ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZERO ZONE

    ลำดับตอนที่ #29 : [QUEEN] Black Clouds

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 61
      4
      9 พ.ค. 62

    Black Clouds

    [ Q U E E N ]

     


    Legion’s Camp

    1/15/2019, 06:15 AM

     

    แสงอาทิตย์ยามรุ่งสางปรากฏขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้าสีน้ำเงิน หมู่เมฆค่อยๆ กระจายตัวออกไปตามแรงลมที่พัดผ่าน ไอหนาวเหน็บยังคงปกคลุมอยู่ทั่วผืนแผ่นดินชิคาโก

    ร่างของผู้คนกลุ่มหนึ่งสาวเท้าเข้ามาใกล้เขตค่ายของลีเจียน คนแรกที่สังเกตเงามืดภายใต้แสงอาทิตย์สีทองอร่ามพวกนั้นคือยามที่อยู่บนหอคอย ชายหนุ่มหรี่ตา เขายกมือขึ้นป้องแสงอาทิตย์ยามเช้าเล็กน้อยขณะจับจ้องไปยังผู้มาเยือน ปืนไรเฟิลสปริงฟีลด์ติดสโคปถูกวางลงจากมือ ร่างสูงหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดู...

    “เขากลับมาแล้ว!

    สิ้นเสียงร้องตะโกนจากผู้เฝ้าประตูรั้ว ฉับพลันผู้รอดชีวิตทุกคนที่อาศัยอยู่ในค่ายก็ต่างชะงัก พวกเขาหยุดทำกิจวัตรของตนเองไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบพากันกรูเข้าไปยังทางต้นเสียง แฟรงค์กับสมาชิกลีเจียนอีกสี่คนเดินเข้ามาด้านในค่าย พวกเขาสะพายกระเป๋าเป้หนักๆ เอาไว้คนละใบ ท่าทางการเสี่ยงชีวิตครั้งนี้จะค่อนข้างคุ้มเลยทีเดียว

    ของที่ได้มาจากค่ายของพวกผู้เก็บกวาดมากมายกว่าที่จิตนาการเอาไว้เสียอีก ไม่ว่าจะเป็นยารักษา อุปกรณ์ปฐมพยาบาลต่างๆ อาหาร หรือแม้กระทั่งอาวุธ สิ่งของพวกนี้จะพอช่วยประทังชีวิตไปได้อีกนาน โดยที่ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะต้องออกไปล่าเสบียงมาเพิ่ม ชายหนุ่มปลดสายสะพายเป้แล้วคุกเข่าลงบนพื้น ในขณะนั้นเองก็มีผู้คนมากมายวิ่งเข้าไปหาเขา รวมถึงเด็กๆ อีกสองสามคนที่วิ่งเล่นอยู่แถวนั้นด้วย

    อดีตนายทหารหนุ่มยื่นมือมาหาควีน ราวกับว่าเขาต้องการอะไรบางอย่างจากเธอและวาเลนไทน์ หญิงสาวทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนจะถอดกระเป๋าเป้ลงมาจากบ่าแล้วยื่นให้อีกฝ่าย แฟรงค์รับมันไว้ เสบียงทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นส่วนที่เท่ากันทั้งอาหารและอุปกรณ์ปฐมพยาบาล เขาเริ่มแจกเนื้อกระป๋องที่ขโมยมาให้พวกเด็กๆ กับผู้หญิงก่อน แล้วจึงตามด้วยผู้ชายคนอื่น ใบหน้าของผู้รอดชีวิตเหล่านั้นแลดูปลื้มปิติ โดยเฉพาะกับเด็กน้อยที่กึ่งวิ่งกึ่งกระโดดไปหาพ่อแม่ด้วยท่าทางดีใจ

    “ขอบคุณค่ะคุณน้า!

     “ไม่ต้องดีใจขนาดนั้นก็ได้มั้งเรเชล!

    เด็กสาวคลี่ยิ้มแก้มปริ ร่างเล็กในชุดเสื้อกันหนาวตัวหนาวิ่งออกไปก่อนจะปล่อยให้คนอื่นเข้ามามุงที่จุดแจกเสบียงแทน ควีนกับวาเลนไทน์เข้าไปช่วยแฟรงค์ ทั้งสองแบ่งเสบียงออกเป็นส่วนตามที่เขาทำ แล้วเริ่มแจกให้คนที่กำลังทยอยเข้ามาหา ส่วนไมค์กับเซอร์เก..สองคนนั้นขอตัวเอาอาวุธไปเก็บในคลังก่อน ควีนเห็นสิ่งของที่พวกเขาถือแล้วก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากระเป๋าเป้ใบใหญ่นั่นจะบรรจุกระสุนและอาวุธเอาไว้จนเต็มเปี่ยม แม้แต่บนบ่าและในมือของไมค์กับเซอร์เกก็ยังถือปืนเอาไว้ คนละกระบอกสองกระบอก

    “ขอบคุณครับ!

    คำขอบคุณของเด็กชายที่ชื่อว่าวิโต้ทำให้วาเลนไทน์ยิ้ม หล่อนแจกอาหารในส่วนของตนเองจนหมดแล้ว ควีนกับแฟรงค์ก็เช่นกัน ตอนนี้ทุกคนในค่ายได้รับเสบียงจนครบ ส่วนยากับอุปกรณ์ปฐมพยาบาลที่เหลือ...ควีนลุกขึ้นยืน เธอหันซ้ายหันขวาราวกับกำลังมองหาใครบางคนอยู่

    จนในที่สุดเธอก็หาบุคคลนั้นเจอ

    “เฮ้! ควีน!

    “เดวิส!

    แพทย์หนุ่มประจำค่ายเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิม เขาวิ่งไปหาหญิงสาวชาวเอเชียผู้นั้นก่อนจะเริ่มตรวจสภาพร่างกายของอีกฝ่าย ดีที่เธอไม่ซุ่มซ่ามล้มเข่าถลอกที่ไหน แต่ต่อให้อีกฝ่ายจะปลอดภัยดี ยังไงซะเขาก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้เลย

    “กลับมาซะเช้าเลยนะ”

    “ทำไงได้ คนเขางานยุ่ง”ควีนหัวเราะ เธอยื่นกระเป๋าสะพายเป้ในมือให้เด็กหนุ่ม”เอาไป”

    “อะไรเนี่ย”

    “อยากรู้ก็ลองเปิดดูสิ”

    เดวิสรับคำท่า มือทั้งสองค่อยๆ คลี่ปากกระเป๋าอย่างใจเย็นจนกระทั่งมันเปิดออก สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในนั่นทำให้เด็กหนุ่มต้องตาโต กล่องปฐมพยาบาลสีแดงถูกจัดเก็บเอาไว้ด้านในอย่างดี รวมถึงยาและอุปกรณ์ทำแผลอีกมากมายก็ด้วย เดวิสเปลี่ยนความรู้สึกจากความประหลาดใจไปเป็นความไม่เชื่อแทน เขาเงยหน้าขึ้นไปมองควีน ผู้ซึ่งบัดนี้กำลังกระตุกยิ้มมุมปากและหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของเขา เดวิสเบ้ปาก

    “ให้ตายสิ—นี่หามาเองจริงเหรอ”

    “ทำไมล่ะ? ไม่เชื่อรึไง?”

    “ก็นะ...ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด”

    ทั้งสองหัวเราะ มันคงจะแปลกไปหน่อยที่อยู่ๆ ควีนก็ดันได้ของดีมาเยอะซะขนาดนี้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอควรจะนั่งเฉยๆ อยู่ในค่ายมากกว่า หญิงสาวถอดหมวกไหมพรมลงจากศีรษะ ลมหนาวปะทะเข้ากับใบหน้าสะสวย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองไปยังเส้นขอบฟ้าที่อยู่ห่างไกล ดวงอาทิตย์สีเหลืองทองค่อยๆ ลอยขึ้นมา แสงของมันสาดกระทบเข้ากับกลีบเมฆที่ลอยอยู่บนความว่าเปล่านั่น เบื้องล่างคือเงามืดของตึกรามบ้านช่องสูงใหญ่ที่กระจายออกไปทั่ว แม้อากาศในซีโรโซนจะหนาวเหน็บเพียงนี้ แต่เธอก็ยังสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากแสงอาทิตย์

    เรือนผมหยักศกสีบลอนด์ทองของเธอพลิ้วไสวตามลม ควีนยกมือขึ้นรวบมันเอาไว้ก่อนที่ผมจะยุ่งไปเสียก่อน เธอหันไปหาเดวิสอีกครั้ง เขาเองก็มองไปในทิศทางเดียวกันกับเธอ ไม่มีใครที่ไม่ชอบภาพสวยๆ ยามเช้าแบบนี้หรอกจริงมั้ย?

    “นรกแตกแบบนี้ยังจะมีของสวยๆ ให้ดูอีกนะ”

    “ไม่ยักรู้ว่านายจะชอบอะไรแบบนี้ด้วย”

    เดวิสส่ายหน้าพลางหัวเราะ ดวงตาคู่นั้นเหลือบมาหาเธอ

    “แหงล่ะ มันทำให้ฉันนึกถึงบ้านเกิด”

    “บ้านเกิด?”

    “ใช่ บ้านเกิด ชิคาโกสมัยก่อนน่ะ”เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกอดอก”ในสมัยที่ไม่มีโรคระบาด สมัยที่ฉันยังตาลีตาเหลือกตื่นเช้าไปเรียน กลับมาก็นั่งอ่านหนังสือกายวิภาคจนโต้รุ่ง เธอไม่คิดถึงรึไง?”

    ถ้าปฏิเสธอีกฝ่ายก็คงจะหาว่าเธอโกหกเป็นแน่ หญิงสาวพยักหน้า ควีนยังคงจ้องมองไปยังแสงอาทิตย์สีเหลืองอร่ามที่อยู่แสนไกล คำพูดของเดวิสทำให้เธอหวนนึกถึงอดีตที่เคยมีความสุขของตนเอง ถ้าเป็นเมื่อก่อน...อากาศยามเช้าแบบนี้เธอก็คงจะอยู่แถวๆ สวนสาธารณะใจกลางเมือง วิ่งจ็อกกิงท่ามกลางไออุ่นจากดวงอาทิตย์ ยกมือขึ้นปาดหยาดเหงื่อแล้วกดเปลี่ยนเพลงที่อยู่ในไอพ็อดไปเรื่อยๆ

    ควีนก้มหน้า เธอรู้สึกเสียดายเหลือเกิน

    เสียดายที่จะต้องมาเจออะไรแบบนี้

    บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมืองกับชาวชิคาโก มันอาจจะเลวร้ายเกินกว่าที่คนด้านนอกจะเข้าใจ

    และถ้าเป็นไปได้ เธออยากจะย้อนเวลากลับไปในวันวานพวกนั้น...กลับไปยังเมืองชิคาโกที่ยังเป็นเหมือนเดิม บนถนนเต็มไปด้วยรถและเสียงจราจรติดขัด ผู้คนมากมาย และเสียงเอ่ยทักทายของคนขายดอกไม้ที่อยู่หน้าคอนโด แต่ทว่า...มันไม่มีอีกแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เธอกับคนอื่นต้องเผชิญคือนรกบนดิน ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ถ้าไม่เจอกับคาร์เทล...ก็เจอกับผู้เก็บกวาด ซากศพที่เกลื่อนอยู่สองข้างทางคอยย้ำเตือนฝันร้ายในอุดมคติได้เป็นอย่างดี

    จะว่าไปแล้ว..ที่ค่ายนั่น เธอกับวาเลนไทน์ได้พบกับอะไรบางอย่าง ถ้ายังจำได้ มันคือแกลอนน้ำมันจำนวนมากที่พวกสวีปเปอร์เก็บเอาไว้ แถมนั่นยังเป็นแกลอนที่มีคำว่า ATLAST ประทับอยู่ด้วย

    “ใช่สิ!

    “ห๊ะ? ใช่สิ? ใช่อะไรของเธอ?”

    นี่ลืมไปได้ยังไงกัน? ควีนนึกตำหนิตนเองในใจเล็กน้อย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่ผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ทำให้ลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปเสียได้ หญิงสาวเดินไปเดินมา ท่ามกลางสายตาอันแสนงงงวยของเดวิส เขาขมวดคิ้ว อยากจะถามเหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่ท่าทางอีกฝ่ายคงจะไม่ยอมตอบง่ายๆ แน่

    จนกระทั่งแฟรงค์เดินเข้ามาสมทบ ชายหนุ่มหยุดชะงักเล็กน้อย นั่นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ควีนหันไปหาเขาพอดี เดวิสเองก็เช่นกัน

    “อะไรเหรอ”อดีตนายทหารแอตลาสต์เอ่ยถาม

    “ก็...ไม่รู้สิครับ ท่าทางเพื่อนของผมคงจะประสาทกินกับอะไรสักอย่าง”

    “ไม่ใช่ประสาทกินสักหน่อย!

    ควีนโวยวายเล็กๆ แต่ก็พาให้คนอื่นมึนตึบกันไปด้วย เธอตัดสินใจหันไปหาแฟรงค์ เขายังคงสะพายกระเป๋าใบเดิมเอาไว้บนบ่า หน้าตาแสดงออกให้เห็นถึงความสับสนสุดคำบรรยาย ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง เธอรู้แล้วว่าควรจะทำยังไงต่อดี หญิงสาวเดินเข้าไปประชิดตัวร่างสูงนั่น นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนฉายแววอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาคิ้วขมวดกว่าเดิม

    และใบหน้าของเธอเองก็ทำให้...แฟรงค์พอจะรู้สึกแปลกๆ ได้บ้างในใจ

    “...ครับ?”

    “ฉันต้องไปหาพวกแอตลาสต์”

    “แอตลาสต์?”เดวิสทำท่าจะขึ้นเสียง เขาแทบปากระเป๋าที่เต็มไปด้วยกล่องพยาบาลทิ้งเลยด้วยซ้ำ”ด..เดี๋ยวนะ? เธอจะไปหาพวกเวรนั่นทำไมอีกเล่า!?”

    “นายไม่เข้าใจหรอกเดวิส ส่วนแฟรงค์ คุณต้องฟังนะ”

    ชายหนุ่มพยักหน้างงๆ”ครับ ผม..ฟังอยู่”

    “ตอนไปเอาเสบียง ฉันเจอแกลอนน้ำมันที่พวกสวีปเปอร์ใช้ และ...นั่นเป็นน้ำมันของแอตลาสต์”

    “อะไรนะ?”

    “ใช่! ว..วาเลนไทน์บอกว่าพวกนั้นขโมยมา แต่ฉันไม่คิดว่างั้นนะ”ควีนเริ่มเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก”แต่ยังไงฉันก็ต้องไปบอกให้พวกนั้นรู้!

    แฟรงค์กระพริบตา เขาได้แต่ตั้งคำถามกับตนเองในใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันนั้นแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของควีนก็ยังจ้องมองมา ราวกับว่าเธอกำลังรอการตัดสินใจของเขาอยู่ ในระหว่างที่เดวิส—ตอนนี้หมอนั่นเอาแต่โวยวายไม่หยุด ถ้าให้เดาเรื่องที่ควีนจะออกไปหาพวกทหารนอกรีตนั่นคงจะเป็นอะไรที่เขาไม่โอเคอย่างมาก

    แต่ตอนนี้การตัดสินใจอยู่ที่หัวหน้าค่ายเพียงคนเดียว แฟรงค์ก้มหน้า เขานึกถึงสิ่งที่ตนเองได้ยินซ้ำไปซ้ำมาในหัว แล้วคำถามหนึ่งก็ผุดขึ้น น้ำมันของแอตลาสต์ไปอยู่กับพวกสวีปเปอร์ได้ยังไง? พวกนั้นคงไม่ได้ขโมยไปแบบที่วาเลนไทน์คิดแน่ เขาเคยอยู่ในค่ายนั้น รู้ทุกซอกทุกมุมดีในระดับหนึ่ง และเข้าใจอย่างสุดซึ้งเลยว่าโรงเก็บน้ำมันเป็นบริเวณที่มีการคุ้มกันแน่นหนาที่สุด ดังนั้น...ถ้าพวกผู้เก็บกวาดจะเข้าไปขโมยน้ำมันจริง พวกมันก็ต้องพังทลายแอตลาสต์ให้หมดทั้งค่ายก่อน

    ...ซึ่งนั่นก็เป็นไปไม่ได้

    “ขอร้องเถอะแฟรงค์ อย่างน้อย—ให้ฉันไปบอกพวกเขาก็ยังดี”

    “คุณจะไปบอกใครล่ะ”

    “ก็...”หญิงสาวลากเสียง เธอนึกได้คนหนึ่ง”เฟเธอร์อาจจะรู้เรื่องนี้”

    เฟเธอร์?

    “ให้ตายสิควีน—“

    เดวิสไม่เห็นด้วย และเขาก็ไม่มีวันเห็นด้วยกับความคิดนั้นแน่ ควีนเพิ่งจะกลับมาจากงานบุกตะลุยค่ายของพวกผู้เก็บกวาด ยังไม่ทันยัยนี่ก็จะหาเรื่องออกไปตายอีกแล้วงั้นเหรอ? มันไม่เห็นจะเกี่ยวกับเธอเลยสักนิด! แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้จักควีนดีพอ ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจอะไรง่ายๆ แน่

    ในตอนนั้นเองบรรยากาศก็แปรเปลี่ยนเป็นความเงียบงัน สมาชิกลีเจียนทั้งสามคนยืนอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์สีทอง ควีนจ้องมองไปยังใบหน้าของแฟรงค์ เธอยังรอการตัดสินใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอไม่สนด้วยว่าเพื่อนอย่างเดวิสจะคิดยังไง

    เรื่องนี้...แอตลาสต์จะต้องได้รับรู้

    ว่าน้ำมันของพวกเขาถูกสวีปเปอร์เอาไปใช้ฆ่าคน



    ATLAST Command Base

    1/15/2019, 07:25 AM


    อากาศยามเช้าช่างเป็นอะไรที่...น่ารื่นรมย์

    ทุกคนล้วนมีกิจกรรมยามเช้า ยิ่งถ้าเมืองชิคาโกเป็นแบบเมื่อก่อน เช้าตรู่ขนาดนี้รถราก็คงจะคับคั่งเต็มท้องถนน บนฟุตบาตเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังวิ่งออกกำลังกาย แม้แต่สวนสาธารณะเองก็ดูไม่ว่างเปล่าเช่นตอนนี้ เมื่อก่อน...ชาวชิคาโกต่างยุ่งวุ่นวายอยู่กับกิจวัตรของตนเอง บ้างเตรียมตัวออกไปทำงาน จิบกาแฟ ทานอาหารเช้า บ้างก็...ออกมาเปิดร้านขายของ ต้อนรับลูกค้ารายแรกของวันอันแสนยาวนานภายใต้แสงอาทิตย์อบอุ่น

    ภาพความทรงจำวันวานยังคงติดตราอยู่ในห้วงความคิด เขาเคยนั่งอยู่ในสวนสาธารณะ ถ้านับย้อนกลับไปมันก็ผ่านมาเกือบ 15 ปีแล้วเห็นจะได้ วันนั้นเป็นวันแรกที่เขาได้ย้ายมาประจำการที่ชิคาโก เมืองใหญ่ในตอนนั้นช่างดูสวยงามเสียเหลือเกิน เขาอยู่บนม้านั่ง สวมชุดลำลองสำหรับออกกำลังกาย มือถือถ้วยกาแฟกระดาษของร้านสตาร์บัค บรรยากาศในตอนนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะสดชื่น อย่างน้อยก็สดชื่นพอที่จะทำให้คนติดเพลงอย่างเขายอมถอดหูฟังออก เพื่อที่จะได้ยินเสียงนกร้องขับขานบ้าง

    ทว่า...ในตอนนี้มันต่างออกไป

    เฟเธอร์ยังคงนั่งนิ่งอยู่เก้าอี้ไม้ ณ ตำแหน่งเดิมของบาร์ ด้านนอกเริ่มได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย พร้อมกันกับเสียงปืนที่ดังขึ้นเป็นจังหวะ พวกทหารคงจะเริ่มฝึกซ้อมในช่วงเช้ากันแล้ว แต่เขากลับเลือกที่จะมานั่งอยู่ที่นี่

    เช่นเคย ทั้งบาร์ไม่มีใครนอกจากเขา นายทหารหนุ่มร่างสูงถอนหายใจก่อนจะซุกหน้าลงบนเคาน์เตอร์บาร์ มือที่ถูกปกปิดอย่างดีด้วยถุงมือพร้อมรบเขย่าแก้วเบียร์เบาๆ นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจับจ้องไปยังของเหลวที่อยู่ภายในแก้วใส ในหัวว่างเปล่า น่าแปลกเหมือนกันที่ในตอนนี้เครื่องดื่มยามเช้าจะกลายเป็นเบียร์เย็นๆ ไปเสียได้ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาเองก็เคยเป็นแฟนพันธุ์แท้ของกาแฟสตาร์บัคอยู่ช่วงหนึ่ง จนกระทั่งชิคาโกกลายเป็นดินแดนที่ถูกทอดทิ้ง

    เขาไม่อยากคิดถึงเรื่องอะไรที่ชวนปวดหัวตอนนี้ อย่างเช่น...งานลาดตระเวนที่อุตส่าห์โดดมา ป่านนี้ไมเยอส์คงจะนั่งบ่นเป็นยายแก่ไปแล้วก็ได้ หรือจะเป็นงานตรวจสอบการใช้อาวุธ ให้ตายสิ เขาเกลียดงานที่ต้องทำเอกสารเป็นที่สุด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในดินแดนรกร้างแบบนี้ยังจะต้องมานั่งหลังคดหลังแข็งจิ้มคีย์บอร์ดอีก 

    เพราะอย่างนั้น...เขาเลยตัดสินใจลางานทั้งหมด

    แถมเป็นการลางานที่ไม่ต้องแจ้งให้ใครทราบอีกด้วย

    หมวกทหารถูกถอดวางเอาไว้ข้างๆ กับขวดเบียร์สีน้ำตาลใส ขนนกที่ถูกติดเอาไว้ด้วยสายรัดไม่แม้แต่จะขยับ เส้นละเอียดสีดำของมันสะท้อนเข้ากับแสงแดดยามเช้า เฟเธอร์เหลือบมองกลับไป น่าแปลกที่เขายังเก็บขนนกพวกนั้นเอาไว้...ต่อให้เหตุการณ์นั่นจะผ่านมานานแสนนานแล้วก็ตาม จนบางทีเขาก็เคยตั้งคำถามกับตนเองอยู่

    นี่เขาจะฝังใจกับเรื่องพวกนั้นไปถึงเมื่อไหร่นะ?

    บรรยากาศอันแสนเงียบสงบภายในบาร์ถูกทำลายลง ใครคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาในขณะที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างอดไม่ได้ แล้วคำถามก็ผุดขึ้นในหัวอีกครั้ง ให้ตายสิ...คนพวกนี้จะตามตื้อไปถึงไหนกัน? เฟเธอร์ยกแก้วเบียร์ขึ้นมาดื่มก่อนจะตั้งมันเอาไว้ที่เดิม พลทหารไรอันคงจะมาตามเขาไปทำงานแหงๆ ทัังที่บอกแทบตายแล้วว่าวันนี้เขาขอลาพัก

    "เฟเธอร์"

    ผิดคาดแฮะ

    พลทหารไรอันคงไม่เสียงเพราะแบบนี้หรอก จริงมั้ย?

    ควีนรวบรวมความกล้าอย่างถึงที่สุด หญิงสาวตัดสินใจเดินเข้าไปหาบุคคลดังกล่าว แม้ในใจจะยังประหม่าอยู่เล็กๆ ก็ตาม เธอไม่ละสายตาไปจากร่างในเครื่องแบบนั่น แก้วเบียร์ในมือของเขาหยุดชะงัก ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงไม่หันมาหา จนกระทั่งเธอได้ก้าวเข้าไปใกล้เขาแล้วจริงๆ ควีนกลืนน้ำลายลงคอ นัยน์ตาคู่สวยเหลือบไปเห็นขวดแก้วเปล่าที่วางเกลื่อนอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์ 

    ให้ตายสิ เขาเล่นกระดกเบียร์ตั้งแต่เช้าแบบนี้เลยเหรอ?

    แต่ยังไงก็ช่างมันเถอะ ควีนส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังพยายามสลัดความคิดในหัวเมื่อครู่นี้ออกไป เฟเธอร์ยังคงเงียบ เดาว่าเขาคงจะกำลังรอให้เธอบอกธุระของตนเองมาหรืออะไรทำนองนั้น

    "คือ..."หญิงสาวลากเสียง"ฉันมีเรื่องที่จะมาบอกคุณ"

    ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย ควีนพยายามข่มความรู้สึกในจิตใจเอาไว้ ดวงตาจับจ้องไปยังนายทหารหนุ่มผู้เดิม บรรยากาศภายในร้านบัดนี้ค่อนข้างกดดัน แม้จะมีเสียงเพลงดังคลออยู่แต่มันก็ยังทำให้ควีนเหงื่อตก เธอยืนรออยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากอะไรก่อนดี ข่าวที่เอามาบอกก็ค่อนข้างจะเร่งด่วนซะด้วย

    ทันใดนั้นเฟเธอร์ก็วางแก้วเบียร์ลง เขาผายมือข้างหนึ่งไปยังเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆ  ท่าทางเหมือนกับกำลังเชิญชวนให้เธอนั่งลงก่อน ควีนดูอ้ำอึ้งอยู่บ้าง แต่สุดท้ายหญิงสาวก็ไม่ปฏิเสธคำเชิญชวนนั้น ร่างบางค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ มือทั้งสองข้างวางนิ่งอยู่บนตัก ใบหน้าครุ่นคิด ผู้กองหนุ่มแอบเหลือบมามองเธอเล็กน้อย

    เขายกเบียร์ขึ้นดื่มก่อนจะเอ่ยถาม

    "เรื่องอะไร"

    "ค...คะ?"

    "ก็มีเรื่องจะมาบอกไม่ใช่เหรอ"นัยน์ตาสีเข้มคู่นั้นจ้องมองเธอ"เรื่องอะไรล่ะ"

    ใช่สิ! เธอลืมไปได้ยังไงกันนะ? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะต้องมาตื่นเต้นกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้ด้วย ควีนก้มหน้า หญิงสาวพยายามหลบสายตาคมกริบคู่นั้นแต่ก็ไม่พ้น ท่าทางแปลกๆ ของเธอทำให้เขากระตุกยิ้มมุมปาก

    เฟเธอร์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ"ให้ตายสิ ผู้หญิงนี่ปากไม่ตรงกับใจเลยเนอะ"

    "อ..อะไรนะ?"

    หญิงสาวหันกลับไป ตอนนี้บนใบหน้าของนายทหารหนุ่มผู้นั้นปรากฏให้เห็นรอยยิ้มชัดเจน เขายกเบียร์ขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว หลังจากนั้นก็รินเพิ่มลงไปอีก

    "อยากเจอผมก็บอกเถอะ ไม่เห็นต้องอ้างเรื่องธุระเลย"

    "ม...ไม่ใช่สักหน่อย! ฉันไม่ได้--"

    "คุณจะปฏิเสธว่าไม่ใช่งั้นเหรอ?"เฟเธอร์เลิกคิ้วก่อนจะดื่มเบียร์อีกครั้ง"แย่จัง"

    ท่าทางมันจะไปกันใหญ่แล้ว การที่เธอมาที่นี่ไม่ใช่เพราะ...อยากมาเจอกับเขาสักหน่อย (ขอย้ำเลยว่าไม่ใช่ ไม่ใช่เลยสักนิด!) ควีนสูดลมหายใจ ในหัวเรียบเรียงคำพูดของตนเองที่ต้องการจะสื่อให้อีกฝ่ายทราบ หญิงสาวกุมมือแน่น ตอนนี้เฟเธอร์เงียบไปแล้ว เขาคงจะรอให้เธอพูดอยู่จริงๆ ละมั้ง?

    และแล้วควีนก็เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองกลับไปยังใบหน้าของนายทหารหนุ่มผู้นั้น เขาเองก็เหลือบมองมาหาเธอ ในมือยังคงถือแก้วเบียร์เอาไว้ และดูจากแววตาก็เดาได้ไม่ยากเลยว่า...ตอนนี้ฤทธิ์แอลกอฮอล์กำลังเล่นงานเขาแบบสุดๆ แถมเฟเธอร์ก็แลดูจะสนใจสิ่งที่ควีนต้องการจะสื่อด้วย


    "ฉันคิดว่าน้ำมันของแอตลาสต์โดนพวกสวีปเปอร์ขโมยไป"

           
    Z Y C L O N
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×