คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : 8 ชายที่หายไป (100%)
“เดนนิส!” เสียงตวาดกร้าวสำเนียงอเมริกัน เรียกเพื่อนร่วมงานให้เดินกลับมา ชายร่างสูงกำยำในเสื้อยืดกางเกงยีนสีซีด ขยับปลายเท้าแฝงกายเข้าฝูงชนในโรงพยาบาล เอี้ยวหน้ากลับไปมองค้อนนายตำรวจนอกเครื่องแบบ
“อะไรอีกล่ะ? อีริค”
“รีบ ๆ ยกก้นออกจากที่นี่ซะที คิดว่าฉันมีเวลามากมายมาเดินตามแกนักรึไง?”
“ฉันจะอยู่ต่ออีกหน่อย เผื่อเจอของดี”
“มันก็แค่ข้อแก้ตัวที่ไร้สาระของแกเดนนิส ทำไมถึงเอาแต่สร้างปัญหาให้ฉันนะ”
“ชีวิตมันสั้น คุณควรเรียนรู้ที่จะเอาใจตัวเองบ้าง จงฉกฉวยเวลาเหล่านั้นเอาไว้ ดูตาแก่อย่างฉันเป็นตัวอย่าง” เอ่ยพลางยกมือขึ้นลูบหนวดปลอมเหนือริมฝีปาก ในวิกผมดำขลับ กระทั่งนัยน์ตาที่เคยเป็นสีฟ้าครามสดสวยถูกปิดไว้ด้วยคอนแทคเลนส์ การอำพรางตัวอย่างแนบเนียนทำให้เขาดูเหมือนลูกครึ่ง แต่ภาษาไทยกระท่อนกระแท่นนี่สิปัญหา เขาเคยเรียนจากอดีตแฟนสาวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“มันไม่มีอะไรในโรงพยาบาลทั้งนั้น ฉันรู้ว่าแกมาทำอะไรที่นี่ ได้เวลาไปทำงานแล้วไมค์”
น้อยครั้งที่อีริคจะเรียกเขาเช่นนั้น นัยน์ตาสั่นไหวจับจ้องชายวัยห้าสิบอย่างสับสน ตรงไปหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้เรียงรายสีน้ำเงินเข้มเป็นระเบียบหน้าห้องรับยา
หลังสู้คดีอย่างหนักจนรอดพ้นข้อกล่าวหาฆาตกรรมน้องสาว ซึ่งหลักฐานสำคัญมาจาก ‘อีริค’ นายตำรวจใหญ่ชาวอเมริกัน อยู่ดี ๆ ก็มาปรากฏตัว ‘แองเจโล เฮมิลตัน’ อดีตนายตำรวจสากลรุ่นใหญ่ผู้ผันตัวไปจับงานเทา ๆ กอบโกยเงินจนกลายเป็นเศรษฐี ส่งเบาะแสอาชญากรข้ามชาติกลุ่มค้ายาเสพติดและฟอกเงิน ไม่รู้ว่าไปรู้จักกับมือเชลโล่อย่างลิลลี่ได้ยังไง
ไมค์ได้รับความช่วยเหลือจากผู้มีอิทธิพล ในเงื่อนไขว่าเขาควรทำตัวสันโดษเพื่อการทำงานระดับชาติ
ด้วยความสำนึกบุญคุณของกลุ่มตำรวจสากล ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจหนัก มองแผ่นหลังบางที่ลับหายไปด้วยแววตาอาลัย ครั้งหนึ่งเธอเคยซุกซบอิงแอบในอ้อมแขน ริมทะเลสาบท่ามกลางลมหนาวพร้อมมอบคำมั่นสัญญาว่าจะเรียนจบดอกเตอร์ แต่งงาน มีลูกชายนัยน์ตาสีฟ้าคราม อาจเป็นฝาแฝด แต่พวกเขาจะเป็นเด็กที่พูดได้หลายภาษา เธอจะก้าวผ่านการไม่ยอมรับของสังคม เธอไม่สนว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า เป็นแค่นักดนตรี ก่อนปิดตาลงในนิทราหวาน ผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นสุขในอ้อมกอดของเขา เธอมีความสุข สบายดี… เธอปลอดภัย…
แต่ไอ้พี่ชายโรคจิตจะปล่อยให้เธอมีความสุขแน่เหรอ?
“พ่อโรมิโอยอดรัก หยุดทำหน้าเหมือนฉันเป็นโคตรเหง้าศักราชของคาปุเล็ตสักที เห็นแล้วมันปวดปอดโว้ย!” ไม่ขาดคำ อีริคพลันคว้าคอเพื่อนร่วมงานให้ลุกจากเก้าอี้ พาออกไปข้างนอกโรงพยาบาล บริเวณลานจอดรถยนต์ เพื่อล้วงบุหรี่ในกระเป๋ากางเกง อัดควันเข้าปอดระบายความเครียด ควันบุหรี่ถูกพ่นออกมาเหมือนเด็กเล่น ล่องลอยอยู่ในอากาศเป็นรูปทรงกลม
“ยอมรับว่าฉันก็สงสารแก ไอ้หนุ่มไวโอลิน แพะรับบาปคดีแห่งชาติ ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกมันจัดฉากได้ดีแค่ไหน แต่ฉันมีภาระยิ่งใหญ่ สำหรับใครหลาย ๆ คน หลายครั้งฉันต้องละทิ้งเรื่องส่วนตัว แกรู้มั้ย? เดนนิส”
คนฟังส่ายหน้าไปอีกทาง มองรถยนต์ในลานจอดที่ผ่านไปด้วยใจเจ็บ รถสปอร์ตคาร์หรูของคุณหมอหนุ่มเพิ่งผ่านหน้าเขาลงไปชั้นล่าง ในที่นั่งข้างคนขับเป็นผู้หญิงที่เขารัก เขาทำได้เพียงมอง... ระหว่างรอสิงห์รมควันจัดการบุหรี่อีกมวน
อีริคยืนกอดอก รับลมร้อนเมืองไทย ทอดสมองให้ปลอดโปร่ง จากนั้นก็ตัดสินใจเปิดกระเป๋าหนังสีดำ คว้าเอกสารที่เย็บติดกันออกมาส่งให้ลูกน้องอย่างลังเล
“มันจะเป็นครั้งสุดท้ายของแกจริง ๆ อ่านเสร็จแล้วอย่าลืมจัดการให้เรียบร้อย อย่าให้เหลือซาก”
“อะไร?” คิ้วเข้มหนาเลิกขึ้นถามพลางรับเอกสารมาไว้ในมือ หลังจากที่นายตำรวจใหญ่ยื่นกระดาษพิมพ์ด้วยหมึกให้ ไม่ส่งผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ “มันคงสำคัญมากสินะ อ่านเสร็จแล้วฉันจะรีบย่อยละกัน”
ส่วนที่แอบคัดสำเนามาจากฐานข้อมูลตำรวจสากล หมายความว่ามันสำคัญมากขนาดต้องทำลายทิ้งในทันที ชายหนุ่มเข้าใจเช่นนั้น ขณะที่อีกคนส่งบุหรี่ให้เขาคาบ จุดไฟให้อย่างใจดี เขากวาดสายตาไปตามตัวอักษรทุกบรรทัด เหนือกระดาษแต่ละใบ มีคลิปหนีบรูปถ่ายของชายฉกรรจ์สัญชาติญี่ปุ่นหลายคน
‘อิจิโร่โอดะ’ ต้นตระกูลซามูไร ‘โฮโจ โทะคิมะซะ’ ตราประจำตระกูลเป็นดอกอายาเมะล้อมรอบอักษร 強 เคยเรียกเก็บค่าคุ้มครอง คุมผับกับร้านค้าย่านชินจุกุ สมาชิกในกลุ่มจะมีรอยสักบริเวณลำตัวหรือในร่มผ้า... ปัจจุบันพ่อใหญ่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจในนามโอดะกรุ๊ป...
ข้อความอันไม่ควรประจักษ์แก่สายตาพาคิ้วเข้มหนาขมวดเข้าหากัน ไม่ทันที่เขาจะทำลายเอกสารทิ้งไป พลันสาดอารมณ์เกรี้ยวกราดใส่นายตำรวจใหญ่
“เห็นอยู่ว่ามันเป็นหมอหน้าติ๋ม หน้าสวยยังกับผู้หญิง มันเป็นหมอ! หมอที่ไหนจะเป็นลูกหลานยากูซ่าซามูไร อะไรของแก เอาอะไรมาให้ฉันดูอีริค ไร้สาระสิ้นดี!”
“วีไปแล้วนะคะย่าชม” เอ่ยพลางกอดหอมฟอดใหญ่ บอกลาหญิงชราบนเก้าอี้โซฟาหลุยส์ คุณย่ายิ้มรับ ‘จ้ะ ๆ หลาน ดูแลตัวเองดี ๆ นะ’ ยิ้มสบายใจพอเห็นว่าหลานสบายดี
หลังออกจากโรงพยาบาลมาแล้ว อาจารย์สาวยังคงลางานอีกสักระยะ เมื่อแขนซ้ายที่ดามเหล็กไว้ยังไม่หายดี เธอกินนอนสบายใจในบ้านอีกหลังของคฤหาสน์กว้างขวางที่แบ่งแยกเป็นสัดส่วน ไม่จำเป็นต้องหลบเลี่ยงนายชานนท์เพราะเจ้าตัวไม่อยู่ ได้ยินจากมารดาว่าเขามีงานประชุมต่างจังหวัดหลายวัน
บ้านคุณนายเป็นบ้านแฝดอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ถัดจากสวนหย่อมไปทางด้านหลัง ปกติคนในบ้านจะใช้รถกอล์ฟหรือรถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง ด้วยความกว้างขวางใหญ่โตยังอาศัยกันหลายครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกเขามีบ้านหลังที่สองของตนเองอีกต่างหาก บางคนแต่งงานย้ายออกไปอยู่กับสามีเช่น ‘ชญารัศมิ์’ พี่สาวของ ‘ชญานิน’ เธอเรียก ‘น้ารัด’ กับ ‘ป้าอี้ด’ ป้าอี้ดเป็นมารดาของชานนท์ยังมี ‘ชญานุช’ น้องสาวแท้ ๆ ของชานนท์ นับเป็นลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ
น้องนุชมีคอนโดมิเนียมติดมหาวิทยาลัย ไม่ค่อยกลับบ้าน คราวก่อนน้องไปนัดบอดแทน คุณนายจิดาภาบ่นเป็นใหญ่โต แต่ทุกคนในบ้านกลับสนับสนุน ไม่มีใครอยากให้ลูกสาวคุณนายแต่งงานกับคนอื่นถ้าไม่ใช่นายชานนท์ จะว่าไปแล้วก็เป็นญาติห่าง ๆ รุ่นย่าทวด เป็นน้องสาวคนละแม่กับทางบ้านของบิดาเธอซึ่งเสียชีวิตไปนานแล้ว ตั้งแต่เธออายุห้าขวบกว่า
การสังเกตว่าใครอยู่ไม่อยู่ แม่บ้านและคนขับรถจะดูที่รถยนต์ว่าของใคร
ขณะเสียงโทรศัพท์สั่นดังจากกระเป๋าแบรนด์เนมใบโปรดสีขาว ร่างบางในชุดอยู่บ้าน เสื้อยืดสีขาวลายการ์ตูนน่ารักเข้ากับกางเกงขาสั้นก้าวขาให้ช้าลง เพื่อล้วงหยิบโทรศัพท์จอใหญ่จากกระเป๋าพร้อมแว่นสายตา
[ใครมาส่งที่บ้านจ๊ะ? รถสวย ๆ คันนั้นน่ะ]
ข้อความจากเพื่อนรัก ‘เกศริน’ หรือ ‘โรส’ ทำเบิกตากว้างตะลึง นวีนาไม่คิดว่าเพื่อนจะรู้เรื่องคุณหมอธนัช ตอนอยู่โรงพยาบาลเธอแค่ส่งข้อความไปทักทาย ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง
[รู้ได้ไงอะ เดี๋ยวนี้หัดทำตัวเป็นสตอล์คเกอร์เหรอ? นี่แกเป็นผู้ประกาศหรือปาปาราซซี่กันแน่ยะ]
[ทั้งสองอย่าง ปาปาราซซี่นั่นอดีต ตอนนี้เวอร์ชันอัพเกรด เป็นนักข่าวคนสวย เป็นผู้ประกาศคนงาม]
[ยัยโรสนี่นะ ฉันไม่น่าคุยกับแกเลย แกคงไม่มาแอบถ่ายรูปฉันไปทำข่าวอีกใช่ไหม?]
[ไม่... ก็ไม่แน่ แต่ฉันจะขออนุญาตแกดี ๆ ก่อน เผื่อแกจะอยากเป็นข่าวกับหมอโหด โหมดอินเลิฟ]
[No!]
ปลายนิ้วกดหน้าจอยิก ๆ ส่งสติกเกอร์ปฏิเสธไปในทันที ได้เรื่องว่าเพื่อนขับรถมารอพบเธอที่บ้านคุณย่า ซื้อขนมติดมือมาด้วยแต่ไม่เจอ ดันเห็นเล็กซัสสีแดงนั่นพอดี ส่วนเรื่องที่รู้ได้ยังไงว่าเป็นรถคุณหมอ เจ้าตัวคงไม่ได้บอก
[ยังไงถ้าแกได้ข่าวไมค์กับแองเจโล กริ๊งกร๊างมาหาฉันบ้างนะ คุณป๋อง นักสืบมือฉมังเพื่อนแกสูบเลือดฉันจะหมดตัวแล้ว ฉันโอนแล้วโอนอีก โอนไวมาก แล้วนี่โทรหาแองเจโลไม่ติดเลย ส่งข้อความไปเงียบกริบ]
เพื่อนสาวหัวเราะคิกคัก ส่งข้อความเสียงบอกเรื่องแองเจโล เฮมิลตัน พ่อหนุ่มคาสโนว่าไปล่องเรือสำราญ คุยธุรกิจกับมิตรสหายอยู่กาสิโนแต่เช้าจรดค่ำ สาว ๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง บังเอิญทำโทรศัพท์ตกน้ำทะเลไป ขาดการติดต่อจนกระทั่งกลับเข้าฝั่ง เพิ่งส่งรูปมาให้ดูพร้อมแชมเปญขวดใหญ่
นวีนาทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แช็ตคุยกับเพื่อนไม่เลิกรา จนถึงช่วงหัวค่ำ เพื่อนเลิกงานแล้วโทรมาคุยกันต่อ บอกว่าจะนำแชมเปญจากแองเจโลมาให้ รอให้เธออาการดีขึ้นก่อน
เกศรินเป็นนักเรียนทุนเรียนดีสมัยเรียนมหา’ลัยในสหรัฐเหมือนไมค์กับลิลลี่ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเด็กกำพร้า มารดากลับอนุญาตให้คบหาได้เพราะผลการเรียนดี มีเส้นสายในวงการสื่อมวลชน เผื่อมีเรื่องให้พึ่งพาอาศัยกัน มารดาไม่ชอบแค่ไมค์กับลิลลี่ อาจกลัวว่าลูกสาวจะมีแฟนฝรั่งตาน้ำข้าว จะย้ายสำมะโนครัวไปอยู่เมืองนอก อาจโดนชานนท์เป่าหูหรือเปล่าก็ไม่รู้แน่ อยู่ดี ๆ เพื่อนก็พูดมันขึ้นมา
[ที่หม่ามี๊แกไม่ชอบไมค์ ฉันบังเอิญไปได้ยินตอนรอคุณนายประชุมหุ้นส่วนที่สิงคโปร์รู้ปะ ตอนฉันไปเที่ยวกับแกด้วยอะ มี๊บอกว่าไม่ชอบสายตาที่ไมค์มองแก]
[ผ่านมาตั้งหลายปีละ แกเพิ่งมาบอกฉันเนี่ยนะ?]
[ก็... กลัวว่าแกจะโกรธน่ะ ไม่อยากให้แกกับแม่ผิดใจกันด้วย ตอนนี้แกเลิกกับไมค์ไปแล้ว แม่แกเฉย ๆ เรื่องไมค์กับลิลลี่แล้ว แกเองก็สบายใจขึ้น ฉันเลยว่าจะบอกแก]
[เอ้อ... ขอบใจแกมากนะ]
ในน้ำเสียงอ่อนลง ความทุกข์สาหัสคล้ายกับว่าเจือจางลง ราวไอหมอกที่สลายหายไปตามกาลเวลา หัวใจของเธออาจดีขึ้นในสักวัน เธอเชื่อแบบนั้น นับตั้งแต่เธอออกจากโรงพยาบาลมา เป็นไปได้ว่ายาต้านซึมเศร้าจะเริ่มออกฤทธิ์หรือว่ายังไงดีนะ?
[ฉันคิดว่าหมอนัท... คล้ายบางคนน่ะ แกจำพี่ชายขี้เหร่ที่ฉันเคยเล่าให้ฟังได้ไหม? ฉันสบายใจเวลาได้คุยกับเขา เป็นผู้ชายอบอุ่นใจดีน่ะ]
[จับถอดสิ... แกต้องล่อคุณหมอให้อยู่กับแกสองต่อสองให้ได้]
[ยัยบ้า! ฉันไม่คุยกับแกละ ไปดีกว่า]
กว่าจะได้ฤกษ์วางสายเกือบสามทุ่ม นวีนาถอนหายใจหนัก “เฮ้อ... ยัยเพื่อนบ้าคนนี้ คิดอะไรไม่เข้าท่า”
อีกใจหนึ่งเธอคิดว่าเพื่อนพูดจริง เธอเคยเล่าให้ฟังว่าพี่ชายมีรอยสักใหญ่มาก ๆ แต่คนมีรอยสักเป็นหมอจะสักได้ไงนะ? สักในร่มผ้านี่... ไม่มีใครเห็นรึเปล่า?
ใบหน้างามแดงซ่านขึ้นตามลำดับ เพียงคิดถึงกลิ่นหอมอ่อนบนเสื้อกาวน์ ยามโน้มตัวลงมาจัดการแผลบนหน้าผาก เธอเผลอสบนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่ชะนีน้อยคนจะต้านทานไหว หน้าตาสวยหวานแต่มีกล้ามเป็นมัด ๆ เขี้ยวคมตรงมุมปากหนาหยักได้รูป ริมฝีปากอมแดงอมชมพูเหมือนผู้หญิง มืออุ่นที่เกี่ยวพันข้อมือของเธอไว้ ถอด! ต้องจับถอดสินะ! ถอดแล้วทำอะไรต่อ...
‘คิดอะไรของแกเนี่ย!’
หญิงสาวส่ายหน้าไปมา ทิ้งตัวลงนอนเงียบเชียบ เพื่อสลัดอารมณ์ฟุ้งซ่านทิ้งไป ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องค้นหาความจริง แต่ว่ายังไม่มีเบอร์คุณหมอ ทันใดนั้นเอง หน้าจอโทรศัพท์มีแสงกะพริบ ในโปรแกรมแช็ตปรากฏ หน้าไลน์ติดภาษาญี่ปุ่น หนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ฉีกยิ้มเสแสร้งสุด ๆ สำเนาถูกต้อง เธอยกมือป้องปากหน้าตาตกใจ โวยวายเสียงดัง “ไลน์หมอนัท!”
ความคิดเห็น