ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิทานเรื่องละร้อยบรรทัดว่าด้วยชีวิต

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนก่อนเก่าครั้งกระนู้น

    • อัปเดตล่าสุด 26 มิ.ย. 56


                    กาลครั้งหนึ่งเมื่ออดีตกาลนานมาแล้ว ในเวลาที่สรวงสวรรค์บังเกิด และเหล่าเทพยดาประเภทต่างๆก็โบยบินราวกับจะบินกันอยู่ชั่วกัปชั่วกัลป์ในสรวงสวรรค์นั้น แต่เทพยดาก็หาได้โบยบินกันชั่วกัลปาวสานไม่ พวกท่านเหล่านั้นบางครั้งก็บินชนกัน บางครั้งก็บินออกจากกัน บางครั้งก็อยู่ร่วมกันเป็นหมู่เป็นคณะ บ้างก็ถึงกับแบ่งปันองคาพยพกันใช้เลยทีเดียว และการปฏิสัมพันธ์ทั้งหลายของเหล่าเทพยดาก็ก่อร่างสร้างให้เกิดสิ่งต่างๆอันสุดมหัศจรรย์ขึ้น ทั้งฟากฟ้า หมู่ดาว ดวงตะวัน แม้กระทั่งโลกของเราใบนี้ แต่ระยะเวลาตั้งแต่สวรรค์เกิดขึ้นถึงการก่อร่างสร้างสรรพสิ่งของเหล่าทวยเทพก็ยาวนานแทบไม่ต่างจากชั่วกัปชั่วกัลป์

                    แม้หลายๆคนจะว่ากันว่าโลกของเราเกิดจากหัตถ์ของพระเจ้า แต่ถ้าจะเชื่อว่าโลกของเราเกิดจากวรกายของพระเจ้าทั้งปวงเลยเล่าก็คงไม่ผิดนัก พระเจ้า หรือเทพยดาทั้งหลายนั้นได้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นจากกายของพวกท่าน และพลังของพวกท่านก็ขับเคลื่อนทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็น ตลอดจนทุกอย่างที่เหลือจากการเห็นของเราด้วย เหล่าเทพยดาได้สร้างดวงดาว ดวงตะวัน พระจันทร์ แผ่นดินโลก ฟากฟ้า สายธาร และมหาสมุทร ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อนานแสนนานล่วงมาแล้วตามเรื่องราวเล่าขาน ตอนนั้นเป็นเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนานเกินกว่าจะมีใครทันพบเห็นด้วยสายตาตนว่าเกิดอะไรขึ้น หากทว่าวิชาลึกลับของเราชาวมนุษย์ก็พอจะทำให้เราตรึกนึกถึงสิ่งที่เกิดในห้วงเวลานั้นได้บ้างเพียงเค้าราง แต่ต่อเติมเสริมภาพอันมัวพร่านั้นให้เปี่ยมเต็มจากความทรงจำในทุกอณูของร่างกายเรา ทุกลมหายใจที่เรารับเข้าและปล่อยออก ในเทพยดาทุกองค์ที่ก่อเกื้อเอื้อให้เราทั้งหลายเกิดขึ้นและดำรงอยู่ ทั้งหมดทั้งปวงประกอบกันเข้าจากภาพร่างรางเลือน ที่เลื่อนเคลื่อนผ่านกาลเวลาอันรี่ไหล กอปรกันเข้าเป็นภาพที่พอจะแจ่มชัดขึ้นได้บ้างในบางดวงจิต ถ่ายทอดผ่านเรื่องเล่าต่างๆถึงฟ้ากว้าง โลกของเรา และชีวิต

                    ชีวิตแรกในโลกนี้เกิดขึ้นเมื่อนมนานกาเลมาแล้ว หากทว่าก่อนจะเกิดชีวิตแรกๆขึ้นนั้น การผจญภัยในสภาพอันหฤโหดของโลกโดยเหล่าหมู่คณะของเทพยดาองค์ปฐมต่างๆก็ได้เกิดขึ้นและดำเนินผ่านมา เวลานั้นโลกร้อนรนราวกับหม้อน้ำก๋วยเตี๋ยวที่กำลังเดือด น้ำในทะเลก็แสดงท่าทางเช่นนั้น อีกทั้งฟากฟ้าก็สาดเททั้งสายฝนและอัสนีบาต โลกที่ปั้นป่วนใบนั้นเต็มไปด้วยหินผา ลาวา และความร้อนรน อีกทั้งความมืดมนอนธการเพราะฝุ่นควันคละคลุ้งอยู่ตลอดทั้งกลางวันกลางคืน บดบังแสงสุริยันไว้ทุกห้วงเวลา และแผ่นดินกับทั้งผืนฟ้าก็หาได้ห่อหุ้มอากาศไว้ให้เราหายใจไม่ แต่เป็นอากาศพิษที่ไม่อาจทำให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ทั้งหลายที่คละคลุ้งฟุ้งกระจายอยู่ในบรรยากาศ ยากนักที่ชีวิตใดที่เราเห็นวันนี้จะเกิดและดำรงอยู่ได้ เวลานั้นพลังของเทพยดาหมู่เหล่าต่างๆพลุ่งพล่านและขาดสมดุล หากทว่าสภาวะอันโหดร้ายนั้นเองที่เหมาะสมที่สุดในการหล่อหลอมหมู่คณะของเทพยดาบางหมู่บางพวกจนก่อกำเนิดเกิดขึ้นเป็นเทพยดาองค์ปฐม อันว่าเทพยดาองค์ปฐมนี้ก็เกิดมาเป็นเทพยดาอีกจำพวกที่ร่างกายใหญ่โต ซับซ้อน อันเกิดแต่การเข้าหลอมรวมของเทพยดาเล็กๆน้อยๆหลายองค์เข้าด้วยกัน อันพอจะจำแนกออกได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ ตามรูปร่างหน้าตาและคุณสมบัติของพวกเขา ชื่อเสียงเรียงนามของพวกเขานั้นคล้ายกับชื่อหมู่อาหารของเราในวันนี้มาก นี่อาจเป็นเรื่องมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งของสรวงสวรรค์ พวกเขาเหล่านั้นได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และกรดนิวคลิอิก

                    ชื่อเหล่านั้นปกติแล้วจะหมายถึงรูปกายอันสลับซับซ้อนขึ้นอีกระดับของเทพยดาองค์ปฐม โดยโปรตีนก็มีหมู่คณะเล็กของเทพยดาที่หน้าตาท่าทางคล้ายกันและอาศัยร่วมกันได้มารวมตัวกันเข้า คาร์โบไฮเดรต และกรดนิวคลิอิกก็เช่นกัน จะมีก็พวกไขมันที่ร่างกายใหญ่โตมาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมมี แต่ก็มีการสมาคมกันเป็นหลายแบบหลายจำพวก ซึ่งโดยปกติแล้วพวกไขมันจะไม่ค่อยถูกกับน้ำ จนถึงทุกวันนี้ไขมันที่เราพบก็ยังคงไม่ถูกกับน้ำอยู่ อาจเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาและพฤติการณ์ของไขมันนั้นช่างผิดแผกแตกต่างจนน่าประหวั่นพรั่นพรึงต่อน้ำนัก ทั้งยังใหญ่โตมโหฬารจนน้ำยากจะโอบรัดไว้ได้ แต่คุณสมบัติเช่นนี้นี่เองที่รังสรรค์สิ่งวิเศษอัศจรรย์ขึ้นในโลกได้ ก็คือชีวิตในลำดับต่อไป เทพยดาองค์ปฐมเหล่านี้กำเนิดในที่ต่างๆ แต่ล้วนถูกชะพัดพาเข้าร่วมรวมไว้ให้แหวกว่ายในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่และปั่นป่วนครวญคร่ำนั้น แล้วชีวิตแรกๆก็เกิดขึ้นและดำรงอยู่ ตลอดจนสืบวงศ์วานว่านเครือของพวกเขาอยู่ในน้ำมาอีกนานแสนนาน

                    พวกไขมันเป็นตัวการสำคัญของชีวิต เพราะการที่ไขมันถูกรังเกียจเดียดฉันท์จากน้ำนั้นเอง ที่ทำให้ไขมันบางรูปแบบที่บังเอิญมีส่วนที่พอจะคบหากับน้ำได้บ้างสามารถก่อตัวเป็นเยื่อบางๆอยู่ร่วมกับน้ำได้ แล้วเมื่อเป็นลักษณะเช่นนี้ได้แล้ว บางครั้งเยื่อเหล่านี้ก็ขมวดกันเข้าแล้วล้อมน้ำไว้ภายใน เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้ทั่วไปในยุคนั้น แต่บางเหตุการณ์ก็พิเศษที่สุด คือการประชุมพร้อมกันของเทพยดาองค์ปฐมทั้งสี่ในลูกเยื่อลูกเดียว ด้วยว่าบางครั้งในน้ำที่ถูกล้อมเป็นลูกเยื่อนั้นก็มีเทพยดาหมู่อื่นๆชำแรกแทรกตัวเข้าปะปนอยู่ แต่แม้ว่าจะเกิดการประชุมพร้อมของเทพยดาองค์ปฐม ก็มีเพียงรูปแบบที่เหมาะสมเท่านั้นที่จะให้กำเนิดเป็นชีวิต เพราะการประชุมกันของเทพยดาองค์ปฐมอย่างเหมาะสมนั้นย่อมต้องเกิดปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบและสัดส่วนที่เหมาะสมของเทพยดาองค์ปฐมแต่ละองค์ ทุกองค์ล้วนมีกิจวัตรของตน มีสัมพันธภาพของตน มีการเกิดและการดับสลายของตน เมื่อจังหวะชีวิตของเทพยดาทั้งปวงสอดประสานกันอย่างวิเศษอัศจรรย์แล้ว บทเพลงอันไพเราะและงดงามที่สุดแห่งชีวิตก็ดังกังวานขึ้นในโลก

                    ลูกเยื่อที่เกิดในระยะแรกๆนั้นมีขนาดเล็กมากๆ เพราะขนาดเล็กมากๆเท่านั้นที่จะเพียงพอให้การแลกเปลี่ยนประชาเทพของภายในและภายนอกเป็นไปได้อย่างสมดุล และสามารถธำรงรักษาไว้ซึ่งความสมดุลนั้นได้นานพอจะพัฒนา เราอาจเรียกลูกเยื่ออันอุดมวิเศษนี้ได้ว่าเซลล์ หากทว่าเป็นเซลล์แบบโบราณกาลเก่าก่อน มีลักษณะอันเรียบง่าย แต่ก็เป็นชีวิตแล้ว พวกเขาที่เกิดในยุคแรกนี้เริ่มดำเนินกิจกรรมต่างๆของตน ทั้งการรับพลังจักรวาล การธำรงไว้ซึ่งดุลยภาพภายในของตน และที่สำคัญที่สุดคือการสืบทอดรูปแบบต่อมา อันยังผลให้ชีวิตเป็นสิ่งที่ดำรงและพัฒนามาจนทุกวันนี้ ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่จะทำให้ชีวิตมีอยู่สืบไป    

                    ในเซลล์โบราณเหล่านี้นอกจากเทพยดาองค์ปฐมทั้งปวงแล้ว ก็ยังต้องมีเทพยดาเล็กๆน้อยๆชนิดต่างๆอีกมากมาย ทั้งหมดอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวและเกื้อกูลกัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แล้วดำเนินชีวิตและวิวัฒน์ข้ามผ่าสายธารแห่งกาลเวลาอันยาวนานแต่ก็รี่ไหลไม่เคยหยุดหย่อน การวิวัฒน์ของเหล่าเซลล์ก็ดำเนินไปเช่นกัน ยิ่งสายธารเวลาไหลไป เซลล์ก็วิวัฒน์ขึ้น กอปรกับเทพยดาทั้งปวงที่เคยพลังพลุ่งพล่านในโลกก็ยอมอยู่ในดุลยภาพแห่งสันติกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการปลดปล่อยพลังอย่างบ้าคลั่งนั้นมิอาจเกื้อกูลสิ่งใดได้ หากทว่าสันติและการอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลเท่านั้นที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆที่สวยสดงดงามให้กับโลก เพราะฉะนั้นโลกธรรมชาติของเหล่าเทพยาจึงยังคงร่ำร้องโหยหาเอาดุลยภาพของพวกเขาที่เราชาวมนุษย์แย่งชิงมากระทำย่ำยีจนปี้ป่นกลับคืน และพวกเขาจะลงโทษทัณฑ์ทรมานต่างๆแก่เราหากเราไม่สร้างสรรค์สันติและดุลยภาพกลับคืนให้พวกเขา ในครั้งที่สันติดุลยภาพได้เริ่มบังเกิดขึ้นโดยหมู่เทพนั้น การวิวัฒน์ของชีวิตในครั้งโบราณกาลนั้นก็ได้เกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างรุดหน้าตลอดเวลานั้น จนกระทั่งที่สุดแล้วเซลล์บางจำพวกก็รู้จักสร้างอากาศให้พวกอื่นได้หายใจ หลังจากที่หมอกเมฆได้จางลง แลแสงตะวันได้ฉายต้องผิวแผ่นดินโลก และมหาสมุทรได้ พวกเขาเปลี่ยนสภาพเทพยดาในก้อนหินและสายน้ำให้กลับล่องลอยโบยบินได้อีกครั้ง ในรูปแบบที่ต่างไปและเหมาะกับการหายใจของเราทั้งหลายในวันนี้ เหล่าพ่อมดหมอผีเชื่อกันว่าเซลล์เหล่านั้นมีสัณฐานเล็กมากๆ และมีสีน้ำเงินแกมเขียว แล้วก็เป็นเซลล์จำพวกนี้ที่มีอยู่มากมายในมหาสมุทรสมัยนั้น พวกเขาคงงดงามราวแก้วผลึกกันทีเดียว พวกเขาแหวกว่ายล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรนั้น กับทั้งแปรเอาเทพยดามาเป็นอากาศ จนอากาศมีมากขึ้น เซลล์หมู่อื่นคณะอื่นจึงวิวัฒน์กันขึ้นตามแต่รูปแบบจำเพาะแห่งตน บ้างดำรงรูปเล็กๆตามประสา บ้างเติบใหญ่ บ้างอยู่ร่วมกันกับเซลล์ประเภทอื่นๆจนมีความสลับซับซ้อนขึ้น มากมายหลายประการ การมีอากาศนี้เองที่ดลบันดาลให้เหล่าชีวิตอาจหาญคลื่นย้ายขึ้นมาอยู่บนแผ่นดินโลกที่อุดมแต่หินผาและดินทราย พวกเขาค่อยๆคืบคลานขึ้นจากน้ำ รุ่นแล้วรุ่นเล่า สืบวงศ์วานผ่านกาลเวลาเรื่อยมา พลีกายถวายซากลงทับถมสู่แผ่นดิน จนแผ่นดินกลายเป็นแผ่นดินสีดำอันอุดมได้ในที่สุด แล้วชีวิตต่างๆก็เติบโตเบ่งบานในทั้งแผ่นดินโลกและมหาสมุทรสืบมา

                    พืชต่างๆ และสัตว์ต่างๆอันมีมนุษย์ด้วยก็มีที่มาร่วมกันจากครานั้นนั่นเอง บรรพบุรุษของเราล้วนเกิดจากชีวิตเซลล์เดี่ยวเหล่านั้นที่วิวัฒน์พัฒนาขึ้นมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ผ่านความผันผวนปรวนแปรนานัปการของโลก ผ่านการเวียนตายเวียนเกิดในการคัดเลือกมากมายกระทั่งวันนี้ กระบวนการทั้งปวงนั้นยังดำเนินสืบมาและสืบไป จากหนึ่งสู่หลาย และจากหลายสู่ทั้งหลายและหลาก มากมายก่ายกองของรูปแบบชีวิตในโลกของเรา พวกเขาล้วนเกิดขึ้น เติบโต และสืบสายวงศ์วาน อันเป็นกิจกรรมแห่งชีวิตเรื่อยมา ต่างชนิด ต่างวิถี และทำให้เกิดความหลากหลายอันงดงามแก่โลก เราทั้งปวงล้วนถูกสร้างสรรค์จากปวงเทพให้แตกต่างหลากหลาย ราวกับหมู่บุพชาตินานาพันธุ์ในทุ่งกว้าง ที่มีสีต่างๆหลากกันไป เพื่อแต่งแต้มให้ทิวทัศน์นั้นงามตา และความหลากหลายนี้เองก็เป็นส่วนสำคัญในการประคับประคองระบอบระบบแห่งสัมพันธภาพของชีวิตต่างๆให้ดำรงอยู่ตามสันติดุลยภาพแห่งหมู่พวกเหล่านั้นๆ หมู่หนึ่งย่อมสัมพันธ์กับหมู่อื่นๆ และโยงใยสัมพันธ์กันไปล้วนถ้วนทั่วทุกหัวระแหงของโลกใบนี้ จวบจนดาวต่างๆบนฟ้ากว้างนั้น เทพยดาทั้งปวงที่กอปรเกื้อเอื้อให้เกิดเป็นเราทั้งหลายขึ้นมาล้วนสัมพันธ์กัน และเราผองก็ล้วนสัมพันธ์กันเฉกเช่นนั้นไม่ต่างกัน เรากินลมหายใจที่บรรพบุรุษของเราเคยปล่อยออก เราดื่มเทพยดาจากดวงดาวอันไกลโพ้น แล้วเราก็หายใจปลดปล่อยเทพยดาที่เคยสถิตอยู่ในตัวของใครบางคนเช่นกัน ทั้งหมดเชื่อมโยงสัมพันธ์และสอดประสานบทเพลงที่ไพเราะที่สุดของจักรวาลร่วมกัน ทุกหน่วยย่อยๆของโครงข่ายล้วนปฏิบัติหน้าที่สำคัญของตนต่อผู้อื่นๆทั้งหมด ไม่เฉพาะพืช สัตว์ หรือมนุษย์ พวกเราล้วนเกิดมา ดำรงอยู่ และตายจากไป แต่การตายจากของเราหาใช่การหายไปไหนไม่ หากแต่เป็นการเปิดพื้นที่ให้ความหลากหลายอันงดงามได้ทำหน้าที่ของเขา หน้าที่ในการคัดสรรส่วนที่เหมาะสมใหม่มาทำงานในหน้าที่เดิม ต่างคัดง้างโครงข่ายให้ดำรงอยู่ มิใช่เพื่อใครคนหนึ่งหรือหน่วยหนึ่ง แต่เป็นทุกหน่วยทั้งหมดร่วมกันในโครงข่าย ในหมู่คณะ ชีวิตนั้นจึงอาจมิใช่อื่นใดนอกไปจากพลังที่ขับเคลื่อนความงดงามให้กับโลกของเรา และหากนั่นจะเป็นเหตุปัจจัยอันอุดมให้เทพยดาก่อเอื้อเกื้อกูลให้ชีวิตบังเกิดขึ้นแล้ว มนุษย์ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิต หนึ่งในเจตนารมณ์เพื่อความงดงามแก่โลก หนึ่งส่วนเล็กๆในหลายๆส่วนที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังของปวงเทพ หน้าที่ของเราคงเป็นการสร้างสรรค์และธำรงรักษาความงดงามและสมดุลเหล่านั้นไว้กระมัง ?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×