คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ร้านเครื่องรางและสรรพสิ่งวิเศษ
- 1 -
ร้านเครื่องรางและสรรพสิ่งวิเศษ
กริ๊ง...
เสียงกริ่งดังขึ้นเมื่อประตูแง้มเปิดออก เด็กหญิงผมสีดำผู้มีนัยน์ตาสีน้ำเงินยืนอยู่ใต้ธรณีประตู กลิ่นเครื่องเทศและกำยานลอยคละคลุ้ง เหมือนกำลังเชื้อเชิญให้เด็กหญิง เดินข้ามผ่านเข้ามายังห้องที่มืดสลัว ทันทีที่เธอย่างเท้าเข้ามา ประตูก็เหวี่ยงปิดลงเองอย่างหน้าประหลาด เทียนนับร้อยเล่มสว่างขึ้นอย่างมหัศจรรย์ เสียงบางอย่างประสานกันอย่างไพเราะเป็นเพลงว่า
“ของต้อนรับเหล่าแขกผู้มาเยือน
เราขอเตือนอย่าออกไปมือเปล่า
หากท่านเดินเข้ามาแม้เพียงก้าว
เหล่าดวงดาวจะพาท่านสู่ร้านเรา”
“-- ใช่แล้ว... นี่คือมนต์วิเศษ” เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับลมหนาวแผ่วๆที่พัดมาปะใบหน้าของเด็กหญิง “บอกชื่อเธอมาหน่อยซิ ผู้มาเยือน”
เด็กหญิงผู้มาเยือนลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนตอบด้วยเสียงอันแผ่วเบา “มาทิลดาค่ะ -- มาทิลดา ไวท์ลีย์”
“ยินดีต้อนรับ มาทิลดา ไวท์ลีย์... ฉันกำลังรออยู่ทีเดียว” หญิงสาวผมยาวดำสลวย ปรากฏกายจากมุมมืด ใบหน้าครึ่งล่างถูกปิดด้วยพัดสีดำอมน้ำเงินประดับลายเป็นดวงดาวและจันทร์เสี้ยว ลายเดียวกับกระโปรงของเจ้าหล่อนที่ยาวลุ่มล่ามแต่ก็ยังสวย
ดวงตาสวยคมกริบประดับด้วยนัยน์ตาที่แสนจะแปลกประหลาดของเจ้าหล่อน ข้างซ้ายเป็นสีน้ำเงินเข้ม ข้างขวาเป็นสีแดง เธอเปล่งวาจาด้วยเสียงอันไพเราะแต่ราบเรียบ “ไหนบอกซิ เธอประสงค์สิ่งใดในร้านเครื่องรางของฉัน”
“ความประสงค์...” มาทิลดาทวนเสียงแผ่วเบา ดวงตาประหลาดคู่นั้นเหมือนสะกดจิตเธอให้อยู่ในภวังค์
“ใช่ -- ความประสงค์ ทุกสิ่งที่เธอต้องการ...ถ้าหากสิ่งนั้นฉันสามารถมอบให้ได้”
มาทิลดานิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “---เรื่องความประสงค์น่ะ ฉันไม่มีหรอกค่ะ แต่เพราะฉันได้กลิ่นหอมของเครื่องเทศ---มันออกจะฟังดูประหลาดสักหน่อย แต่พอฉันรู้สึกตัวอีกทีก็เข้ามาในนี้ซะแล้ว” เด็กหญิงมาทิลดาพูด
หญิงเจ้าของร้านลดพัดลง เผยรอยยิ้มที่มุมปากแดงระเรื่อ ก่อนจะเดินออกจากมุมมืด ไปหยุดอยู่ตรงหน้าของมาทิลดา มือเย็นของเจ้าหล่อนกุมมืออุ่นของมาทิลดา ตัวของหล่อนสูงจนมาทิลดาต้องเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อมองใบหน้าขาวดังหิมะของหล่อน ความรู้สึกของมาทิลดาที่มีต่อผู้หญิงคนนี้เหมือนกับความอบอุ่นที่เกิดอยู่กลางความหนาวเย็น
“ฉันรู้นะ ว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ในดวงตาของเธอคู่นี้ ความประสงค์...ความต้องการ บางสิ่ง... บางอย่างที่เธอเคยถูกแย่งชิงไป” หญิงเจ้าของร้านพูด ดวงตาหรี่ลงดูฉลาดแกมเจ้าเล่ห์ ปากเรียวสวยขยับรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก “ช่างน่าเศร้านัก---ความทรงจำเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะมีใครเอาไปได้เลย”
“คุณ...พูดเรื่องอะไร ความทรงจำอย่างนั้นเหรอ ความทรงจำของฉัน”
“ใช่แล้วแม่สาวที่รัก ความทรงจำที่เธอถูกช่วงชิงไปฉันเอามันกลับคืนมาได้นะ" หญิงสาวตรงหน้าพูด พลางเชยคางเธอขึ้น “เพียงแค่เธอบอกว่านั่นคือความประสงค์ของเธอ”
“ความทรงจำอะไร...พูดอะไรน่ะ ฉันไม่เห็นเข้าใจ” มาทิลดาพูด แล้วผละถอยหลังไปที่ประตูหนึ่งก้าว ในใจคิดว่าหญิงที่อยู่เบื้องหน้าต้องเป็นคนบ้าเสียจริตเป็นแน่แท้
“ฉันก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นะ” หญิงสาวเอานิ้วเรียวแตะริมฝีปากล่าง พลางทำท่าครุ่นคิด “งั้นลองวิธีนี้ดูแล้วกัน”
เธอพูดก่อนเอื้อมมือไปหยิบเทียนเล่มหนึ่งจากบนชั้นวางของ “เจ้าเทียนเอ๋ย เจ้าเทียนวิเศษ ขอจงบอกสิ่งที่ข้าอยากรู้ บอกซิว่าความทรงจำที่หายไปนั้นคืออะไร”
สิ้นคำ เปลวเทียนพลันเปลี่ยนจากสีส้มเป็นสีเทา
“บอกฉันไม่ได้งั้นรึ” หญิงเจ้าของร้านพูด “เธอต้องถามเอาเองแล้ว”
เทียนจะบอกอะไรได้ล่ะ มันเป็นแค่เทียน เทียนพูดไม่ได้ เทียนรู้สึกไม่ได้ มันเป็นแค่สิ่งของธรรมดาชิ้นหนึ่งเท่านั้น มาทิลดาคิด เธอควรจะออกไปจากร้านนี้จะดีกว่า ทุกอย่างที่นี่ช่างแปลกประหลาดนัก
“ฉันไม่ได้สูญเสียความทรงจำไปทั้งนั้น ฉันจะไปแล้ว” มาทิลดาพูด แล้วรีบหันไปที่ประตูทางออกแต่มันกลับไม่มีลูกบิด
“เธอคิดอย่างั้นซินะ---เธอไม่เชื่อฉันงั้นเหรอว่าความทรงจำบางส่วนที่สำคัญนั้นหายไป” หญิงเจ้าของร้านพูด เทียนในมือของหล่อนเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม สีเดียวกับดวงตาของมาทิลดา “ก็จริงสินะ เธอเองเป็นคนที่ไม่ไว้ใจคนอื่น และเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง---เจ้าเทียนฝากบอกว่าอย่าทำตัวหัวดื้อและหยิ่งทะนงนักสาวน้อย”
“เทียนจะบอกได้ยังไงกัน” มาทิลดาพูดเธอไม่สามารถเก็บเป็นเพียงความคิดได้อีกแล้ว
“หรือเธออยากลองฟังจากเทียนเองล่ะ ขอเตือนนะ เจ้าเทียนพูดจาไม่เข้าหูนักหรอก” หญิงสาวพูดแล้วยื่นเทียนให้มาทิลดา
มาทิลดายื่นมือมาแต่ก็สองจิตสองใจไม่กล้ารับ
“ฉันไม่เอานำตาเทียนหยอดหรอกน่า” หญิงเจ้าของร้านว่า หน้าตาของเจ้าหล่อนดูเจ้าเล่ห์จนมาทิลดาไม่ค่อยแน่ใจที่จะไว้ใจเธอ “เจ้าเทียนไม่ทำเธอเจ็บตัวหรอกเรื่องนี้ฉันรับรอง แต่เจ็บใจนี่อีกเรื่อง”
มาทิลดาเอานิ้วเตะที่เทียนเบาๆ
“จะอ้อยอิ่งทำไมอยู่ยัยหนู” เสียงหนึ่งก้องในโสตประสาทของมาทิลดา
มาทิลดาสะดุ้งโหยงแต่มีบางอย่างเหมือนดึงดูดเธอให้กำเจ้าเทียนแน่น
“เทียนอย่างข้าน่ากลัวตรงไหนมิทราบ แม่เด็กหยิ่งยโส” เจ้าเทียนพูดกับมาทิลดา เธอแทบไม่ชื่อหูตัวเอง เทียนเล่มนี้กำลังพูดกับเธอจริงๆ หรือ
“ใช่สิ ข้าคือเทียน และกำลังพูดกับเจ้าอยู่ ได้ยินมั๊ย” เจ้าเทียนพูด “ตอบสิยะ”
“ฉัน...ฉัน...” มาทิลดาตกใจจนพูดไม่ถูก เธอพยายามรวบรวมสติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ฉันฝันอยู่รึปล่าว”
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นภาพหลอนเรอะ พูดอย่างงี้เผาให้ตายซะเลยดีมั๊ย” เจ้าเทียนพูดอย่างอารมณ์เสียแล้วสะบัดน้ำตาเทียนใส่มือขาวของมาทิลดาหยดใหญ่
“เจ็บนะ ไหนว่าจะไม่เอาน้ำตาเทียนหยอดไง”
“ข้าพูดตอนไหนไม่ทราบยะ แม่ผมยาวนั่นต่างหากที่บอก” เจ้าเทียนโต้ พลางเอนเปลวเทียนสีส้มไปทางหญิงเจ้าของร้านผมยาวที่ยืนแย้มรอยยิ้มกว้างมาให้เธอ
“ชื่อเจ้าล่ะ” เจ้าเทียนถาม
“อะไรนะ”
“ข้าถามว่า เจ้าชื่ออะไร มันตอบยากนักเรอะ” เจ้าเทียนบ่นอย่างหงุดหงิดเต็มที
“ชะ ชื่อ มาทิลดา ไวท์ลีค่ะ”
“มาทิลดา ไวท์ลี อืม...ช่างเป็นเด็กโชคร้ายเสียจริงนะ” เจ้าเทียนพึมพำด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด “พ่อแม่ก็ไม่มี เลยลำบากตั้งแต่เด็ก ต้องย้ายไปโน่นไปนี่อยู่เรื่อย โอ้ ตอนนี้มีคนอุปการะแล้วรึ ก็ไม่ถึงกับโชคร้ายนักนี่ สาวน้อย” เจ้าเทียนเงียบไปอีก “ไม่สิ เจ้าน่ะ โชคร้ายสุดๆเลย”
“ตกลงอยากจะพูดอะไรกันแน่” มาทิลดาพูดเอียงหัวไปด้านซ้ายเล้กน้อยอย่างสงสัย
“เดี๋ยวสิยะ ฟังข้าพูดให้จบก่อน” เจ้าเทียวว่าแล้วสะบัดเปลวเทียนไปมา
“เอ๋ อ่า ขอโทษค่ะ”
“ไหนดูซิ อืม...เจ้าต้องทำอะไรสำคัญหายเป็นแน่ ข้าแน่ใจ เป็นอะไรที่สำคัญสุดๆด้วยสิ” เจ้าเทียนพูดอย่างใช้ความคิด “เอานิ้วลีบๆของเจ้ามาแตะเปลวเทียนข้าซิ”
“ทำไมต้องพูดว่านิ้วลีบๆด้วย...”
“พูดมาก ข้าบอกให้ทำก็รีบทำซะ”
“คงไม่ได้จะแกล้งกันนะ” มาทิลดาพูดหยั่งเชิง จากเหตุการณ์ที่เทียนปากร้ายสะเด็ดน้ำตาเทียนใส่เธอเมื่อสักครู่ เธอจึงไม่อยากไว้ใจเทียนพูดได้เท่าไหร่
“ถ้าหล่อนพูดจาปากไม่มีหูรูดอีกคำเดียวฉันเผาผิวขาวๆของหล่อนเกรียมแน่” ว่าแล้วเจ้าเทียนก็เปล่งเปลวเทียนสว่างจ้า
มาทิลดาเบ้หน้าเล็กน้อย แล้ววางปลายนิ้วบนเปลวเทียนที่ส่องสว่างเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเธอ มันไม่ร้อนเลยแม้แต่นิดเดียว เธอกลับมีความรู้สึกเย็นๆ หวิวๆ ที่ปลายนิ้ว
พลันเทียนนับร้อนที่สว่างอยู่ทั่วร้านก็ดับวูบลง มีเพียงเทียนในมือเธอที่ยังส่องแสงสีน้ำเงินเย็นประหลาด
ร่างของหญิงเจ้าของร้านค่อยๆ เรือนหายไป บัดนี้เหลือเพียงมาทิลดากับเจ้าเทียนไขเท่านั้น
“มาทิลดา...มาทิลดา ไวท์ลีย์” เจ้าเทียนพึมพำ “ความทรงจำของเจ้าช่างคลุมเครือนัก ดั่งมีหมอกเมฆบทบังหนาทึบ แสงเทียนของข้าไม่อาจเข้าถึงได้” เจ้าเทียนพูด “ใช่แล้ว...ความทรงจำของเจ้าตั้งแต่จำความได้ถูกสลับสัพเปลี่ยน มีช่องโหว่มากมายเหลือเกิน”
“หมายความว่าไง”
“หญิงสาวผมสีดำยาว เนตรสีน้ำเงิน วิญญาณของนางต้องคำสาบ” เจ้าเทียนพูดก่อนดับวูบลงอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ใครกัน...” มาทิลดาพูดก่อนล้มลงสู่พื้นและสลบไป
มาทิลดาค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ เธอยังคงนอนอยู่ที่เดิมที่เธอสลบไป ในร้านขายของแสนประหลาด แต่เธอกลับมีความรู้สึกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ความอบอุ่นประหลาดแผ่ซ่านอยู่ที่แผ่นหลังของเธอ แสงแดดยามเย็นอ่อนโยนผ่านเข้ามาจากกระจกหน้าร้านซึ่งเธอไม่เห็นจำได้ว่าเคยมีมันอยู่ตรงนั้น
หญิงสาวเจ้าของร้านคนเดิมยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาประหลาดของเจ้าหล่อนจ้องมองเธออย่างอ่อนโยน มาทิลดารู้สึกถึงพลังบางอย่างจากหล่อน
หล่อนเดินมาแล้วย่อตัวลงข้างๆ มาทิลดา และกระซิบเบาๆ ข้างๆ หู
ความคิดเห็น