คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตรงข้ามหน้าต่างห้องนอน (เด็กคนนั้นเป็นใครกันนะ)
- 7 -
สาวน้อยในห้องมืด
มาทิลดาหยุดอยู่หน้าประตูรั้วสีดำที่มีเถาองุ่นเลื้อยเลาะอยู่ตามซี่รั้ว เธอไม่รีรอที่จะเปิดประตูและเข้าไป เธอวิ่งผ่านสนามหน้าบ้านอันประกอบด้วยต้นไม้เล็กใหญ่นานาพันธุ์ และไปหยุดอยู่หน้าประตูที่จะนำเธอเข้าสู่ตัวบ้าน ยังไม่ทันที่มือของเธอจะเอื้อมถึงลูกบิดประตู พลันประตูเปิดโผละออกมาเสียก่อน
“มาทิลดา!” ผู้ที่ยืนอยู่หลังประตูคือเด็กสาวสวย ผมสีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสีเขียวมรกตซึ่งกำลัง มองมาทิลดาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือ “หายไปอีกแล้ว”
“นะ นาตาลี---คือว่า...” มาทิลดาพยายามหาข้อแก้ตัว เพราะมีบางสิ่งในตัวเธอบอกว่าเธอไม่ควรพูดเรื่องชาร์ลส์ “ฉัน...ฉัน...”
“เธอ!” นาตาลีแผดเสียง
“คือฉัน---”
“เธอแอบไปนอนเล่นที่ชายหาดอีกแล้วใช่ไหม” นาตาลีพูดก่อนถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“เอ่อ ใช่ๆ ฉันทำอย่างนั้นแหละ ฉันไปนอนเล่นที่ชายหาด” มาทิลดาพูดหัวเราะเจือนๆ
“เธอนี่น้า---ไม่ไหวจริงๆ” นาตาลีพูดพลางส่ายหัว ก่อนดึงมาทิลดาเข้ามาในบ้าน “วันนี้ครอบครัวเบอร์ตั้นจะมาทานข้าวเย็น ลืมแล้วรึไง” นาตาลีว่าขณะที่ทั้งสองเดินไปยังห้องรับประทานอาหาร
กาเบรียลอยู่ที่นั่นและกำลังถูพื้น เธอช้อนสายตามองมาทิลดาอย่างแปลกใจ
คิมกำลังจัดเก้าอี้และโต๊ะเธอหันมามองมาทิลดาแต่ไม่ได้แสดงอาการใดๆ เช่นเดียวกับไลลาที่กำลังเช็ดโต๊ะ
เฟียส์ยิ้มน้อยๆให้มาทิลดาขณะที่เขาจัดกรอบรูปบนชั้นและบนผนัง
เมื่อเธอไม่เห็นว่ามีหน้าที่ใดที่จะทำได้ในห้องรับประทานอาหาร จึงเดินลัดไปที่ห้องครัวแทน เธอบีบกล่องเงินที่อยู่ในมือ เพราะเธอรู้สึกกดดันกระมังที่ทุกคนในห้องครัวมองเธอเป็นตาเดียว เธอยิ้มเจือนๆ ก่อนหุบรอยยิ้มลงเรื่อยๆเมื่อทุกคนมีสีหน้าเหมือนอารมณ์ไม่ดี มาทิลดาวางกล่องเงินลงบนโต๊ะรับแขกเล็กๆข้างประตู ก่อนพูดด้วยเสียงตระกุกตระกัก
“มะ มีอะไรที่ ฉะ ฉันพอที่จะช่วยได้บ้าง...”
สิ่งที่อยู่ในหัวเธอตอนนี้คือความรู้สึกที่ว่าทุกคนในห้องนี้ ไม่สิ ทุกคนในบ้านนี้โกรธเธอจนหมด พวกเขามองเหมือนเธอไปฆ่าคนตายหรือขโมยของในพระราชสำนัก และกำลังถูกประหาร ทั้งที่ความผิดของเธอคือหายออกไปนอกบ้านครึ่งวันเท่านั้น เธอรู้สึกกดดันไปหมด ปากของเธอสั่นเหมือนจะพูดอะไรออกมา เมื่อถึงขีดสุดเธอจึงระเบิดออก
“โอ๊ย! ไม่ไหวแล้ว---พวกเธอมองฉันอย่างนั้นทำไม่เนี่ย ฉันไม่ได้ไปฆ่าคนตายมาซะหน่อย!” มาทิลดาพูดอย่างหมดความอดทน
“ฉันบอก ฉันบอกนายแล้ววาเธอยังไม่ตาย” ไนเจลว่าพลางเหวี่ยงหมัดอย่างพอใจ
“ว่าไงนะ...” มาทิลดามองอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันก็ไม่ได้บอกสักคำว่าเธอตายแล้ว” เอริคพูดผงะไปข้างหลัง
“นายเป็นคนบอกว่ามาทิลดาคงถูกคลื่นซัดลงทะเลตอนเธอเผลอนอนหลับ” เดย์พูด
“นายพูดอะไร เหลวไหลงี่เง่าชะมัด” เอริคแย้ง
“ก็นายนั่นแหละพูด ไอ้งี่เง่า” ไนเจลพูด
“ต่อให้ฉันพูด แล้วนาย
“หุบปากไปเลย นายสามคน” นาตาลีว่าเสียงดัง จนทั้งสามหยุดชะงักหันมามอง “ทำงานได้แล้ว ทั้งหมดต้องเสร็จก่อนหกโมงครึ่ง เข้าใจมั๊ย”
ทุกคนแยกไปทำงานของตัวเอง ยกเว้นมาทิลดา เพราะเธอไม่รู้ว่าควรทำอะไรดี
“มาทิลดา มานี่หน่อย...” เดย์ที่กำลังเช็ดแก้วน้ำ กวักมือเรียกมาทิลดา
มาทิลดาเดินไปทันที “ว่าไง”เธอพูด
“เจ้าฟรอสล่ะ” เดย์ถาม
“อ้อ! อยู่ในกล่องนั่นไง” มาทิลดาชี้ไปที่กล่องเงิน
“เธอเอาไวในนี้เนี่ยนะ” เดย์พูด แล้วเดินไปหยิบกล่อง “เปิดให้มันออกมาหน่อยสิ ทำไมต้องเอาไว้ในกล่องด้วยล่ะ มันไม่เป็นไรเหรอ”
“ฉันก็ว่าแปลกๆอยู่ แต่คุณเอวาเจลีนบอกว่าเก็บไว้ในนี้แล้วจะดีเอง” มาทิลดาพูด ก่อนรับกล่องมาแล้วใช้กุญแจที่คล้องอยู่บนคอไขเปิดกล่อง แต่เมื่อเปิดกล่องออก สิ่งที่อยู่ข้างใน คือความว่างเปล่า...
มาทิลดาตกใจจนทิ้งกล่องลงบนพื้น ตัวสั่นเทา สงเสียงจี๊ดๆประหลาดในลำคอ ทุกคนในห้องหันมามองเธออีกครั้ง
“อ้าว เกิดอะไรขึ้นน่ะมาทิลดา” เดย์ก้มเก็บกล่องเงินขึ้นมา และเปิดออก “ฟรอส” เขาพูดด้วยน้ำประหลาดใจ
เขาดึงสุนัขขนฟูสีขาวบริสุทธิ์ออกมาจากกล่อง ก่อนหันไปมองมาทิลดาที่กำลังตกใจจนพูดไม่ออก “นี่แน่ะ มาทิลดาเป็นไรมากรึปล่าว”
มาทิลดาฉวยกล่องมาจากมือเดย์ เธอมองกล่องที มองเจ้าหมาป่าทีอย่างไม่เชื่อสายตาแล้วสำรวจกล่องว่ามีรูหรือช่องลับตรงไหนรึปล่าว
“เมื่อกี๊ เมื่อกี๊ มันไม่อยู่ในกล่องนี่นา” เธอพูด
“หือ... อะไรของเธอ” เดย์พูด ยื่นเจ้าฟรอสต์มาใกล้ๆ “นี่ไง มันอยู่นี่”
เธอลองจิ้มลำตัวมันเพื่อดูว่าเป็นของจริงรึปล่าว
“อะไรกัน...” เธอพูด “เมื่อกี๊มันยัง...”
เธอมองลงไปในกล่อง ลองเคาะไปทั่วกล่อง แต่ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น นอกจากเสียงที่เกิดจากการเคาะของเธอ เธออาจจะตาฝาดไปเองรึปล่าวนะ
“มีอะไรเหรอ มาทิลดา” นาตาลีพูด
มาทิลดาส่ายหน้า “สงสัยฉันตาฝาดซะแล้ว” เธอมองเจ้าฟรอสต์ที่ดูเหมือนจะไม่เป็นไรเลยจากแรงกระแทกที่เกิดจากตก “ดูเหมือนจะไม่เป็นไรนะ”
“ก็ใช่---ฉันขอยืมเล่นหน่อยนะ” เดย์พูดก่อนไปนั้งยังเก้าอี้นวมตัวใหญที่ตั้งอยู่หน้าวิทยุตรงมุมขวาในห้องครัว
มาทิลดาล็อกกล่องแล้ววางมันไว้ที่เดิม
นาตาลีหางานให้เธอทำได้แล้ว เธอต้องไปเก็บบลูเบอร์รี่สุกจากสวนหลังบ้าน นาตาลีต้องการเชื่อมมันมาทำทาร์ตเป็นของหวาน
ทาร์ตบลูเบอร์รี่...นั่นทำให้เธอนึกถึงเด็กหนุ่มผมสีดำ และนัยน์ตาสีเทาอ่อน คนประหลาดผู้นั่งเล่นกีตาร์อยู่หน้าร้านขนม บนรังใส่สินค้าผุๆ
ห้าโมงครึ่ง มาทิลดาได้บลูเบอร์รี่มาเต็มตระกร้า เธอถือมันไปให้นาตาลีที่ทำไก่อบเสร็จพอดี เธอไม่รอช้า ลงมือทำขนมทาร์ตในทันที ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเตียมการไว้เรียบร้อย เหลือก็แต่ของหวานที่เป็นสิ่งสุดท้าย
มาทิลดาขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนเข้ามานั่งเล่นในห้องนอนเพื่อเป็นการฆ่าเวลา เธอใช้ห้องนี้ร่วมกับนาตาลี คงเพราะนาตาลีเป็นจอมเฮี้ยบประจำบ้านละมั้ง ห้องนี้จึงสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าห้องนอนของคนอื่น ในห้องที่ทาสีบานเย็นจางๆมีหน้าต่างบานใหญ่สองบาน บานหนึ่งเปิดไปยังท้องทะเลกว้างใหญ่ซึ่งบัดนี้สะท้อนท้องฟ้าสีส้มอ่อนสวยงามยิ่งนัก อีกบานหนึ่งหันไปทางบ้านของครอบครัวเบอร์ตั้น หน้าต่างของเธอตรงกับหน้าต่างห้องนอนของแทมมี่ ลูกสาวคนเดียวของครอบครัวเบอร์ตั้นพอดี เธอค่อนข้างสนิทกับแทมมี่ ทั้งสองมักคุยกันผ่านหน้าต่างสองบานนี้บ่อยๆ
มาทิลดาคิดว่าแทมมี่คงไม่อยู่ในห้องเพราะปิดไฟมืดสลัว มาทิลดาหันกลับมามองทะเล ดวงดาวเริ่มกระจัดกระจายเต็มท้องฟ้า แต่ไม่มีทางที่จะเด่นเท่าพระจันทร์ดวงโตที่แผ่รัศมีสว่าง เธอเฝ้ามองบรรยากาศแสนสงบขณะที่เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
ทันใดนั้นความรู้สึกบางอย่างที่เยือกเย็น น่ากลัวชวนขนลุกก็ผ่านวาบในตัวเธอ มีบางสิ่งทำให้เธอหันไปมองห้องนอนของแทมมี่
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ตรงนั้น แต่ไม่ใช่แทมมี่ ผิวของเธอขาวซีด มีผมยาวสีดำปกหน้า และกำลังจ้องมองมาทิลดาด้วยดวงตากลวงลึกน่ากลัว เธอเอื้อมมือขาวซีดมาจับขอบหน้าต่าง แย้มริมฝีสีซีดก่อนเบิกตากว้างจนเห็นเส้นเลือดสีแดงฉานบนตาขาว นัยน์ตาดำสนิทนั้นไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้ว เปรียบมันคือบ่อน้ำว่างเปล่าที่ลึกไม่มีที่สิ้นสุด
มาทิลดาผละไปที่ประตูและเปิดออกไปทันที
ไอ้สิ่งนั้นมันคืออะไรกัน เธอคิดขณะวิ่งลงบันได
“มาทิลดา” เฟียส์พูดมาจากปลายบันได
“อย่านะ!” มาทิลดาร้องลั่น หยุดชะงักอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย
“มาทิลดา เป็นอะไรไป”
เฟียส์กล่าวด้วยสีหน้ากังวล
“มาทิลดา ทำไมหน้าซีดอย่านั้นล่ะ” คิมที่เดินผ่านตกใจเมื่อเห็นใบหน้าซีกของมาทิลดา
มาทิลดาสูดหายใจลึก กลั่นคำพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “มันมีอะไร! อะไรสักอย่างอยู่ในห้องของแทม!” มาทิลดาหายใจหอบ
“พวกเธอโวยวายอะไร” กาเบรียลเดินออกมาจากห้องครัว “ทำหน้าอย่างกับเห็นผีมาเลยนะมาทิลด์”
“มีบางอย่างอยู่ในห้องของแทมมี่” มาทิลดาพูดขณะรวบรวมสติ
“เหลวไหลใหญ่แล้ว ไวท์ลีย์” กาเบรียลพูดอย่างเบื่อหน่าย “นี่เกือบจะหกโมงครึ่ง เดี๋ยวพวกเขาก็คงจะมากันแล้ว ถ้ายังเอาแต่เล่นบ้าๆอยู่ล่ะก็งานล่มแน่”
“เธอไม่เชื่อใช่มั๊ย”
“แน่นอน---ฉันมีเรื่องอื่นสำคัญกว่ามาเล่นไร้สาระกับเธอ” กาเบรียลพูดก่อนสะบัดตัวกลับเข้าไปในห้องครัว
มาทิลดานั่งฝุบลงบนขั้นบันได พลางเอามือกุมใบหน้าที่เปื้อนเหงื่อ เธอยกมือหนึ่งห้ามเมื่อเฟียส์กับคิมทำท่าจะพูดบางอย่าง พวกเขาทั้งสองจึงพากันเดินเข้าห้องครัวแต่สายตายังจับจ้องมาทิลดาอย่างเป็นห่วง จนมาทิลดาพ้นสายตา
ใต้มือที่สั่นระริกสองข้างคือใบหน้าขวัญเสีย สิ่งนั้นมันคืออะไรกัน รอยยิ้มเย็นชา ผิวซีดเซียว ดวงตาไร้ชีวิต และความรู้สึกแห่งความอาฆาตและความตาย มันคืออะไรกันแน่...
หกโมงครึ่ง ครอบครัวเบอร์ตั้นมาถึงตรงเวลาเปะ คุณลุงโจนเชิญให้คุณเบอร์ตั้นนั่งหัวโต๊ะ คุณนายเบอร์ตันนั่งซ้ายมือ มีแทมมี่นั่งข้างๆ
ลุงโจนทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับคุณนายเบอร์ตั้น ฝากนั้นเป็นที่ของเด็กผู้ชาย ตรงข้ามไปเป็นฟากของเด็กผู้หญิง เดย์นั้งเก้าอี้ตัวหลังสุดโดยมีเจ้าฟรอสต์นอนนิ่งอยู่บนตัก
“ขอโทษนะ กาเบรียล” แทมมี่พูดเมื่อกาเบรียลกำลังจะนั่งเก้าอี้ข้างๆเธอ “ตัวนี้ให้มาทิลดาได้รึปล่าว”
แม้จะดูเหมือนไม่พอใจเท่าไหร่ แต่เธอลุกไปนั่งเก้าอี้ถัดไป
ทุกคนมาเกือบครบแล้วขาดก็แต่มาทิลดา แต่เหมือนไม่มีใครสังเกต ต่างคนต่างตักอาหารมากมายใส่จานของตน มีเพียงแทมมี่เท่านั้นที่ไม่ขยับเขยื่อน เธอนั่งมองเก้าอี้ว่างเปล่าที่ควรจะเป็นของมาทิลดา
“มาทิลดาไปไหนคะ” เธอถาม
ทุกคนต่างชะงักจากสิ่งที่ทำ แล้วหันมองหาเด็กสาวผมสีดำสั้นพริ้วเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเข้มสดใส แต่ที่นี่กลับไม่มีเธออยู่
“เดี๋ยวฉันไปตามเองค่ะ” นาตาลีพูด รวบช้อนส้อมลง ลุกขึ้น แล้วเลี้ยวผ่านประตูห้องครัวขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง
“เดี๋ยวเธอก็กลับมา” ลุงโจนพูดห้วนๆ แล้วตัดสเต็กในจานแล้วจิ้มเข้าปาก
การรับประทานอาหารดำเนินต่อไปแม้ไม่มีเด็กสาวทั้งสอง แต่ทันใดเจ้าฟรอสต์ที่นั่งอยู่บนตักเดย์คอยกินเศษอาหารที่เหลือ พลันชะงับกึกขึ้น
“แกเป็นอะไรน่ะ” เดย์พูดเมื่อเห็นท่าทีผิดประหลาดของฟรอสต์
มันกระโจนจากบนตักลงสู่พื้นแล้ววิ่งขึ้นไปยังชั้นสอง
“ผมขอตัวเดี๋ยว” เดย์ลุกขึ้นแล้ววิ่งตามเจ้าฟรอสต์ขึ้นไป
ลุงโจนมองตามหลังเดย์พลางเคี้ยวอาหารในปาก
“ใครต้องการจะไปอีกให้พูดว่า ‘ไอ’”
ลุงโจนพูดเมื่อเคี้ยวอาหารหมดปาก
“ไอ!”
เด็กทุกคนพูดและยกมือขึ้นพร้อมกัน รวมถึงแทมมี่ แต่คุณนายเบอร์ตั้นโอบไหล่ลูกสาวพลางส่ายหน้าช้าๆ เป็นเชิงห้าม แทมมี่ถอนมือลงแล้วถอนหายใจอย่างผิดหวัง
ลุงโจนพูดพลางกวักมือให้ไป
ทุกคนทยอยออกจากห้องแล้วพากันเดินขึ้นไปบนชั้นสอง ที่ข้างนั่นมีห้องมากมาย พวกเขาแยกย้ายกันเปดประตูทีละห้อง และทันใดนั้น...
“นาตาลี!”
เสียงหนึ่งดังมาจากห้องของนาตาลีและมาทิลดา เจมส์ที่อยู่ใกล้ห้องนอนที่สุด เปิดประตูในทันที
“นาตาลี เป็นอะไรไปน่ะ” เจมส์พูดเมื่อเห็นนาตาลีนอนแผ่อยู่บนพื้น ร่างของเธอขาวซีด เหงื่อซึมออกทั่วร่างกายแต่ตัวกลับเย็นเหมือนคนตาย ดวงตาที่ไม่รับรู้สิ่งใดดูค้างและเหมื่อลอยออกไปยังหน้าต่างฝั่งบ้านเบอร์ตั้นในห้องของแทมมี่ ไม่มีสิ่งใดอยู่ที่นั่น มันว่างเปล่าเหมือนชีวิตของนาตาลีในตอนนี้
เดย์นั่งอยู่ข้างร่างนาตาลี โอบเจ้าฟรอสต์ที่กำลังส่งเสียงขู่แห่ๆ ก่อนจะระเบิดเสียงเห่าดังลั่น ดวงตาสีดำของมัน เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานแต่ไม่มีใครสังเกต
มาทิลดานั่งอยู่บนหลังคาชั้นสอง เธอหลับตาลงสัมผัสลมเอื่อยๆที่ปะกับใบหน้าและลู่ไปตามเส้นผม ในใจพยายามไม่คิดถึงภาพสยองขวัญของเด็กผู้หญิงคนนั้น
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังมากลบเสียงสายลมและคลื่นทะเล
มาทิลดาลืมตาทันที
“ฟรอส” มาทิลดาพูดเสียงแผ่ว เธอรู้สึกได้ทันทีว่าคือเสียงเห่าของเจ้าหมาป่าหิมะนั่นเอง
มีบันไดลิงอันหนึ่งทอดยาวจากหลังคาไปยังชั้นล่าง มันตั้งอยู่ข้างหน้าต่างห้องของเธอบานที่หันไปยังทะเล เธอไต่มันลงมาและโดดไปยังห้องของเธอ
ทุกคนหันไปทางเธอเมื่อเธอเข้ามา
“นาตาลี!” มาทิลดาพูดเมื่อเห็นสภาพของนาตาลี
เจ้าฟรอสต์สะบัดตัวออกจากมือของเดย์ ก่อนวิ่งไปหามาทิลดาและกระโจนใส่เธอ จนเธอร่วงออกไปนอกหน้าต่างไปพร้อมกับมัน น่าแปลกที่เจ้าหมาป่าตัวเล็กจิ๋วกลับมีกำลังพอจะพลักเธอได้
“อ้า............!” มาทิลดาร้องลั่นขณะที่ร่างของเธอร่วงลงไป พลันก็มีแสงสว่างวาบเกิดขึ้น ใช่แล้ว...มันเคยเกิดขึ้นมาก่อน
“มาทิลดา!”
เพื่อนๆโผมายังหน้าต่างที่เธอตกลงไป แล้วมองลงไปข้างล่าง แต่มันกลับไม่มีร่างของเธอหรือแม้แต่ร่อยรอยใดๆ ราวกลับการตกลงไปของเธอไม่เคยเกิดขึ้น
“อะไรกัน!” คนนึงในกลุ่มพูดอย่างไม่เชื่อสายตา
ทันใดนั้น ประตูห้องถูกเปิดออกผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือมาทิลดา เธอหยุพักหายใจอยู่หน้าประตู เจ้าฟรอสที่ตามมาทีหลังวิ่งแซงเธอไปหานาตาลี
ในมือของเธอถือกล่องเงินวิ่งมานั้นข้างๆ นาตาลี เธอไม่สนใจสายตาของเพื่อนๆแม้แต่น้อย เมื่อไขเปิดกล่อง มีกระดาษแผ่นหนึ่งและปากกาเมจิกชนิดหัวโตพิเศษอยู่ในนั้น ในกระดาษมีข้อความเขียนด้วยลายมือที่ไม่บรรจงแต่กลับเป็นระเบียบ ถึงจะแปลกประหลาดที่อยู่ๆทีของแบบนี้จะมาอยู่ในกล่อง แต่มาทิลดาหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านข้อความข้างใน
“มาทิลดาที่รัก
ขอโทษด้วยที่ต้องให้เจ้าฟรอสต์ใช้ความรุนแรงเกินไปหน่อย ฉันจะบอกเหตุผลให้ฟังวันหลังนะคนดี
“เอาล่ะ เข้าเรื่องนะทีนี้---นาตาลีเพื่อนของเธอคนนี้ดูจากสภาพแล้ว คงโดนผีที่ร้ายไม่ใช่เล่น ฉันเลยจัดของที่มีความสามารถในการปัดเป่าแบบพิเศษมาให้โดนเฉพาะ วิธีใช้ง่ายนิดเดียว...
“ขั้นแรก เอาปากกาวิเศษขึ้นมา
ต่อไป เขียนบนหน้าของเหยื่อว่า “จงมาสถิตบนหน้าข้า”
เพียงแค่นี้ก็เสร็จ ง่ายใช้ม้า”
“เอาปากกาเขียนบนหน้านาตาลีเนี่ยนะ” ไลลาพูดอย่าสงสัยเช่นเดียวกับเพื่อนๆที่พากันมามุงข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“จดหมายนี่มาจากใครน่ะ” แดเนียลพูด
“เอวาเจลีน เดอร์เรียอาร์...” มาทิลดาอ่านที่มุมล่างของจดหมาย
“คุณเอวาเจลีนเนี่ยเป็นใครกันเนี่ย” เรเน่พูด
“เป็นคนที่ช่วยเราได้” มาทิลดาพูดแล้วลงมือเขียนประโยคลงบนหน้าของนาตาลี ตั้งแต่แก้ม ชึ้นมาบนจมูก และลงไปที่แก้มอีกข้าง “เรียบร้อย”
บัดนี้บนหน้าของนาตาลีมีตัวหนังสือสีดำค่อนข้างใหญ่ทีเดียว เป็นประโยคว่า “จงมาสถิตบนหน้าข้า” เพื่อนๆต่างมองด้วยสีหน้าไม่ค่อยไว้ใจ แต่ทันใดนั้นดวงตาของนาตาลีก็พลันทอแสงประกายแห่งชีวิตออกมา ผิวของเธอดูมีเลือดฝาดเหมือนเมื่อก่อน เธอลุกขึ้นช้าๆมองไปรอบๆ
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” เธอพูดเสียงแผ่ว
“นาตาลี!” คิมโผเข้ากอดนาตาลี “ฟื้นแล้วๆ”
“ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย” นาตาลีพูด
“เห็นว่าโดนผีหลอก” เจมส์พูด
“จริงด้วย มีเด็กคนนึงอยู่ในห้องของแทม...” นาตาลีพูดแล้วมองไปในห้องมืดมัวของแทมมี่ “ผิวซีด ตาโหลลึก เหมือนผี”
กาเบรียลขมวดคิ้วมองมาทิลดาที่กำลังจ้องข้อความในจดหมายด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจนัก
“เป็นอะไรของเธอ” กาเบรียลถามมาทิลดา
“สีของปากกา...” มาทิลดาพูด ละจากกระดาษมามองตัวหนังสือบนหน้านองนาตาลี “หนึ่งอาทิตย์ถึงจะลบออก”
“ปากกาอะไร---พวกเธอพูดอะไร”นาตาลีพูดสีหน้าไม่ไว้ใจ
“นาตาลี คือว่า...” มาทิลดาพูดขณะที่ในใจคิดหาคำอธิบายอย่างยากเย็น
เจ้าฟรอสต์วิ่งมาพร้อมกระจกเงาที่คาบไว้ในปาก ยื่นให้นาตาลี
ความคิดเห็น