คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : จันทร์เต็มดวง
ตอนที่ 10
จันทร์เต็มดวง
“เวียร์”
“หืม ว่าไงท่า..เอ่อ อลิซ”แปลกจัง ทำไมพอกลับจากชุมชนเวียร์ชอบจะเผลอหลุดเรียกฉันว่าท่านตลอดเลยละ
“รู้สึกคนในโรงเรียนจะมองพวกเราแปลกๆหรือเปล่า”ตั่งแต่ไปชุมชนแวมไพร์คราวนั้นก็ผ่านมาเดือนกว่าๆแล้วนะ พอกลับมาก็มีแต่คนมองแล้วซุบซิบอะไรก็ไม่รู้ ยิ่งนานวันเข้ายิ่งหนักเข้าไปอีก
“ถามจริง เธอไม่ได้รู้ตัวเลยเหรอ”เธที่อยู่ด้านหลังชโงกหน้าเข้ามาถาม พลางจับบ่าทั้งสองข้างของฉันเอาไว้
“นั่นสิ ป่านนี้ข่าวคงแพร่ไปทั่วโรงเรียนแล้วมั้ง”เวียร์พึมพำเบาๆ ก่อนจะยิ้มบางๆ
“ตอนนี้กลุ่มเราคงเป็นอันดับหนึ่งของปี 1 แล้วมั้ง”เคธพูดจบก็ปล่อยบ่าฉันแล้วเดินขึ้นมาตีเสมอ
“ที่หนึ่งเลยเหรอ”
“ช่าย กลุ่มเรามีดีนที่เก่งเรื่องบู้ที่สุดอยู่ทั้งคน ส่วนเรื่องเรียนก็มีเคธที่ได้เต็มตลอดอีก ส่วนฉันก็พวกกลางๆที่ได้คะแนนดีทั้งสองยอ่างแค่นั้นเอง นอกจากพวกฉันแล้วยังมีคริสคุงที่พักนี้เก่งขึ้นจนผิดหูผิดตาอีก ประดาบกับอาจารย์นานะได้ตั้งนานแนะ แถมยังเก่งเรื่องเวทมนตร์จนอาจารย์เรย์ล่ายังชม ส่วนการเรียนก็ได้คะแนนยอดเยี่ยมจนไม่มีที่ติเลยละ”เวียร์พูดจบก็ต้องหน้าฉันก่อนจะยิ้มกว้าง
“แถมกลุ่มเรายังมีสาวน้อยอัจฉริยะที่เก่งมันซะรอบด้านอยู่ด้วย สู้ก็เก่ง เวทมนตร์ก็ยอด สื่อสารกับสัตว์เป็นเลิศ ไหนจะพลังเวทมหาศาลอีก แหม อลิซเนี่ยเก๊งเก่ง”ง่า ทำไมฉันถึงดูอลังการแบบนั้นละ
“เธอนะเก่งจริงๆนะอลิซ มั่นใจในตัวเองได้เลย”เสียงของดีนทำให้ฉันสะดุ้งเลยละ พักหลังๆนี่เขาพูดบ่อยขึ้นนะ คงหมดช่วงเขินแล้วมั้ง
“แต่ฉันก็ไม่ได้พยายามอย่างคริสซะหน่อย” พอกลับมาจากชุนชนแวมไพร์ ไม่รู้เป็นอะไรคริสถึงได้เอาแต่ฝึกซ้อมจนมืดค่ำได้ทุกวัน จนบางทีฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า
.
.
“แบบนี้ยังใช้ไม่ได้”ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะมองเคียวในมือตัวเองอย่างหมดกำลังใจ ทำนะทั้งๆที่เป็นอาวุธประจำตัว แต่ก็รู้สึกว่ามันเริ่มไม่ชินมือเรื่อยๆ
“ยังไม่พออีกเหรอคริส”เสียงหวานๆของอลิซที่นั่งดูผมฝึกวิชามาได้สักพักแล้วทำให้ผมส่ายหน้าเบาๆ แค่นี้จะไปพออะไรละ เทียบกับพวกรุ่นพ่อแล่ว เขายังเป็นเด็กอมมืออยู่เลย
“คริสมานั่งพักก่อนสิ น้าคิมฝากผ้าขนหนูกับน้ำมาให้ด้วย”อลิซพูดจบก็ชูของทั้งสองอย่างออกมา พร้อมจ้องผมด้วยดวงตาสีฟ้าใสแป๋วคู่นั้น พอเจอจ้องแบบนั้นผมก็ทำได้แค่เดินเข้าไปรับผ้ากับน้ำดื่มมาเสียโดยดี
“ช่วงนี้คริสเป็นอะไรเหรอ เห็นฝึกหนักกว่าปกติมาหลายวันแล้ว”อลิซถามพลางมองสบตากับผมพักหนึ่ง นั่นสิเธอมานั่งเฝ้าผมหลายวันแล้วนี่นา
“ฉันอยากเก่งกว่านี้”พอตอบคำถามอลิซก็ทำหน้างงทันที
“แค่นี้ก็เก่งแล้วนะ”
“มันยังไม่พอนะสิ”ผมตวาดลั่น ก่อนจะรีบหยุดปากตัวเองเอาไว้ เพราะรู้สึกว่าเริ่มใส่อารมมากไปแล้ว ไม่รู้ทำไม พอคืนพระจันทร์เต็มดวงทีไร ผมคุมมารมไม่ค่อยอยู่เลย
“แล้ว คริสอยากเก่งไปเพื่ออะไรเหรอ”คำถามนั่นทำให้ผมชะงัก โลกมันไม่มีสงครามแล้วก็จริง แต่ก็ยังมีจำพวกการประลองอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่ได้อยากชนะการประลองหลายร้อยหลายพันรายการหรอกนะ
“ไม่รู้หรอกแต่มันรู้สึกว่ายังไม่พอ” ผมพูดจบก็มองดวงตาสีฟ้านั่นนิ่ง คนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเก่งกาจไม่พอนะ ก็คนตรงหน้านี่ละ
“จะเที่ยงคืนแล้วนะ เธอกลับไปก่อนเถอะ”ผมพูดเสียงเบาเมื่อเห็นนาฬิกาด้านหลัง แต่เมื่ออลิซยืนขึ้นผมก็เห็นท่าทีแปลกๆของเธอทันที เหมือนว่าร่างบางนั่นจะเซๆ นะ
“เป็นอะไรหรือเปล่า”ผมถามก่อนจะจับแขนของเธอเอาไว้
“ไม่เป็นไรหรอก พอคืนจันทร์เต็มดวงทีไร ฉันมักจะรู้สึกเพลียๆเสมอละ”อลิซพูดจบก็นั่งลงอีกรอบ ทำไมต้องคืนจันทร์เต็มดวงด้วยละ ผมเองก็มักมีอาการควบคุมอารมไม่ได้ตอนจันทร์เต็มดวงเหมือนกัน แปลกชะมัด
“ไหวหรือเปล่า”ผมถามพลางมองร่างของอลิซที่เริ่มหายใจถี่ๆตรงหน้า นี่มันใช่อาการเพลียแน่เหรอ
“โอ้ย” ผมร้องลั่นออกมาทันทีเมื่อความรู้สึกปวดหัวแล่นเข้ามาอย่างกะทันหัน นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมหัวถึงได้ปวดแบบนี้
“คริส”อลิซเรียกผมทันทีที่ร่างของผมลงไปนั่งกับพื้น นี่มันอะไรกัน
.
.
อยู่ดีๆร่างของคริสที่กำลังสั่นเพราะความเจ็บปวดก็หยุดลงช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน ดวงตาสีแดงเพลิงจ้องมองดวงตาสีฟ้าที่กำลังจ้องตอบกับดวงตาของเขาด้วยความรู้สึกที่เด่นชัด
“คริส เป็นอะไรนะ”อลิซถามพลางเอื่อมมือไปจับใบหน้าของคริสช้าๆ
“อลิซ....”คริสพึมพำเสียงเบาราวคนเหม่อลอย ก่อนจะก้มหน้าเข้าไปหาอลิซช้าๆ จนดวงตาของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงคืบเท่านั้น
“คะ คริส”อลิซเรียกเสียงเบาก่อนจะเขยิบหนีช้าๆ แต่ร่างกายในคืนจันทร์เต็มดวงกลับไม่สามารถสั่งได้ดังใจเลย
“คริส”อลิซพูดไม่ทันจบ ใบหน้าหวานของคริสก็ขยับเข้ามาใกล้อีก ก่อนจะใช้ริมฝีปากสีแดงนั่นประกบกับริมฝีปากบางๆของอลิซช้าๆ เล่นเอาร่างของอลิซแข็งทื่อไปหมด จูบนั่นทำให้หัวใจของอลิซสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แต่ดูเหมือนคริสจะไม่หยุดแค่การจูบ เขาค่อยเลื่อนริมฝีปากลงมาจากริมฝีปากของอลิซ มาที่คาง ก่อนจะค่อยๆลงไปที่คอขาวของอลิซอย่างเชื่องช้า
“หยุดได้แล้ว”อลิซผลักร่างของคริสออกก่อนจะรีบลุกขึ้น แต่ร่างกายกับอ่อนเพลียจนต้องนั่งลงไปอีกรอบ ทำไมร่างกายถึงไม่มีแรงแบบนี้ละ
“อลิซ ฉัน.”คริสพูดเสียงเบา พลางจ้องมองดวงตาสีฟ้านั่นด้วยความรู้สึกแปลกๆ เขาควบคุมอารมไม่อยู่ ไม่รู้ทำไม แต่เขากลับไม่สามารถต่อต้านความคิดต่างๆที่แล่นออกมาจาก ภายในได้
“พอได้แล้ว”เสียงหวานๆของครอสที่โผล่เข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้คริสถึงกับสะดุ้ง แต่ที่ทำให้คริสยิ่งสะดุ้งเข้าไปอีกคือร่างกายที่หันไปใช้เคียวฟันใส่พ่อของตนอย่างรวดเร็ว
“ท่าทางอาการจะหนักพอดูเลยแฮะ”ครอสถอนหายใจ ก่อนจะเรียกเคียวของตัวเองอกกมาป้องกันคริสเอาไว้
“ผม......”คริสกัดฟันกรอด แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดร่างกายของตัวเองได้ มันโจมตีใส่ผู้เป็นพ่ออย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ เป็นครั้งแรกที่เขาต่อสู้กับพ่อได้นานขนาดนี้ ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งเหมือนมพลังบางอน่างพรุ้งพร่านไปตามร่างกาย แต่เขาก็ไม่คิดจะต่อต้านเขาค่อยหัวเราะออกมาช้าๆ จนลืมไปเลยว่าเขาควรจะหยุดร่างกายของตนเอาไว้
“ลูกยังโตไม่พอสินะ”ครอสว่าพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเรียกเวทมนตร์โซ่แห่งโวเนียร์ออกมารัดร่างลูกชายเอาไว้ ความรู้สึกที่โดนโซ่ของพ่อรัดไม่เหมือนตอนที่โดนพี่เรนรัดเอาไว้ มันไม่ได้แค่ชาตรงส่วนที่โซ่รัด แต่กลัยเล่นเอาแรงหายวาบไปต่อหน้าตอตาเลย
“ดูเหมือนผนึกนี่จะอ่อนแรงตอนพระจันทร์เต็มดวงจริงๆสินะ”ครอสพูดจบก็ถอดเสื้อลูกชายออกจนเห็นปานรูปไม้กางเขนกลับหันที่ไหล่ขวาของคริส ครอสใช้ฝ่ามือทาบที่ปานนั่นช้าๆ ก่อนที่จะใช้เวทมนตร์บางอย่างจนร่างของคริสสลบลงไปนอนกับพื้น
“ยังไม่สามารถควบคุมพลังส่วนนั้นได้จริงๆสินะ”ครอสว่าพลางถอนหายใจ แล้วแบกร่างของลูกชายขึ้น
“หนูอลิซกลับเองไหวหรือเปล่า”ครอสถามพลางหันมายิ้มให้อลิซที่ได้แต่มองภาพตรงหน้สด้วยความรู้สึกงงงวย นี่มันอะไรกัน ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจทุกอย่างที่เห็นเลยละ ทำไมคริสพึงมีท่าทีแบบนั้น ทำไมคุณครอสถึงต้องทำให้คริสสลบ อ่า เธองงไปหมดแล้วนะ
“เดี๋ยวพอเขาตื่นขึ้นมาก็เป็นเหมือนเดิมแล้วละ ไม่ต้องกลัวหรอกนะ”ครอสว่า ก่อนจะแบกร่างของคริสเดินกลับไปที่บ้าน
“ดะ เดี๋ยวสิคะ”อลิซตะโกนเพื่อรั้งร่างของครอสเอาไว้
“คะคือว่า ขาหนูมัน ไม่มีแรง”อลิซพูดพลางก้มหน้าอายๆ พอโดนคริสทำแบบนั้นแล้ว ขามันก็ไม่มีแรงเสียดื้อๆเลย
“งั้น ผมพยุงให้แล้วกัน”
ความคิดเห็น