คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เกินความฝัน
- 2 -
เกินความฝัน
“เอวาเจลีน เดอเรียอาร์ เรียกฉันว่าเอวาเจลีนก็ได้นะ และฉันขอเรียกเธอว่ามาทิลดาแล้วกัน จะได้มั๊ย” หญิงเจ้าของร้านพูดพลางพยุงมาทิลดาให้ลุกขึ้น
“ก็ดีซิคะ คุณเอวาเจลีน คงจะดีทีเดียว...” มาทิลดาพูดพลางจัดเสื้อทียับยู่ยี่ของตัวเองให้เป็นระเบียบ “ขอบคุณนะคะ”
“ยินดีต้อนรับ” หญิงเจ้าของร้านพูดพลางยิ้ม
มาทิลดามองเธออย่างแปลกใจ
“เอาล่ะ---ในเมื่อเข้ามาแล้ว..." หล่อนเกริ่นด้วยน้ำเสียงไม่น่าไว้ใจ พลางเหลือบหางตามองมาทิลดาอย่างเจ้าเล่ห์ตามเคย “ตามกฎก็ออกไปไม่ได้ จนกว่าจะซื้อของสักอย่างนะ มาทิลดา” หล่อนว่าแล้วก็ตบหลังมาทิลดาเล่นดังป้าบๆ
“ซื้อของ -- ระ...ระ...เหรอคะ” มาทิลดาพูดเสียงกระตุก
“ใช่... ร้านนี้มีของเยอะแยะเดินชมหน่อยคงจะเจอของที่เหมาะกับเธอ”
มาทิลดากวาดตาดู ร้านของเอวาเจลีนถือว่าใหญ่ทีเดียวแต่ของต่างๆมากมายก็ทำให้ร้านนั้นดูแคบ อีกทั้งผนังก็เต็มไปด้วยรูปภาพ(พิลึก)ที่วางเรียงสลับกับเชิงเทียนไขติดผนัง(รูปร่างประหลาดพิกล) ในร้านมีหิ้งวางของอยู่หลายอัน บางอันวางขวดโหลที่ข้างในดูเหมือนผลไม้ดอง บางอันวางต้นไม้ ดอกไม้ประหลาดๆ ที่มาทิลดาไม่เคยเห็นมาก่อน มีชั้นวางของเรียงกันอยู่สามตู้ ตู้แรกวางเครื่องเทศและดอกไม้แห้ง ชั้นวางของตู้ถัดมาวางขวดแก้วแสนสวย บ้างเล็ก บ้างใหญ่ ภายบรรจุด้วยน้ำยาหลากหลายสี ชั้นวางของตู้สามเป็นหนังสือและตำรามากมาย มาทิลดาหยิบเล่มหนึ่งออกมาจากบนชั้น หน้าปกเขียนว่า “ตำราขนมหวานแสนวิเศษ” แต่เพราะเธอเป็นคนที่ทำอาหารไม่ได้เรื่องเอาซะเลย จึงวางเก็บที่เดิม
มีขวดแก้วใบเล็กกระจิดริดบรรจุของเหลวข้นสีดำขวดหนึ่งวางอยู่บนชั้นวางขวดแก้ว มาทิลดาหยิบมันขึ้นมาดู เขย่าเล็กน้อย แต่ของเหลวสีดำสนิทก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ขณะที่เธอจะวางมันเก็บที่เดิมบนชั้น พลันเธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ข้างหลังเธอ เธอรู้สึกเสียววูบอย่างบอกไม่ถูก แต่พอหันหลังกลับไป กลับไม่มีสิ่งใดอยู่ตรงนั้นพอเธอหันกลับมาขวดสีดำก็หายไปเสียแล้ว...
“เธอต้องไม่ยุ่งกับขวดนี่”
แมวยืนสองขา ขนสีส้มในผ้าคลุมสีดำพูดกับเธอ ในมือของมันถือขวดแก้วอยู่
“แมว” เธออุทานอย่างตกใจพลางผงะถอยหลัง “นี่พูดภาษาคนเหรอเนี่ย”
“ชิชะ ขี้ตู่จริง แม่หนูน้อย---แล้วเจ้ารู้ได้ไงว่าตัวเองไม่ได้พูดภาษาแมวอยู่” แมวพูด
“อ้าว แม็กกี้---ที่รักของฉัน” เสียงหวานเย็นแว่วมาจากข้างหลัง
เอวาเจลีนเดินมาแตะบ่ามาทิลดาจากข้างหลัง มือเย็นเหยียบของเธอทำมาทิลดาสะดุ้งเล็กน้อย
“เอวาเจลีน---” แมวพูด “ข้าได้กลิ่นแปลกๆจากแม่หนูนี่”
“นานๆ ไปเดี๋ยวกลิ่นก็หายเองแหละ---นี่มาทิลดา ไวท์ลีย์ ไงล่ะ”
แม็กกี้มองมาทิลดาพลางทำสีหน้าครุ่นคิด “เอวาเจลีน เด็กคนนี้จะนำความลำบากมาไม่ใช่น้อย”
แมวแม็กกี้พูก่อนเดินไปยังหลังร้าน เธอแหวกม่านหลังเคาน์เตอร์คิดเงิน และเดินหายไป
“หมายความว่าไงคะ---ฉันเหรอจะนำความลำบากมาให้” มาทิลดาถาม ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ ณ ม่านที่แมวแสนประหลาดจากไป
“ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า” เอวาเจลีนพูดพลางยิ้ม “ถ้าเธอก้าวไปด้วยความตั้งใจ ก็ไม่มีแม้สิ่งใดที่จะขวางเธอได้แน่นอน”
“อย่างงั้นเหรอคะ” มาทิลดาพูด แล้วหันกลับไปที่ชั้นวางขวดอีกครั้ง
“ถ้าสงสัยอะไรหรือได้ของที่ต้องการแล้วมาหาชั้นที่เคาน์เตอร์นะ” เอวาเจลีนพูดแล้วสะบัดตัวกลับไปนั่งอ่านหนังสือบนเคาน์เตอร์ของเธอ
ขณะที่มาทิลดาเดินชมของในร้าน ในใจเธอก็คิดถึงเหตุการณ์และสิ่งต่างๆในร้าน เธอคิดถึงแม็กกี้ แมวสีส้มผู้เดินสองขาและนึกสงสัยว่าแมวจะพูดและยืนสองขาได้อย่างไร แต่เธอไม่อยากจะโวยวายออกมา นั่นไม่ใช่นิสัยของเธอเลย หรือว่าจะเป็นความฝันกันนะ ถ้าเป็นความฝันเธอก็ขอสนุกกับความฝันนี้ไปเรื่อยๆแล้วกัน
เอวาเจลีนเฝ้ามองเด็กสาวผ่านแว่นตาครึ่งวงกลม สายที่เธอมองนั้นมีบางอย่างซ่อนเอาไว้อย่างแยบยล เธอถอดแว่นออกวางไว้บนโต๊ะก่อนเดินแหวกม่านเข้าไปหลังร้าน
มาทิลดาเหลือบมองลอดผ่านชั้นหนังสือ มีตู้กระจกเล็กๆ ตู้หนึ่ง มีสร้อยคอเส้นหนึ่งอยู่ในนั้น
“อะไร มาทิลดาสนใจชิ้นนั้นรึ”
เอวาเจลีนแหวกม่านออกมาถามเมื่อเห็นมาทิลดาหยุดอยู่ที่หน้าตู้โชว์สร้อยคอ พลางจ้องมองไปที่สร้อยคอสีเงิน มีจี้เป็นกุญแจดอกเล็กๆ สลักด้วยลายวิจิตรงดงาม มาทิลดาเห็นดวงตาของเธอสะท้อนอยู่บนอัญมนีแซบไฟย์ แต่เธอต้องหลุดจากภวังค์เมื่อมือเย็นของเอวาเจลีนมาจับอยู่ที่บ่าของเธอ
“คุณเอวาเจลีนคะ ฉันขอดูหน่อยจะได้ไหมคะ สร้อยคอเส้นนี้...” มาทิลดาพูด เสียงของเธอยังเลื่อนลอยเหมือนอยู่ในห้วงแห่งฝัน
“เอาซิ ตามสบาย”
เอวาเจลีนพูด แล้วนำดาบสร้อยจากตู้กระจก ยื่นให้แก่มาทิลดา
“มันสวยจังเลยนะคะ” มาทิลดาพูด พลางลูบคมดาบอย่างละมัดระวัง
“ใช่ มันเหมาะสมกับเธอนะ” เอวาเจลีนพูด
“จริงเหรอคะ คุณเอวาเจลีน” มาทิลดาพูด ดวงตาของเธอยังจับจ้องอยู่ที่ดาบ
“ต้นกำเนิดของมันลึกลับดำมืด ชื่อของมันเองก็ดุจกัน” เอวาเจลีนพูด ขณะจ้องมองมาทิลดา พลางยิ้มอย่างพอใจ “ฉันดีใจที่มาทิลดาชอบนะ และดูเหมือนสร้อยนี่จะชอบเธอเหมือนกัน”
ที่เคาท์เตอร์คิดเงินซึ่งวางอยู่มุมขวาสุดของร้าน เอวาเจลีนกำลังใส่สร้อยลงกล่องกำมะหยี่สีดำใบเล็กๆ ขณะที่มาทิลดาสังเกตของที่แขวนและวางอยู่บริเวณนั้นอย่างสนใจ
เธอเห็นนาฬิกามากมายนับสิบเรือนที่แขวนอยู่เหนือเคาท์เตอร์ ทุกเรือนเดินตรงกันอย่างพร้อมเพรียง บนโต๊ะมีลูกแก้วลูกเล็กลูกใหญ่วางอยู่เกลื่อนกลาด และหนังสือหลายต่อหลายเล่มวางกองอย่างไม่เป็นระเบียบ บ้างตกลงไปกองบนพื้นก็มี
“เสร็จเรียบร้อย นี่จ้ะมาทิลดา”
เอวาเจลีน หญิงสาวเจ้าของร้านว่า แล้วส่งกล่องกำมะหยี่สีดำให้แก่เด็กหญิงมาทิลดา
“แล้วมาทิลดาจะจ่ายเป็นอะไรดีล่ะ” เอวาเจลีนพูดแล้วยิ้มน้อยๆ
“ตายจริง จ่ายเหรอคะ ลืมไปเลย---ขอโทษนะคะ คุณเอวาเจลีน ฉันมีอยู่ไม่มากซะด้วย” มาทิลดาพูดอย่างกระวนกระวาย เธอหยิบกระเป๋าสีขาวใบเล็กๆออกมาแล้วเทเศษเหรียญที่มีอยู่ไม่มากลงบนฝ่ามือ “มีแค่นี้เองล่ะค่ะ สร้อยคอเส้นนี้ฉันคงจะต้องคืนให้คุณซะแล้ว”
เอวาเจลีนดันมือเล็กของมาทิลดากลับคืน
“ไม่จำเป็นที่จะต้องจ่ายด้วยเงินทองเสมอไป” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่อ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยความสง่างาม “อันที่จริงแล้ว สำหรับฉันเงินทองแทบจะไม่มีค่าเลยที่จะแลกกับดาบเล่มนี้”
“แต่ฉัน...ไม่มีของมีค่าอะไรเลยนะคะ” มาทิลดาพูด
เอวาเจลีนยิ้มน้อยๆแล้วกล่าวว่า “ฉันมีของอย่างหนึ่งที่อยากได้จากมาทิลดา ถ้าจะขอแลกสิ่งนั้นกับสร้อยคอเส้นนี้ เธอจะยินดีที่จะแลกรึเปล่า” เอวาเจลีนพูด
มาทิลดาลังเลอยู่ชั่วอึดใจก่อนพยักหน้า
“สิ่งที่ฉันจะขอเพื่อแลกกับสร้อยเส้นนี้...” เอวาเจลีนไล้มือเย็นบนใบหน้าของมาทิลดา และไปหยุดลงที่ต่างหูเงินแบบห่วงของเด็กหญิง “ต่างหูคู่นี้” เธอดึงมือกลับไปเสยผมสีดำที่ลงมาปกหน้าขาวดังหิมะของเธอ
“ต่างหูคู่นี้ แลกกับสร้อยเหรอคะ” มาทิลดาพูด วางดาบเงินไว้บนเคาท์เตอร์ เพื่อปลดต่างหูเงินออกทั้งสองข้าง แล้วยื่นมันลงบนฝ่ามือของเอวาเจลีน “คุณแน่ใจนะคะว่าจะแลกสร้อยที่มีค่า กับต่างหูเก่าๆคู่นี้”
“แน่ใจสิ แต่เธอล่ะแน่ใจนะว่าอยากได้ดาบนั่นมากถึงขนาดนี้” เอวาเจลีนพูด ขณะพินิจต่างหูเงินที่เก่าจนหมองอย่างพอใจ “อืม...ช่างเป็นเครื่องประดับที่งดงามนัก แกะสลักเป็นดอกไม้เล็กๆอย่างประณีตเชียวล่ะ” ว่าแล้วก็ใส่ต่างหูที่ติ่งหูของตัวเอง
“ฉันแน่ใจจริงๆ ค่ะ” มาทิลดาพูด
“ดีแล้วล่ะ” เอวาเจลีนพูดแล้วเลิกคิ้วพลางยิ้มอย่างเอ็นดูให้เด็กหญิงตรงหน้า “ฉันว่ามาทิลดาควรกลับบ้านได้แล้ว อาทิตย์จะตกแล้วด้วย”
“จริงด้วย ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย”
มาทิลดาพูดแล้วหันไปมองพระทิตย์ยามอัสดงผ่านกระจกหน้าร้าน
ร้านของเอวาเจลีนตั้งอยู่หน้าท่าเรือพอดี ทำให้เห็นเหมือนพระอาทิตย์ดวงโตกำลังตกลงในทะเล
“สวยเหลือเกินนะ นี่แหละคือเหตุผลหนึ่งที่ฉันตัดสินใจลงหลักปักฐานอยู่เมืองนี้” เอวาเจลีนพูด เอามือเท้าคางบนโต๊ะเคาท์เตอร์คิดเงิน ดวงตาของเธอสะท้อนแสงอาทิตย์สีส้ม
“หน้าต่างบานเมื่อกี๊ฉันยังไม่เห็นว่ามันมี” มาทิลดาพูดดวงตาของเธอยังคงจับจ้องดวงอาทิตย์เช่นเดียวกัน
“มันอยู่ตรงนั้นตลอด เธอไม่สังเกตเลยเหรอ” เอวาเจลีนพูด
“ฉันคงไม่สังเกต แปลกจังนะ” มาทิลดาพูด แล้วหมุนตัวกลับมาทางเอวาเจลีนก่อนพูดว่า “คุณเอวาเจลีนคะ ฉันมีบางอย่างที่ยังคาใจอยู่”
“ว่ามาเถอะ แม่สาวที่รัก”
“คือ---คุณเห็นค่าอะไรในต่างหูเก่าๆคู่นั้นเหรอคะ ถึงขนาดยอมแรกมันกับดาบโบราณเล่มนี้”
เอวาเจลีนเงียบอยู่อึดใจก่อนตอบด้วยเสียงไพเราะราบเรียบอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ “เพราะมาทิลดา---ได้มันมาจากหญิงคนนั้นไงล่ะ” เอวาเจลีนพูดพลางมองมาทิลดาด้วยสายตาอ่อนโยน “และคนๆนั้นก็ให้มันมาด้วยความรักที่มีต่อเธอ ฉันถึงได้ถามไงว่าเธอแน่ใจนะว่าอยากได้ดาบนั้นมาถึงขนาดนี้”
“คุณเอวาเจลีนรู้เหรอคะว่าเธอคนนั้นเป็นใคร”
“รู้” เธอพูดก่อนจะหันหน้ากลับไปที่ดวงอาทิตย์ พลางยิ้มอย่างมีอารมณ์ขัน “ซะเมื่อไหร่ล่ะ”
“โธ่ แล้วกัน -- คุณเอวาเจลีน” มาทิลดาพูด ถอนหายใจอย่างผิดหวัง
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าวันหลังมาทิลดามาที่นี่อีก ฉันมีสิ่งที่อยากให้มาทิลดาช่วยทำ” เอวาเจลีนพูด
“แล้วสิ่งที่อยากให้ทำมันคืออะไรเหรอคะ”
“เมื่อถึงตอนนั้นแล้วเธอจะรู้เอง” เอวาเจลีนพูด แล้วยิ้มพลางหรี่ตาลง ดูเย็นชานิดๆแต่แฝงไว้ด้วยความใจดีและอารมณ์ขัน (มาทิลดามักเห็นเธอยิ้มอย่างนี้อยู่บ่อยๆทีเดียว) “จริงซิ ไม่รีบกลับเดี่ยวค่ำซะก่อนนะ”
“จริงด้วย ฉันต้องกลับแล้วล่ะค่ะ”
“จ้า ไปดีมาดีนะ ราตรีสวัสดิ์” เอวาเจลีนโบกมือลา “สร้อยนั่นน่ะ สวมก่อนออกไปสิ”
“งั้นเหรอค่ะ” ว่าแล้วก็หยิบสร้อยแล้วสวมที่คอยาวระหงส์ของเธอ “ราตรีสวัสดิ์ ขอบคุณมากนะคะ คุณเอวาเจลีน”
ที่ประตูลูก บิดทองเหลืองกลับมาแล้ว มาทิลดาหมุนมันและเปิดประตูออกไป เธอจากร้านไปโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่ากระจกหน้าต่างร้านหายไปอีกแล้ว...
บรรยากาศข้างนอกถือว่าดีทีเดียว ลมพัดเอื่อยๆได้ยินเสียงคลื่นซัดกระทบท่าเรือและโขดหิน เสียงนกนางนวลดังมาจากไกล ดวงอาทิตย์ใกล้ตกเต็มที ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มอมชมพู ดาวประจำเมืองส่องประกายระยิบระยับบนท้องฟ้า เป็นสัญญาณว่าเวลาค่ำคืนใกล้มาถึงแล้ว
ที่ลานกว้างใกล้ตลาดนัดที่เธอผ่า มีการแสดงละครเวที ผู้ชมที่ดูพากันหัวเราะกันยกใหญ่ เมื่อเด็กชายสวมหน้ากากสีขาวผู้แสดงเป็นพระเอกตวัดดาบตัดเข็มขัดของชายเครายาวผู้หนึ่งจนกางเกงหลุด มาทิลดาเองก็หัวเราะเช่นกัน
“ท่านชั่วร้าย ฆ่าแม้กระทั่งต้นหญ้า ข้าไม่ให้อภัยเด็ดขาด” เด็กชายสวมหน้ากากกล่าวเสียงดัง
“ข้าต้องเดินนี่เจ้าปัญญาอ่อน ถ้าข้าไม่เดินเหยียบผ่านทุ่งหญ้ากว้างใหญ่แห่งนี้เพื่อเดินทาง แล้วจะให้ข้าเหาะไปรึอย่างไร” ชายเครายาวว่าพลางดึงกางเกงของตนขึ้น
“ทุ่งหญ้าแห่งนี้เป็นที่ของข้า ข้าเท่านั้นที่จะเหยียบผ่านพวกมันไปได้”
พระอาทิตย์ตกแล้วไม่มีเวลาให้เสียอีกต่อไป เธอต้องรีบกลับบ้านแล้ว
มาทิลดาวิ่งแบบเหยาะๆ เธอช้อนตาขึ้นมองบนท้องฟ้า เห็นดวงจันทร์โตเต็มดวง เหล่าดาราเริ่มปรากฏบนท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มขึ้นทุกที มาทิลดาเองก็วิ่งเร็วขึ้นทุกทีเหมือนกัน
ขาของเธอเริ่มล้าไปหมดจึงหยุดพักบนฟุตบาท หลังของเธอพิงเสาไฟ เธอหายใจแรงอย่างเหน็ดเหนื่อย
ความคิดเห็น