ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Lost Memory : SUNIRRAVRAF-ANIRALC
Name : Beginning of forgotten - จุดเริ่มต้นแห่งการลืมเลือน
From : To the Beginning's Project
Author : Ct11359
Chapter All : Memory
Chapter : Lost Memory : SUNIRRAVRAF-ANIRALC
Note : จุดเริ่มต้นของทุกๆคนนั้นมาจากแห่งใด
จุดจบนั้นก็อยู่ที่เดิม...ไม่แปรเปลี่ยนไปนักหรอก
Lost Memory : SUNIRRAVRAF-ANIRALC
...เขามักเอาแต่ครุ่นคิด เขามักเอาแต่สงสัย...
...ว่าเหตุใดจึงลบภาพของเธอคนหนึ่งไปไม่ได้เลย?...
...ไม่ว่ามันจะผ่านมานานขนาดไหน แต่เขาก็รู้ดีเสมอ...
...ไม่ว่ามันจะแตกต่างกันมากมายเพียงไหน เขาก็ยังเอาแต่นึกตระหนัก...
...ว่าแท้ที่จริงแล้ว ห้องหัวใจทั้งสี่นี้ล้วนแต่เคยได้รับการเติมเต็มมาจากใครคนหนึ่งแล้วทั้งสิ้น...
...รักแรก ของเขา...
ราชาเอลฟ์แห่งนครเอลฟ์ฟอนัส คือยอดชายหนุ่มผู้เลื่องลือที่ถูกขนานนามกาลไกลในด้านของความรัก
ความรักต่อผืนพงไพร...แดนดินถิ่นฐานซึ่งคือบ้านเมืองของเขา อาณาจักรที่เขาล้วนได้กำเนิดและอาศัย
ความรักต่อครอบครัว...ครอบครัวผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูตัวเขามา ความรัก...ความอบอุ่นที่ได้รับมานั้นช่างมากมาย
ความรักอันยั่งยืนต่อสตรีผู้เป็นรักแรก...รักที่เปรียบเสมือนแสงดาวแห่งท้องนภา และได้จากลาลับไปตามเส้นทางที่แตกต่างและได้เลือกสรร
ความรักอันมั่นคงต่อสตรีผู้อยู่เคียงข้าง...ผู้ที่เปรียบเหมือนพื้นพสุธาอันมั่นคงหนักแน่น พสุธาอันเป็นรากฐานให้เหล่าต้นกล้าเติบใหญ่อย่างงดงาม
ความรักใคร่แด่เหล่าผองเพื่อน...มิตรสหายทั้งก่อนและหลังขึ้นรับตำแหน่ง เขาล้วนยังคงจดจำถึงสหายตนได้ดี แม้ว่าจะมีใครสูญสิ้นไป...หากแต่เขาจะจารึกถ้อยนามเหล่านั้นเอาไว้ตราบนิรันด์
ความรักและเป็นห่วงต่อเหล่าประชาชนแห่งอาณาจักร...เพื่อความสุขสงบอันแท้จริงจึงคอยเฝ้าดูแล เพื่อรอยยิ้มจึงคอยเฝ้าพัฒนา เพื่อชนเหล่ารุ่นหลังจึงคอยเฝ้าพร่ำสอน
เขาคือบุคคลผู้เปี่ยมรัก...ผู้ส่งมอบความรักออกไปอย่างชาญฉลาด
“ในวันนี้...ชาวเราทั้งหลายล้วนมารวมตัวกัน ณ สถานแห่งนี้ เพื่อเป็นสักขีพยานแด่กษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของชาวเรา”
ชาวเอลฟ์ทั้งหลายต่างรู้ดี ว่าราชาของพวกตนนั้นคือผู้เป็นเลิศในการปกครองดูแลอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ไม่แพ้ผืนแผ่นทวีปแคว้นใหญ่ในโลกหล้า ทุกสิ่งล้วนมาจากความพยายามอย่างเต็มที่ของชายหนุ่ม
...ตามคำสัญญานิรันด์ซึ่งเคยมอบให้กับรักแรกของเขา...
ราชาแห่งนครเอลฟ์ฟอนัสนั้นยังคงยึดมั่นในรักแรกของตนมาเสมอ นับแต่จบการศึกษา...รับการสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์...จวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้ เขาก็ยังเอาแต่ปฏิเสธการสมรสแต่งงานกับหญิงใด ทุ่มเทเวลาทั้งหลายเพื่อประชาชนกับอาณาจักร...ตลอดเวลาเกือบหนึ่งร้อยยี่สิบปีมานี้
...ที่นั่งข้างกายในตำแหน่งองค์ราชินียังว่างเว้น มีเพียงเขานั่งเดียวดายลำพังมาตลอด...
ราชาของพวกเขาแสดงท่าทีปกติสุขทุกครายามถูกถามไถ่เรื่องตำแหน่งที่ว่างเว้น แม้ไม่เคยปริปากเล่าบอกแก่ใคร แต่คนในครอบครัวและสหายของเขาส่วนใหญ่ต่างรู้ดีว่าทำไม รู้ดีว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้มันยังคงว่างอยู่เช่นนั้น
ความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธความรักช่างดูน้อยนิด เมื่อเทียบกับการได้รักและไม่สามารถเดินทางร่วมเคียงกันได้ตลอด...รักครั้งแรกของเขาจำต้องจบลงเพราะเหตุผลนั้น จบลงไปทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ร่ำลา
“ท่านจะรับ...หญิงคนนี้เป็นภรรยาหรือไม่ สัญญาจะรักมั่น ปกป้องดูแลอีกฝ่าย...จนกว่าชีวิตจะหาไม่”
“รับครับ”
...บางทีชีวิตอาจไม่ได้สวยงาม เช่นดั่งตอนจบในนิทาน...
เขาเคยได้ยินประโยคนี้มาสองครั้ง ...ครั้งแรกในตอนเรียนปีหกจากเพื่อนสนิทเพียงหนึ่ง เขาคนนั้นเคยบอกเอาไว้...ก่อนที่จะจากไป จากไปไกลแสนไกล...ในโลกหลังความตายที่เจ้าตัวบอกเล่า ส่วนครั้งที่สอง...เขาได้ยินมาจากสตรีคนหนึ่ง
สตรีผู้ซึ่งกำลังจะมาเป็นองค์ราชินีแห่งอาณาจักรพงไพรข้างกายตน
เขาไม่ได้รักเธอคนนี้แบบหมดใจ...แบบหลงใหลเหมือนรักแรก เขารักเธอเพราะเธอแข็งแกร่ง...เข้มแข็งและมุ่งมั่นมากกว่าจะบอกเล่า หากจะให้เขาเปรียบเปรย รักแรกคงเปรียบเหมือนดวงดาวบนนภา ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง ในขณะที่ครั้งนี้นั้น เปรียบเหมือนพื้นดินอันมั่นคง รวมถึงสามารถก้าวเดินเคียงข้างกันไปได้
เธอเคยเป็นหนึ่งในสหายชาวเอลฟ์ที่สนิทกับเขามากที่สุด และเธอก็รู้ดีเสมอว่าตัวเขายึดติดกับรักแรกเพียงไหน แต่เธอก็ยังคอยให้กำลังใจ สนับสนุนเคียงข้างเรื่อยมา จากเพื่อนสู่คนสนิท จากคนสนิทสู่ที่ปรึกษา และจากที่ปรึกษาสู่ราชินี นั่นคือสิ่งที่เธอเป็น
“ท่านจะรับ...ชายคนนี้เป็นสามีหรือไม่ สัญญาว่าจะคอยช่วยเหลือ ประคับประคองกัน รักมั่นในตัวของอีกฝ่าย...จนกว่าชีวิตจะหาไม่”
“รับค่ะ”
...นี่คือพิธีวิวาห์...ซึ่งจัดขึ้นเพื่อทั้งสอง...
ดวงเนตรเรียวเงยประสานจับจ้องมองไปยังดวงตาอีกคู่ซึ่งมองมา หญิงสาวกำลังจับจ้องมายังตัวเขาพลางส่งรอยยิ้มบางมาให้ ราวกับจะเอ่ยบอกว่าไม่เป็นไร...ทุกๆสิ่งจะต้องเรียบร้อยดี มันคงแปลกหากเขาไม่ตอบโต้หรือแสดงท่าทีว่าตนรับรู้ เขาจึงพยักหน้ารับ...โดยไม่ลืมยิ้มตอบกลับไป
...ใช่แล้ว ทุกๆสิ่งจะต้องเรียบร้อยดี...
...เพราะว่านี่เป็นหนทางที่เขาได้ตัดสินใจเอง...
เราไม่เสียใจเลย...เพราะมันคือสิ่งที่เราเลือก ย้ำเตือนเช่นนี้กับตนเสมอ ท่องมันเอาไว้ให้ขึ้นใจ นายไม่สามารถหันหลังกลับได้แล้ว โอกาสปฏิเสธมันหมดลงตั้งแต่ตอนที่เขาเลือกทางเดินของตนเองแล้ว เขาไม่เคยเสียใจ...และจะไม่เสียใจในการเลือกครั้งนี้ของเขา
หมับ!
มือบางหากแต่สากหยาบตามประสาเอลฟ์นักรบสาวเอื้อมเข้ามากอบกุมมือของเขาเอาไว้ แรงบีบเบาๆซึ่งส่งผ่านพร้อมไออุ่นทำให้เขาสบายใจขึ้นอย่างแปลกประหลาด ‘ไม่เป็นไรหรอก...ไม่เป็นไร อะไรๆจะต้องเรียบร้อย ใช่ไหมล่ะ?’ กระแสโทรจิตอุ่นวาบแล่นปราดเข้ามา พร่ำบอกกับเขา
‘ใช่แล้ว...ทุกสิ่งจะต้องเรียบร้อยดี’ นึกคิดก่อนจะส่งมอบรอยยิ้มสว่างไสวกลับไปเป็นคำขอบคุณ ทั้งสองสบตากันเพียงนิดแล้วจึงหันไปยังท่านบาทหลวง เขาเลื่อนแผ่นกระดาษในมือเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไปออกมา
“เช่นนั้น...พ่อขอประกาศให้เจ้าทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน”
สิ้นคำ...เสียงเฮของเหล่าผู้มาร่วมงงานและประชาชนพากันดังกระหึ่มขึ้นมา คู่บ่าวสาวบนแท่นพิธีหันหน้าเข้าหากัน แหวนทั้งสองวงถูกสวมใส่เพื่อเป็นหลักฐานอันสำคัญยิ่ง มือเลื่อนขึ้นโอบกอดด้วยความยินดี ประทับริมฝีปากแก่กันและกัน ท่ามกลางสายตาแห่งความปิติยินดีของทุกๆฝ่าย
ยินดี...ความรู้สึกในใจของเขาตอนนี้เรียกแบบนี้คงไม่ผิดอะไรนัก
...ใช่แล้ว ทุกๆสิ่งจะต้องเรียบร้อยดี พร้อมกับมีความสุขอันนิรันด์...
ราชาแห่งนครเอลฟ์ฟอนัสรู้สึกคิดถึงสหายคนสำคัญ ยามได้สดับฟังบทเพลงนี้ มันเป็นเพลงที่เพื่อนสนิทผู้ล่ วงลับชื่นชอบร้อง ท่วงทำนองแห่งการลาจาก...บทเพลงแห่งฟาราเวล บทเพลงอันเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ชื่นชมโลกสีเทา
มันไม่ใช่บทเพลงอันสมควรแก่การขับขานบรรเลงในพิธีวิวาห์อันศักดิ์สิทธิ์ ไม่เหมาะแม้แต่จะขับร้องในแดนดินของชาวเอลฟ์ เขารู้ดีว่าตนสมควรกระทำสิ่งใด หรือไม่สมควรกระทำสิ่งใดในยามนี้ เพราะแบบนั้น...เขาจึงรอให้เวลาพ้นผ่านไปเกือบสัปดาห์ รอจนกว่าตารางงานจะว่างเว้น เมื่อทุกสิ่งลงตัวก็เก็บตัวอยู่ภายใน และเริ่มค้นหาสิ่งสุดท้ายที่อีกฝ่ายทิ้งเอาไว้ให้
สมุดบันทึกถ้อยความ...และอลอรินแห่งเสียงเพลง นั่นคือสิ่งที่เขาได้รับมาจากเพื่อนของเขา
“ท่วงทำนองแห่งฟาราเวล...ยามได้รับฟังสักกี่ครา ก็รั้งพาแต่เศร้าใจเสียจริงนะคะ”
“เพราะเหตุนั้น...เราชาวเอลฟ์จึงไม่นิยมชมชอบในบทเพลงนี้นัก มันขัดต่อเหตุผลในการคงอยู่ ขัดต่อเหตุผลในสิ่งที่พวกเรายึดมั่น และขัดต่อวิถีชีวิตอันอิสระของชาวเรา เป็นบทเพลงอันไม่สมควรจะมีอยู่ในแดนดิน ผู้ที่ขับร้องล้วนจมลงสู่โลกสีเทาไปแล้วเกินครึ่ง”
เขาอาจจะต้องบอกว่าจริงๆแล้วตนไม่ได้อยู่ภายในห้องทำงานเพียงลำพัง แต่มีหญิงสาวอีกหนึ่งด้วย “ถึงเป็นเช่นที่เอ่ย...แต่ทำไมท่านถึงเอาแต่หมุนวนอลอรินนั้นซ้ำไปซ้ำมา เพื่อให้บทเพลงแห่งการร่ำลาเวียนซ้ำเล่าคะ? เราไม่เข้าใจเลยล่ะ ไม่เข้าใจสักนิด”
เขาเคยอยู่ร่วมกับมนุษย์ แม้แสนสั้นหากเทียบเคียงกับอายุในปัจจุบัน แต่กลับเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจของเขา “อาจฟังดูตลก แต่เพลงๆนี้เป็นเพลงกล่อมนอนกลายๆของเราไปเสียแล้วล่ะ” กล่าวเสริมเพิ่มเติมเมื่อคู่สนทนาแสดงสีหน้างงงัน “ตอนสมัยอยู่แดนมนุษย์ สหายแห่งเราชอบร้องมันน่ะ โดยเฉพาะเวลาตอนก่อนนิทรา เขามักจะร้องคลอไปกับสายลมเอื่อยด้วยสีหน้าเศร้าๆ กลายเป็นภาพติดตา”
“แดนมนุษย์ดูมีอะไรๆที่น่าสนใจมากมายเลยนะคะ” เธอพูดเช่นนั้นพลางเลื่อนมือขึ้นไปหยิบเอากล่องไม้ใบย่อมขึ้นมา ก้อนแสงน้อยกำลังล่องลอยเหนือปากกล่อง มันคืออลอรินซึ่งถูกบันทึกท่วงทำนองเอาไว้ นิ้วหนึ่งเลื่อนไปสัมผัสกลุ่มแสงนั้น โศกเศร้า โดดเดี่ยว อบอุ่น อ่อนโยน ความรู้สึกมากมายหลั่งไหลออกมาเกินกว่าจะบอกได้ว่าผู้บันทึกอยู่ในอารมณ์ไหน
“ไม่ปฏิเสธหากเอ่ยกล่าวเช่นนั้น” หันมาแย้มยิ้มบางให้ก่อนจะปิดสมุดบันทึกในมือลง ราชานึกคิดบางสิ่งอยู่ไม่นานเท่าใดนัก เขาตีสีหน้าอ่อนโยนละมุนพร้อมยิ้มละไมเพียงลำพัง เรียกสีหน้างงงันจากสตรีเบื้องหน้าอีกครา “คราวนี้มีอะไรให้ยินดีอีกหรือคะ?”
“นั่นสิ...เจ้าอยากฟังนิทานไหมล่ะ?” ไม่รีรอคำตอบจากคู่สนทนา ผู้ปกครองแห่งพงไพรก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ยาวบุนวมชั้นดีด้วยท่าทีสบายๆ มือวางสมุดบันทึกสีดำทมิฬลงบนโต๊ะข้างตัว “นิทานมีชีวิต เรื่องราวของคนกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งซึ่งจะดูไม่มีอะไรน่าสนใจเลย ถ้าหากว่าคนกลุ่มนี้ไม่ใช่พวกเขา”
ราชินีสาวเริ่มมีท่าทีสนใจในเรื่องราว เธอเลื่อนกายขยับเข้ามาใกล้พลางเท้าคางรอฟัง ชายหนุ่มหัวเราะออกมาน้อยๆ ก่อนจะเริ่มเรียงร้อยถ้อยความออกมา...เริ่มต้นเล่านิทานอันเป็นตำนานในใจของใครบางคน
From : To the Beginning's Project
Author : Ct11359
Chapter All : Memory
Chapter : Lost Memory : SUNIRRAVRAF-ANIRALC
Note : จุดเริ่มต้นของทุกๆคนนั้
จุดจบนั้นก็อยู่ที่เดิม...ไม่
❀-----•﹡ˇ•-----•✿•-----•ˇ﹡•-----❀
Lost Memory : SUNIRRAVRAF-ANIRALC
...เขามักเอาแต่ครุ่นคิด เขามักเอาแต่สงสัย...
...ว่าเหตุใดจึ
...ไม่ว่ามันจะผ่านมานานขนาดไหน แต่เขาก็รู้ดีเสมอ...
...ไม่ว่ามันจะแตกต่างกั
...ว่าแท้ที่จริงแล้ว ห้องหัวใจทั้งสี่นี้ล้วนแต่
...รักแรก ของเขา...
ราชาเอลฟ์แห่งนครเอลฟ์ฟอนัส คือยอดชายหนุ่มผู้เลื่องลือที่
ความรักต่อผืนพงไพร...แดนดินถิ่
ความรักต่อครอบครัว...ครอบครั
ความรักอันยั่งยืนต่อสตรีผู้เป็
ความรักอันมั่นคงต่อสตรีผู้อยู่
ความรักใคร่แด่เหล่าผองเพื่อน..
ความรักและเป็นห่วงต่อเหล่
เขาคือบุคคลผู้เปี่ยมรัก...ผู้
“ในวันนี้...ชาวเราทั้งหลายล้
ชาวเอลฟ์ทั้งหลายต่างรู้ดี ว่าราชาของพวกตนนั้นคือผู้เป็
...ตามคำสัญญานิรันด์ซึ่
ราชาแห่งนครเอลฟ์ฟอนัสนั้นยั
...ที่นั่งข้างกายในตำแหน่งองค์
ราชาของพวกเขาแสดงท่าทีปกติสุ
ความเจ็บปวดจากการถูกปฏิ
“ท่านจะรับ...หญิงคนนี้เป็
“รับครับ”
...บางทีชีวิตอาจไม่ได้สวยงาม เช่นดั่งตอนจบในนิทาน...
เขาเคยได้ยินประโยคนี้มาสองครั้
สตรีผู้ซึ่งกำลังจะมาเป็นองค์
เขาไม่ได้รักเธอคนนี้แบบหมดใจ..
เธอเคยเป็นหนึ่งในสหายชาวเอลฟ์
“ท่านจะรับ...ชายคนนี้เป็นสามี
“รับค่ะ”
...นี่คือพิธีวิวาห์...ซึ่งจั
ดวงเนตรเรียวเงยประสานจับจ้
...ใช่แล้ว ทุกๆสิ่งจะต้องเรียบร้อยดี...
...เพราะว่านี่เป็นหนทางที่
เราไม่เสียใจเลย...เพราะมันคื
หมับ!
มือบางหากแต่
‘ใช่แล้ว...ทุกสิ่งจะต้องเรี
“เช่นนั้น...พ่อขอประกาศให้เจ้
สิ้นคำ...เสียงเฮของเหล่าผู้
ยินดี...ความรู้สึ
...ใช่แล้ว ทุกๆสิ่งจะต้องเรียบร้อยดี พร้อมกับมีความสุขอันนิรันด์...
Farawell... Farawell, our little poor child.
ฟาราเวล... ฟาราเวล... เด็กน้อยผู้น่าสงสาร
We'll waiting for, waiting for, the first smile of evening.
พวกเรานั้นจะยังเฝ้ารอ เฝ้ารอคอย ถึงรอยยิ้มแรกแห่งสนธยา
Go pass starry sky, pass the man who eating dream.
ข้ามผ่านดวงดาวทั้งหลาย ข้ามผ่านชายผู้กลืนกินฝัน
Doesn't go... Never go...Horatius, never far from sandglass.
โฮราทิอัสไม่ไปไหน ไม่เคยไป ไม่เคยไกลจากนาฬิกาทราย
Time stop, It's stop, Let's say ‘Goodbye’
เวลาหยุด... มันนั้นหยุด... มาเถอะบอกลา
Farawell... Farawell, our little poor child.
ฟาราเวล... ฟาราเวล... เด็กน้อยผู้น่าสงสาร
I'm alone again...
ฉันโดดเดี่ยวอีกครา...
ราชาแห่งนครเอลฟ์ฟอนัสรู้สึกคิ
มันไม่ใช่บทเพลงอันสมควรแก่
สมุดบันทึกถ้อยความ...และอลอริ
“ท่วงทำนองแห่งฟาราเวล...ยามได้
“เพราะเหตุนั้น...เราชาวเอลฟ์จึ
เขาอาจจะต้องบอกว่าจริงๆแล้
เขาเคยอยู่ร่วมกับมนุษย์ แม้แสนสั้นหากเทียบเคียงกับอายุ
“แดนมนุษย์ดูมีอะไรๆที่น่
“ไม่ปฏิเสธหากเอ่ยกล่าวเช่นนั้
“นั่นสิ...เจ้าอยากฟังนิ
ราชินีสาวเริ่มมีท่าทีสนใจในเรื
“...กาลครั้งหนึ่งในโลกแห่งความเป็นจริง เรื่องราวได้เริ่มต้นขึ้น ณ โรงเรียนมหาเวทย์...”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น