คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 3-2 ความรักที่ผิดหวัง (100%)
ธนัชนั่งวุ่นวายกับเอกสารงานที่ส่งมาทางอีเมลในแท็บเล็ต ไม่นานนัก เสียงโทรศัพท์สั่นดังในกระเป๋ากางเกงก็ก่อกวนเวลางาน คิ้วเรียวเข้มที่เรียบขนานไปกับนัยน์ตาคู่หวานคมขมวดเข้าหากัน พอเห็นปลายสายเป็นใคร...
‘尾田一郎’
โทรศัพท์อีกเครื่องบนโต๊ะกระจกใกล้กับจอคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่แล้วบันทึกชื่อญาติเป็นภาษาญี่ปุ่น คงเพราะว่าเขาไม่อยากรับสายใคร ไม่คิดจะรับสาย ยี่สิบปี... ขาดการติดต่อ มีก็แต่อิจิโร่ที่พยายามโทรมาอยู่บ่อยครั้ง หลังพบว่าเขายังมีชีวิตอยู่ดีมีสุข เป็นนายแพทย์ใหญ่ในโรงพยาบาลเอกชน
‘ป่วยไม่เยี่ยม ตายไม่เผา’ อาจฟังดูใจไม้ไส้ระกำ แต่มันคงเทียบไม่ได้กับการกระทำอันโหดร้ายทารุณของจอมเผด็จการ บิดาผู้ทำให้เขาต้องเติบโตมาอย่างลำบาก ชนิดคนรับใช้ยังมีคุณภาพชีวิตดีกว่า มิหนำซ้ำยังเจตนาฆ่ากันให้ตายคามือ แน่ว่าเขาคงไม่อยากคุยกับมัน แต่จำเป็นต้องรับ
“ว่าไง?”
[ไปก่อเรื่องอะไรไว้?]
น้ำเสียงหงุดหงิดกรอกมาตามสาย หนุ่มใหญ่วัยหกสิบกว่าปีพยายามเอาใจลูกชายด้วยภาษาไทยซึ่งภรรยาเคยสอน อีกฝ่ายเพียงตอบกลับด้วยภาษาญี่ปุ่น เพราะไม่อยากให้พยาบาลคนไหนบังเอิญมาได้ยินเข้า
“ก็แค่ฆ่าหมาไปสามตัว อ้อ... ไม่สิ พวกขยะสังคม ทำไมล่ะ? แกควรชื่นชมผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันสิ”
ธนัชมีความคิดว่าสุนัขยังดีกว่าขยะสามชิ้นนั่น ลองถ้าไม่ใช่เขาแต่เป็นผู้เคราะห์ร้ายรายอื่น คงต้องสังเวยชีวิตไปกับพวกมัน ยังมีเรื่องน่าขัดใจอีกอย่าง
[หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก อย่าให้ฉันต้องเตือนแกเป็นครั้งที่สอง]
“ไม่รู้สิ ของแบบนี้มันคาดเดาไม่ได้ แล้ว... คนที่สอนให้ฉันมีจิตใจโหดเหี้ยมมาตั้งแต่อายุยังน้อย ก็แกไม่ใช่เหรอ? ฉันว่าการเป็นหมอของฉันน่าจะขัดใจแกมากกว่างานกระทืบโจรนะ”
[คิดจะสร้างปัญหาให้ฉันปวดกบาลไปถึงไหน ทำไมไม่ทำตัวดีๆ มีครอบครัวไปซะ แล้วลูกสาวคุณนาย...]
“อย่าแม้แต่จะคิด!” เสียงแข็งขัด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บิดาพยายามจับเขาแต่งเมีย ทั้งที่เลิกนับญาติกันไปนานชาติ ยิ่งครั้งนี้ดันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย พวกนักข่าวใส่สีตีไข่จนเรื่องเล็ก ๆ กลายเป็นประเด็นแห่งชาติ คุณหมอโดนปล้นชิงทรัพย์ พ่วงเจตนาฆ่า จะให้ส่งยิ้มหวานรอมันจ้วงไส้รึไง แค่อบรมสั่งสอนพอหายคันมือคันเท้า แถมเรียกรถพยาบาลให้ด้วยก็ใจดีเท่าไร
[ปีหน้าจะสามสิบแปดแล้ว มีครอบครัวให้มันเป็นเรื่องเป็นราวไปซะ ฉันเพิ่งคุยกับทางนั้นเขาไว้ว่าจะให้แกไปดูตัว ยังไงแกก็ต้องไป ลูกชาย]
“นี่แกจำอายุฉันได้ด้วยเรอะ ตลกเป็นบ้า...”
[อย่ามายอกย้อน! กูเป็นพ่อมึงนะ!]
อิจิโร่ขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน กำโทรศัพท์แน่นจนเจ็บอุ้งมือ ขณะฟังเสียงหัวเราะยียวนกวนประสาทของลูกชายที่เคยเชื่อฟังเขาทุกอย่าง ไม่เลิกพร่ำพูดถึงเรื่องอดีตความเลวร้ายของพ่อที่ยอมโอนอ่อนเรียก ‘ลูกชาย’
“อย่าเข้าข้างตัวเองหน่อยเลย แกเคยรู้สึกแบบนั้นจริงเหรอ? อิจิโร่ ‘พ่อ’ ที่ไหนเขาสั่งฆ่าลูกในไส้ อุตส่าห์ส่งคนมาดูให้แน่ใจด้วยนะว่าฉันตายหรือเปล่า แต่พอดีว่าฉันหนังเหนียวเหมือนพ่อ ไม่รู้ทำไมยังไม่ตายซะที เสียใจกับแกจริง ๆ ด้วยนะ”
ได้ยินเท่านั้น น้ำหยดใสระรื้นขึ้นเปลือกตาหนาของเจ้าพ่อมาเฟียผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอ ก้อนจุกตันในลำคอถูกกล้ำกลืนลงไปอย่างยากลำบาก ลูกของเขาพูดถูก เขาไม่สมควรเรียกตัวเองว่าพ่อด้วยซ้ำ แม้จะอยากแก้ตัวใหม่ ความคิดกับการกระทำของเขากลับไม่เคยไปในทางเดียวกัน...
[ฉันใจดีกับแก... มอบอิสรภาพให้แกมาเนิ่นนานมากพอแล้ว เตรียมเก็บข้าวของกลับญี่ปุ่น ก่อนที่ฉันจะส่งคนไปลากคอแกพร้อมลูกตะกั่ว]
“ได้สิ! แกอยากให้แต่งกับใคร ฉันจะแต่ง แต่จะบอกอะไรอย่าง ทันทีที่เข้าห้องหอ ฉันจะหั่นนังนั่นเป็นชิ้น ๆ ยัดใส่กล่องคืนกลับแม่มันแบบไม่มีเลือดสักหยด แล้วถ้าแกคิดว่าคนอย่างฉันกลัวตาย ฉันว่าเราคงคุยกันคนละเรื่อง บาย...” คำสุดท้ายในน้ำเสียงโอหัง เขาตัดสายทิ้งได้เร็วกว่าอย่างผู้ชนะในบทสนทนา ก่อนจะลุกไปเปิดประตูขยิบตาส่งสัญญาณว่าพร้อมรับคนไข้ต่อ พยาบาลสาวมารยาทงามจึงเชิญหนุ่มรูปหล่อผู้เรียกความสนใจให้สาวทุกนางในโรงพยาบาลเหลียวมองคอแทบหลุดเข้าห้องตรวจ
หนุ่มรุ่นน้องวัยสามสิบห้าปี บังเอิญรู้จักกันตอนช่วงเรียนหมอ เพราะมันชอบไปเที่ยวเล่นบ้านนายธนากร เพื่อนบ้านบิดาบุญธรรมผู้เมตตาอุปการะเด็กตาดำ ๆ ในสมัยที่ต้องหนีตายจากพ่อเฮงซวยมาอาศัยอยู่เชียงใหม่ สำหรับธนัชแล้ว นายชานนท์เป็นคนมีน้ำใจ ช่วยเหลือเพื่อนฝูง น่าคบหาคนหนึ่ง หากไม่นับเรื่องที่มันชอบพร่ำเพ้อพรรณนาเรื่องน้องสาวต่างสายเลือด เรื่องคลั่งรักน้องสาว! จะไม่มีใครรำคาญมันเลย
คิ้วเรียวเข้มหนาที่รับกับดวงตาคู่หวานคมเลิกขึ้นมองเชิ้ตสีเทามีคราบเลือดเปื้อนอยู่เป็นหย่อม ๆ หลังจากที่ผ่อนความเดือดดาลลง ความสงสัยก็เข้ามาแทนที่
“สภาพนี้ไม่น่ามาขอยานอนหลับ ยาคลายเครียด ไปฟัดสาวบริสุทธิ์ที่ไหนมาล่ะ? เลือดโชกเชียว”
“ไอ้หมอ ไม่กวนตีนสักวันจะตายมั้ยวะ?” บ่นอย่างหัวเสีย เพื่อนในฐานะคนไข้หย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีเบาะหุ้มหนัง คุณหมอหมุนปากกาเล่นในมือ หน้าตากวนประสาท จนได้ยินชายในฝั่งตรงข้ามลดน้ำเสียงลง
“น้องสาวกูโดนรถชน ช่วยไปดูให้หน่อย”
“กู-เป็น-จิต-ตะ-แพทย์”
“โธ่! ไอ้นัท จิตแพทย์ก็ต้องจบหมอทั่วไปก่อนต่อเฉพาะทาง มึงเป็นหมอมาตั้งกี่ปีจนเป็นอาจารย์แล้ว ทำไมจะไปช่วยหมอแผนกนู้นไม่ได้ เพื่อนวานแค่นี้ มึงช่วยกูหน่อยนะ คิดเอา ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ โดนรถชน พวกเมาแล้วขับ ตอนนี้สภาพจิตใจเธอคงแย่มาก นะนะ ไปดูน้องวีให้หน่อย”
คุณหมอธนัชไม่ใช่คนเกี่ยงงาน แต่เป็นเพราะต่อมความอยากรู้อยากเห็นกำลังทำงานอย่างหนัก ทั้งที่เขาไม่ชอบยุ่งเรื่องของใคร จึงหยั่งเชิงด้วยท่าทีเฉยเมย
“อืม... ก็ได้ ถ้าอยากให้ช่วยจริง ๆ พอเธออาการดีขึ้นแล้วค่อยพามาตรวจสุขภาพจิตน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า หมอไม่เคยปฏิเสธคนไข้อยู่แล้วนะครับ ใครเดินเข้ามา รักษาให้หมด”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น มึงก็รู้!”
“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ... หืม?”
นัยน์ตาประกายกร้าวของนายชานนท์ตอบคำถามทั้งหมดแล้ว คุณหมอกลับแค่นหัวเราะ ในใจก็คิดว่าน้องสาวเพื่อนคงสวยใช่ย่อย ถ้าเขาไม่รีบถ่อสังขารไปรักษาผู้ป่วยกิตติมศักดิ์ อาจมีพี่ชายบ้าทำวางกล้ามอวดเรื่องบ้านรวยคับฟ้า เป็นลูกชายเจ้าของโรงแรมใหญ่ มันคงไปไล่ตะเพิดหมอหนุ่ม ๆ ในโรงพยาบาลไม่ให้มายุ่งกับเธอแน่
“โอเค... เดี๋ยวจะช่วยไปเป็นธุระให้ น้องมึงชื่ออะไร?”
“นวีนา พิชยเดชา”
“ไม่ใช่ พันธวงศ์?” เลิกคิ้วขึ้นถาม มือหนาคว้ากระดาษโน้ตบนโต๊ะมาตวัดปลายปากกาเร็วๆ ‘นวีนา พิชยเดชา’
“เราเป็นญาติห่าง ๆ อยู่บ้านเดียวกันมาตั้งแต่รุ่นโคตรเหง้าศักราชพระยาแม้วแล้ว ทุกคนที่บ้านอยากให้หมั้นกันด้วยซ้ำไป ถ้าน้องวีไม่...” ท้ายประโยคขาดช่วงไป เมื่อนึกถึงวันสำคัญ ตอนนวีนากลับมาจากสหรัฐอเมริกาใหม่ ๆ เขาไปขอย่าชมให้พูดกับน้องเรื่องงานหมั้น คุณนายจิดาภาก็เข้ามาขัด
คิดไม่ทันไร ใบหน้าคมเข้มเครียดจัดค้อนขวับใส่เพื่อนที่ไม่รู้ว่าหลวมตัวคบเข้าไปได้ยังไง
“หัดติดตามข่าวสารบ้างนะ”
“ไม่อะ รกสมอง”
ชานนท์เบิกตาโพล่งอย่างโมโห แต่เพราะไอ้หมอนี่เป็นคนเดียวเขาไว้วางใจได้ เลยแค่เอาคืนด้วยการล้อเลียน “ฝากไปดูน้องวีด้วยแล้วกัน รีเควสหมอผู้หญิงมาคอยดูแลด้วยนะ อาริงาโตะ โนบิตะ” จากนั้นก็ลุกพรวดออกจากห้องไปด้วยความโล่งใจ โดยไม่ได้ฟังเสียงก่นด่าไล่หลังตามมา
“ไอ้... เชี้ยนนท์!”
คุณหมอเพียงสบถกร่นด่าเพื่อนลำพังในห้อง คนอะไรช่างไม่รู้จักสำเหนียกบุญคุณ แต่เขาก็ยอมทำหน้าที่ ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่เข้าไปยุ่งกับการทำงานของหมอใหญ่ในอีกแผนกให้มากจนเกินงาม มือคว้าโทรศัพท์มาหมุนเลขหมายภายใน เพื่อสอบถามรายละเอียดคนไข้ในความดูแลของห้องฉุกเฉิน
ความคิดเห็น