คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 2-2 คำเตือนจากเพื่อนสาว (100%)
“มาทำเป็นพูดดี คราวก่อนให้ยัยนุชไปดูตัวแทน รู้มั้ยหม่อมทิพย์เธอโกรธมี๊มาก” บ่นพลางย่นจมูกใส่ลูกสาว ยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบแล้วส่ายหน้าไปมา นึกถึงวันที่จัดการนัดหมายเป็นมั่นเป็นเหมาะ เชิญผู้ดีมียศศักดิ์ ทั้งท่านหญิงและคุณชายมาเที่ยวชมงานบริษัท คนปรากฏตัวกลับเป็นชญานุชผู้ถูกพี่สาวต่างสายเลือดเอากระเป๋าแบรนด์เนมมาแลกเปลี่ยน
“หงุดหงิดมากระวังริ้วรอยจะมาเยือน หมดสวยไม่รู้ด้วยนะ คุณนายจิดาภา” มือเรียวเอื้อมไปบีบแก้มป่องเข้าที พอสาวใหญ่วัยสี่สิบแปดหันไปจัดการมื้อเช้าต่อ วีรกรรมของเธอจึงถูกยกออกจากหัวข้อสนทนา
“อืม... ลูกวี เดือนนี้มีคอลเลคชั่นใหม่ออกเยอะ มี๊อยากได้หลุยส์ใบใหม่ ที่หิ้วอยู่มันตกเทรนแล้ว พรุ่งนี้เลิกงานไปเจอกันที่เพนท์เฮ้าส์นะ”
“โอ้โห! คุณนายขา ทุกวันนี้เสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าของเราสองคนให้กทม.มาขนไปถมที่ได้แล้ว ยังจะซื้อเพิ่มอีกเหรอ?”
“ของพวกนี้มันเป็นงาน อย่าขัดใจสิ” คุณแม่ค่อนขอด เปลี่ยนท่าทีเป็นเด็กเอาแต่ใจ “ตกลงจะไปหรือไม่ไป?”
“ตามใจค่ะ ตามใจ...”
“อีกเรื่อง...” จิดาภาชะงักไปครู่ ด้วยกลัวคำตอบของอีกฝ่าย จนสบตาใสแป๋วของลูก ปรับน้ำเสียงเข้มขึ้น “หนูช่วยไปเจอพี่นนท์ที่ร้านอาหารหน่อยนะลูก”
เพียงได้ยินชื่อ ‘ชานนท์’ มือที่จับช้อนส้อมชะงักนิ่งไป มารดาคงรู้ดีว่าลูกสาวพร้อมจะปฏิเสธคำขอร้องจากหล่อน ไม่ว่าจากใครก็ตาม ถ้าหากว่ามันเกี่ยวข้องกับชานนท์
“งานวียุ่งจะตาย ไม่มีเวลาไปพบญาติมากมายหรอก”
“ลูกไม่ยุ่งมากขนาดนั้นหรอกน่ะ ไปเจอเขาหน่อย พี่นนท์แค่อยากเคลียร์กับลูกให้เข้าใจ อย่าให้ต้องถึงย่าชมเลยนะ เรื่องมันจะยาว วันนี้เลิกงานแล้วไปคุยกัน มี๊เองก็ช่วยเรามาตลอดจนช่วยไม่ไหวแล้วลูก ลูกแกล้งทำเป็นเออออไปก็ได้”
คนฟังถอนหายใจออกมา พอคิดตามเหตุผลที่คุณแม่พูด เห็นว่าคราวนี้เธอคงเลี่ยงไม่ได้
“ก็ได้ค่ะ...”
“พรุ่งนี้หกโมงเย็น ร้านเดิมนะจ๊ะ”
จิดาภายกมือขึ้นประคองแก้มเนียนของลูกสาวด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู แม้อีกฝ่ายไม่ยอมตอบอะไรเลย ลุกจากเก้าอี้พรวดพราด ก่อนจะเดินย้อนกลับมากอดหอมลาคุณแม่เสียก่อน ค่อยหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมสีขาวใบโปรดราคาเหยียดล้าน ของขวัญวันเกิดจากคุณแม่ขึ้นสะพายพาดบ่าไป
อาจารย์สาวคนสวยมาถึงมหาวิทยาลัยก่อนเวลาสอนครึ่งชั่วโมง บรรยายทฤษฎีดนตรีตรงเวลา ปล่อยให้นักศึกษาจับกลุ่มกันตามอัธยาศัย ในชั่วโมงการเรียนแบบศึกษาด้วยตัวเอง โดยมีอาจารย์คอยเข้าไปให้คำปรึกษา
หวนคิดถึงบางคน ผู้สร้างแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้เธอได้ขับเคลื่อนความฝันจนมาอยู่ ณ จุดนี้ หลังคว้า Ph.D. เอกการประพันธ์ เรียบเรียงเสียงประสานมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมาเชยชมด้วยอายุเพียงยี่สิบแปดปี
เป้าหมายสูงสุดในชีวิตคือเดินสายเปิดคอนเสิร์ตไปทั่วโลกโดยมีเพื่อนรักทั้งสองร่วมวง
น่าเสียดายที่เรื่องราวเก่า ๆ อันล้ำค่าเหล่านั้นไม่มีวันย้อนกลับมา...
หญิงสาวลากเก้าอี้มานั่งตรงมุมห้องในท่าทางสบาย ๆ ขณะเงี่ยหูฟังเสียงอื้ออึงของเครื่องดนตรีหลายชนิด คอยให้ความช่วยเหลือนักศึกษา แต่ละคนตั้งใจกันมากในชั่วโมงปฏิบัติที่มีอาจารย์ปริญญาไม่ธรรมดามาสอน ซึ่งอาจารย์ดอกเตอร์นวีนาสามารถสอนได้ทั้งดนตรีสากล เครื่องสี ตีเป่าที่ใช้ในวงออเคสตร้า แม้แต่ดนตรีไทย เพราะถึงจะอยู่เมืองนอกมาค่อนชีวิต เธอไม่เคยลืมวัฒนธรรมอันล้ำค่ำ ขนาดตอนทำวิทยานิพนธ์ ช่วงปริญญาโท เธอยังเลือกหัวข้องานวิจัยเรื่องวงดนตรีสยามแต่ดั้งเดิม ‘Traditional Siamese music band’
จำได้ว่าไมค์เห็นด้วยกับเธอเป็นอย่างมากในหัวข้อนี้ เขาชื่นชอบมันเสียจนนำเพลงพระราชนิพนธ์ไปสีไวโอลินในร้านอาหาร ด้วยนิสัยของพี่ชายฝาแฝด เขาทำงานหาเงินจุนเจือครอบครัวที่รับอุปการะเขากับน้องสาว คุยโวไปทั่วว่า ‘วีน่า’ เพื่อนรักเป็นนักศึกษาอายุน้อยที่สุดในระดับชั้น เธอสอบเทียบวุฒิได้ด้วยความสามารถทางด้านดนตรีอย่างแท้จริง เธอเป็นอัจฉริยะทางดนตรี! เป็นแรงบันดาลใจของเขาและลิลลี่ แล้วเขาก็ใช้พยายามมากกว่าเดิมนับร้อยเท่าในการเรียนวิชาดนตรี เพื่อจะได้พบหน้ากันบ่อย ๆ จนพวกเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เดียวกับเธอได้ในที่สุด
“ความขยันไม่ทำให้ใครลำบาก การทำสิ่งที่ชอบให้ประสบความสำเร็จก็ต้องขยันซ้อมลูกเดียวค่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน กลับบ้านไปซ้อมกันเยอะๆ นะคะ โดยเฉพาะ นางสาวเอกชัย...” อาจารย์สาวค่อนขอดนักศึกษาชายเทียมปีสี่ที่ต้องเดี่ยวเปียโนในงานประจำปี เนื่องจากว่าเจ้าตัวมีอาการเหม่อลอยผิดปรกติ
นางสาวดราม่าผู้มีเอกลักษณ์ประจำตัวเริ่มกรีดกรายท่วงทำนองไร้ความไพเราะใส่เปียโน ขยับลงไปหมุนกลิ้งไถลถูไถกับพื้น จบลงที่การนอนคว่ำหน้าท่าแพลงกิ้งยอดฮิต เรียกเสียงหัวเราะให้นักศึกษาในห้องขำกันตัวขดตัวงอ
“มันเพิ่งโดนผู้ชายทิ้งมาค่ะ อาจารย์”
“หืม?” อาจารย์หน้าตาสงสัย แถมพอนักศึกษาคนหนึ่งเปิดประเด็น เพื่อนในคลาสก็เริ่มสาดฝีปากกันอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน โดยไม่มีใครสงสารนายเอกชัยเลย เสียงโหวกเหวกโวยวายระคนเสียงหัวเราะดังคลุ้งกันไปทั่วทั้งห้อง ก่อนที่เสียงออดจะดังขึ้นเชื้อเชิญทุกชีวิตให้เตรียมกระโจนกายออกนอกรั้วมหาวิทยาลัย รวมไปถึงนักศึกษาชายเทียมร่างสูงใหญ่ที่ดูมีความสุขดี ห่างไกลคำว่าอกหักมากนัก
ต่างจากคนเป็นอาจารย์ลิบลับ ถ้าเธอคิดได้อย่างเอกชัยบ้างคงดี...
นวีนาส่ายหน้าไปมาเพื่อสลัดอารมณ์ฟุ้งซ่าน ลึก ๆ เธอคงนึกสมเพชตัวเอง
เมื่อมหากาพย์โรมิโอจูเลียตจบลงด้วยการสลัดไม้บาตอง หอบหัวใจบอบช้ำกลับมายึดอาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ไม่เลวร้ายสักเท่าไร อย่างน้อยเธอก็มีความสุขกับลูกศิษย์ที่น่ารัก ทำงานเป็นที่เป็นทาง ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกลจากมารดาซึ่งอายุมากขึ้นทุกวัน เธอก็ควรต้องอยู่เป็นเพื่อนหม่ามี๊
อาจารย์นั่งลงบนเก้าอี้ไม้มีเบาะหุ้มหนังอย่างดี เมื่อนักศึกษาออกจากห้องไปหมดแล้ว พอดีกับที่โทรศัพท์ดังถี่ระรัวกว่าสิบสาย...
‘มันจะโทรจิกอะไรนักหนา!’
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าแบรนด์เนมหนังถูกหยิบขึ้นมาอย่างหงุดหงิด อาจารย์สาวก้มมองหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือปรากฏชื่อ ‘ป๋องหน้าเลือด’ ไม่ใช่พี่ชายต่างสายเลือดที่เหม็นขี้หน้าสุด ๆ หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“เป็นไงบ้างคะคุณป๋อง คุณสืบทราบเรื่องที่ฉันบอกเอาไว้แล้วใช่ไหม?”
[ฟังข่าวดีเลยไหมครับ? อาจารย์]
“ว่ามาเลยค่ะ”
[...]
“เดี๋ยวฉันโอนเงินให้นะ!” เสียงแหลมตะโกนใส่คนที่หัวเราะแห้ง ๆ เธอได้แต่สาปสบถในใจ ไอ้ป๋องหน้าเลือด! จำต้องอดกลั้นไว้เพื่อเรื่องสำคัญของไมค์และลิลลี่
หลังจากที่ไมค์ถูกข้อหาฆาตกรรมน้องสาวฝาแฝด เขาติดคุกอยู่สักพักหนึ่งแล้วออกมาเพื่อไปสู้คดีความในศาล เขาก็ไม่ส่งข่าวคราวมาอีกเลย ไม่ว่าเธอพยายามหาทางติดต่อไป ทุกช่องทางไม่มีการตอบกลับ จนต้องไปพึ่งนักสืบเอกชนฝีมือดีจากการแนะนำผ่านเพื่อนผู้ประกาศสาวคนดัง แต่สองปีมานี้หลักล้าน! เพียงเพราะว่าเธออยากรู้ข่าวคราวของไมค์บ้าง
นี่อะไรกัน? อุตส่าห์บากหน้าไปขอเบอร์มาอย่างยากลำบาก เหมือนว่าเธอกำลังคบหากับมิจฉาชีพ โทรมาปล้นทรัพย์ทีละหมื่นสองหมื่น แลกกับข่าว...
[งานไวงานดี แต่ของฟรีไม่มีบนโลกนะครับ เคสอาจารย์งานช้างเสียด้วย งานระดับ CIA ตำรวจสากลมีเอี่ยวด้วยนะครับ ผมต้องเสี่ยงชีวิตน่าดูเลยนะ]
“ทีแรกเราตกลงเรื่องราคากันแล้วไม่ใช่หรือคะ? คุณบอกว่าบวกเพิ่มไม่เกินกี่เปอร์เซ็น ไม่เป็นไปตามรับปากเลย อย่างกมากนะคะคุณป๋อง ระวังจะไม่ได้เงินสักบาทจากลูกค้า”
[โธ่! อาจารย์ สงสารผมหน่อยเถอะครับ แม่ผมป่วย ผมต้องใช้เงินเยอะมาก]
“เลิกบ่นเรื่องพ่อป่วยแม่ป่วยเสียทีค่ะ ฉันโอนไปตั้งเยอะแล้ว บอกมาเร็ว ๆ”
[เอ้อ... อาจารย์ระวังตัวด้วยนะครับ คนพวกนี้มีเอี่ยวพันกับคดีประหลาด ๆ ผมเห็นตำรวจสากลคนหนึ่งป้วนเปี้ยนอยู่ละแวกบ้านคุณเมื่อวันก่อน เรื่องคนคุ้มกันของพี่ชายคุณก็ไม่ธรรมดา เป็นมาเฟียวางมือ ครอบครัวของนายนี่ตายผิดธรรมชาติ ตำรวจฮ่องกงนิ่งเฉย ไม่ทำคดีต่อ เจ้าตัวปางตายมาตั้งรกรากในเมืองไทย มาเป็นสุนัขรับใช้บ้านนายชานนท์ชนิดถวายหัว]
“เรื่องไอ้เหวินฉันพอจะรู้ที่มาที่ไปอยู่ ยังไงก็ขอบคุณที่เตือนนะคุณป๋อง”
คนคุ้มกันของบ้าน ‘พันธวงศ์’ คอยดูแลพวกเขามาหลายปีแล้ว แน่ล่ะว่าเธอไม่ชอบขี้หน้า เลยเรียกไอ้เหวิน ทั้งที่จริงแล้วเธอเป็นคนสุภาพมาก
[โชคดีนะครับที่อาจารย์เลือกต่อต้านผู้ใหญ่ ไม่หมั้นกับนายชานนท์ไปก่อน ผมว่าบ้านนี้ท่าทางแปลก ๆ ผมขอไปสืบเพิ่มเติมก่อนนะ]
“มีอะไรรีบโทรบอกฉันแล้วกันค่ะ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ฉันไม่ใช่คนขี้งก แค่อย่าเอาเปรียบฉันมากจนเกินไปนะคะ”
[ครับ ๆ อาจารย์ครับ]
นายป๋องหน้าเลือดตอบไว ๆ ไม่ขอเงินก้อนใหญ่อีกก้อน แถมยอมบอกข้อมูลดี ๆ ก่อนวางสายไป อาจารย์สาวยิ้มออกมาได้ ด้วยความรู้สึกโล่งใจกับเรื่องที่ได้ยินมาว่าไมค์สบายดี พร้อมกันนั้น มีสายซ้อนเข้ามา เป็นข้อความเร่งเร้าจากคุณแม่ให้รีบไปพบพี่ชายต่างสายเลือดตามนัดหมาย
ความคิดเห็น