NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลวงรักจิตเสน่หา (ฉบับรีไรต์) -ซีรีส์ลวงรัก-

    ลำดับตอนที่ #10 : 5-2 ความคิดถึงคนในอดีต (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 67


    “จริงด้วยค่ะ ว่าแต่... พี่เขาจะหายจริงเหรอ?” ประโยคหลังแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ด้วยความสงสารชายหนุ่มที่ช่วยมากับมือ กระทั่งสบมองแววตาหนักแน่นของคุณหมอ

    “ฟังให้ดีนะยัยหนูน้อย สิ่งที่คนไข้ต้องการจริง ๆ ไม่ใช่แค่ยา กำลังใจต่างหากเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าคนไข้หมดหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ต่อให้หมอเทวดารักษาก็ไม่ได้” จากนั้นก็คลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อสาวน้อยไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรืองอแงเลย แววตามั่นคงของเธอบอกว่าอยากจะทำอะไร

    “งั้นหนูขอจับมือให้กำลังใจพี่ชายได้มั้ยคะ?”  

    “ได้สิ แต่หมอขอบอกเขาก่อนนะครับ” บดินทร์เตรียมที่จะหันไปสะกิดผู้ป่วยไร้ญาติ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาสะบัดมือออกจนเข็มหัก ที่สำคัญกว่าคือได้ยินมาจากชาวบ้านว่าผู้ป่วยถูกไล่ล่าโดยชาวต่างชาติที่มีรอยสักเต็มตัว ชาวบ้านตะโกนว่าเป็นพวกยากูซ่า อะไรสักอย่าง ไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไร

    “มีสาวสวยอยากจับมือเรานะ คนไข้ น้องเป็นคนช่วยเรามา จำได้ใช่ไหม?

    คนไข้หนุ่มเบือนสายตาจากเพดานขาวไปทางเด็กสาวตัวกระจ้อยร่อย ด้วยท่าทางไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย

    “หมอดิน พี่ชายหันมาแล้ว!” เสียงแหลมเล็กตะโกนอย่างดีใจ พร้อมกันนั้น พอคุณหมอร่างสูงกำยำปล่อยเธอลง เหยียบยืนบนพื้นไม้ ทันทีที่สองเท้าน้อยแตะพื้น เด็กน้อยก็พุ่งตัวเข้าไปสัมผัสมือหนาสากที่มีเข็มทิ่มแทงอยู่โดยไม่รอให้เจ้าตัวพยักหน้าตอบรับ คุณหมอหนุ่มหน้าตาตกใจ แต่พอเห็นว่ามือสั่นเทาของคนไข้กุมมือน้อยกลับทันควัน เขาก็ค่อยโล่งใจ

    สาวน้อยฉีกยิ้มกว้างให้คนที่นอนอยู่บนเตียง “พี่ชายขี้เหร่ หนูสัญญาว่าจะมาเยี่ยมพี่บ่อย ๆ พี่ต้องหายไว ๆ นะคะ” แล้วหันไปอ้อนขอคุณหมอรูปหล่อ “หนูขอมาเยี่ยมพี่ชายได้มั้ยคะ?

    “ถ้าเราทำตัวน่ารัก ๆ เลิกก่อกวนคนที่นี่ หมอจะให้มาทุกวันเลย แต่อย่าลืมขออนุญาตคุณแม่ก่อนมาด้วยนะ คุณแม่จะได้ไม่เป็นห่วงรู้ไหม แล้วอย่าหนีออกจากบ้านไปเที่ยวไหนไกล ๆ อีกนะครับ” รอยยิ้มบนใบหน้าคมคายประกาศความปรารถนาดีต่อเด็กน้อย และได้รับการตอบกลับ

    “ค่ะ วีน่ารับปาก ด้วยเกียรติของลูกเสือ!” เด็กน้อยทำวันทยหัตถ์ แม้ว่าเธอไม่ได้เป็นลูกเสือ คุณหมอบดินทร์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หวังว่าเธอจะรักษาคำพูดเรื่องที่ว่าไม่หนีออกจากบ้านไปซนที่ไหนอีก

     

    อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาทำให้ฝันถึงเรื่องราวในวันวาน เธอวิ่งฝ่าพายุหิมะไปสถานีตำรวจ ทั้งใบหน้าแดงก่ำเพราะความเหน็บหนาว หยาดน้ำตานองบนแก้มที่ร้อนจัด เธอร้องไห้จนขมับเต้นตุบ มือเกาะซี่เหล็กเย็นด้วยความเจ็บปวด เมื่อพบว่าไมค์ติดคุกเพราะคดีฆาตกรรมน้องสาว นั่นเป็นการจัดฉากอันสมบูรณ์แบบของไอ้ชานนท์กับพรรคพวกของมัน ไหนจะเรื่องเป็นพี่ชายขี้เหร่ วันก่อนเธอฉุกใจคิดขึ้นมาได้ เอ... พี่เขาชื่ออะไรนะ?

    โอ๊ย... กว่าจะเลี้ยงมาโตขนาดนี้ ตอนเด็ก ๆ ซนเป็นลิงเป็นค่างนะคะ ใครว่าเด็กซนคือเด็กฉลาด คุณแม่เคยขอให้ลูกวีไม่ต้องฉลาดมากก็ได้...

    เสียงใสแจ๋วลุกจากภวังค์ ลูกสาวที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยหันไปมองค้อนรอบที่ร้อยได้ หากมีคนมาเยี่ยม ได้พูดคุยกับมารดาเมื่อไร มีคนบ่นว่าดีนะไม่เป็นอะไรไปตอนอายุเท่านี้ ลูกไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเพราะได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี แต่จะเป็นอันตรายด้วยความประมาทของผู้อื่น ฟังดูแล้วย้อนแย้งกับเรื่องที่ลูกสาวเคยปีนหน้าต่างบ้านหนีเข้าไปเล่นซนในป่าด้านหลังบ้านติดริมธารในจังหวัดเชียงใหม่ ออกไปพบเพื่อนมารดาถึงสถานีอนามัย เดินตามคุณหมอบดินทร์เป็นเงาตามตัว ใครถามว่าคุณแม่อยู่ที่ไหนก็ไม่ยอมบอก ทั้งแม่บ้านพี่เลี้ยงตามหากันจนวุ่นไปหมด

    อีกเรื่องหนึ่งเธอกำลังพิจารณาถึงความอุตสาหพยายามของคุณนายจิดาภาผู้ตั้งใจคัดสรรลูกเขย ยังเชื่ออีกด้วยว่าถ้านายชานนท์รู้เรื่องนี้ คงอกตายตายแน่ ๆ

    “หมอนัทกับไอ้นนท์เคยรู้จักกันที่เชียงใหม่ ใช่ที่เราเคยไปกันหรือเปล่านะ? มี๊” ถามไม่ทันไร เสียงประตูที่ดังขึ้นทำให้สองในห้องมองขวับ อาจารย์แพทย์มีอายุวัยราว ๆ ห้าสิบมาตรวจอาการ พยาบาลอีกสองคน เธอจึงเงียบไป ไม่ได้พูดคุยอะไรกับคุณแม่ต่อ จนคุณหมอธนัชเข้ามาในอีกสิบห้านาที อยู่ดี ๆ คุณแม่ก็หยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าแบรนด์เนมหนังสีดำสนิท เข้ากับเดรสสีขาวสลับแดงอย่างคุณนาย ลูกสาวก้มหน้าลงมองตาม

    “มี๊กดของเล่นในโรงพยาบาลมาให้หนูด้วยนะ”

    “ใครจะยังเล่นของเล่นพวกนี้กัน วีโตจนหัวหงอกแล้วนะ อายุใกล้จะสามสิบละ มี๊เห็นวีเป็นเด็กห้าขวบออ...

    “เมื่อก่อนหนูขอเงินมี๊ไปหมุนไข่เล่นทุกวัน หนูเอาของเล่นไปให้ใครนะ... จนมี๊ต้องไปตามที่อนามัย จำได้ไหม?” ปลายเสียงชายตามองไปทางคุณหมอที่ทำงุ่นง่านอยู่กับสายน้ำเกลือ แผ่นชาร์ตงานข้างหัวเตียง พอเห็นว่าคุณหมอไม่สนใจหล่อนก็ถาม “ลูกสาวแม่จะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไรคะ?

    “คงไม่กี่วันนี้นะครับ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องแผลติดเชื้อหรืออะไรนะ”

    คุณหมอไม่รับปากว่าจะได้ออกเมื่อไร แค่พูดเผื่อ ๆ ไว้ ยังอดไม่ได้ที่จะลอบมองแววตาใสซื่อไร้เดียงสา เหมือนยัยเด็กตัวกะเปี๊ยกที่เสนอหน้ามาหาเขาทุกวัน แม้ว่าเขายังต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ พอคนไข้บ่นว่าเจ็บ เขารีบหันไปบอกพยาบาลให้ส่งยาแก้ปวด ดูให้แน่ใจในชาร์ตงานว่ากินยาแก้ปวดครั้งสุดท้ายเมื่อไรและไม่ได้กินถี่จนเกินไป หย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้เหล็กข้างเตียง เพื่อตรวจดูบาดแผลให้อีกรอบ ขณะที่เธอมองไปทางอื่น ด้วยแววตาหวาดกลัวเหมือนทุกครั้งที่มีพยาบาลเข้ามาทำแผล สักพักหนึ่งเธอก็รับของจากคุณแม่มา เป็นของเล่นเด็กลักษณะไข่กลม ตีหน้าเศร้า

    “มี๊ไม่น่าซื้อไอ้ลูกไข่พลาสติกนี่มาเลยอะ วีอยากใส่บาตรกรวดน้ำให้พี่ชายขี้เหร่ทุกที วีอยากออกโรงพยาบาลไว ๆ เมื่อไรจะได้กลับบ้าน...” บ่นอีดออดว่าเธอเบื่อโรงพยาบาลจะแย่ ไหนจะลูกศิษย์มาเยี่ยม ยกกระเช้ามาเต็มไปหมด เธอไม่อยากให้ลูกศิษย์ต้องเดือดร้อนเรื่องการเดินทาง ไม่อยากเป็นภาระใครแม้เรื่องเล็กน้อย เธอไม่อยากเจ็บป่วยเลยด้วยซ้ำไป ถึงมันคงห้ามกันไม่ได้ ลูกสาวยังตั้งใจแน่วแน่ว่าพรุ่งนี้ต้องได้ทำบุญ...

    “เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้วนะลูก มี๊ว่าพี่ชายอะไรของหนูป่านนี้คงไปสู่สุคติ ไปเกิดใหม่แล้วล่ะ ลูกแค่อุทิศส่วนกุศล ส่งบุญทางใจไปก็ได้น่ะ อย่าคิดมากเลย”

    “จริงด้วยค่ะ วีแผ่เมตตาให้พี่เขาบ่อย ๆ คงได้รับบุญกุศลบ้างแหละ”

    ดีจริง เพิ่งรู้ว่ามีคนกรวดน้ำ แผ่เมตตาให้ด้วย ขอบคุณนะครับ แต่ว่ายังไม่ตาย!’

    คุณหมอหน้าหวานเพียงพูดในใจ เมื่อทั้งสองคงคิดว่าเขาเป็นส่วนเกิน ส่วนคุณแม่น่ะจงใจเปิดประเด็น แต่เนื่องมาจากว่ามันไม่ควรเป็นบทสนทนาของเขา สองแม่ลูกกำลังคุยกัน เขาก็ไม่คิดจะแทรกอยู่แล้ว แค่น้องวีโดนคุณแม่หลอก ไม่รู้ว่าเขาเป็นพี่ชายขี้เหร่น่ะสิ มันน่าน้อยใจนักนะ

    “คนไข้ง่วงหรือเปล่า? จะเที่ยงแล้ว ทานข้าวทานยาเสียก่อนค่อยนอนนะครับ”

    “ไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงเวลาทานยาแล้วฉันจะทานให้ครบ ไม่ให้หมอนัทต้องเดือดร้อนเลยค่ะ”

    จิตแพทย์หนุ่มเปลี่ยนท่าทีไปโดยสิ้นเชิง ใบหน้าหล่อเหลาผุดรอยยิ้มหวาน “การรักษาสำหรับหมอ ไม่ใช่แค่ที่ตาเห็น ระหว่างรอข้าวเที่ยง หมอจะอยู่เป็นเพื่อนคุยแล้วกัน”

    “ตามใจค่ะ”

    “คุณแม่อยู่ฟังด้วยก็ได้นะครับ หมอว่า... เราจะได้ปรึกษา หาทางออกเรื่องการบำบัดรักษา ดีกว่าการกินยาไปเรื่อย ๆ เนอะ ดีกับสุขภาพมากกว่านะครับ”

    “ดีจ้ะลูกนัท ลูกว่ามาเลย คนกันเองเนอะ” มารดาตอบด้วยรอยยิ้ม ลูกสาวหันมองขวับ! ถลึงตาใส่หล่อนที่ยกมือป้องปากหัวเราะ ค่อยหันไปทางคุณหมอหนุ่มหน้าหวาน แก้มขาวนวลกลายเป็นสีซับเลือดด้วยความเขินอาย

    แทนที่คุณหมอจะทำเป็นเพิกเฉยหรือปฏิเสธ เขาเพียงบอกอย่างใจดี

    “ไม่ต้องอายนะครับ เอาเรื่องเจ็บป่วยใจก่อน เรื่องสุขภาพจิตสำคัญ”

    จะไม่ให้อายได้ยังไงเล่า! หม่ามี๊เธออยากได้คุณหมอเป็นลูกเขยซะออกนอกหน้าขนาดนี้ คิดแล้วเธอก็ก้มหน้าลงมองตักตัวเองที่มีผ้าห่มคลุม ตอบเร็ว ๆ “ค่ะ ๆ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×