คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : 10-2 เผชิญหน้า
“ขอบคุณนะคะ” เธอยกมือไหว้ขอบคุณและเอ่ยคำขอโทษ เรื่องที่ทำให้คุณหมอต้องเดือดร้อนไปด้วย ขณะส่ายหน้ามองไปทางคนขับรถตู้คนใหม่สัญชาติญี่ปุ่น มีคนติดตามอีกสามคน นั่งข้างหน้าหนึ่ง ข้างหลังสุดอีกสองคน พวกเขาพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วตามฐานะการศึกษา จะมีบางคนพูดไม่ชัดเจนนักก็ใช้ภาษาญี่ปุ่น หมอนัทจะแปลให้เธอฟังอีกที
หลังมีปัญหากับชานนท์วันนั้นดูจะมีแต่เรื่องวุ่นวาย บ้านพันธวงศ์มาโวยวายระหว่างกำลังรับประทานอาหารเช้า เรื่องคุณนายไปสรรหาลูกเขยคนใหม่มาแทนหลานรักของพวกเขาหรือยังไง หักอกพี่ชายที่แสนดีขนาดนี้ได้ยังไง ในเมื่อเขาก็ช่วยดูแลน้องมา วันก่อนไปทำธุระที่มหา’ลัย มารดาถามว่าไปไหนมาไหน ขอให้มีคนไปรับส่งหน่อย ไม่ต้องขับรถเอง หล่อนกลัวเรื่องอุบัติเหตุ ส่งเบอร์โทรคนขับมาทางไลน์ อยู่ดี ๆ ก็มีหนุ่มญี่ปุ่นมาคอยดูแลความปลอดภัย วันนี้เธอเพิ่งเสร็จธุระจากกรมที่ดินซึ่งเดินทางไปแทนมารดา คุณหมอไม่มีเข้าเวรรีบตรงมารับพร้อมคนของโอดะ เขานั่งอยู่ในฝั่งซ้ายมือของเธอ
“ไม่เป็นไรนะครับ ยินดีรับใช้ แต่ว่า... ส่งข้อความไปได้รับรึเปล่า?”
“พอดีเมื่อวานยุ่ง ๆ เผลอหลับด้วยค่ะ” พลันเบือนหน้าร้อนจัดไปอีกทาง นึกถึงข้อความที่ไม่ได้เปิดอ่าน ปล่อยมันเด้งอยู่ด้านบนสุดของจอโทรศัพท์
‘เสร็จธุระแล้วจะไปหาที่บ้าน...’
‘คนขับรถมาแล้ว คุณแม่วานให้มารับ รอด้วยนะครับ’
‘เลิกงานหรือยังนะ?’
ยังมีอีกหลายคารมกวน ๆ ที่ทำให้นอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จากเป็นคนไม่ค่อยดูโทรศัพท์ เธอเฝ้ารอแสงกะพริบนั่นจะสว่างอีกเมื่อไร น่าอายจริง!
“ทำไมต้องเขิน?”
“ใครบอกว่าฉันเขิน เปล่าซะหน่อย”
“เมื่อวานยังเรียกตัวเองว่าวี?” เลิกคิ้วขึ้นถามคนที่ส่ายแก้มแดง ๆ หนีไปมองกระจกข้างตัวรถ แทนที่จะมองหน้าหล่อ ๆ ของคุณหมอ แถมทำแก้มป่องเป็นเด็กช่างงอน โดยมียูตะตรงที่นั่งข้างคนขับคอยส่งสายตาผ่านกระจกมองหลัง ฟังภาษาไทยก็ไม่ค่อยออกว่าทั้งสองพูดอะไรกัน จะช่วยก็ช่วยไม่ได้
“วีน่า... เรียกแบบนี้ ดีไหม หรือจะให้พี่เรียกน้องวีว่าไงครับ?”
“แล้วแต่หมอนัทสะดวกเลยค่ะ จะเรียกกันแบบเดิมก็ได้นะคะ คนไข้...”
“ไม่ได้สิ วีไม่ใช่คนไข้พี่แล้ว พี่ไปพบคุณแม่ เลี้ยงกาแฟตั้งหลายรอบ ทางบ้านเราสองคนก็รับทราบนะ”
“หม่ามี๊มาเลี้ยงกาแฟหมอนัทอีกแล้วหรือคะ?” เธอส่ายหน้างุนงง รอฟังเรื่องคุณนายว่ามีอะไรบ้าง ขณะที่คุณหมอมีสีหน้านิ่งเรียบ คะยั้นคะยอเธออีกรอบด้วยความเป็นคุณหมอเจ้าระเบียบ ซึ่งเขาจะต้องไม่รู้สึกผิดกับเรื่องนี้
“วีเรียกพี่ว่าพี่นัทได้นะ จะเรียกพี่หมอก็ได้ พี่อายุมากกว่าวีเยอะ เราไม่ใช่หมอกับคนไข้แล้วด้วยนะครับ”
“หมอ... เอ่อ... พี่นัทรู้อีกชื่อของวีได้ไงคะ คุณแม่บอกเหรอ?”
“ในไลน์ไง เขียนอยู่ตัวเบ้อเริ่ม VENA ใช่ไหมครับ?” บ่ายเบี่ยงประเด็นพลางฉีกยิ้มกว้างหวาน เผยให้เห็นเขี้ยวคมตรงมุมปาก สักพักหนึ่งเขาก็ชวนคุยเรื่องอื่น วางมือไว้บนตักด้วยท่าทางสบาย ๆ พอรถยนต์เคลื่อนจากย่านการจราจรติดขัด คุณแม่ส่งข้อความมาว่าให้ไปพบตอนห้าโมงเย็น ลูกสาวถึงยอมให้เขาข้ามผ่านกำแพงสูงชันที่เธอก่อกั้นไว้ด้วยการเรียก ‘พี่ชาย’ ‘พี่หมอ’ เธอสารภาพกับเขาว่าเขาเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเอามาก ๆ
บทสนทนาของเธอและเขาเป็นไปอย่างเรียบง่าย ทว่าสนิทสนมกันมากขึ้น ในระยะเวลาที่ห่างหายหน้ากันไป แช็ตกันทุกวันผ่านโทรศัพท์ บางวันเขาก็โทรมาหาเธอ ชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ ในเมื่อเธอไม่ใช่คนไข้ของเขาแล้ว แต่เป็นว่าที่สะใภ้ของบ้านโอดะ
“อิจิโร่มาเช่าบ้านริมชานเมืองระหว่างมาธุระในเมืองไทย ลูกน้องบอกว่าอากาศดีกว่าในกรุงเทพฯ พี่ว่าพวกเขาน่าจะคุยเรื่องเรากันอยู่นะ”
“อ้อค่ะ แล้วหมอนัทคิดว่าไงคะ?”
“พี่ตอบตกลงคุณแม่ไปแล้วครับ”
ได้ยินเท่านั้น หญิงสาวกัดริมฝีปากจนแทบจะเป็นห้อเลือด เธอก้มหน้าลงมองหน้าตัก พลันภาพอดีตอันเลวร้ายพุ่งเข้ามาในหัว
“คือ... วีไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนค่ะ จบเรื่องนี้แล้วก็... ทางใครทางมันดีกว่า”
“ตัวแค่นี้จะทำอะไรได้ ไม่ไหวหรอกครับ ไอ้นนท์น่ะเอาเรื่อง พี่จัดการให้ละกัน รับปากผู้ใหญ่เขามาแล้ว วีไม่ต้องลำบากใจ ไม่ต้องเกรงใจ เอาเป็นว่าพี่จะดูแลให้หายขาดจากโรคประหลาด ๆ นะครับ ทั้งพี่ทั้งน้องเลย...”
“วีไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะหมอ เรื่องสุขภาพจิตก็ดีอยู่ ไม่ต้องทานยาแล้วค่ะ ตอนนี้แค่แขนเจ็บ” เธอยกแขนให้คุณหมอดูอาการ นอกจากรอยเขียวช้ำแล้วยังต้องไปทำกายภาพบำบัด ถอดเหล็กออกเมื่อกระดูกสมานกันดี จิตแพทย์จำเป็นเลยเลิกกวนประสาทเธอด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง กลับมาพูดจาดี บอกว่าเธอควรไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเพิ่มเติม บางครั้งเธอก็ดูเงียบขรึมเหม่อลอย จะมาตัดสินใจแทนแพทย์ได้ยังไงว่าตัวเองสบายดี
นวีนารับรู้สถานะของตน หันไปสนใจผ้าพันแผลที่ฝ่ามือข้างขวาของเขา ถามว่าโดนอะไรมา อีกฝ่ายชวนคุยเรื่องอื่น บอกว่าคุณแม่เพิ่งกลับจากต่างประเทศก็ตรงไปที่บ้านพักของอิจิโร่ เธอเลยนึกเรื่องหนึ่งออกพอดี
“ไม่รู้ว่าพี่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติหรือเปล่านะคะ ก่อนวันเกิดอุบัติเหตุ วีฝันถึงเพื่อนมาเตือนว่าให้ระวัง อย่าไปที่ร้านอาหารนั้น แต่วีก็ไป...”
คุณหมอหนุ่มส่ายหน้าไปมา ในสีหน้าผิดหวังของหญิงสาว เสียงอ่อนถาม
“ไม่เชื่อหรือคะ?”
“ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะครับ คือเมื่อก่อน... คุณพ่อพี่... เอ่อ” เขายกมือป้องปากกระแอมไอ จ้องตาใสแป๋วแล้วเกิดลังเลใจ ไม่รู้ว่าควรพูดดีหรือเปล่า ก่อนตัดสินใจเอ่ย “พ่อบุญธรรมของพี่เป็นหมออายุรกรรม เคยรักษาคนไข้คนนึง เป็นไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย คุณลุงแกอยู่ได้ประมาณเจ็ดปีก็เสียชีวิต คุณพ่อไปร่วมงานศพคุณลุงด้วย หลังจากวันนั้นพ่อก็ฝัน... พ่อถูกหวยรางวัลที่สาม บอกว่าคนไข้มาใบ้หวย ชูนิ้ว...”
ใบหน้าหล่อเหลาดูอารมณ์ดีผิดเป็นคนละคน เมื่อพูดถึงบิดาบุญธรรม นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเปี่ยมไปอารมณ์มากมายหลายอย่าง ทั้งสุขทุกข์ จนทุกคนสามารถรับรู้ได้ว่าคุณหมอคงผูกพันกับบิดาบุญธรรมเป็นอย่างมาก ก่อนที่เขาจะเล่าเรื่องผีในวอร์ด เรื่องวิญญาณซึ่งคนอย่างหมอนัทหรือจะกลัวอะไรสักอย่าง
“โธ่... รู้งี้น่าจะขอเลขเด็ดจากเพื่อนซะหน่อย” พูดจบ เธอได้ยินเสียงหัวเราะของคุณหมอบ่นว่าเธอรวยจะแย่ ยังหวังถูกหวยอีกนะ แล้วชนหัวคิ้วเข้าหากัน “เอ... พี่นัท... มีพ่อบุญธรรมเป็นคุณหมอหรือคะ? ทำไมโอโต้ซัง” ชี้ปลายนิ้วไปมาในอากาศ คล้ายกับว่าเธอเพิ่งเรียบเรียงเหตุการณ์หลายอย่างได้เข้าที่เข้าทาง ใบหน้าสดสวยดูเข้มเครียดจริงจัง เมื่อหันไปถาม “ทำไมถึงมาทำดีกับวีคะ ตกลงว่าถูกใจวี... เพราะอะไรคะ?”
“ถ้าบอกว่าปฏิเสธที่บ้านไม่ได้ล่ะ?”
“ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ”
“งั้นเอาเรื่องจริงไหม?”
นวีนาพยักหน้าหงึกหงัก ตั้งใจฟัง... คิดว่าเธอควรได้ยินเรื่องนั้น ดันกลายเป็นเรื่องอิจิโร่ซัง หนุ่มวัยหกสิบจะจีบสาวรุ่นลูกแล้วแต่งกับเธอเสียเอง หากว่าเธอไม่ยอมเป็นลูกสะใภ้บ้านเขา มันเข้าท่าเสียที่ไหน
“อ้อ... สรุปว่าบ้านพี่อยากได้วีเป็นลูกสะใภ้ คุณนายก็โอเค เท่านั้นเองใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ”
ความคิดเห็น