คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : แสดงละคร!!
แสดงละคร!!
เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น เหมือนว่าร่างกายมันขยับไปเองอย่างงั้นละ ทั้งๆที่ไม่ได้คิดจะแตะต้อตัวอลิซเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่สิ ไม่อยากแตะต้องงั้นเหรอ ไม่ใช่หรอก ตั่งแต่วันแรกที่เจอ ผมกลับรู้สึกแปลกๆมาตั่งแต่แรก ราวกับตัวเธอมีแรงดึงดูดให้ผมเข้าไปหาอย่างไรอย่างนั้น ทั้งๆที่ผมไม่เคยคิดว่าผู้หญิงจะมีอะไรน่าสนใจมาก่อน กลับรู้สึกอยากเข้าไปดึงร่างเล็กๆนั่นมากอดอย่างบอกไม่ถูก บางทีก็หงุดหงิดกับท่าทีไม่ระวังตัวของเด็กผู้หญิงคนนี้เสียเหลือเกิน ทั้งๆที่อายุก็ 15 แล้ว โตพอที่จะเรียกว่าเป็นสาวได้แล้ว กลับยอมให้ใครต่อใครเข้ามากอดได้เสียเฉยๆ ถึงอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงซะเกือบหมดก็ตาม แต่มันก็แอบหงุดหงิดอยู่ดีนะ ถึงเธอจะไม่รู้ตัว แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เรียกได้ว่า น่ารักจนใจหาย บอกได้เลยว่าที่โรงเรียนหากไม่มีผมกับพวกเคธคอยประกบ ผู้ชายต้องคอยเดินตามไม่ยอมห่างแน่นอน ผมเริ่มคิดว่าผมกำลังตกหลุมรักเธอมานานแล้วละ แต่ก็คิดว่าเป็นแค่ความหลงใหลที่รูปโฉมภายนอกมากกว่า จนเริ่มอยู่ด้วยกันมากๆเข้า ผมกลับเริ่มโดนดึงดูดเข้าหาเธอเรื่อยๆ ปกติผมก็ควบคุมตัวเองได้นะ แต่เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อากกก ผมทำบ้าอะไรลงไป
“ว่าไง”ผมเอ่ยเสียงทักทายให้ร่างบางที่ยินอยู่ข้างๆแม่ของผมเอง แต่เธอกลับเดินเข้าไปหลบหลังแม่ของผมซะอย่างนั้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ละ หรือว่าเธอโกรธผม ไม่สิ อาจจะถึงขั้นเกรียดเลยก็ได้ ผมจะทำยังไงดีละเนี่ย
.
.
“เฮ้”เสียงหวานออกแหลมของเคธทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย นี่ผมนั่งเหม่อจนลืมเรื่องรอบตัวเลยเหรอ
“คริส นายฟังเรื่องที่พวกเราพูดหรือเปล่า”เสียงของเคธทำให้ผมส่ายหัวเบาๆ โทษทีนะ ผมลืมฟังไปซะสนิทเลย
“โถ่ งั้นเอาใหม่ งานโรงเรียนที่จะถึง เราจะแสดงละครกัน”เสียงของเซฟิเรีย หัวหน้าห้องทำให้ผมจำใจต้องนั่งฟัง ก่อนที่จะคิดเรื่องเมื่อคืนจนใจลอยอีก
“อลิซ ได้ยินไหม โถ่ ฟังหน่อยสิ”เซฟิเรียตีกระดาษหนังสือเล่มบางที่ถูกม้วนเป็นทรงกระบอกเข้ากับโต๊ะของอลิซเป็นการปลุกให้วิญญาณกลับเข้าร่างของเจ้าหล่อนเสียที ดูเหมือนไม่ใช่แค่ผมสินะที่ใจลอย
“เอ้าฟังให้ดี ละครที่เราจะแสดงคือเรื่อง ตำนานรักเจ้าหญิงหยาดหิมะ”สิ้นเสียง อลิซก็เบิกตากว้างทันที ดูเหมือนเรื่องนี้จะมีคนเอามาเล่าเป็นนิทานอยู่ แถมดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบเรื่องแบบนี้มากๆด้วยสิ เพราะคุณเธอเล่นทำตาเป็นประกายซะขนาดนั้น
“เรื่องตัวละคร เราจะให้ทุกคนจับฉลากกันเพื่อความเท่าเทียม แน่นอน ถ้าผู้ชายจับได้ตัวละครหญิงก็เปลี่ยนไม่ได้นะจะ”สิ้นเสียง เหล่าชายในห้องก็หน้าซีดเป็นแถม แต่พวกผู้หญิงนี่สิ ดันหันมามองหน้าผมแล้วหันไปซุปซิปกันซะอย่างนั้น
“มัวคิดอะไรอยู่นะคริส เล่นเหม่อไม่สนที่พวกเราพูดกันเลย”เคธที่หมดหน้าที่แล้วถามขึ้น พร้อมมองคนที่ต่อแถวไปจับฉลากด้วยใบหน้าเหมือนคนกำลังอยากแกล้งเต็มแก่ ให้ตายสิ ยัยนี่ต้องรอหาผู้ชายดวงซวยอยู่แน่นอน
“นี่ ถ้าเอาแต่เครียดมันก็แก้ไขปัญหาไม่ได้นะ ทั้งเธอทั้งอลิซเลย เป็นอะไรกัน”เสียงบ่นของแคธทำให้ผมถอนหายใจ ให้ทำไงได้ละ ดันไปจูบเขาเข้าให้นี่นา อีกฝ่ายดันเป็นผู้หญิงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอีก พอเจอหน้าก็หลบ แบบนี้จะเครียยังไงได้ละ
“เธอเคยจูบใครไหม”ผมถามพลางหันไปมองเคธ แต่สิ่งที่ผมห็นตรงหน้าคือใบหน้าเหวอสุดๆของคุณเธอ
“อยะ อย่าบอกนะว่านายสองคน คะ คริส นายมันเลว นายมันพวกฉวยโอกาส”พูดจบเคธก็ใช้มือบางๆทั้งสองข้างเขย่าคอเสื้อผมจนคนทั้งห้องหันมามอง
“อย่าเสียงดังซี่” ผมว่า ก่อนจะดึงมือของเคธออก
“อย่าบอกนะที่นายนั่งเครียดมาแต่เช้าเพราะดันเผลอไปจูบหนูอลิซของฉันเข้า” จบคำถาม ผมก็ได้พยักหน้าแทนคำตอบ
“นึกว่าคนอย่างนายจะจูบผู้หญิงแบบไม่คิดมากซะอีก เป็นสภาพบุรุษดีนี่นา”เคธว่า พลางหัวเราะเบาๆ
“แล้วให้ทำไงละ ยัยนั่นเล่นไม่ยอมสบตาเลย”
“ถามได้ เป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ ตื้อไปสิ”เคธว่าพลางหัวเราะเสียงใส
“ตื้อ ? แบบนั้นจะไม่โดนเกรียดหนักกว่าเก่าหรือไง”
“ไม่แย่ไปกว่านี้มากมายหรอก เอาน่า เชื่อฉันสิ”เคธว่าพลางตบบ่าผมเบาๆ ทำให้ผมหันไปมองหน้าอลิซช้าๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ดวงตากลมสีฟ้านั่นหันมาสบกับดวงตาของผมพอดี เพียงมองตากันไม่กี่วินาที อลิซก็รีบหลบตาหนี แล้วก้มหน้าหงุดทันที แบบนี้คงแย่แล้วละมั้ง
“คริส มาจับได้แล้ว”เสียงของเซฟิเรียทำให้ผมต้องลุกจากเก้าอี้ไปจับฉลากในกล่องออกมาช้าๆ แต่เมื่อล้วงมือลงไป กลับพบว่ามีเพียงกระดาษใบเดียวเท่านั้นที่อยู่ในกล่อง
“ไนท์แมร์”ผมอ่านข้อความในกระดาษของผมเบาๆ ไนท์แมร์ หมายถึงนักฆ่าในตำนานนะเหรอ หมายความว่าผมเป็นตัวร้ายงั้นสิ
“แหมตายจริง คริสได้เป็นพระเอกเลยเหรอเนี่ย”
“เอ๊ะ”เสียงตกใจของอลิซทำให้ผมหันไปมองทันที ทำให้ผมเห็นกระดาษในมือของอลิซ ถึงจะไกล ตัวหนังสือเองก็เล็ก แต่ผมก็สายตาดีพอที่จะอ่านออก มันเขียนไว้ว่า เมโลดี้!!!
เมโลดี้ ไนท์แมร์ .. ให้ตายสิ อย่าบอกนะว่าเรื่องเจ้าหญิงหยาดหิมะที่ว่า เป็นเรื่องของเจ้าพ่อขี้หวงนั่น
.
.
.
มันก็ดีใตหรอกนะที่ได้แสดงละคร แต่เรื่องเมื่อคืนทำเอาฉันไม่ได้ฟังอะไรเลย แถมเรื่องตำนานอะไรนั่นฉันก็ไม่รู้จักด้วย เซฟิเรียเลยให้บทฉันมาอ่าน แล้วต้องกลับไปท่องให้เธอฟังพรุ่งนี้ ถึงจะแอบมาอ่านที่ระเบียงของบ้านคุณครอสที่เงียบขนาดไหน แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่ค่อยจะมีกะใจจะอ่านบทเท่าไหร่นะสิ ยิ่งพอมองไปที่โรงฝึกทีไร หัวใจมันก็สะดุ้งวูบทุกทีเลย
“ความรักของนักฆ่าที่เต็มไปด้วยความแค้น กับเจ้าหญิงงั้นเหรอ”ฉันอ่านบทไปมาหลายรอบ ถึงจะไม่มีใจจะอ่าน แต่ก็พอจับใจความได้บ้งเหมือนกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ไนท์แมร์ หนึ่งในผู้กล้าที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นความรักของนักฆ่าที่เข้าไปทำงานลอบสังหารเจ้าชายซึ่งเป็นพี่ชายขององค์หญิงเมโลดี้และยังเป็นคนที่สร้างความแค้นให้แก่ไนท์แมร์ด้วย แต่ไนท์แมร์ก็ตกหลุมรักเจ้าหญิงจนยอมล้มเลิกการทำงานครั้งนั้น แต่เพราะเขาทำงานไม่สำเร็จ ทำให้เขาต้องโทษจากสมาคม มีทางหนึ่งคือเขาจะต้องยอมตายหรือไม่ก็ฆ่าเจ้าหญิงเมโลดี้เสีย แต่สุดท้ายเจ้าหญิงก็ยอมตายแทนไนท์แมร์ จนไนท์แมร์เลิกคิดแค้นต่อใครๆ จนกลับกลายมาเป็นผู้กล้าถึงทุกวันนี้
“นั่น เสียงอะไรนะ” ฉันค่อยๆพูดตามบทช้าๆ ก่อนจะมองไปที่มุมหนึ่งในเงาของต้นไม้ อยู่ดีๆเจ้าหญิงก็จับตัวนักฆ่าได้ด้วยอาการเหม่อลอยแบบนี้ มันจะดีเหรอเนี่ย
“คุณเป็นใคร”ฉันพูดตามบทต่อ ก่อนจะมองที่บรรทัดถัดมา เป็นบทพูดของไนท์แมร์ที่จะตอบกลับมาให้เข้าหญิง แต่ตอนนี้ฉันแค่ซ้อมคนเดียว คงไม่ต้องมีใครมา .
“แล้วเธอละเป็นใคร”เสียงนุ่มๆปนหวานของคนที่ฉันคุ้นเคยดังขึ้น คริส เขากำลังนั่งอยู่บนกิ่งไม้เหือนในบทที่เขียนมาให้ แต่ทำไมเขาต้องโผล่ออกมตอนนี้ด้วยละ ในเมื่อเมื่อคืนเขาพึ่ง .
“เธอ เป็นใคร”คริสถามซ้ำเพราะไม่ได้ยินคำตอบจากปากฉัน พร้อมมองมาทางฉันด้วยดวงตาสีแดงเพลิงคู่สวย ทำไมถึงใจเต้นละ ไม่เข้าใจเลย
“ฉัน ..ฉันคือเจ้าหญิงเมโลดี้ คุณมาทำอะไรที่ระเบียงห้องของฉัน”ฉันพูดตามบมก่อนจะมองไปที่ดวงตาของคริส เขาไม่คิดที่จะหลบตาเลยด้วยซ้ำ
“เจ้าหญิงเหรอ ขออภัยที่เสียมารยาท แต่ตรงนี้มองเห็นพระจันทร์ได้สวยงามกว่าที่ได ไม่คิดว่าจะเป็นการรบกวน”เสียงของคริสทำให้ฉันหยุดหายใจ ยิ่งร่างที่กระโดดเข้ามาใกล้ยิงทำให้ฉันไม่กล้าขยับแม้แต่ปลายนิ้ว ยิ่งเขาเข้ามาไกล้ ร่างกายก็พากันเกร็งไปหมด ภาพเมื่อคืนแล่นเข้าหัวมาทันทีที่เขาเริ่มก้มหน้าเข้ามาใกล้
“ขอโทษ”คริสพูดเสียงเบา ก่อนจะใช้ดวงตาสีแดงจ้องมาที่ฉัน ถึงจะไม่ได้ใช้คำพูดอะไรมากมาย แต่ดวงตานั่นกลับสื่อหลายๆสิ่งออกมาได้มากเกินพอที่จะทำให้ฉันรู้ว่าเขารู้สึกผิดจริงๆ
“คุณกลับไปเถอะ ถ้าหากใครมาเห็น .” ฉันกำลังพูดตามบทต่อ แต่คริสกลับใช้ปลายนิ่วชี้ทาบมาบนริมฝีปากของฉัน ความร้อนบริเวณริมฝีปากที่ถูกนิ้วเรียวสวยของเขาทาบทำให้ฉันรู่สึกเหมือนคนกำลังจะหัวใจวาย
“ฉัน ขอโทษ”คริสพูดซ้ำออกมา เหมือนจะบอกว่า สิ่งที่เขาพูดนั้นไม่เกี่ยวกับบทละคร
“ฉันไม่ถือหรอก”ฉันตอบ ก่อนจะหันหลังหนี ขืนอยู่นานกว่านี้ฉันได้หัใจวายตายแน่
“งั้น อย่าหนีหน้าฉันสิ”คริสว่า พลางดึงแขนของฉันเอาไว้
“ตกลงไหม”คริสพูดจบก็หมุนตัวฉันไปให้จ้องหน้ากับเขา
“กะ ก็ได้”
_____________________________________________________________
=j;นี้งานยุ่งจนไม่ได้แตะคอมจริงๆ แภมอีกไม่กี่วันน้องๆจะเข้ามาแล้ว ผมเลยต้องจัดงานรับน้องอีกเป็นเวลาหนึ่งเดือน อาจจะทำให้นิยายล่าช้าไปมาก แต่ก็จะพยายามแต่งมาเรื่อยๆนะครับ ขออภัยในความล่าช้าด้วย
ความคิดเห็น