แง้มกะลาการทำงาน - แง้มกะลาการทำงาน นิยาย แง้มกะลาการทำงาน : Dek-D.com - Writer

    แง้มกะลาการทำงาน

    ผู้อ่านคงเคยได้ยินหรือได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับการตั้งเป้าหมาย หรือความพยายามไปให้ถึงเป้าหมายนั้น โดยการเลือกของแต่ละคนก็เป็นเรื่องของการตัดสินใจ ขึ้นอยู่กับทางเลือก เวลาที่มี และข้อจำกัดสิ่งแวดล้อมในการใช้ชีวิตที่ต่างกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    185

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    185

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 พ.ค. 51 / 23:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      แง้มกะลาการทำงาน

                      ผู้อ่านคงเคยได้ยินหรือได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับการตั้งเป้าหมาย  หรือความพยายามไปให้ถึงเป้าหมายนั้น  โดยการเลือกของแต่ละคนก็เป็นเรื่องของการตัดสินใจ  ขึ้นอยู่กับทางเลือก  เวลาที่มี

      และข้อจำกัดสิ่งแวดล้อมในการใช้ชีวิตที่ต่างกัน  โดยส่วนมากแล้วจะเขียนถึงการพยายามให้เราคิดใหญ่  นอกกรอบ  ตั้งมั่นที่จะเดินทางไปโดยมีจุดหมาย  ซึ่งผู้เขียนคิดว่าการตั้งเป้าหมายนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด  ที่คนๆหนึ่งจะประสบความสำเร็จ  ในที่นี้ผู้เขียนคงไม่เขียนถึงวีธีการตั้งเป้าหมายมากนัก  ว่าการตั้งเป้าหมายที่ดีนั้นเป็นอย่างไร  เพราะมีหนังสือดีๆ หลายเล่มวางขายอยู่ในท้องตลาดแล้ว

                      หลายๆคนที่อ่านบทความนี้ส่วนมากคงเป็นนักเรียน (และยังเป็นนักเรียน ม.ปลาย ด้วย)  ถ้าใครที่ขึ้น ม.6 แล้วคงยิ่งต้องรีบคิดเป้าหมายระยะสั้น  ในการเลือกคณะที่ตัวเองอยากเรียน  ผู้เขียนอยากแนะนำว่า  เราควรตัดสินใจให้ดี  ควรรู้จริงๆว่าคณะนั้นเรียนอะไร  จบไปทำงานลักษณะไหน

      เพราะมีเด็กมหาวิทยาลัยจำนวนไม่น้อยเลยที่ยังไม่รู้ตัวเองเลยที่ตัวเองเรียนมาชอบหรือไม่  ที่ตัวเองเลือกมานั้นถูกต้องแน่หรือ  หรือที่เรียนอยู่นั้นไม่รู้สึกชอบไม่มีความสุข  แต่ก็ไม่กล้าที่จะซิ่ว

                      ส่วนมากนั้นการตั้งเป้าหมายไม่ว่าคนหนึ่งคนจะตั้งไว้กี่เป้าหมาย  หนึ่งในนั้นจะต้องมีเป้าหมายเกี่ยวกับเรื่องเงินอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็น  ต้องมีเงินเก็บ 1 ล้านบาทก่อนอายุ 27 ปี  การมีเงินเดือน 5 หมื่นบาทก่อนอายุ 30  การอยากมีเงินไปลงทุนสร้างธุรกิจร้านกาแฟของตัวเองเป็นเงินจำนวน 5 แสนบาท เป็นต้น  แต่ในการที่จะทำให้เงินงอกเงยได้นั้น  ผู้เขียนคิดว่ามีอยู่ 2 แบบด้วยกัน

                                      1. การทำงานด้วยแรงและสมอง  นั่นก็คืออาชีพของเรา  หรือ ธุรกิจส่วนตัวที่เราเป็นคนบริหารจัดการเอง  ซึ่งอาชีพอาจจะมาจากคณะที่เรียนจบ  ที่ผู้อ่านกำลังจะตัดสินใจเลือก ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

                                      2. การทำงานด้วยสมองอย่างเดียว  หรือก็คือการใช้เงินทำงานแทนเรา  เราไม่ต้องใช้แรงใดๆ เงินก็งอกเงยขึ้นมาเพิ่มขึ้นมาได้

       

                      ทุกวันนี้เศรษฐกิจข้าวยากน้ำมันแพงเหลือเกิน  ขึ้นราคาได้แทบทุกอาทิตย์ภาวะเงินเฟ้อทำให้อำนาจการซื้อของเราลดลง  การนำเงินไปฝากธนาคารไว้เฉยๆ แล้วกินดอกเบี้ยเพียง 0.75-3 %

      ต่อปีนั้นเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก  เงินของพวกเราจะถูกภาวะเงินเฟ้อทำให้อำนาจซื้อตกลงไปทุกวัน  มูลค่าเงินของเราในอนาคตจะลดลงอย่างน่าใจหาย  ผู้เขียนคงไม่ต้องยกตัวอย่างอะไรมากนักเพราะเห็นๆกันอยู่  การใช้เงินทำงานแทนเรา  ผู้เขียนคิดว่าเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก  เพราะเราไม่ต้องทำงานเอง  เพียงแต่รู้จักความรู้ทางการเงินก็สามารถนำเงินมาทำงานแทนได้  ผู้อ่านหลายคนคงเคยได้ยินว่าวิธีส่วนมากจะเป็นการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  แต่มันก็ไม่ได้มีแค่หุ้นเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันมีเครื่องมือทางการเงินอื่นๆอีกหลายอย่าง เช่น  การลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์ ทองคำ กองทุนรวม อัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น 

                      ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว  การลงทุนของคนส่วนใหญ่ก็คือการฝากธนาคาร  เพราะได้รับกินดอกเบี้ยเฉยๆ ก็เพียงพอสบายแล้ว ( 10 % ขึ้นไป) ทำให้การใช้ชีวิตไม่น่าตื่นเต้นแค่ฝากเงินไว้ที่ธนาคารเฉยๆ

                      หลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า การลงทุนมีความเสี่ยง โปรด..... ดังนั้นเราก็ควรที่จะตั้งใจที่จะศึกษาอย่างจริงๆจังๆสักที แล้วท่านจะพบว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด มันไม่ใช่การพนัน ไม่ต้องเรียนบริหารมา ก็เข้าใจได้ และมันสามารถเพิ่มมูลค่าเงินให้สูงขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเราตั้งใจเรียนรู้ก่อนการลงทุน

                      การที่ผู้อ่านได้รู้จักและได้เรียนรู้ตั้งแต่อายุยังน้อย ถือได้ว่าเป็นความได้เปรียบมากเลยทีเดียว  เพราะสามารถรับความเสี่ยงได้มาก (เงินต้นอาจจะลดลงได้นั่นเอง) แต่อย่าเพิ่งตกใจ ไม่ได้หมายความว่าการลงทุน ตั้งแต่อายุยังน้อยจะทำให้เราขาดทุน หรือสามารถขาดทุนได้สูงโดยไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าผู้อ่านเกิดขาดทุนขึ้นมา ก็ยังสามารถมีแรงทำงานเก็บเงินมาลงทุนใหม่ได้ในอนาคตอีกนาน อย่างที่บอกไปแล้วการลงทุนไม่ใช่การพนัน โอกาสไม่ได้มีแค่ 50 : 50 แต่จะเป็นเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราตั้งใจเรียนรู้ขนาดไหน (เราสามารถเรียนรู้ได้หลายแห่งไม่ว่าจากหนังสือและเวปไซค์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้อย่างง่ายๆ)

                      ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนสามารถเกิดขึ้นได้หลายกรณีในรอบระยะเวลาหนึ่งๆ อาจจะเป็นขาดทุนไปจนถึงได้กำไรหลายเท่า  ขึ้นอยู่กับการตั้งใจเรียนรู้และจังหวะการลงทุน

      สิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากการออมเงินโดยฝากธนาคารเฉยๆก็คือการออมเป็นเรื่องของระยะเวลา  คือยิ่งนานเท่าไรยิ่งดียิ่งมั่นคงส่วนจะมีอิสรภาพทางการเงินหรือเปล่านั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การลงทุนเป็นเรื่องของจังหวะเวลา การนำเงินไปลงทุนสิ่งใดนานๆ ไม่ได้หมายความว่าเงินจะงอกเงยมากขึ้นเสมอไป 

                      จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าเรื่องการลงทุนเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยเลย อย่างน้อยถ้าเราได้เรียนรู้ไว้ ก็อาจจะมีประโยชน์ต่อไปในอนาคตก็เป็นได้ เครื่องมือทางการเงินนั้นก็มีหลายอย่าง เราควรจะค้นหาตัวเองว่าเราชอบรูปแบบการลงทุนแบบใด เพื่อที่จะเลือกเครื่องมือที่จะตัดสินใจลงทุนนั้นได้อย่างถูกจังหวะเวลา

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×