ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZERO ZONE

    ลำดับตอนที่ #35 : [VALENTINE] Hold

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 61
      7
      3 มิ.ย. 62

    Hold

    [ V A L E N T I N E ]



    S State St., Chicago

    1/18/2019, 15:12 PM


    ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มและเต็มไปด้วยเมฆ ขณะที่สายลมพัดผ่านไป ไอหนาวเย็นยะเยือกก็เข้าปะทะกับใบหน้าของเธอ ในตอนนี้พายุสงบลงแล้ว แต่หิมะยังตกอยู่บางๆ พอที่จะให้เห็นได้เมื่อลองหันไปดูรอบตัว เงาจากตัวตึกทอดลงบนพื้นถนนอันแสนรกร้าง ท่ามกลางเส้นทางที่ถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวบริสุทธิ์ วาเลนไทน์ค่อยๆ ดึงผ้าพันคอลงจากใบหน้า สูดเอาอากาศชวนสั่นสะท้านเข้าไปเสียเต็มปอด เธอได้กลิ่นเหม็นไหม้อ่อนๆ โชยมาตามลม หวังว่าพวกสวีปเปอร์คงไม่ได้ป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้นะ

    ระหว่างที่กำลังก้าวเท้าไปเรื่อยๆ อยู่นั้น สิ่งที่ตกอยู่ในห้วงความคิดของเธอก็ไม่ใช่อะไรนอกจากจะเป็น...อันยา เด็กผู้หญิงชาวรัสเซียที่เพิ่งจะได้เจอไปเมื่อราวชั่วโมงก่อน เธอไม่เคยเห็นเด็กๆ ที่อยู่ข้างนอกมาสักพักหนึ่งแล้ว และไม่คิดว่าจะยังมีอยู่ด้วย ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่มักจะเก็บตัวอยู่ในบ้าน เพราะอย่างนั้นมันถึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกนกรณีของอันยา หญิงสาวถอนหายใจ เธอกำปืนไรเฟิลไว้แน่นก่อนจะขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจากจะไปตามหา 'คุณแม่' ของเด็กผู้หญิงคนนั้น ถ้าจำไม่ผิด อันยาบอกว่าแม่ออกไปหายา ดังนั้นจุดแรกที่ควรไปตรวจสอบก็คือร้านเภสัชกรแถวๆ นี้

    วาเลนไทน์หยุดชะงัก เธอเลี้ยวตัวเข้าไปยังร้านขายยาขนาดเล็ก มันตั้งอยู่ตรงริมถนน ทั้งสองข้างของตัวร้านขนาบด้วยตึกขนาดใหญ่ ทั้งหมดนั้นเก่าและทรุดโทรมไปตามกาลเวลา มีรถตำรวจจอดจมกองหิมะอยู่หน้าร้าน หญิงสาวเหลือบไปเห็นตนเองที่สะท้อนบนเงากระจกรถพอดี เธอละสายตาไป ก่อนจะมุ่งหน้าตรงเข้าไปยังประตูเลื่อนอัตโนมัติ ด้านหน้าของร้านยังคงมีป้ายติดเอาไว้ว่า 'ปิดแล้ว'

    แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ

    "ร้านปิดเหรอ? โอเค..."

    แค่กระจกสูงสามฟุตสองบานคงขวางอะไรไม่ได้ หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้น เธอไม่อยากโดนข้อหาทำลายข้าวของก็จริง แต่ในตอนนี้มันกลับ...เลี่ยงไม่ได้แล้วสิ วาเลนไทน์ตัดสินใจสวมสายสะพายปืนไรเฟิลเอาไว้ชั่วคราว เธอหยิบอุปกรณ์เสริมอีกชิ้นออกมาจากกระเป๋าเป้ด้านหลัง เป็นค้อนปอนด์ขนาดพกพาที่ติดตัวมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการล่มสลาย แถมยังเป็นอาวุธชิ้นเดียวที่เธอถนัดมากกกว่าปืนเสียอีก

    มาถึงตอนนี้ก็คงไม่ต้องเดาว่าคิดจะทำอะไร ขาทั้งสองตั้งท่าเตรียมพร้อม วาเลนไทน์จับด้ามไม้เอาไว้ให้มั่น ก่อนจะยกค้อนขึ้นเหนือศีรษะแล้วทิ้งแรงทั้งหมดลงไป เสียงกระจกแตก เพล้ง! ดังสะนั่นกึกก้อง พร้อมๆ กันนั้นกระจกบานยักษ์ก็ร่วงกราวลงมาเป็นชิ้นเล็กละเอียด เปิดช่องโหว่ให้เธอใช้เป็นทางเข้าไปด้านใน หญิงสาวพยักหน้าขณะยืนมองผลงานของตนเองอย่างชื่นชม

    "...ก็ดีนะ"วาเลนไทน์กระตุกยิ้ม"แค่นี้ร้านก็เปิดแล้ว"

    หญิงสาวค่อยๆ ก้มตัวลงแล้วมุดเข้าไปผ่านช่องกระจกนั่น พยายามไม่ให้หลังหรือมือไปสะกิดเข้ากับคมแตกละเอียดจนได้แผล เธอทำสำเร็จ ในทันทีที่เข้ามาด้านในตัวร้านขายยาได้ สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือความวุ่นวายและข้าวของที่เกลื่อนกลาด แน่นอนว่าทุกสิ่งในร้านถูกกวาดไปจนเกลี้ยงแล้ว แต่วาเลนไทน์ไม่ได้มาที่นี่เพื่อคุ้ยหาเสบียง เธอเก็บค้อนเอาไว้ด้านหลังอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเริ่มสาวเท้าเหยียบเศษกระจกไป สายตาทอดมองสภาพที่อยู่รอบตัวอย่างเพ่งพินิจ

    นี่เป็นร้านแรกในระยะสามช่วงตึกนับจากที่ที่เจอกับอันยา ดังนั้นเธอจึงไม่หวังอะไรไว้มากเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยถ้าคุณแม่ของอันยามาที่นี่ หล่อนก็น่าจะทิ้งร่องรอยเอาไว้บ้าง หญิงสาวหันมองไปรอบๆ ดวงตาสีฟ้าเขียวหรี่ลงเพื่อปรับทัศนวิสัย เงามืดทำให้สิ่งของที่อยู่ในร้านไม่ชัดเจนเท่าที่ควร แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่เธอไม่ซุ่มซ่ามไปเดินเตะอะไรเข้าเสียก่อน วาเลนไทน์ตัดสินใจหยิบปืนพกขึ้นมาเตรียม เธอยกมันขึ้นแล้วชี้ไปยังทิศทางตรงหน้า

    อย่างที่คิดไม่ผิด ไม่พบใครในร้านขายยานี้เลยสักคนเดียว มันว่างเปล่าพอๆ กับที่อื่นที่เคยเดินผ่านมา แต่โชคยังดีที่เธอไม่ได้เสียแรงเปล่า ร่างบางยืนสำรวจชั้นวางพลาสติกที่เต็มไปด้วยกล่องกระดาษ มีร่องรอยของการรื้อค้นสิ่งของ พร้อมกับรอยดินจางๆ บนพื้นที่แทบจะกลืนไปในความมืด รอยเท้านั่นปรากฏอยู่ที่ประตูหลังร้านเป็นจุดแรก ราวกับว่าคนๆ นี้เข้ามาด้านในผ่านทางนั้นเนื่องจากประตูหน้าล็อกอยู่ 

    ให้ตายสิ เธอน่าจะเดินมาหลังร้านก่อนนะ

    ไม่เห็นต้องก่อวินาศกรรมแบบนั้นเลย

    หญิงสาวเพ่งมองไปยังสิ่งที่ตนเองพบ ยอมรับว่าเธอไม่ใช่นักสืบ แต่ก็พอบอกได้ว่ารอยรองเท้านี่เป็นแบบที่ผู้หญิงใส่ ก็แหงล่ะ มันดันเป็นรองเท้าแบบเดียวกับของเธอน่ะสิ แต่รับรองได้เลยว่ารอยนี่ไม่ได้มาจากตัวเธอแน่ๆ

    วาเลนไทน์ลองเดินสำรวจแถวนั้นดูอีกรอบ เผื่อจะได้อะไรมากกว่ารอยเท้าหรือสิ่งของที่ถูกรื้อกระจุยกระจาย หญิงสาวก้าวอย่างระมัดระวัง ดวงตามองลึกเข้าไปในความมืดมิด ถึงทัศนียภาพไร้แสงจะเลือนรางเพียงแค่ไหน แต่นั่นก็ไม่ได้ถือว่าเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่นัก มือเรียวคว้ากระบอกไฟฉายขึ้นมากดเปิดสวิตช์ ก่อนจะสาดแสงสว่างรูปวงกลมไปในทิศทางที่ต้องการ ยิ่งเข้ามาส่วนลึกของตัวร้านเธอก็ยิ่งมองเห็นความวุ่นวายชัดเจนกว่าเดิม 

    ...และความวุ่นวายนั่นก็ไม่ใช่แค่ข้าวของที่ร่วงอยู่ 

    แต่เป็นรอยเท้าที่มากกว่าเดิม ปลอกกระสุน...และเลือด

    "พระเจ้า--"

    กองเลือดบนพื้นคือสิ่งแรกที่ดึงความสนใจไป หญิงสาวค่อยๆ ย่อเข่าลงบนพื้น เธอแตะปลายนิ้วเข้ากับรอยแห้งกรังเบื้องล่าง ไม่มีคราบสีแดงติดถุงมือมาเลยแม้แต่น้อย และข้อสันนิษฐานของเธอคือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นี่ มันคงจะจบลงไปนานแล้ว เห็นได้จากรอยเลือดที่แห้งจนติดพื้นแน่น ท่าทาง 'เจ้าของ' ของมันจะหนีออกไปได้ เธอลุกขึ้นยืน กวาดสายตามองไปรอบๆ พร้อมกับแสงไฟฉายอีกครั้ง ไม่เห็นศพหรืออะไรเลย แต่ท่าทางสิ่งที่คิดจะเป็นจริง

    หญิงสาวผมสั้นเดินออกมาจากมุมมืด เธอพยายามมองไปบนพื้นเพื่อตามหาเบาะแสอื่น สิ่งที่เห็นก็มีแค่รอยสีแดงเข้มที่ลากยาวออกไปด้านนอก ไม่ว่าคนๆ นี้จะเป็นใคร แต่เขาหรือเธอคงจะบาดเจ็บหนัก ถ้าให้เดาเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น ในระหว่างที่กำลังค้นหาอะไรอยู่ที่นี่ คงจะมีพวกคาร์เทล...หรือแอตลาสต์เดินผ่านมาพอดี (เธอไม่คิดว่านี่เป็นฝีมือของสวีปเปอร์ พวกนั้นไม่ใช้ปืนแน่ถ้าอยากจะฆ่าคน) และถ้าหากสมมติฐานนั่นเป็นจริง เธอเกรงว่าบุคคลนั้นกำลังอยู่ในอันตราย

    ความเงียบโดยรอบทำให้เสียงฝีเท้าดังชัดเจนเสียเหลือเกิน ร่างบางค่อยๆ ก้มศีรษะลงก่อนจะมุดตัวออกมาด้านนอก สายลมเย็นยะเยือกพัดปะทะเข้ากับใบหน้าอีกครั้ง คราวนี้เธอได้เบาะแสมาเพิ่มแล้ว ต่อให้จะหวังอยู่ลึกๆ ว่ารอยเลือดนั่นจะไม่ได้เป็นของคุณแม่ของอันยา แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้นอยู่ดี วาเลนไทน์สูดลมหายใจ เธอเก็บปืนพกกลับเข้าไปในซองแล้วเริ่มเดินตามรอยสีแดงอีกครั้ง เป็นการยากถ้าหากจะแกะรอยทั้งที่หิมะตก แต่เธอก็จะพยายาม

    อย่างน้อยก็มีเด็กคนหนึ่งรอคำตอบอยู่ว่าแม่หายไปไหน


    ร้านเภสัชกรอีกที่หนึ่งในระยะสองช่วงตึกค่อนข้างจะใหญ่พอควร

    ที่นี่อาจจะไม่ใช่แค่ร้านขายยา แต่อาจจะเป็นร้านที่จำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ด้วย แต่สภาพก็ดูไม่ต่างกับที่อื่นมากนัก วาเลนไทน์หยุดเดิน ตอนนี้เรือนผมสั้นสีบลอนด์แกมน้ำตาลเต็มไปด้วยหิมะ หญิงสาวยกมือขึ้นปัดมันออกช้าๆ ใบหน้าสะสวยเงยขึ้นแล้วเพ่งมองไปยังสถานที่ดังกล่าว ประตูไม่ได้ปิดสนิทอย่างที่คิดเอาไว้ มันเปิดกว้างจนหิมะถูกพัดเข้าไปด้านในตัวร้าน รอยเลือดที่เริ่มจะมีปริมาณมากขึ้นลากยาวเข้าไปหลังประตูแก้ว

    ให้ตายสิ เธอจะต้องเข้าไปเจอกับอะไรอีกนะ? ร่างบางนิ่งคิดอยู่ตรงนั้นสักพักหนึ่ง อันยาบอกเบาะแสอีกอย่างที่ไม่ใช่เรื่องร้านขายยา นั่นก็คือผ้าพันคอ เด็กสาวบอกกับเธอว่าคุณแม่สวมผ้าพันคอลายพรางเอาไว้ ถ้าเจอใครสักคนที่มีสิ่งนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องยากในการตามหา แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้เลยว่าคนๆ นั้นจะอยู่ในสภาพไหน

    วาเลนไทน์ตัดสินใจก้าวเท้าตรงไปยังประตูกระจก ดวงตาคู่สวยยังคงเหลือบมองไปบนรอยสีเข้มบนทางเท้า มันถูกลากเข้าไปในตัวร้านอันมืดสนิท มีเสียงไฟฟ้าลัดวงจรดังอยู่ใกล้ๆ มันมาจากกล่องฟิวส์ของร้านขายยานั่นเอง ท่าทางมันคงจะถูกทำลายไปตั้งแต่ตอนเกิดเรื่องอลหม่านพวกนี้ หญิงสาวละสายตาจากแสงไฟนั่น เธอมองลึกเข้าไปในความมืดอีกครั้งหนึ่ง ในระหว่างนั้นสองเท้าก็ก้าวไปอย่างมันคง

    ความเงียบสงัดทำให้เสียงแตกดังเปรี๊ยะดังกึกก้อง ประกายไฟสีสว่างถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง และทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว วาเลนไทน์ชะงักกึก มือคว้าเอาปืนพกขึ้นมาถือเอาไว้โดยอัตโนมัติ ดวงตาดูจะสั่นระริกและเผยให้เห็นถึงความประหม่า มันกวาดมองไปซ้ายทีขวาทีอย่างระมัดระวัง แต่สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงต้นเสียงนั้นเอง อะไรบางอย่างกลิ้งออกมาจากหลังชั้นวางของ เป็นกระป๋อง...หรือขวดยาอะไรสักอย่าง

    หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ เริ่มรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นใต้ถุงมือ เธอกำปืนพกกล็อก 19 แน่นกว่าปกติ อยู่ๆ ความกดดันก็ถาโถมลงมาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ เสียงรองเท้าบูทดังเป็นจังหวะเชื่องช้า ตอนนี้วาเลนไทน์อยู่ในโหมดระวังตัวขั้นสูงสุด เธอพร้อมที่จะเหนี่ยวไกใส่อะไรที่เข้ามาหาได้ทุกเมื่อถ้าหากตกใจมากพอ แม้ในความเป็นจริงแฟรงค์จะคอยกำชับอยู่เสมอว่า...ก่อนใช้ปืนต้องคิดให้ดีๆ

    อะไรบางอย่างอยู่ด้านหลังชั้นวางของนั่น ลึกลงไปในความเงียบ เสียงปริศนากลับดังกึกก้องเสียจนน่ากลัว มันทำให้รู้สึกขนลุกได้โดยง่าย ทันใดนั้นฝีเท้าก็หยุดนิ่ง วาเลนไทน์เงี่ยหูฟังเสียงดังกล่าวนั้นด้วยสมาธิ มันคล้ายกับเสียงลมหายใจรวยรินของใครบางคน ยิ่งก้าวเข้าไปใกล้เสียงนั่นก็ยิ่งดังมากขึ้นกว่าเก่า หญิงสาวกัดฟันแน่น มือชื้นไปด้วยเหงื่อและสั่นเทา ไม่ใช่เพราะความหนาว แต่เป็นเพราะความหวาดกลัว

    เธอกลัวเหลือเกินว่าเจ้าของเสียงลมหายใจนั่น...จะเป็นบุคคลที่ตนเองคิด

    "ค...ใครอยู่ตรงนั้น..น่ะ...?"

    น้ำเสียงตะกุกตะกักปริศนาทำให้เธอสะดุ้งเฮือก หญิงสาวอาศัยความกล้าทั้งหมดก่อนจะเลี้ยวตัวเข้าไปด้านหลังชั้นวาง ปืนพกกระบอกสีดำสั่นระริกอยู่อย่างเห็นได้ชัด และมันก็ยิ่งสั่นมากกว่าเดิมเมื่อเธอได้มองเห็นใบหน้านั่น เจ้าของเสียงเมื่อครู่นี้นั่งหลบมุมอยู่ในความมืดมิด มีเพียงขาข้างหนึ่งที่ยื่นออกมาเท่านั้น กองเลือดสีแดงเข้มรายล้อมอยู่รอบตัว เสียงลมหายใจรวยรินดังขึ้นอย่างเจ็บปวดและทรมาน

    วาเลนไทน์ค่อยๆ หยิบไฟฉายออกมาเปิดอีกครั้ง เธอส่องมันไปยังร่างของบุคคลปริศนา ลากตั้งแต่ร่างที่เต็มไปด้วยเลือดจนกระทั่งไปหยุดอยู่ตรงใบหน้า ผู้หญิงคนนั้นยกมือขึ้นป้องแสง นิ้วเต็มไปด้วยคราบสีแดงเข้มเสียจนน่ากลัว เพียงแค่นั้นก็พอจะทำให้วาเลนไทน์หยุดชะงัก เธอตัดสินใจเก็บปืนพกแล้วนั่งลงข้างๆ หญิงสาวผู้นั้น หล่อนหายใจหนักและถี่กว่าเก่า กัดฟันแน่นเพื่อพยายามข่มความเจ็บปวดในร่างกายเอาไว้

    "คุณ..."หญิงสาวลากเสียง เธอย่อตัวลงนั่งข้างๆ บุคคลปริศนานั่น

    "...พ..พวกมัน..."

    หล่อนพยายามยกมือข้างหนึ่งขึ้น แล้วชี้ไปยังทิศทางที่จมอยู่ในความมืดมิดเบื้องหน้า วาเลนไทน์ขมวดคิ้ว แต่ก็ตัดสินใจหันมองตามไป เธอสาดแสงไฟฉายอย่างสั่นคลอนจนกระทั่งวงกลมสว่างไปกระทบเข้ากับบางสิ่ง มันคือ...ร่างไร้วิญญาณของใครคนหนึ่ง ไม่สิ อาจจะมากกว่าหนึ่งด้วยซ้ำ ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนนอนจมกองเลือดในสภาพที่ไม่ต่างกันนัก รอบกายของพวกเขามีปลอกกระสุนตกอยู่เกลื่อน แถมยังมีปืนอีกสามกระบอกวางทิ้งอยู่ด้วย

    ทุกอย่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ผู้หญิงคนนี้โดนสามคนนั่นไล่ล่ามา แต่ก็จนมุมอยู่ที่นี่ สุดท้ายหล่อนจึงตัดสินใจสู้ด้วยเรี่ยวแรงที่ยังพอมี และการต่อสู้นั่นก็คงจะเป็นเหตุให้ร่างกายบาดเจ็บหนัก วาเลนไทน์สูดลมหายใจ เธอได้กลิ่นคาวเลือดอบอวลอยู่ในอากาศจนอยากจะเบือนหน้าหนี หญิงสาวหันไปมองบุคคลเดิมอีกครั้ง เสียงหายใจของหล่อนรวยรินเสียเหลือเกิน...

    ใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวผมยาวสีดำหันมองมา นัยน์ตาสีมรกตอันแสนเลื่อนลอยพยายามจะบอกอะไรบางสิ่ง วาเลนไทน์ขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วกุมมือเปื้อนเลือดของหล่อนเอาไว้แน่น

    "ฉัน...พลาด..."หล่อนเอ่ย"ฉันไม่น่า--"

    "คุณคือแม่ของอันยาใช่มั้ยคะ"

    ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น ฉับพลันสีหน้าของหล่อนก็แปรเปลี่ยนไป แต่ก็ยังคงไร้เรี่ยวแรง วาเลนไทน์กุมมือนั่นแน่กว่าเดิม เธอได้ยินเสียงโอดครวญอย่างทรมานดังขึ้น หญิงสาวขยับตัว สายตาเหลือบมองออกไปด้านนอก ในหัวหวนนึกถึงความทรงจำที่ระลึกขึ้นได้ ใบหน้าของลูกสาว..ภาพของครอบครัวที่เคยมีความสุข หล่อนไม่รู้เลยว่าทุกอย่างจะต้องมาจบลงแบบนี้ 

    "ใช่...เด็กคนนั้น...เป็นยังไงบ้าง..?"

    "เธอปลอดภัยดีค่ะ"

    "หึ--ไม่หรอก.."

    "คะ?"

    "อันยา...เธอ..แค่ก---!"

    หญิงสาวสำลักออกมาอย่างกระทันหัน คราบเลือดสีแดงเข้มกระเซ็นไปทั่วพร้อมกับความเจ็บปวดที่เริ่มทวีมากขึ้นกว่าเก่า ดวงตาสีมรกตคู่สวยฉายแววอะไรบางอย่าง หล่อนค่อยๆ เหลือบมองมาทางวาเลนไทน์ ใบหน้าของสาวอเมริกันผู้นี้เต็มไปด้วยความเป็นห่วง รับรู้ได้ถึงแรงอันแสนมั่นคงของมือที่กุมอยู่ หล่อนคลี่ยิ้ม ก่อนจะตัดสินใจปล่อยวางมือข้างนั้น แล้วค่อยๆ เอื้อมลงไปยังบาดแผลบริเวณลำตัว

    อะไรบางอย่างถูกหยิบขึ้นมา มันทำให้เธอขมวดคิ้วอีกรอบ วาเลนไทน์เพ่งมองสิ่งของที่อยู่ในมือข้างนั้นอย่างสับสน แต่ถ้าลองพิจารณาดูดีๆ แล้ว...มันคือผ้าพันคอผืนนั้น ผ้าพันคอลายพรางสีเขียวน้ำตาลผืนใหญ่ บางส่วนเปรอะไปด้วยเลือดจนทำให้มันมีรอยด่างพร้อยดูน่าสยดสยอง หล่อนค่อยๆ ยื่นสิ่งของดังกล่าวนั้นมา ราวกับต้องการให้วาเลนไทน์เป็นคนเก็บมันเอาไว้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังคงไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของหล่อนก็ตาม

    "ค...คุณ..."หญิงสาวผู้นั้นลากเสียง"เอามันไป...ได้มั้ย.."

    เธอไม่ตอบ นัยน์ตาสีฟ้าเขียวจับจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน

    "...เอามันไปให้..อันยา...แล้วบอกเธอที..ว่าแม่--ขอโทษ"

    แม้จะรู้ดีว่าการทำเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง...แถมมันอาจจะทำให้คนเสียใจจนถึงที่สุด แต่ทว่ามันก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แล้ว ดังนั้นวาเลนไทน์จึงทำได้เพียงถอนหายใจ มือเรียวยกขึ้นก่อนจะรับผ้าพีนคอนั้นมา สัมผัสนุ่มจากเนื้อผ้าทำให้รู้สึกอ่อนโยน ทว่ามันก็เก็บความเจ็บปวดเอาไว้อย่างเหลือหลาย เธอจำสิ่งที่อันยาบอกก่อนหน้าได้แม่น เด็กสาวบอกว่าพ่อเป็นคนถักผ้าพันคอผืนนี้ให้กับแม่ของเธอ แต่ตอนนี้...

    หญิงสาวก้มหน้าลง ริมฝีปากเม้นเป็นเส้นตรง รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและความเศร้า ต่อจากนี้เธอควรจะทำยังไงดีล่ะ เอาผ้าพันคอไปให้เด็กคนนั้นแล้วบอกว่าเธอช่วยคุณแม่เอาไว้ไม่ได้งั้นเหรอ? วาเลนไทน์ขมวดคิ้ว อยู่ๆ ก็รู้สึกสับสนขึ้นมาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ เธอควรจะบอกความจริงอันเจ็บปวด หรือปล่อยให้เรื่องมันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น

    ...ไม่ มันไม่ถูกต้อง...

    "คุณ--"

    วาเลนไทน์หันกลับไป เธอลืมความคิดของตนเองชั่วคราว"คะ?"

    "ช่วย...ฉันหน่อยได้มั้ย.."

    "คุณคะ แต่ฉัน--"

    "อันยา..เธอเป็นเด็กที่เข้มแข็งนะ..."หล่อนคลี่ยิ้มอย่างทรมาน"ฉันเชื่อว่า...เธอจะไม่..ร้องไห้"

    ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก หญิงสาวค่อยๆ ก้มหน้าลง ในหัวหวนนึกถึงเหตุการณ์ต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้น เธอควรจะอธิบายให้ลูกสาวของหล่อนฟังยังไงดีล่ะ ต่อให้อันยาจะเป็นเด็กผู้หญิงเข้มแข็งตามที่พูดจริง แต่เด็กคนนั้นจะเข้มแข็งพอกับเรื่องแบบนี้ได้เหรอ? หญิงสาวก้มหน้าลง ความเงียบทำให้ได้ยินเสียงหายใจสั่นคลอนนั่นชัดเจนเหลือเกิน หล่อนยังคงนอนอยู่ตรงนั้น หลังพิงกับชั้นวางของแล้วเหยียดขาข้างหนึ่งออกไป 

    ดวงตาสีมรกตอันแสนเลื่อนลอยกลอกไปมา มือเรียวเปื้อนคราบเลือดสีแดงพยายามขยับ หล่อนค่อยๆ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมา วาเลนไทน์ทำได้เพียงขมวดคิ้วขณะเพ่งมองสิ่งของดังกล่าวนั้น คือรูปภาพครอบครัว...มีบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเลนส์กล้องสามคน เธอมองเห็นใบหน้าของอันยา ผู้หญิงคนนี้ และ...ใครอีกคนหนึ่งที่อยู่ในเครื่องแบบ แต่ภาพในส่วนนั้นเปรอะเลือดเสียจนมองไม่ชัด 

    หล่อนจ้องมองรูปถ่ายในมือชั่วระยะหนึ่ง ริมฝีปากซีดเผือดค่อยๆ เผยอยิ้มอย่างเจ็บปวด แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความสุข วาเลนไทน์เป็นคนเดียวที่ยังคงกุมมือของหล่อนเอาไว้ จนกระทั่งลมหายใจของหญิงสาวขาดห้วง

    สิ้นเสียงลมหายใจ ไม่มีความเจ็บปวดทรมาน ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว ในทันทีที่มือข้างนั้นออกแรงเฮือกสุดท้าย ฉับพลันร่างของหล่อนก็ค่อยๆ เย็นเฉียบลง ใบหน้าหันไปอีกทางอย่างหมดเรี่ยวแรง มือที่ยังคงกำภาพถ่ายเอาไว้กุมอยู่บนบาดแผลจากการถูกยิง ดูราวกับเหตุการณ์นั้นจะหยุดชะงักอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งวาเลนไทน์กลับมารวบรวมสติได้ตามเดิม หญิงสาวสูดลมหายใจ เผลอทำน้ำตาตกไปเล็กน้อยแต่ก็ยังพอควบคุมไว้ได้ 

    ร่างบางตัดสินใจลุกขึ้นยืน เธอก้มลงไปมองสิ่งสุดท้ายที่อีกฝ่ายมอบไว้ให้

    ...ผ้าพันคอผืนนั้นยังคงอยู่ในมือของวาเลนไทน์



    อันยานั่งกอดเข่าอยู่ตรงมุมห้อง

    มือเล็กผอมกุมประสานเอาไว้บนหน้าขา ใบหน้าที่แลดูเลื่อนลอยและสับสนจับจ้องไปบนพื้น คราบฝุ่นมากมายเกาะติดขากางเกงของเธอจนทำให้แลดูเก่า แสงสว่างส่องผ่านแผ่นไม้เข้ามาด้านใน ความเงียบสงัดชวนให้รู้สึกกดดัน เด็กสาวนั่งรออยู่เช่นนี้มานานเหลือเกิน นานจนยากที่จะบอกเวลาได้อย่างชัดเจน มันดูราวกับว่าพี่สาวคนนั้นจะหายตัวไปเป็นนิรันดร์ ตั้งแต่วาเลนไทน์ออกไปข้างนอก เธอก็แทบจะไม่ได้ขยับไปไหนเลย

    ป่านนี้หล่อนจะพบแม่แล้วหรือยังนะ? เด็กสาวตั้งถาม พลางเงยหน้าขึ้นมองเพดานอันมืดสนิท ดวงตาสีอ่อนอันแสนจะว่างเปล่าฉายแววความหวังอยู่เล็กน้อย เส้นผมสีน้ำตาลเข้มบัดนี้ถูกมัดรวบเอาไว้ อันยาหวนนึกถึงภาพความทรงจำเก่าๆ ในอดีต คิดถึงตอนที่ครอบครัวของเธอยังมีความสุข... 

    ทุกๆ เช้าพ่อจะออกไปทำงาน...เขามักจะบอกกับเด็กสาวอยู่เสมอว่าเป็น 'ปฏิบัติการลับ' กว่าจะกลับมาที่บ้านก็เลยเวลามื้อเย็นไปแล้ว จริงที่ครอบครัวจะไม่เคยอยู่พร้อมหน้ากันตอนทานอาหาร ไม่เคยมีเวลาด้วยกันมากมายเหมือนกับครอบครัวอื่น แต่พ่อกับแม่ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม...ห่วงใยกันตลอดเวลา เธอยังจำวันครบรอบแต่งงานเมื่อปีก่อนได้ อันยาอยู่ตรงนั้นในตอนที่พ่อมอบของขวัญให้กับแม่ เป็นผ้าพันคอลายพรางเซอร์พัต...ที่เขาถักขึ้นเองกับมือ ต่อให้พ่อจะไม่เคยได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวมากเท่าที่ควร แต่ในท้ายที่สุดแล้ว...คนที่เขาคิดถึงอยู่เสมอก็ไม่ใช่ใครนอกจากจะเป็นลูกสาวและภรรยา

    ...นั่นเป็นวันสุดท้ายที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน

    "อันยา?"

    เสียงคุ้นหูของใครบางคนทำให้เด็กสาวเงยหน้าขึ้น เธอลุกพรวด ก่อนจะเริ่มหันไปทางประตูที่เคยถูกปิดสนิท มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาหา แน่นอนว่าอันยายังจำอีกฝ่ายได้แม่น วาเลนไทน์คลี่ยิ้มให้เล็กน้อยขณะยกมือขึ้นปัดหิมะออกจากตัว เด็กสาวเริ่มก้าวเท้าไปหาอย่างดีใจ แต่ในขณะเดียวกัน...ก็สงสัยเสียเหลือเกินว่าทำไมหล่อนถึงกลับมาคนเดียว 

    ใช่จริงๆ ด้วย เธอไม่ได้ตาฝาด แต่วาเลนไทน์กลับมาเพียงแค่คนเดียว ไม่มีบุคคลที่คาดหวังเดินตามมา นั่นจึงเป็นเหตุให้เด็กสาวเกิดอาการสับสนอีกครั้งหนึ่ง ร่างเล็กยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาสีฟ้าคู่สวยจับจ้องไปยังบุคคลตรงหน้า หญิงสาวผมสั้นมองเธอกลับ แววตาฉายประกายอะไรบางอย่างที่แลดู...น่าสิ้นหวัง และมันทำให้จิตใจของเด็กสาวกลับไปอยู่แบบเดิมอีกครั้งหนึ่ง

    "ขอโทษนะ..."หล่อนเอ่ย"แต่พี่..."

    ควรจะบอกยังไงดีล่ะ? วาเลนไทน์กัดฟันแน่น หล่อนพยายามใช้ความคิดในหัวเงียบๆ มือข้างหนึ่งที่ซ่อนเอาไว้ด้านหลังกำสิ่งของเอาไว้แน่น หล่อนยังคงลังเลว่าควรจะมอบผ้าพันคอนั่นให้กับอันยาดีไหม ยิ่งใบหน้าของเด็กสาวจ้องมองกลับมา มันก็ยิ่งทำให้หล่อนใจสั่นกว่าเดิม หญิงสาวมือสั่นระริก ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นและคราบเลือดที่ติดฝังอยู่ในเนื้อผ้า แม้ตอนนี้จะไม่ได้อยู่กับผู้หญิงชาวรัสเซียคนนั้นแล้ว แต่ใบหน้าของหล่อนก็ยังติดตรึงในความคิด

    วาเลนไทน์จ้องมองใบหน้าของเด็กสาว มองลึกลงไปในดวงตาสีใสคู่นั้น มันฉายแววสับสน...และคาดหวังในเวลาเดียวกัน อันยาจะรู้สึกยังไงถ้าเธอได้เห็นผ้าพันคอของแม่ เธอจะรู้สึกยังไงถ้าหากบอกไปว่าต่อจากนี้จะต้องอยู่ตัวคนเดียว แค่คำขอโทษคงไม่พอที่จะเยียวยาจิตใจอันบอบช้ำของเด็กสาว หล่อนรู้ดีว่าความรู้สึกที่ได้สูญเสียใครบางคนไปมันจะเจ็บปวดแค่ไหน และรู้ดีว่ามันจะเจ็บเป็นเท่าตัวถ้าหากอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง

    ...แล้วอะไรคือทางเลือกที่ดีที่สุดล่ะ?

    เพียงใช้เวลาสักครู่หนึ่ง...หล่อนก็ตัดสินใจได้

    "อันยา...คือพี่.."

    เด็กสาวเงียบ ใบหน้าจ้องมองกลับไป



    "...พี่หาคุณแม่ของหนูไม่พบ"


    Z Y C L O N
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×