทางที่ท่านกำลังจะเดินไปมั นเป็นเต็นท์กองเชียร์ฝ่ายป้อมอัศวินนะ ท่านอาเธอร์”
รอยยิ้มหยันปรากฏบนใบหน้าเจ้าชายใจสิงห์ “หากฉันพอใจที่ไหนก็เหมือนกัน นายเองก็อย่ารีบแพ้ซะล่ะ ฉันจะรอชมฝีมือ...อยู่ที่ฝั่งป้อมอัศวิน”
------------------------------
“เบี้ยสี่ ดีสาม” เสียงประกาศเปิดกระดานของปราสาทขุนนางดังขึ้ นเป็นสัญญาณเริ่มการแข่งขันอย่างแท้จริง
“เบี้ยแปด เฮชหก” โรเวนเองก็สั่งเดินตาแรกอย่างไม่รอช้า ทำเอาเพื่อนร่วมรุ่นหลายคนต้องเลิกคิ้วด้ว ยความแปลกใจ
“โรเวนเร่งเกมจนน่าแปลก” ไธนอสเปรยขึ้นเรียบๆ
“กระดานเปิดแบบนี้ ตาต่อไปไม่พ้นต้องมีการปะทะแน่ เพียงแต่ฝ่ายโน้นจะกล้ารับคำท้ารึเปล่าเท่ านั้น” เสียงเอ่ยเจือความพอใจเล็กๆ ดังขึ้นจากสาวงาม โซมาเนีย ควีนแห่งป้อมอัศวิน
ไม่ทันขาดคำ คำสั่งบุกจากปราสาทขุนนางก็ดังขึ้น “บิชอปซ้าย เฮชหก ปะทะเบี้ยแปด”
“โรเวนเอ๊ย ส่งหมูเข้าปากหมาแท้ๆ เบี้ยจะเอาอะไรไปสู้บิชอป” ชิวาส เดเบส ม้าซ้ายแห่งป้อมอัศวินร้องออกมาอย่างอดไม่ อยู่ ทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆต้องเอ่ยอธิบายอย่า งหงุดหงิด “ก็แค่เสียเบี้ยเพื่อเก็บบิชอปล่ะน่า”
“อ๊ากกกก...” เสียงร้องโหยหวนจากเบี้ยหมายเลขแปดผู้โชคร้ าย เลือดที่ไหลโทรมกายส่งกลิ่นคาวคลุ้ง พาให้บรรยากาศในสนามเครียดขมึง แล้วโรเวนก็ยกป้ายยอมแพ้ให้ร่างเหยื่อผู้เ คราะห์ร้ายหายวับไป เหลือทิ้งไว้เพียงรอยเลือดบนพื้นสนาม
แต่ความตื่นเต้นยังไม่หมดไป เมื่อตำแหน่งหมากบนกระดานเวลานี้ เปิดว่างให้บิชอปสองฝ่ายได้เผชิญหน้ากัน
“ลอเรนซ์ นายเป็นอะไรรึเปล่า สีหน้าดูไม่ดีเลย” คำเอ่ยทักจากหญิงสาว ที่บิชอปหนุ่มปฏิเสธเสียงห้วน “เปล่า”
“เห็นเพื่อนเลือดโชกแบบนั้น จะรู้สึกแย่ก็ไม่แปลกหรอก” อีกเสียงกล่าวขึ้น ให้ลอเรนซ์ต้องปฏิเสธอีกครั้ง “ไม่ใช่”
“หรือว่านายเป็นห่วงลูคัส ไม่เป็นไรหรอกหมอนั่นต้องชนะแน่ ไม่งั้นโรเวนคงไม่เดินหมากแบบนี้” คราวนี้บิชอปหนุ่มหมดความอดทน ลืมตัวตวาดเสียงลั่น “ไม่ใช่ ฉันรู้หรอกน่าว่าหมอนั่นจะไม่แพ้ ฉันแค่รู้สึกสังหรณ์ใจว่า ” ลอเรนซ์รีบหุบปากทันทีที่รู้ตัวว่าเกือบจะ หลุดโพล่งอะไรออกไป ใช่
เขาสังหรณ์ใจมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว อยากจะเตือนแต่ก็ไม่ได้เตือน
แล้วคำประกาศบุกครั้งแรกของฝ่ายป้อมอัศวิน ก็ดังขึ้น “บิชอปขวา เฮชหก ปะทะบิชอป”
สิ้นคำประกาศร่างของบิชอปผมดำก็หายวับจากตำ แหน่งที่เคยยืน มาปรากฏที่ตำแหน่งเฮชหกทันที รอยยิ้มอารมณ์ดีฉายบนดวงหน้าคมเข้ม “ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ผมว่า
รีบๆยอมแพ้ไปจะดีกว่านะครับ”
บิชอปปราสาทขุนนางเหยียดยิ้มหยันกับคำกล่า วนั้น “คนที่น่าจะรีบๆยอมแพ้ไปคือนายต่างหาก”
ลูคัสแกล้งถอนหายใจเฮือก พร้อมกับกล่าว “ผมเตือนแล้วนะครับ” จบคำรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนดวงหน้าคนพูดอีกค รั้ง หากคราวนี้รอยยิ้มนั้นกลับดูน่าสะพรึง จนคู่ต่อสู้สะดุ้งวาบเผลอถอยหลังไปสองก้าว อย่างลืมตัว ก่อนจะหัวเราะเสียงเครียดพร้อมกับดีดนิ้วเ ปาะ
ฉับพลันกองเลือดที่อาบอยู่บนพื้นสนามก็พุ่ งเข้าหาลูคัส พร้อมกับแปรสภาพเป็นผนึกแก้วสีแดงตรึงเท้า ทั้งสองข้างของบิชอปหนุ่มติดแน่นอยู่กับพื้ นสนาม ให้คนถูกตรึงต้องเลิกคิ้วอย่างสงสัย เพราะคู่ต่อสู้ยังไม่ทันร่ายเวทใดๆเลย
และเพียงเสี้ยวเวลาที่เผลอก็มากพอที่จะทำใ ห้คนรอจังหวะอยู่แล้วฉวยโอกาสร่ายเวทเรียก แท่งแก้วปลายแหลมนับร้อยให้ปรากฏขึ้นในอาก าศ ก่อนจะพุ่งตรงเข้าโจมตีเหยื่อที่ถูกตรึงติ ด
ลูคัสรีบดึงกำแพงเวทขึ้นมาสกัด แต่ช้าเกินไป กำแพงเวทที่ไม่สมบูรณ์กันแท่งแก้วได้เพียง บางส่วน ปล่อยให้ที่เหลือพุ่งรี่เข้าใส่ร่างเด็กหนุ่ มที่ขยับหนีไปไหนไม่ได้ แม้ลูคัสจะพยายามเบี่ยงตัวหลบตามวิชาหลีกม ีดบินที่ฝึกมาจนเกือบจะช่ำชอง หากจำนวนที่มากเกินไป ทำให้ไม่อาจหลบพ้น ปลายแหลมของแท่งแก้วกรีดเนื้อเฉือนหนัง ปักฉึกเข้าร่างของบิชอปแห่งป้อมอัศวิน เรียกเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและเลือ ดสีแดงเข้มให้ไหลทะลัก
เจ็บ เจ็บเหลือเกิน แล้วยังกลิ่นคาวเลือด
นี่มันอะไรกัน
ความเจ็บอันแสนทรมานและกลิ่นคาวเลือดที่ชว นคลื่นเหียน
คุณแม่ คุณแม่อยู่ที่ไหน ใครก็ได้ ใครก็ไ ด้ช่วยที
ความคิดเริ่มสับสน สติเริ่มหลุดลอย
ไม่ ไม่อยากตาย ฆ่า ฆ่าก่อนที่จะถูกฆ่า
แล้วซาตานก็ถูกปลุกให้ตื่น
ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าคนดูและผู้เล่ นในสนามกับภาพการโจมตีอันแสนโหดเหี้ยม พลันสิ่งที่น่าตื่นตระหนกยิ่งกว่าก็ปรากฏใ ห้ประจักษ์แก่สายตา เมื่ออยู่ๆการโจมตีทั้งหมดก็ชะงักลง แท่งแก้วที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศร่วงกราว ลงสู่พื้น ผนึกแก้วสีแดงที่พันธนาการเหยื่อผู้เคราะห์ ร้ายแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ และท่ามกลางความเงียบสงบ บรรยากาศในสนามเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ลมที่พัดเอื่อยๆจู่ๆก็กรรโชกแรงราวกับมีพา ยุ กลิ่นอายแห่งความสิ้นหวัง ผิดหวัง เศร้าสร้อย คละเคล้าไปทั่ว ก่อนที่รัศมีของการทำลายล้างจะแผ่กระจาย
ผู้คนรอบสนามพากันสะท้านเยือกกับบรรยากาศที่ ได้สัมผัส ไม่ต้องพูดถึงบิชอปปราสาทขุนนางที่อยู่ใกล้ ต้นตอมากที่สุด บัดนี้เจ้าตัวหยุดเสียงหัวเราะสะใจไปสนิท เพียงได้สบตากับปีศาจตรงหน้าความกลัวก็แล่ นวาบเข้าจับจิตจนแทบบ้า เข่าอ่อนทรุดฮวบลไปกองกับพื้น ร่างกายสั่นระริกด้วยความหวาดผวาและความหน าวยะเยือก
ซาตานยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายตากวาดมองร่างของตนที่บัดนี้ร่องรอยบาด แผลจากการถูกโจมตีได้หายไปหมดสิ้นเหลือเพี ยงคราบเลือดและรอยขาดของเสื้อผ้าอย่างพึงใ จ ก่อนที่นัยน์ตาคู่เข้มจะตวัดไปจ้องเขม็งยั งร่างที่นั่งสั่นงันงกอยู่เบื้องหน้า แล้วรอยยิ้มอันน่าพรั่นพรึงก็ปรากฏที่มุมป าก
“อย่านะ!” เสียงตะโกนดังแหวกอากาศ หากตอนนี้สติของลูคัสไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ ว ร่างกายขยับเพียงเพื่อจุดประสงค์ที่ต้องกา ร
ฆ่าและทำลาย บิชอปซาตานพุ่งพรวดเข้าหาเหยื่อที่อยู่ใกล ้ที่สุดทันที
เหยื่อที่ถูกความกลัวเข้าครอ บงำจนไม่มีแรงจะขยับหนี ไม่มี
แม้กระทั่งเสียงที่ตะโกนขอยอมแพ้ ได้แต่อ้าปากค้างตาเบิกโพล่งรอวาระสุดท้าย ของตน
ในวินาทีแห่งความเป็นความตาย ร่างๆหนึ่งก็โผล่เข้ามาขวางทาง
สวบ!
“อั่กก ” เสียงกระอักเลือดดังขึ้นทันทีที่มือของซาต านหนุ่มทะลวงผ่านร่าง เลือดสีแดงสดไหลปรี่ออกมาจากช่องท้องที่ถู กแทงทะลุอย่างน่าสยดสยองเป็นที่สุด หากคนที่เข้ามาขวางหาได้ใส่ใจจะรักษาบาดแผ ลฉกรรจ์ของตนเองไม่ นัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์คมใสจ้องลึกเข้าไปใน นัยน์ตาคู่คมเข้ม ก่อนจะรวบรวมแรงเค้นเสียงเอ่ยด่าอย่างยากลำ บาก “ไอ้บ้า
ลูคัส
ไอ้
งี่เง่า
ตื่น
ได้
แล้ว
”
ลูคัส ใคร ชื่อเรางั้นเหรอ
คนๆนี้ ใครกัน คุ้นเหลือเกิน
ผมสีทองสว่าง นัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์ ลอเร นซ์
“ลืม ตา ขึ้น มา สิ” ลอเรนซ์กัดฟันกระซิบเรียกอีกฝ่ายเป็นครั้ง สุดท้าย ก่อนสติจะดับวูบลง
---------------------------------------------------------------------
อย่าลืมคอมเม้นต์ให้ด้วยนะ พรีสท!! ขอความกรุณาด้วยค่า! เอ๊ะ...อ่านแล้วเม้นต์ให้ด้วย
ไม่เม้นต์แช่งปนสาปแน่ !! ข้าแมวปีศาจนะ (ล้อเล่นน่า!! )
ผู้แต่ง : มัดหมี่ (ob_ars@hotmail.com)
ประเภท : ชีวิต
ช่วงเวลา : ก่อนภาค 1
เรื่องย่อ : เมื่อซาตาน 'ตื่น' ขึ้นมาอีกครั้ง (ตอนต่อของ U R my Light (Version 1) และ Satan's Diary)
ในความเงียบที่ได้ยินเพียงเสียงหัวใจตัวเอ
ความฝันนั้นอีกแล้วหรือ? ภาพหมู่บ้านที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดตามมาหลอก
สติของเด็กหนุ่มนาม ลูคัส ซาโดเรีย เริ่มกลับมา...
กลับมา...เพื่อประจักษ์กับความจริงตรงหน้า
ความเงียบ...ที่เกิดเพราะผู้คนในสนามกำลัง
บรรยากาศประหลาด...ที่เป็นหลักฐานยืนยันกา
และกลิ่นคาวเลือด...ที่ลอยมาจากร่างไร้สติ
------------------------------
ชิวาส เดเบส นักเรียนปี 1 แห่งป้อมอัศวิน กำลังนั่งหน้าเซ็งอยู่ในห้องพัก ขณะที่สายตาก็เหลือบมองเพื่อนร่วมห้องอีกส
“นายสองคนนี่ตายด้านกันหรือไง พรุ่งนี้พวกเรามีแข่งหมากกระดานเกียรติยศนั
คำบ่นแกมประชดนิดๆที่ไม่มีเสียงตอบรับจากล
“เออ ฉันไปแน่” ชิวาสตอบกระแทกเสียง นึกด่าไอ้เพื่อนบ้าไร้มนุษยสัมพันธ์สองตัว
“มีโรเวนเป็นคนถือป้าย จะตื่นเต้นไปทำไม นิสัยหมอนั่นอาจไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่ถ้าเรื่องความสามารถ...รบภายใต้การนำขอ
“นายมั่นใจในตัวโรเวนขนาดนั้น?” ชิวาสเอ่ยถามอีกครั้ง เด็กหนุ่มทึ่งไม่น้อยกับคำตอบของเพื่อนตรง
ลูคัสขยับรอยยิ้มมากขึ้น พลางบุ้ยใบ้ไปทางเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่ยั
คำตอบที่ทำให้ชิวาสถอนหายใจออกมาดังๆ พร้อมกับกล่าว “ฉันไม่เข้าใจพวกนายสองคนจริงๆนั่นล่ะ เอาเถอะ พูดไปพูดมานายสองคนก็ไม่ไปห้องนั่งเล่นรวม
พอเหลือกันอยู่สองคน ลูคัสก็ละจากกองการบ้าน ลุกเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ข้างๆนักบวชหนุ่ม “นายคิดยังไงกับการแข่งวันพรุ่งนี้”
“ถ้านายอยากคุยเรื่องนี้ทำไมไม่ไปที่ห้องนั่
ลูคัสแย้มรอยยิ้ม ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี “ก็ฉันอยากรู้ความคิดนายไม่ใช่ความคิดคนอื่
เฟี้ยว! ฉึก!!
“ไอ้ที่เรียกอย่างนั้นนี่อยากตายมากใช่มั้
“นั่นไง เห็นมะ” ลูคัสเอ่ยขัดยิ้มๆอย่างคนชนะ เล่นเอานักบวชหนุ่มหันมามองตาขวาง ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องพลังซาตานในตัวนาย”
ชั่วแวบที่ได้ยินคำกล่าวของลอเรนซ์ ใบหน้าคมเข้มดูจะผิดไปจากปกติ หากแล้วรอยยิ้มอารมณ์ดีก็กลับมาเกลื่อนบนด
ลอเรนซ์นับหนึ่งถึงสิบในใจอย่างเพียรจะสงบ
หากลูคัสก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจฟังคำพูดของ
เผียะ! ลอเรนซ์ฟาดไปที่มือของคนอยู่ไม่สุขเต็มแรง
“ง่า...แบบว่าจะขอดูหน่อยน่ะ ฉันสงสัยอยากถามมานานแล้วว่าไอ้นี่มันสำคั
นัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์คู่งามเบือนมาจับที่
ลูคัสมองเพื่อนตรงหน้านิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยเรียกด้วยเสียงแผ่วเบา “ลอเรนซ์ นายโอเคนะ”
คนถูกเรียกสะดุ้งเล็กน้อย รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หากน้ำเสียงที่ใช้เอ่ยยังฟังดูโหวงๆ “แว่นตาอันนี้...เป็นของดูต่างหน้าอาจารย์
แล้วความเงียบอันแสนอึดอัดก็เข้าปกคลุม...
เด็กหนุ่มผมดำมองหน้าอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ ก่อนจะยิ้มบาง “อืม...ฝันดีนะ” แล้วเจ้าตัวก็ลุกไปนอนที่เตียงของตน
------------------------------
ดึกมากแล้ว เสียงกรนเบาๆของชิวาสดังสะท้อนอยู่ในความเ
------------------------------
บรรยากาศในห้องพักนักกีฬาของฝ่ายป้อมอัศวิ
ลูคัส ซาโดเรีย ไอ้เพื่อนตัวดีที่ยิ้มแย้มร่าเริงอยู่เป็น
“ชิวาส สองคนนั่นทะเลาะกันเรื่องอะไรอีกล่ะคราวนี้
เรนเจอร์หนุ่มเกาหัวแกรก ตอบเสียงอ่อย “คือ...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อวานพอฉันกลับถึงห้องพวกมันก็นอนกันไป
โรเวนถอนหายใจกับคำตอบ ก่อนจะเดินไปถามอีกคนที่น่าจะรู้เรื่องมาก
ลอเรนซ์ส่ายหน้าแทนคำตอบอย่างหงุดหงิด “เห็นเป็นมาตั้งแต่เช้าแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้สนใจ” นักบวชหนุ่มเอ่ยเพียงเท่านั้น ไม่ได้อธิบายต่อไปว่าที่ไม่ได้สนใจน่ะ เป็นเพราะตัวเองก็พยายามหลบหน้าอีกฝ่ายอยู่
เจ้าชายหนุ่มพิจารณาท่าทีของเพื่อนตรงหน้า
“อืม” ลอเรนซ์รับคำ ก่อนจะหันไปมองภาระที่ถูกฝากไว้ตาเขียว ...ไอ้คนที่ซึมมันควรเป็นเขาไม่ใช่เรอะ เพราะหมอนั่นดันถามอะไรไม่รู้จักดูตาม้าตา
นักบวชหนุ่มคิดพลางเดินเข้าไปหาคนที่นึกด่
ลูคัสเงยขวับขึ้นมามองหน้าคนพูดทันที “นายไม่โกรธฉัน” คำกล่าวที่คนควรโกรธต้องเลิกคิ้วอย่างสงสั
“เปล่าๆ นายไม่โกรธก็ดีแล้ว” ลูคัสแย้มรอยยิ้มออกมา ท่าทางร่าเริงขึ้นทันตา “ดูสิ นายว่าฉันใส่ชุดนักบวชขึ้นไหม ฉันว่าเท่ห์อย่าบอกใครเลยล่ะ”
ท่าทีที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือขอ
------------------------------
และแล้วประตูห้องพักนักกีฬาก็ถูกเปิดออก พร้อมกับการก้าวเข้ามาของเจ้าชายโรเวนและเ
“ระวังตัวล่ะ” คำพูดที่คาดไม่ถึงว่าจะหลุดออกมาจากปากนัก
แล้วหมากกระดานเกียรติยศนัดสำคัญก็เริ่มต้
------------------------------
“น่าเสียดายที่นายไม่ได้ลงแข่งนะ โรเวน” เสียงทักทายลอยมาเข้าหูขณะที่เจ้าชายแห่งเ
“เป็นผู้เดินหมาก ไม่ใช่ไม่ลงแข่ง” โรเวนเอ่ยโต้ นัยน์ตาสีน้ำเงินคู่สวยฉายแววเย็นเยือกขณะ
รอยยิ้มหยันปรากฏบนใบหน้าเจ้าชายใจสิงห์ “หากฉันพอใจที่ไหนก็เหมือนกัน นายเองก็อย่ารีบแพ้ซะล่ะ ฉันจะรอชมฝีมือ...อยู่ที่ฝั่งป้อมอัศวิน”
------------------------------
“เบี้ยสี่ ดีสาม” เสียงประกาศเปิดกระดานของปราสาทขุนนางดังขึ้
“เบี้ยแปด เฮชหก” โรเวนเองก็สั่งเดินตาแรกอย่างไม่รอช้า ทำเอาเพื่อนร่วมรุ่นหลายคนต้องเลิกคิ้วด้ว
“โรเวนเร่งเกมจนน่าแปลก” ไธนอสเปรยขึ้นเรียบๆ
“กระดานเปิดแบบนี้ ตาต่อไปไม่พ้นต้องมีการปะทะแน่ เพียงแต่ฝ่ายโน้นจะกล้ารับคำท้ารึเปล่าเท่
ไม่ทันขาดคำ คำสั่งบุกจากปราสาทขุนนางก็ดังขึ้น “บิชอปซ้าย เฮชหก ปะทะเบี้ยแปด”
“โรเวนเอ๊ย ส่งหมูเข้าปากหมาแท้ๆ เบี้ยจะเอาอะไรไปสู้บิชอป” ชิวาส เดเบส ม้าซ้ายแห่งป้อมอัศวินร้องออกมาอย่างอดไม่
“อ๊ากกกก...” เสียงร้องโหยหวนจากเบี้ยหมายเลขแปดผู้โชคร้
แต่ความตื่นเต้นยังไม่หมดไป เมื่อตำแหน่งหมากบนกระดานเวลานี้ เปิดว่างให้บิชอปสองฝ่ายได้เผชิญหน้ากัน
“ลอเรนซ์ นายเป็นอะไรรึเปล่า สีหน้าดูไม่ดีเลย” คำเอ่ยทักจากหญิงสาว ที่บิชอปหนุ่มปฏิเสธเสียงห้วน “เปล่า”
“เห็นเพื่อนเลือดโชกแบบนั้น จะรู้สึกแย่ก็ไม่แปลกหรอก” อีกเสียงกล่าวขึ้น ให้ลอเรนซ์ต้องปฏิเสธอีกครั้ง “ไม่ใช่”
“หรือว่านายเป็นห่วงลูคัส ไม่เป็นไรหรอกหมอนั่นต้องชนะแน่ ไม่งั้นโรเวนคงไม่เดินหมากแบบนี้” คราวนี้บิชอปหนุ่มหมดความอดทน ลืมตัวตวาดเสียงลั่น “ไม่ใช่ ฉันรู้หรอกน่าว่าหมอนั่นจะไม่แพ้ ฉันแค่รู้สึกสังหรณ์ใจว่า ” ลอเรนซ์รีบหุบปากทันทีที่รู้ตัวว่าเกือบจะ
แล้วคำประกาศบุกครั้งแรกของฝ่ายป้อมอัศวิน
สิ้นคำประกาศร่างของบิชอปผมดำก็หายวับจากตำ
บิชอปปราสาทขุนนางเหยียดยิ้มหยันกับคำกล่า
ลูคัสแกล้งถอนหายใจเฮือก พร้อมกับกล่าว “ผมเตือนแล้วนะครับ” จบคำรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนดวงหน้าคนพูดอีกค
ฉับพลันกองเลือดที่อาบอยู่บนพื้นสนามก็พุ่
และเพียงเสี้ยวเวลาที่เผลอก็มากพอที่จะทำใ
ลูคัสรีบดึงกำแพงเวทขึ้นมาสกัด แต่ช้าเกินไป กำแพงเวทที่ไม่สมบูรณ์กันแท่งแก้วได้เพียง
เจ็บ เจ็บเหลือเกิน แล้วยังกลิ่นคาวเลือด
ความเจ็บอันแสนทรมานและกลิ่นคาวเลือดที่ชว
คุณแม่ คุณแม่อยู่ที่ไหน ใครก็ได้ ใครก็ไ
ความคิดเริ่มสับสน สติเริ่มหลุดลอย
ไม่ ไม่อยากตาย ฆ่า ฆ่าก่อนที่จะถูกฆ่า
แล้วซาตานก็ถูกปลุกให้ตื่น
ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าคนดูและผู้เล่
ผู้คนรอบสนามพากันสะท้านเยือกกับบรรยากาศที่
ซาตานยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายตากวาดมองร่างของตนที่บัดนี้ร่องรอยบาด
“อย่านะ!” เสียงตะโกนดังแหวกอากาศ หากตอนนี้สติของลูคัสไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้
ในวินาทีแห่งความเป็นความตาย ร่างๆหนึ่งก็โผล่เข้ามาขวางทาง
สวบ!
“อั่กก ” เสียงกระอักเลือดดังขึ้นทันทีที่มือของซาต
ลูคัส ใคร ชื่อเรางั้นเหรอ
คนๆนี้ ใครกัน คุ้นเหลือเกิน
ผมสีทองสว่าง นัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์ ลอเร
“ลืม ตา ขึ้น มา สิ” ลอเรนซ์กัดฟันกระซิบเรียกอีกฝ่ายเป็นครั้ง
---------------------------------------------------------------------
อย่าลืมคอมเม้นต์ให้ด้วยนะ พรีสท!! ขอความกรุณาด้วยค่า! เอ๊ะ...อ่านแล้วเม้นต์ให้ด้วย
ไม่เม้นต์แช่งปนสาปแน่ !! ข้าแมวปีศาจนะ (ล้อเล่นน่า!! )
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น