คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ความกลัว
ตอนที่ 8
ความกลัว
“นี่มันเรื่องอะไร”คิลถามพลางมองเหล่าปีศาจที่พวกตนต่อสู้ด้วยมายืนล้อมรอบพวกเขาที่กลับมาถึงบ้านของมาร์คัสแล้ว
“อันที่จริง ไอ้งานนั่นนะมันก็แค่จัดลอกตาแค่นั้นละ”ชายคนที่สู้กับคิลว่าพลางหัวเราะแฮะๆ ขนาดโดนคิลซัดไปขนาดนั้นยังมายืนยิ้มร่าแบบนี้ได้อีก น่ากลัวจริงๆ
“จัดฉากงั้นเหรอครับ”ครอสว่าพลางมองมาร์คัสนิ่ง
“ใช่ นี่เป็นแค่การจัดฉากเท่านั้น”สิ้นเสียงมาร์คัส ดวงตาของเหล่าผู้ถือครองก็แสดงถึงความระแวงทันที
“ผลึกแห่งฮาร์เดสนะเป็นของพวกเธอแต่แรกแล้ว”เสียงของชายที่สู้กับครอสทำเอาเหล่าผู้ถือครองเปลี่ยนสีหน้าทันที หมายความว่าไงกัน
“ถึงท่านแรกิออสกับท่านโฟนิมจะตายไปแล้ว แต่ทุกคนก็ยังคงจดจำและเคารพพวกท่านอยู่ ถึงแม้จะเป็นเด็กที่เกิดทีหลังพวกเราร่วม 80000 ปีก็ตาม แต่พวกท่านก็เป็นคนมีความสามารถอย่างแท้จริง”หญิงสาวคนที่สู้กับโซลว่าพลางมองไปทางคิลกับครอสช้าๆ เหมือนอย่างที่เขาวาจริงๆ
“แล้วการจัดฉากนี่ ก็เพื่อดูว่าเราเหมาะสมหรือเปล่างั้นสิ”เสียงนิ่งๆของคิลทำให้เหล่าปีศาจพยักหน้าช้าๆ
“ส่วนหนึ่งเท่านั้นละ คุณคิลิออส คุณเฟรเนซิสและคุณแกรนพวกคุณทั้งสามคนต่างมีคุณสมบัติ และพลังเพียงพอที่จะสู้กับเทพและปีศาจได้ตั่งแต่ก่อนมาที่โลกนี้ด้วยซ้ำ”มาร์คัสพูดเสียงเบา ก่อนจะมองเหล่าผู้ถือครองทีละคน
“หากได้รับผลึกแห่งฮาร์เดส ทุกท่านก็จะมีพลังพอที่จะสู้รบได้อย่างเหลือเฟือ แต่การจัดฉากครั้งนี้มีเป้าหมายที่ท่านคิลิออส”มาร์คัสว่าพลางมองไปทางคิล
“ท่านเก่งกาจและมีความพัฒนาที่น่าเหลือเชื่อ แต่ผมกลับสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถเก่งกาจขึ้นได้มากกว่านี้”คำพูดของชายคนที่สู้กับคิลทำให้คิลมองอย่างงงๆ
“พอได้สู้แล้วผมถึงรู้ว่ามีบางอย่างที่ขาดไป ท่านคิลิออสนะ ขาดความกลัวไปครับ”ชายคนนั้นว่าพลางมองคิลนิ่ง ใช่แล้ว คิลขาดความกลัวในถานะสิ่งมีชีวิตไป คงเพราะคิลโดนดาร์คปลูกฝังมาแต่เด็ก ทำให้ไร้ความกลัวได้ขนาดนี้
“ความกลัวถึงแม้มีมากจะทำให้ลำบาก แต่ไม่มีเลยก็ไม่ดี คุณคิลิออสนะสามารถสัมผัสทุกอย่างรอบตัวได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าสัมผัสไม่ได้ละก็ท่านจะโดนโจมตีอย่างง่ายดาย มนาย์นะถึงแม้จะน้อยกว่าสัตว์แต่ก็มีสัญชาตญาณอยู่ แต่ท่านคิลิออสไม่มี ผมอยากให้ท่านคิลิออสลองมองหาดูว่าความกลัวของท่านคืออะไร”สิ้นเสียงคิลก็เงียบไปทันที จริงอย่างที่ชายคนนั้นว่าจริงๆ
“ส่วนคุณครอส สมาธิยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พลังเวทบริสุทธิ์กลับช่วยลบจุดนั้นได้ถึงแม้จะใช้เวลานานไปสักหน่อยในการใช้ เพราะงั้นผมเลยอยากให้ท่านครอสลองใช้เวทบริสุทธิ์เอาไว้ตลอดเวลาได้หรือไม่ครับ”ชายคนที่สู้กับครอสว่าพลางหันมามองครอสด้วยแววตาสงสัย
“จะพยายามครับ”ครอสตอบเสียงเรียบพลางพยักหน้าช้าๆ
“คุณโซล”เสียงหวานของหญิงสาวทำให้โซลสะดุ้งวาบ
“ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณเป็นอะไร แต่การที่คุณไม่ยอมใช้พลังที่แท้จริงออกมา ฉันไม่เห็นด้วย” สิ้นเสียงทุกคนก็หันมามองโซลเป็นตาเดียว อะไรกัน อย่าบอกนะโซลเองก็โดนผนึกอย่างคิล
“ระ รู้แล้วน่า”โซลว่าพลางหันหลังหนีไปทันที ให้ตายสิ ยุ่งกันชะมัดเลย เรื่องของเขาเองแท้ๆ
“เอาเถอะ ทุกคนกลับไปฝึกต่อได้แล้วละ อีก 2 เดือนผลึกแห่งฮาร์เดสถึงจะตกผลึกจริงๆ ถึงตอนนั้นเราจะบุกโลกของพวกเทพ”มาร์คัสว่าพลางเดินนำทุกคนเข้าไปในห้องฝึก เหลือแต่คิลครอสและโซลเท่านั้นที่ไม่ได้ตามเข้าไป เพราะต่างคนต่างก็กำลังคิดถึงเรื่องที่ตนโดนต่อว่ามา
“ขอตัวเดี๋ยวนะ”คิลว่าก่อนจะเดินแยกออกมา ให้เขาหางั้นเหรอว่าอะไรคือความกลัวของเขา แบบนี้เขาจะไปตอบได้ไงละว่าเขากลัวอะไร
.
.
“ให้ตายสิ”เสียงเบื่อหน่ายของโซลที่เดินเอื่อยเฉื่อยมาถึงริมน้ำทำให้ร่างของชายหนุ่มที่นั่งเล่นอยู่ก่อนแล้วสะดุ้งเล็กน้อย
“มีเรื่องอะไรเหรอโซล”เสียงเบาๆของไลท์ทำให้โซลชะงักทันที อุส่าคิดว่าจะมาที่ๆไม่มีใครแล้วเชียว
“ดีเหมือนกัน ผมจะได้มีผู้ชมด้วย”โซลว่าก่อนจะถอนหายใจเบาๆ พร้อมหยิบปืนทั้ง 2 กระบอกออกมาช้าๆ นี่คือหนึ่งในความสามารถของปืนที่มาร์คัสสร้างขึ้นเพื่อโซลโดยเฉพาะ เพราะมาร์คัสดูออกว่าที่จริงแล้วโซลคือนักสู้ประเภทไหนถึงได้สร้างปืนแบบนี้ให้เขา ทันทีที่ถือปืนถนัดมือโซลก็นำปืนทั้งสองกระบอกมาประกอบเข้าหากัน แล้วจัดการงัดกลไกต่างๆของปืนจนปืนทั้งสองกระบอกกลายเป็นรูปไวโอลินอย่างไม่น่าเชื่อ
“จะเล่นดนตรีงั้นเหรอ”ไลท์ว่าพลางยิ้มบางๆ
“ช่วยฟังหน่อยแล้วกัน”โซลว่าพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะดึงไม้สีไวโอลินที่ซ่อนอยู่ในปืนออกมา ให้ตายสิ มาร์คัสนี่ช่างสุดยอดจริงๆ ปืนที่เปลี่ยนเป็นเครื่องดนตรีได้ร่วม 7 ชนิดงั้นเหรอ ช่างคิดจริงๆ แต่ก็ดีแล้วละ เขาเองก็กำลังอยากเล่นสักเพลงเหมือนกัน
“ทำไม นายถึงไม่อยากเล่นดนตรีละ”ไลท์ถามพลางมองโซลที่เริ่มสีไวโอลินช้าๆ แต่คำตอบของโซลกลับเป็นเพียงเสียงเพลงที่ค่อยๆเอื่อยเฉื่อยไปกับบรรยากาศรอบข้างเท่านั้น ดวงตาสีเขียวมรกตหลับลงช้าๆเพื่อซึมซับกับบทเพลงที่บรรเลงออกมา เสียงอ่อนนุ่มที่หลั่งไหลไปตามอากาสรอบๆทำให้ความรูสึกผ่อนคลายอย่างประหลาด ไม่อยากจะเชื่อว่าชายที่เต็มไปด้วยความบ้าบออย่างหมอนี่จะเล่นเพลงแบบนี้ออกมาได้
“ฮืมมมม ฮืออออ”เสียงฮำเพลงเบาๆของไลท์ทำให้โซลชะงักเล็กน้อย ไพเราะอย่างบอกไม่ถูก แค่เอื้อนเอ่ยเพลงออกมาเบาๆก็ถึงกับทำเอาเสียงไวโอลินด้อน่าไปทันที ดวงตาของไลท์หันมามองโซลพร้อมยิ้มบางๆเป็นการท้าทายว่า ตารมมาให้ได้สิ
“หนอยแนะ”โซลกัดฟันแน่นก่อนจะเร่งบรรเลงเพลงตามเสียงของไลท์ให้ทัน แต่ไม่ว่าจะเล่นให้ดีแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้ไลท์มีสีหน้าแปลกใจได้ ชายคนนี่เก่งเรื่องดนตรีขนาดนี้เชียว
“ฝีมือดีนี่ ไม่เคยมีใครตามเพลงของฉันได้นานเหมือนนายมาก่อน”ไลท์ว่าพลางยิ้มบางๆ
“โซล นายนะไม่ได้เกรียดดนตรีหรอกนะ”เสียงของไลท์ทำให้โซลชะงักไปเล็กน้อย
“พอฟังเพลงของนายก็เข้าใจดีเลยละ นายนะแค่ทำเป็นเกรียดเท่านั้นเอง”คำพูดของไลท์ทำให้โซลนิ่งค้างไปทันที ราวกับคำพูดนั่นปักเข้ามาในใจดำของเขาก็ไม่ปาน
“คงเพราะโดนครอบครัวบังคับให้เล่นดนตรีละมั้ง”ไลทืว่าพลางมองโซลตั้งแต่หัวจรดเท้า ครอบครัวของโซลที่เขาเห็นตอนไปที่วินเธอเรีย ดูอย่างไรก็เป็นครอบครัวที่เข้มงวด คงจะบังคับให้โซลเล่นดนตรีมาแต่เด็กเลยละมั้ง ความชอบเลยกลายเป็นการต่อต้านแทน
“นายนะไม่จำเป็นต้องเล่นดนตรีตามคำสั่งใครหรอก เล่นอย่างที่นายอยากเล่นเถอะ”
“หัดรักในดนตรีของนายมากกว่านี้หน่อยสิ”คำพูดของไลท์ทำเอาร่างของโซลแทบจะทรุด โล่งอย่างบอกไม่ถูก ราวกับโซ่ที่ติดตามตัวถูกปลดออกอย่างไรอย่างนั้น นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาลืมไปว่าการเล่นดนตรีมันสนุกแค่ไหน ใครกันที่เป็นคนขอให้พ่อสอนดนตรีให้ เขานี่มัน บ้าชะมัดที่ลืมมันไปได้
.
.
.
“มาทำอะไรที่นี่คะ”เสียงเรียบๆของดาร์น่าทำให้คิลที่นั่งเล่นอยู่บนหลังคาหันมามองทันที จริงด้วย ตั่งแต่ปลดผนึกได้เขาแทบไม่ได้เจอเธอเลยนี่นา ว่าแต่เธอตามมาโลกนี้ด้วยเหรอนเย!!
“กำลังคิดอยู่นะว่าความกลัวคืออะไร”คิลว่าก่อนจะหัวเราะเสียงเบา
“คนอย่างคุณคิลกลัวอะไรด้วยเหรอคะ”ดาร์น่าว่าพลางมองคิลนิ่ง
“นั่นสิ ผมเองก็กำลังหาอยู่นี่ไง”พูดจบคิลก็หัวเราะเบาๆ
“สำหรับฉันแล้ว ความกลัวก็คงเป็นการสูญเสียคนสำคัญมั้ง”ดาร์น่าว่าพลางมองคิลนิ่ง แต่คำพูดของเธอกลับทำให้รอยยิ้มของคิลเจือนไปทันที ก็เขาเองไม่ใช่หรือไงที่พรากคนสำคัญของเธอไป
“คุณนะมีผู้หญิงที่รักคุณตั้ง 3 คนนี่คะ”ดาร์น่าว่าพลางมองร่างของชายหนุ่มข้างๆนิ่ง
“นั่นสินะ แต่ผมก็ปกป้องใครไม่เคยได้เลย”คิลว่า ก่อนจะเอนตัวพองกับหลังคา
“ถ้าคุณตายไป พวกเธอคงเสียใจมากเลยละ”ดาร์น่าว่าพลางมองคิลนิ่ง
“คุณมักบอกว่ายังตายไม่ได้เพราะยังปกป้องเธอคนนั้นไม่สำเร็จ”ดาร์น่าพูดจบก็แหงนหน้ามองดวงจันทร์ช้าๆ
“แต่คุณเคยคิดหรือเปล่าว่าถ้าคุณตายหลังจากนั้น เธอจะมีความสุข”สิ้นเสียงคิลก็นิ่งเงียบไปทันที จริงด้วยสิ ถ้าเขาตายไป เนเน่คงจะร้องให้หนักมากแน่ๆ
“ความกลัวของคุณคืออะไร คงรู้แล้วสินะคะ”ดาร์น่าว่าพลางมองคิลนิ่ง ใช่ รู้แล้วละ ความกลัวของเขานะ กลัวที่จะต้องทำให้เธอคนนั้นร้องให้ กลัวที่จะทำให้เนเน่ต้องเสียใจ เขาไม่อยากทำพราดอีกแล้ว
“ผมคง ตายไม่ได้จริงๆนั่นละ”คิลว่าพลางหยิบสร้อยคอออกมาเปิดดูรูปภาพช้าๆ คิลมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเนเน่อย่างเลื่อนลอย อยากเห็นรอยยิ้มแบบนี้อีกสักครั้ง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปกป้องเธอคนนี้ให้ได้ ต้องกลับไปหาเธอ ทำให้เธอมีความสุขเท่าที่เขาจะทำได้
‘ถึงจะไม่มีพรแห่งดวงจันทร์ แต่หนูขอแค่พี่คิลยิ้มได้แบบนี้ก็พอแล้วละ’ เสียงหวานของเนเน่ที่พูดกับเขาทำให้รอยยิ้มของคิลเผยออกมาช้าๆ อบอุ่นจริงๆ คำพูดนั่น แต่เมื่อคิลเลื่อนสายตามาที่สร้อยคอของเนเน่ที่เขาให้เธอไว้ ดวงสีแดงก็ฉายแววความโหยหาทันที คิดถึงจริงๆ ตอนนี้พวกเธอจะยังยิ้มให้เขาเหมือนเดิมหรือเปล่านะ
‘เมย์จะรอนะ จนกว่าจะถึงวันที่คิลลืมความแค้นได้’
‘เวลามอง จะได้นึกถึงฉันด้วยไง’ เสียงของหญิงสาวทั้งสองที่ฉายเข้ามาในความทรงจำของคิล ทำให้รอยยิ้มยิ่งฉีกกว้างเข้าไปอีก จริงสินะ เขายังมีคนที่รักเขาอีกนี่นา เขาจะมาตายไม่ได้ เพราะงั้นความกลัวของเขาก็คือสิ่งนี้ละ ความกลัวที่จะต้องตายจากคนที่เขารัก ชีวิตของเขาที่ทั้งสามคนมอบให้ จะไม่มีทางทิ้งไปง่ายๆแน่
“ยิ้มอยู่ได้”เสียงบ่นพึมพำของดาร์น่าทำให้คิลหลุดจากอาการเหม่อลอยทันที
“ขอโทษนะครับ”คิลว่าพลางหัวเราะแฮะๆ
“ฉันชักจะกลัวอีกแล้วสิ”คำพูดของดาร์น่าทำให้คิลเลื่อนสายตามามองทันที ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าดวงตาของดาร์น่ากำลังจ้องมองมาทางเขาด้วยสายตาแบบไหน เจ็บปวด เป็นสายตาที่เจ็บปวดจริงๆ แต่ไม่ใช่สายตาที่แค้นเคืองเหมือนคราวก่อนๆ ไม่มีความแค้นไดๆผุดขึ้นมาจากดวงตาคู่นั้นเลยสักนิด
“ฉันกลัวว่าฉัน จะรักนาย”
ความคิดเห็น