คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ศาสตราวิชาภพทมิฬ
ตอนที่ 2
ศาสตราวิชาภพทมิฬ
“โลกนี้ ท้องฟ้าเป็นสีแดงเหรอเนี่ย”โซลว่าพลางมองไปรอบๆ ให้ตายสิ จ้นไม้สีดำไม่มีใบ มีแต่กิ่งก้านโล้นๆ แถมยังเต็มไปด้วยหนามกับท้องฟ้าสีแดงที่ทั้งพระจันทร์และเมฆสีดำสนิทดูแปลกตาไม่น้อย ราวกับเป็นคืนจันทร์สีเลือดที่ตัวจันทราเป็นสีดำก็ไม่ปาน
“การต่อสู้ต่อจากนี้พวกเธอจำเป็นต้องทำลายโล่ซันโนดิแอร์คให้ได้เป็นอย่างต่ำ ถึงจะต่อกรกับพวกเทพได้ แต่พลังเวทจากจิตแห่งโลกไม่เพียงพอหรอก”มาร์คัสว่า ก่อนจะเดินเอื่อยๆไปตามทางช้าๆ ก่อนจะเอื่อมมือไปเปิดบานประตูเหล็กสีดำสนิทที่อยู่ตรงหน้าอย่างช้าๆ
“นี่นะเหรอ เมืองของเหล่าปีศาจ เรียง่ายกว่าที่คิดอีกนะครับ”เกลว่าพลางมองปราสาทสีดำที่มีรูปร่างแทบไม่ต่างเมืองซันนีล่าสักเท่าไหร่
“พูดอะไรนะ นี่คือเขตของข้าคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เมืองทั้งเมืองเสียหน่อย ขืนปล่อยพวกเจ้าเข้าเมืองไปตอนนี้มีแต่ไปตายเท่านั้น”มาร์คัสว่าพลางเดินเข้าไปด้านในอ่างเชื่องช้า แต่ก็เป็นอย่างที่มาร์คัสว่าจริงๆ นอกจากปีศาจไม่กี่คนที่กำลังทำงานเล็กๆน้อยๆอยู่กลับไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ราวกับพื้นที่นี้เพียงพวกเขาอย่างที่ว่าจริงๆ
“เอาละ ทิ้งอาวุธทั้งหมดซะ”คำพูดของมาร์คัสทำเอาเหล่าทหารต่างมองกันอย่างแปลกใจ หมายความว่าไ หรือมาร์คัสจะทรยศพวกเขาแล้วจะจัดการให้หมด
“หมายความว่าไงครับ”จินถามพลางมองคิลและครอสอย่างแปลกใจ แต่เมื่อเห็นคิลเรียกดาบโลหิตดำและดาบกางเขนศักดิ์สิทธิ์ออกมาโยนทิ้งอย่างว่าง่ายก็ยิ่งทำหน้างงเข้าไปใหญ่
“อย่าลืมสิ นี่คือโลกที่ใช้กักขังปีศาจ ทั้งก้อนหินดินทรายที่พวกเราเดินผ่านมานะยังแข้งกว่าปกติตั้งหลายเท่า ธาตุต่างๆในโลกปีศาจเองก็คงแข็งแกร่งมากกว่าหลายเท่า แน่นอนว่าฝั่งเทพเองก็เช่นกัน เพราะงั้น เศษเหล็กจากโลกของเรานะไม่มีค่าอะไรหรอก” ครอสว่า ก่อนจะโยนเศษซากของเคียวตนทิ้งไปอย่างว่าง่ายเช่นกัน
“แต่อาวุธภูติพวกนี้น่าจะ...”พูดไม่ทันจบครอสก็ส่ายหน้าเบาๆ
“อาวุธภูติที่ให้พวกเราใช้เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมากว่าแสนปี ต่อให้มีพลังธาตุแข็งแกร่งแค่ไหนก็ใกล้จะได้เวลาแตกสลายได้แล้ว เคียวของผมเองก็หมดสภาพอย่างที่เห็นนี่ละ”ครอสว่าพลางถอนหายใจ ให้ตายสิ แค่เทพระดับกลางยังเล่นเอาเคียวเขาแหลกคามือแบบนี้ต่อไปจะทำอย่างไรดีละ
“นั่นสินะ”โซลว่าพลางโยนปืนทั้งสองกระบอกทิ้ง ปืนสองกระบอกนี้เป็นปืนที่เขาใช้มานานแสนนาน เขามั่นใจในความรุนแรงของมันเสมอมาจนมาเจอกับคิล แต่เมื่อเจอกับโล่สูงสุดของทั้งความมืดและสว่างปืนของเขากลับเป็นได้แค่ดั่งเม็ดฝนเท่านั้น ถ้าเขายังจะยึดติดกับปืนคู่นี้อีกละก็ มีแต่จะรั้งไม่ให้แข็งแกล่งไปมกกว่านี้เท่านั้น
“นั่นสินะ”จินว่าพลางโยนหอกของตัวเองตาม ทันทีที่เหล่าผู้นำเริ่มทิ้งอาวุธคนอื่นๆต่างก็เริ่มทำตามเป็นการใหญ่ ถึงจะมีบางคนไม่ยอมทิ้ง แต่สุดท้ายเมื่อเห็นเหล่าพวกพ้องที่มาด้วยกันทิ้งอาวุธที่แสนภูมิใจของตนไปทีละชิ้นๆก็เริ่มถอดใจแล้วยอมทำตามแต่โดยดี ก็จะเหลือเพียงแต่อาวุธบางชิ้นที่มีค่าต่อจิตใจของบางคนเท่านั้นที่ไม่ถูกโยนทิ้ง
“หลังจากนี้ทางเราจะสร้างอาวุธชั้นเลิศที่ดีที่สุดให้แก่ทุกท่าน ระหว่างการสร้างต้องใช้เวลา 1 อาทิตย์ขอให้ทุกท่านเข้าไปรอที่ห้องนี้”มาร์คัสว่าก่อนจะเปิดประตูขนาดใหญ่ให้ทุกคนเห็นช้าๆ ทันทีที่เปิดประตูออกภาพห้องที่เป็นเพียงลานกว้างขนาด10 ไร่ก็ปรากฏให้เห็นตรงหน้า ไม่มีอะไรทั้งสิ้นนอกจากผนังกำแพง และเพดานกับพื้นเปล่าๆ
“นี่มัน”ครอสมองห้องตรงหน้าอย่างแปลกใจ เหมือนว่าในความทรงจำของเรกิออสจะมีห้องนี้อยุ่ด้วย แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงค้นความทรงจำนี้ไม่ได้
“คงอยากให้พวกเราฝึกกันเองโดยไม่พึ่งความทรงจำนะ”คิลว่าพลางเดินเข้าไปในห้องช้าๆ ความทรงจำของโฟนิมเองก็ขาดช่วงฝึกฝนไปเหมือนกัน คงมีอะไรหลายๆอย่างที่ทั้งโฟนิมและเรกิออสต่างอยากให้คิลและครอสได้รับรู้
“ห้องนี้จะทำให้พวกนายใช้พลังจากจิตวิญญาณแห่งโลกไม่ได้”มาร์คัสว่าพลางเดินเข้าไปด้านใน
“จิวิญาณแห่งโลก หมายความว่าพวกเราใช้เวทมนตร์ในห้องนี้ไม่ได้สินะ”คิลว่าพลางเรียกหลุมมิติออกมา แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ แต่ก็ไม่สามารถทำได้
“ห้องนี้ถูกคลุมด้วยเวทมนตร์ชนิดพิเศษของข้า ทำให้พลังจากจิตวิญญาณแห่งโลกไม่สามารถเข้ามาได้” มารืคัสพูดเสียงเรียบ ก่อนจะเดินมาที่ตรงหน้าคนทั้งหมด
“ต่อจากนี้ไปเราจะมาเรียนรู้เรื่องพลังที่มนุษย์ใช้ก่อนที่ตะเกิดเวทมนตร์กัน”มารืคัสว่าพลางกำหมัดทั้งสองข้างเบาๆ
“หมายความว่าจะใช้ไอ้ที่เรียกเทคโนโลยีสินะ”ครอสว่าพลางมองมาร์คัสอย่างสงสัย
“พูดเรื่งอะไรนะ เพราะเทคโนโลยิอ่อนแอต่างหากละเราถึงได้สร้างเวทมนตร์”มาร์คัสตอบกลับก่อนจะหัวเราะหึๆ อธิบายไปก็คงเสียน้ำลาย สู้แสดงให้ดูก่อนเลยดีกว่า เขาค่อยๆรวบรวมพลังที่ฝ่ามือช้าๆ ก่อนที่จะกระแทกเข้ากลางอกของครอสอย่างแรงจนครอสจุกจนแทบกระอักเลือด แต่เมื่อลุกขึ้นมาได้ก็เหมือนมีพลังบางอย่างจุกขึ้นมาอีกรอบก่อนจะทำให้เจ้าตัวทรุดฮวบลงไปอีกรอบ
“นี่คือ ลมปราณ หรือ พลังภายใน หรือจะอะไรก็ตามที่คนรุ่นก่อนคิดค้นขึ้นมาใช้แทนพลังเวท”มาร์คัสว่าพลางตั่งท่าช้าๆ ก่อนจะเดินพลังภายในร่างกายอย่างคล่องแคล่ว
“นี่คือศาสตร์ที่ได้ผลที่สุดก่อนจะมีพลังเวท นอกจากข้าและลูกศิษย์ของอิคารอสเท่านั้นที่ใช้มันได้ หากมีพลังนี่พวกเจ้าอาจจะทำได้มากกวี่เสมอกับพลังเวทของพวกเทพ”มาร์คัสว่า ก่อนจะเรียกไอสีขาวออกมาจากมือช้าๆ ไหนว่าใช้เวทมนตร์ไม่ได้ไง
“ที่พวกเจ้าใช้ล้วนเป็นพลังเวทที่แต่เดิมเป็นพลังจากจิตวิญญาณแห่งโลก แต่นอกจากนั้นแล้ว ในร่างกายของแต่ละคนต่างมีพลังอยู่ เรียกว่าพลังเวทบริสุทธิ์ เป็นพลังที่เข้มข้นกว่าพลังเวทปกติหลายเท่า แต่เพราะมันต้องใช้การฝึกฝนนานนับสิบปี ทำให้ไมค่อยมีใครใช้นัก แต่ถ้าพวกเจ้าเอาออกมาใช้ได้ละก็ ข้ามั่นใจเลยว่าเจ้าต้องเอาชนะเทพได้อย่างแน่นอน”สิ้นเสียง ความตื่นเต้นของเหล่าทหารต่างเพิ่มพูนกันอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนที่มายืนที่นี่นั้นล้วนแต่ผ่านการฝึกฝนมามากมายมีหรือที่จะไม่ตื่นเต้นกับหนทางที่จะก้าวไปข้างหน้า
“ข้าจะให้เหล่าภูติสอนวิชาลมปราณและเวทบริสุทธิ์ให้พวกเจ้า”มาร์คัสว่าพลางเดินออกไปข้างนอก
“ท่านอาจารย์จะ....”
“ข้าก็จะไปสร้างอาวุธชั้นเลิศให้ทุกท่านยังไงละ”มาร์คัสพูดก่อนจะหัวเราะหึๆ แล้วเดินหายไป
“เอาละ ได้เวลาฝึกกันแล้ว”เสียงของดาร์คทำเอาเหล่าทหารกลืนน้ำลายกันเป็นแถว
.
.
“อาจารย์คิดว่าไงครับ”เสียงของไลท์ทำให้มาร์คัสที่กำลังนั่งมองกองอาวุธตรงหน้าหันมามองลูกศิษ์ของตนช้าๆ
“มีหวังกว่ารอบที่แล้ว”คำตอบของมาร์คัสทำให้ไลท์ยิ้มออกมาบางๆ
“มี 3 คนที่มีพลังมากพอจะเทียมเทพทั้งๆที่ใช้แค่พลังจากจิตวิญญาณแห่งโลก ข้าหวังในตัวทั้ง 3 คนนั้นเหลือเกิน”มาร์คัสพูดก่อนจะเดินไปหยิบมีดสั้นสีดำมาหนึ่งเล่ม
“นอกจาก 3 คนนั้นแล้ว ยังมีหลายๆคนที่ฝึกสักหน่อยก็จะเข้าร่องข้ารอย คราวนี้พสกเทพอาจจะพ่ายแพ้อย่างย่อยยับเลยก็ได้”มาร์คัสตอบก่อนจะเลื่อนมือไปหยิบดาบสองเล่มที่มีขนาดด้านแบนใหญ่กว่าปกติ แล้วแล้วแปลกตาพิลึก
“แถมเจ้าหนุ่มที่มีหน้าตาเหมือนโฟนิมนั่นยังควบคุมพลังได้อย่างละเอียดอ่อนจนน่าตกใจ แม้แต่เทพด้วยกันยังหาผู้ทำแบบนี้ได้ไม่มาก ไม่สิ อาจจะหาไม่ได้ด้วยซ้ำ หากเขาสารถบรรลุปราณชั้นฟ้ากับพลังเวทชั้นสูงได้ละก็ เขาจะกลายเป็นชายหนุ่มที่แม้แต่เทพยังต้องหวาดเกลง
“พูดอะไรนะอาจารย์ ปราณนั่นนะ แม้แต่ดาร์คเองยังฝึกได้แค่ชั้นสามัญ อาจารย์เองก็เถอะ ยังฝึกได้แค่ชั้นเหนือราชันเลย”ไลท์ว่าพลางยักไหล่เบาๆ ปราณชั้นฟ้านั่นนะ คนจากยุคก่อนบันทึกเอาไว้ แต่อาจารย์ที่ใช้เวลาฝึกนับแสนปีกลับไม่มีท่าทีจะฝึกสำเร็จเลยสักนิด
“มันก็น่าลองไม่ใช่หรอไง”มาร์คัสพูดเสียงระรื่น ก่อนจะชูมีดสีดำในมือของตนขึ้นสูง
“บางที คนที่จะใช้ดาบเล่มนี้ได้ก็คงมีแต่เขานั่นละ”มาร์คัสหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเก็บมีดลง ไม่ว่าจะดูมุมไหน ในมือของมาร์คัสก็คือมีดอย่างแน่นอน แต่ทำไมเขาถึงบอกว่าเป็นดาบละ?
“โอ้ย”เสียงร้องของเนสทำให้เรวันและคีย์หันมามองอย่างตกใจ
“ดีมาก ดเหมือนจะเริ่มเคลื่อนลมปราณเป็นแล้วสินะเจ้าหนู”ดาร์คว่าพลางยิ้มบางๆ เล่นเอาทั้งเรวินทั้งคีย์รีบเร่งพลังของตัวเองทันที ให้ตายสิ พลังลมปรารนี่มันยังไงกันนะ ไม่เห็นเข้าใจเลย
“อย่ามัวแต่รีดเร่งพลังเวทแบบเดิมละ เพราะลมปราณคือพลังอีกสายที่อยู่ในร่างกาย ไม่ใช่พลังเวทที่ใช้ตามปกติ” ดาร์คว่าพลางมองไปรอบๆ คนที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ตัดคิลและครอสที่บอกเสร็จก็ทำได้เลยไปก็เหลือแค่ แกลน เนส โซล กับจินเท่านั้น
“สำเร็จ”เรวินว่าพลาเร่งพลังออกมาช้าๆ แต่ก็โดนดาร์คเคอะหัวเสียเต็มแรง
“ไอ้เด็กบ้า นั่นมันเวทบริสุทธิ์ไม่ใลมปราณอย่าเร่งพลังผิดสายสิเฟ้ย”ดาร์คว่า ก่อนจะตีหัวเรวินอีกรอบเล่นเอาเรวินกัดฟันกรอด หนอยแนะ อย่าได้มีเวลาเอาคืนเชีวนะ
“เข้าที่แล้วสินะ”ครอสถามพลางหันมามองคิล
“ดูเหมือนจะใช่แค่นี้หรอก วิชานี้ล้ำลึกกว่าที่คิด”คิลว่าพลางลองใช้ลมปรารเดินไปตามแขนและขา เมื่อใช้ที่ฝ่าเท้ากลับรู้สึกตัวเบาอย่างประหลาด ใช้ที่แขนก็รู้สึกได้ถึงพลัง เดินพลังไปยังจุดไหนก็มีผลลับแตกต่างออกไป วิช่างล้ำลึกเกินจะหยั่งถึงจริงๆ
“อย่างที่ว่านั้นละ พลังปราณของสายอาจารย์มาร์คัสคือวิชาที่เจ้าแห่งวิชาสมัยก่อนได้สร้างขึ้นมา โดยใช้หลักวิชาลมปราณทั้งหมด วิชานี้แบ่งออกเป็น 13 ชั้น ชั้นธุลี ชั้นกรวด ชั้นศิลา ชั้นบลอน ชั้นทองแดง ชั้นเงิน ชั้นทอง ชั้นสามัญ ชั้นวีรชน ชั้นราชัน ชั้นเหนือราชัน ชั้นเหนือคน ชั้นเหนือฟ้า ทั้งหมด 13 ชั้น แต่ละชั้นต่างมีพลังสูงต่างกัน 10 ขั้น”เฟรเนกริฟพูดพลางมองคิลกับครอสสลับกัน แค่ 3 ชั่วโมงตลอดการฝึก คิลและครอสกลับทะลุชั้นธุลีมาเป็นกรวดไปแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนทำได้แบบนี้อยู่ สมแล้วที่เป็นเหล่าผู้คนที่เธอคาดหวัง
“อีก 3 วันทุกคนจะต้องฝึกฝนให้ได้ชั้นบลอนขึ้นไป ใครไม่ได้ ก็กลับโลกมนาย์ไปซะ”ดาร์คว่าพลางมองไปรอบๆ ใครที่ทำไม่ได้ถึงขั้นนี้ละก็ ไปก็ตายเปล่า อยู่ที่โลกนั่นละดีแล้ว
ความคิดเห็น