แง้มกะลาการทำงาน
ผู้อ่านคงเคยได้ยินหรือได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับการตั้งเป้าหมาย หรือความพยายามไปให้ถึงเป้าหมายนั้น โดยการเลือกของแต่ละคนก็เป็นเรื่องของการตัดสินใจ ขึ้นอยู่กับทางเลือก เวลาที่มี และข้อจำกัดสิ่งแวดล้อมในการใช้ชีวิตที่ต่างกัน
ผู้เข้าชมรวม
185
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
แง้มกะลาการทำงาน
ผู้อ่านคงเคยได้ยินหรือได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับการตั้งเป้าหมาย หรือความพยายามไปให้ถึงเป้าหมายนั้น โดยการเลือกของแต่ละคนก็เป็นเรื่องของการตัดสินใจ ขึ้นอยู่กับทางเลือก เวลาที่มี
และข้อจำกัดสิ่งแวดล้อมในการใช้ชีวิตที่ต่างกัน โดยส่วนมากแล้วจะเขียนถึงการพยายามให้เราคิดใหญ่ นอกกรอบ ตั้งมั่นที่จะเดินทางไปโดยมีจุดหมาย ซึ่งผู้เขียนคิดว่าการตั้งเป้าหมายนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่คนๆหนึ่งจะประสบความสำเร็จ ในที่นี้ผู้เขียนคงไม่เขียนถึงวีธีการตั้งเป้าหมายมากนัก ว่าการตั้งเป้าหมายที่ดีนั้นเป็นอย่างไร เพราะมีหนังสือดีๆ หลายเล่มวางขายอยู่ในท้องตลาดแล้ว
หลายๆคนที่อ่านบทความนี้ส่วนมากคงเป็นนักเรียน (และยังเป็นนักเรียน ม.ปลาย ด้วย) ถ้าใครที่ขึ้น ม.6 แล้วคงยิ่งต้องรีบคิดเป้าหมายระยะสั้น ในการเลือกคณะที่ตัวเองอยากเรียน ผู้เขียนอยากแนะนำว่า เราควรตัดสินใจให้ดี ควรรู้จริงๆว่าคณะนั้นเรียนอะไร จบไปทำงานลักษณะไหน
เพราะมีเด็กมหาวิทยาลัยจำนวนไม่น้อยเลยที่ยังไม่รู้ตัวเองเลยที่ตัวเองเรียนมาชอบหรือไม่ ที่ตัวเองเลือกมานั้นถูกต้องแน่หรือ หรือที่เรียนอยู่นั้นไม่รู้สึกชอบไม่มีความสุข แต่ก็ไม่กล้าที่จะซิ่ว
ส่วนมากนั้นการตั้งเป้าหมายไม่ว่าคนหนึ่งคนจะตั้งไว้กี่เป้าหมาย หนึ่งในนั้นจะต้องมีเป้าหมายเกี่ยวกับเรื่องเงินอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็น ต้องมีเงินเก็บ 1 ล้านบาทก่อนอายุ 27 ปี การมีเงินเดือน 5 หมื่นบาทก่อนอายุ 30 การอยากมีเงินไปลงทุนสร้างธุรกิจร้านกาแฟของตัวเองเป็นเงินจำนวน 5 แสนบาท เป็นต้น แต่ในการที่จะทำให้เงินงอกเงยได้นั้น ผู้เขียนคิดว่ามีอยู่ 2 แบบด้วยกัน
1. การทำงานด้วยแรงและสมอง นั่นก็คืออาชีพของเรา หรือ ธุรกิจส่วนตัวที่เราเป็นคนบริหารจัดการเอง ซึ่งอาชีพอาจจะมาจากคณะที่เรียนจบ ที่ผู้อ่านกำลังจะตัดสินใจเลือก ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
2. การทำงานด้วยสมองอย่างเดียว หรือก็คือการใช้เงินทำงานแทนเรา เราไม่ต้องใช้แรงใดๆ เงินก็งอกเงยขึ้นมาเพิ่มขึ้นมาได้
ทุกวันนี้เศรษฐกิจข้าวยากน้ำมันแพงเหลือเกิน ขึ้นราคาได้แทบทุกอาทิตย์ภาวะเงินเฟ้อทำให้อำนาจการซื้อของเราลดลง การนำเงินไปฝากธนาคารไว้เฉยๆ แล้วกินดอกเบี้ยเพียง 0.75-3 %
ต่อปีนั้นเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก เงินของพวกเราจะถูกภาวะเงินเฟ้อทำให้อำนาจซื้อตกลงไปทุกวัน มูลค่าเงินของเราในอนาคตจะลดลงอย่างน่าใจหาย ผู้เขียนคงไม่ต้องยกตัวอย่างอะไรมากนักเพราะเห็นๆกันอยู่ การใช้เงินทำงานแทนเรา ผู้เขียนคิดว่าเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก เพราะเราไม่ต้องทำงานเอง เพียงแต่รู้จักความรู้ทางการเงินก็สามารถนำเงินมาทำงานแทนได้ ผู้อ่านหลายคนคงเคยได้ยินว่าวิธีส่วนมากจะเป็นการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่มันก็ไม่ได้มีแค่หุ้นเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันมีเครื่องมือทางการเงินอื่นๆอีกหลายอย่าง เช่น การลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์ ทองคำ กองทุนรวม อัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น
ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว การลงทุนของคนส่วนใหญ่ก็คือการฝากธนาคาร เพราะได้รับกินดอกเบี้ยเฉยๆ ก็เพียงพอสบายแล้ว ( 10 % ขึ้นไป) ทำให้การใช้ชีวิตไม่น่าตื่นเต้นแค่ฝากเงินไว้ที่ธนาคารเฉยๆ
หลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง โปรด.....” ดังนั้นเราก็ควรที่จะตั้งใจที่จะศึกษาอย่างจริงๆจังๆสักที แล้วท่านจะพบว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด มันไม่ใช่การพนัน ไม่ต้องเรียนบริหารมา ก็เข้าใจได้ และมันสามารถเพิ่มมูลค่าเงินให้สูงขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเราตั้งใจเรียนรู้ก่อนการลงทุน
การที่ผู้อ่านได้รู้จักและได้เรียนรู้ตั้งแต่อายุยังน้อย ถือได้ว่าเป็นความได้เปรียบมากเลยทีเดียว เพราะสามารถรับความเสี่ยงได้มาก (เงินต้นอาจจะลดลงได้นั่นเอง) แต่อย่าเพิ่งตกใจ ไม่ได้หมายความว่าการลงทุน ตั้งแต่อายุยังน้อยจะทำให้เราขาดทุน หรือสามารถขาดทุนได้สูงโดยไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าผู้อ่านเกิดขาดทุนขึ้นมา ก็ยังสามารถมีแรงทำงานเก็บเงินมาลงทุนใหม่ได้ในอนาคตอีกนาน อย่างที่บอกไปแล้วการลงทุนไม่ใช่การพนัน โอกาสไม่ได้มีแค่ 50 : 50 แต่จะเป็นเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราตั้งใจเรียนรู้ขนาดไหน (เราสามารถเรียนรู้ได้หลายแห่งไม่ว่าจากหนังสือและเวปไซค์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้อย่างง่ายๆ)
ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนสามารถเกิดขึ้นได้หลายกรณีในรอบระยะเวลาหนึ่งๆ อาจจะเป็นขาดทุนไปจนถึงได้กำไรหลายเท่า ขึ้นอยู่กับการตั้งใจเรียนรู้และจังหวะการลงทุน
สิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากการออมเงินโดยฝากธนาคารเฉยๆก็คือการออมเป็นเรื่องของระยะเวลา คือยิ่งนานเท่าไรยิ่งดียิ่งมั่นคงส่วนจะมีอิสรภาพทางการเงินหรือเปล่านั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การลงทุนเป็นเรื่องของจังหวะเวลา การนำเงินไปลงทุนสิ่งใดนานๆ ไม่ได้หมายความว่าเงินจะงอกเงยมากขึ้นเสมอไป
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าเรื่องการลงทุนเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยเลย อย่างน้อยถ้าเราได้เรียนรู้ไว้ ก็อาจจะมีประโยชน์ต่อไปในอนาคตก็เป็นได้ เครื่องมือทางการเงินนั้นก็มีหลายอย่าง เราควรจะค้นหาตัวเองว่าเราชอบรูปแบบการลงทุนแบบใด เพื่อที่จะเลือกเครื่องมือที่จะตัดสินใจลงทุนนั้นได้อย่างถูกจังหวะเวลา
ผลงานอื่นๆ ของ CU_SIFE ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ CU_SIFE
ความคิดเห็น