คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #45 : Battle of Bulge. ยุทธการตอกลิ่ม
22 มกราคม ค.ศ.1945
ป่าทึบแห่งวาลโลเนีย, ลักเซมเบิร์ก
-แนวรบด้านตะวันตก-
กลางป่าทึบที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว...อุณหภูมิที่ติดลบอาจทำร้ายร่างกายของเหล่าทหารได้หากว่าไม่ได้มีเครื่องแต่งกายที่อบอุ่นพอ กระตายสีขาววิ่งไปหลบตามพุ่มหญ้าหรือไม่ก็คลุกตัวไปกับหิมะเพื่อพลางตัวให้หม่งาป่ามองไม่เห็นมัน แต่ถ้าในไม่ช้าถ้าหากว่ามันออกมาจากกองหิมะนั่นละก็ หมาป่าที่ดักรอมันอยู่อาจพุ่งตัวมาโจมตีมันเมื่อ ไรก็ได้
..และถ้าเปรียบว่าตอนนี้ให้ฝ่ายหนึ่งเป็นกระต่าย แล้วอีกฝ่ายหนึ่งเป็นหมาป่าล่ะ?
แน่นอน...ถ้ากระต่ายโดนล่าจนหมด โลกใบนี้ก็จะเป็นของหมาป่า
และ...นี่เป็นจะเป็นการบุกใหญ่ครั้งสุดท้ายของเยอรมนี
นาตาชาร์ตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เธอเหยียบลงบนผืนหิมะสีขาวนี่หลังจากที่โดนเตะไปเตะมากับแนวรบด้านอื่นจนต้องมาหยุดตรงนี้ อากาศหนาวกับหิมะที่ปกคลุมอยู่มันทำให้เธอนึกถึงงานแรกที่เธอไปทำมา และตอนนี้เธอก็พยายามที่จะลืมมันไปให้เร็วที่สุดไม่ว่าจะช้าแค่ไหน
เธออาจจะเป็นทหารหญิงคนเดียวในแนวรบด้านตะวันตกถ้าหากไม่นับรวมพวกพยาบาล พวกทหารคนอื่นๆไม่ว่าจะพลทหารหรือจ่าก็ต่างแหย่เธอเหมือนกับว่าเธอเป็นเด็กเป็นว่าเล่น แต่แทนที่เธอจะถอนหายใจยาวแล้วเดินกระทืบเท้าหนีไปเธอกลับไม่ทำ แอดเลอร์เคยให้บทเรียนอะไรกับเธอมาในครั้งที่พวกเธอยังฝึกอยู่แต่เธอก็ไม่ใช้มัน เพราะเมื่อเธอลองมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาของพลทหารที่รุมแหย่เธออยู่นั่น...เธอเห็นความโศกเศร้า...ความสิ้นหวัง...และความเจ็บปวดที่พวกเขาได้รับมาจากการทำสงคราม
เมื่อเร็วๆนี้นาตาชาร์ได้มีโอกาสพบกับปะกับทหารคนหนึ่งก่อนจะไปรบ เขามองเธอด้วยสายตาประหลาดราวกับว่าไม่ได้เห็นหญิงสาวมานานแล้วเข้ามา...เธอไม่อยากเรียกว่าลวนลามหรอกนะเพราะเขาแค่จับแขนเธอเฉยๆ เขาบอกว่าเธอหน้าคล้ายกับภรรยาของเขาที่อยู่เบอร์ลิน และเขายังบอกอีกว่า...ทุกๆปีใหม่เขาจะส่งของขวัญกลับไปให้เสมอแต่ตอนนี้แทบไม่มีร้านไหนที่จะขายของขวัญให้เขาเลย นาตาชาร์ได้แค่รับฟังเท่านั้น...เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งรอให้สงครามนี้จบแล้วให้เขากลับไปภรรยาเขาเอง
หญิงสาวก้มลงมองถ้วยกาแฟในมือของตนเองที่อีกไม่นานไอร้อนก็จะหายไป เธอยกมันขึ้นมาดื่มจนหมดในครั้งเดียวแล้วทำหน้านิ่งๆกับรสชาติอันแสนห่วยแตก อาจจะเป็นเพราะว่าเธอชินกับมันแล้วกระมัง..ครั้งแรกที่เธอดื่มมันเธออยากจะขว้างแก้วทิ้วเสียเหลือเกิน แต่ตอนนี้...มันคือสิ่งเดียวที่จะช่วยบรรเทาความหนาวเหน็บได้ สายตาของเธอละออกจากถ้วยกาแฟไปมองทหารคนอื่นๆที่นั่งล้อมวงคุยกันอยู่อย่างเฮฮา พวกเขารู้นะว่าหนึ่งในพวกเขาอาจจะไม่รอดกลับมาคุยกันต่อฉะนั้นนี่อาจจะเป็นการคุยกันครั้งสุดท้ายก่อนจะออกไปรบจริงๆ หนึ่งในนั้นหันมาทางนาตาชาร์...เธอจำหน้าเขาได้เพราะเขาคือคนที่มาคุยกับเธอเมื่อวันก่อน
เขาบอกลาเพื่อนๆแล้วลุกขึ้นเดินมาหาเธอ สายตาของเขามองเธออย่างสงสัยในขณะที่เธอพยายามจะหลบหน้าเขาให้มากที่สุด
"เอ่อ..."
"..."
เขาพูดได้เพียงแค่นั้นเพราะหลังจากเจอสายตาน้ำแข็งของนาตาชาร์เขาก็พูดอะไรไม่ได้อีก เขาตัดสินใจนั่งลงตรงหน้าเธอในที่สุดพร้อมกับวางถ้วยกาแฟลงบนพื้นหิมะที่แสนจะเย็นเฉียบ และในวินาทีนั้นเธอได้ยินเสียงของพวกเพื่อนๆของเขาดังขึ้นมา
"เฮ้ย! ไอ้บาร์นีมันมีเมียแล้วไม่ใช่เหรอวะ ทำไมมันยังไปยุ่งกับสาวคนอื่นได้อีกล่ะนี่"
เขาหันไปพร้อมกับทำสายตาราวกับจะฆ่าอีกฝ่ายแล้วเอาไปทำเป็นอาหารมื้อเย็นนี้
"หุบปากไปเลยนะ!"
เขาหันมาทางเธอต่อ สายตาของเขาที่จ้องมองมาทำให้เธอทำตัวไม่ถูก
เธอ...ควรทำยังไงดี
"ถ้าคุณยังไม่รู้ละก็..."เขาลากเสียง นาตาชาร์ยังคงเลี่ยงที่จะสบตาเขา"ผมบาร์นี... เอ่อ...บาร์นี อเล็กซานดรอฟ"
"..."
หญิงสาวผมบลอนด์เปื้อนสีสกปรกยังคงไม่ไม่ใช่สายตามองมายังเขา เธอดื่มกาแฟจนหมดก่อนจะรินใส่แก้วใหม่มาดื่มต่ออีก เขาไม่รู้จักเธอเสียด้วยซ้ำแต่กลับมาทำตีสนิทอย่างนี้ก็ไม่แปลกหรอกที่เธอจะไม่คุยกับเขา ฉะนั้นการถอนหายมจออกมาเบาๆคือสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้...เวลาไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เดินกลับไปหากลุ่มเพื่อน เธอเองก็ยังเงียบต่อไป
...
เธอไม่ชอบเลยกับการเป็นแบบนี้
เธอรู้สึกรำคาญทุกครั้งที่คนอื่นๆมาแหย่เธอเล่นราวกับว่าเธอเป็นตุ๊กตา
และใช่...เธอโกรธ
นาตาชาร์ตัดสินใจทิ้งความคิดในหัวไปในที่สุด นัยน์ตาที่ดูราวกับไร้วิญญาณมองทอดไปในทุ่งกว้างสีขาว หิมะยังคงตกลงมาอย่างไม่หยุดหย่อนแม้จะเบาบางก็ตาม อากาศเหมือนกับว่าจะหนาวขึ้นเรื่อยๆ...เธอเห็นกระต่ายสีขาวตัวหนึ่งกำลังกระโดดลงไปในกองหิมะ ขนสีขาวของมันช่วยพลางตัวให้เข้ากับภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยหิมะเช่นนี้จนมองแทบไม่เห็น หญิงสาวค่อยๆวางแก้วกาแฟสนิมเกรอะในมือลงช้าๆและ้วค่อยๆย่องไปหาเจ้ากระต่ายตัวนั้น มันไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งเธอจับมันขึ้นมาอุ้มในที่สุด
"หนีอะไรมาเหรอเนี่ยเจ้าขนปุย.."
เธอใช้มือปัดหิมะที่ติดอยู่ออกจากขนปุยนุ่มของมันก่อนจะวางมันลงบนพื้น เจ้ากระต่ายนี่ดูไม่กลัวเธอเลยด้วยซ้ำ มันยังคงกระโดดไปมาอยู่บนพื้นหิมะเช่นเดิม
"มากระโดดเล่นอยู่แถวนี้..."หญิงสาวผมบลอนด์ใช้สายตาจ้องไปยังกระต่ายหิมะสีขาวบนพื้นพลางเผยอยิ้ม"...เดี๋ยวก็โดนรถถังเหยียบเอาหรอก แกคงไม่ปลื้มใช่มั้ยที่ขนปุยสีขาวของแกจะเปื้อนเลือดของแกเองน่ะ...มันก็ดูไม่น่ารักเลยน่ะสิ"
นาตาชาร์ลุกขึ้นยืน เธอเผลอปล่อยรอยยิ้มที่ดูน่าสยดสยองนั่นไว้บนใบหน้าที่ดูไร้เดียงสาของเธอ สักพักหนึ่งหญิงสาวก็เริ่มรวบรวมสติกลับเข้าตามเดิม อาการเก่าๆของเธอกำเริบอีกแล้วสินะ..? เธอถอนหายใจยาวพลางขยับแว่นให้เข้าที่ แต่แล้ว..ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น...
มันฟังเหมือนกับอยู่ไกล...แต่เธอได้ยินมัน
เสียงแบบนี้...เครื่องยนต์...
...
เธอเงี่ยหูฟังอีกครั้ง แล้วก็พบว่าเจ้าของเสียงนี้...
"เสียงเครื่องยนต์แบบนี้มัน...รถถัง!"
บ้าเอ๊ย...เธอต้องรีบกลับไปค่ายเดี๋ยวนี้เลย!
ท่ามกลางหิมะโปรยปราย อากาศเริ่มจะหนาวมากกว่าเดิม...เสียงย่ำเท้าบนพื้นหิมะแถบจะไม่ได้ดังอะไรมาก นาตาชาร์ตัดสินใจทิ้งกระต่ายตัวนั้นไปก่อนจะรีบย่ำเท้ากลับมาที่ค่ายตนเอง เธอเข้าไปในค่าย..คนอื่นๆยังไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเขายังคงเล่นสนุกสนานกับหิมะต่อไปราวกับเด็กน้อย...ในขณะที่อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามา!
"รถถัง! รถถังกำลังมาทางนี้!"
หญิงสาวร้องบอกคนอื่นในขณะที่พยายามจะเดินย่ำเข้าไปในค่ายให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นผลลัพธ์ที่ตอบกลับมาคือ...
"อะไรเนี่ย...เพ้ออะไรมิทราบ"
พลทหารคนหนึ่งพูดขึ้น เขาดัดเสียงให้เหมือนกับคุณนายในงานเต้นรำก่อนจะระเบิดหัวเราะลั่นค่าย ทุกคนต่างพากันหัวเราะตามเขาทันทีก่อนจะหันมามองเธอด้วยสายตาที่ใช้มองของไร้ค่าที่พังไปแล้วแต่จู่ๆก็กลับมาใช้งานได้อีก
...มันเป็นสายตาที่เธอเกลียดนักเกลียดหนาไงล่ะ..
"บ้ารึไง ถ้ารถถังพวกเวรนั่นมาจริงๆเราต้องได้ยินเสียงสิ"
"ใช่ๆ หูเพี้ยนแหงๆเลยยัยรัสเซียนี่"
"ด...เดี๋ยวสิ ฉันพูดจริงนะ! ฉันได้ยินเสียงรถถังจริงๆ!"
มันเหมือนกับภาพฉายซ้ำ ไม่มีคนเชื่อเธอเลยสักคนเดียว...หรืออาจจะมีกันนะ?
"พอเลย!"
เสียงนั่นดังขึ้นด้านหลังหมู่ทหารที่กำลังพากันหัวเราะเยาะอยู่ มันเป็นสัญญาณทำให้ทุกคนพากันเงียบกริบ นาตาชาร์แถมไม่อยากจะคิดเลยว่าเจ้าของเสียงนั่นเป็นใคร...แค่คิดก็...สยองแล้ว
ร่างสูงโปร่งในเสื้อคลุมหนาค่อยๆแหวกตัวทหารคนอื่นเข้ามาอยู่ข้างหน้าแถว สายตาของเขาที่จ้องมาที่เธอมันทำให้เธอถึงกับสะดุ้งเฮือก เขาไม่ใช่เอมิลล์..มันแย่กว่านั้น..
"เคลเลอร์?"
"..."เธอเงียบ พยายามจะมองไปที่อื่นแต่ก็คงช่วยไม่ได้
เขาหันไปมองรอบๆ พวกทหารที่มุงอยู่ค่อยๆสลายตัวไปที่ละคนเพราะไม่อยากมีเรื่องกับเขา และมีเพียงแค่นาตาชาร์เท่านั้นที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้
"...อ..เอ่อ..แฮร์มันน์..."
"ฉันบอกแล้วไงว่าเรียกฉันว่าวูล์ฟฟ์ แล้วนี่มันบ้าอะไรขึ้นอีกเนี่ย?"
เธอเงียบ สายตาของตนเองยังคงเผลอไปมองหน้าเขาอยู่ดีนั่นล่ะ
"ฉ..ฉันได้ยิน...ส..เสียง..."
"เสียง? เสียงอะไร"
"ส..เสียงรถถัง..แต่ฉันบอกไปแล้ว...พ..พวกนั้นไม่ฟัง..ฉ..ฉันเลย.."
อย่างแรกเลยเขาไม่ชอบเวลาเธอเจอเขาเลยสักนิด ทำไมต้องพูดตะกุกตะกักด้วย? และอย่างที่สอง..การที่เธอพูดแบบนี้มันโครตจะ...น่ารำคาญ
"งั้นฉันควรจะฟังเธอดีมั้ยเนี่ย"
"ค..คุณต้องฟังฉัน..น...นะคะ! ฉันได้ยินเสียงรถ..ถ..ถังจริงๆ!"
เสียงตะกุกตะกักนั่นดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด ยิ่งใบหน้าที่ดูไร้เดียงสานั่น...ตามหลักแล้วเขาไม่ควรเชื่อเธอเลย แต่ในเมื่อ...แววตานั่น...มันไม่โกหกหรอก แต่เขาควรจะเชื่อจริงๆเหรอ
"ก็ได้ ตกลง ฉันเชื่อเธอ!"
"อย่างน้อยคุณก็ยังเชื่อฉันนะ แฮะๆ"
นาตาชาร์ยิ้มแหยๆบนใบหน้า แต่แล้วทันใดนั้นมือที่สวมถุงมือหนังสีดำก็ถูกยกขึ้นมาแตะลงบนใบหน้าของเธอ วูล์ฟฟ์เผยอยิ้มช้าๆ...เหมือนกับว่าเขาจะพยายามส่งยิ้มอบอุ่นให้เธอนะ
"ไม่เป็นไรหรอก...แม้ว่าพวกนั้นจะไม่เชื่อเธอ แต่ฉันเชื่อเธอเสมอนะ.."
หญิงสาวเริ่มแสดงท่าทีเขินอาย เธอก้มหน้าลงช้าๆในขณะที่เขายังคงใช้มือสัมผัสใบหน้าเธออยู่
"คุณยังมีเอกสารให้เซ็นอีกเยอะเลยไม่ใช่เหรอคะ"เธอกล่าวทั้งๆืี่ก้มหน้าอยู่
"ก..ก็ใช่นะ แต่ไม่เยอะหรอก ฮ่าๆ"
งั้น.."
นาตาชาร์เงยหน้าขึ้นมาโดยที่เขาไม่ได้ตั้งตัว และใบหน้านั่น...มันช่างดูเย็นชาเสียเหลือเกิน..ถ้าไม่บวกกับรอยยิ้มสยดสยองนั่นกับคำพูดของเธอมันคงทำให้เขาคิดว่าเธอ "ไร้เดียงสา" ต่อไปล่ะนะ
"งั้นก็เอามันออกไปจากหน้าของฉันซะ ถ้าคุณยังอยากจะใช้มันเซ็นเอกสารอีก ฉันน่ะยังไม่อยากใช้มีดเฉือนหนังมือคุณออกมาเล่นหรอกนะ..แต่ถ้าคุณต้องการ ฉันยินดีเสมอเลยล่ะ..."
วูล์ฟฟ์เอามืออกจากใบหน้าของเธอทันทีด้วยสีหน้าซีดเผือด นี่ถ้าเป็นคนอื่นเธอคงโดนตบหรือไม่ก็โดนลากไปฆ่าแล้วแหงๆกับคำพูดของเธอ แต่หากว่าคนตรงหน้าคือวูล์ฟฟ์ อะไรๆก็ง่ายสำหรับเธอทั้งนั้นล่ะนะ
"..!"
"อ...เอ่อ..ขอโทษนะคะ.."เธอก้มหน้าลงอีกครั้งพลางเอามือลูบท้ายทอยเบาๆ ใบหน้าของเธอแดงก่ำกับการกระทำของตนเองเมื่อครู่"ฉ..ฉัน..มันเป็น..อาการเก่าน่ะค่ะ... กำเริบอีกแล้วสินะ..แฮะๆ"
นาตาชาร์หัวเราะแก้เขิน เธอรู้สึกขำจริงๆกับใบหน้าของเขาเมื่อครู่ ถึงแม้ว่าข้างนอกเธอจะดูเปราะบางก็เถอะ..แต่จริงๆแล้วข้างในนั้น...
มันทั้งแข็งแกร่งและมืดมนมากๆเลยล่ะ...
...
..
.
"ที่นี่หนาวเป็นบ้าเลย..."
"..."
แอดเลอร์ค่อยๆยกมือทั้งสองขึ้นมากอดอกเอาไว้ เครื่องแบบหนาๆนี่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยกับการที่จะต้องมาอยู่ในที่ๆอุณหภูมิต่ำอย่างนี้ มันก็ไม่แปลกอะไรหรอกที่เธอจะพูดบ่นอะไรเรื่อยเปื่อย แต่มันแปลกที่ว่าทำไมเขาถึงยังเอาแต่เงียบอย่างนี้ล่ะ
"...คุณเอาแต่เงียบเลยนะ มีอะไรรึเปล่า"
"เปล่านี่"
แต่เธอว่ามันต้องมีมากกว่านั้นแน่ๆ
"..."
"..คุณเหนื่อยรึเปล่า"
คำถามของเธอได้ผล ชายหนุ่มมองมาที่เธอด้วยหางตาสักครู่ก่อนจะกลับไปจดจ่อกับเบื้องหน้าต่อ บางทีเขาอาจจะอยากพูดอะไรกับเธอแต่เขาคงจะเก็บเอาไว้...ใช่..เธอพยายามที่จะคิดแบบนั้นแทนที่จะคิดว่าเขาไม่สนใจจะตอบคำถามเธอ อากาศหนาวๆแบบนี้อาจทำให้เขาเปลี่ยนไป..หรือไม่ก็มันยังมีสิ่งอื่นที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป...
"เปล่า ผมสบายดี"
"คนฉลาดอย่างคุณน่าจะรู้นะว่านั่นไม่ใช่คำถาม"
แอดเลอร์ก้มหน้าลงพลางกระตุกยิ้มมุมปากราวกับกำลังเลียนแบบการกระทำเก่าๆของเขาที่เธอเคยเห็น แต่แทนที่จะตอบกลับมาเขากลับ...เงียบ
"..."
"กังวัลเหรอ"
"ก็อาจจะนะ"
ดูราวกับหิมะเริ่มจะโปรยลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ เส้นทางเริ่มถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวกับกลิ่นแห้งๆ เสียงลมที่พัดมาหอบเอาลมหนาวจากหิมะมาปะทะกับพวกเขา แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามมันก็ไม่ทำให้พวกเขาคิดจะหยุดพักการเดินทางเลยสักนิด
"...งั้นคุณก็.."
"หยุด"
เบิร์ตชะงักก่อนจะยื่นมือมากันหญิงสาวเอาไว้ไม่ให้เดินต่อ เขาเอาแต่จ้องมองไปยังเบื้องหน้าซึ่งบัดนี้ได้ถูกหิมะปกคลุมจนเหลือแค่ภาพลางๆให้เห็นเท่านั้น เมื่อเงี่ยหูฟังดีๆแล้วเขาคงจะได้ยินเสียงบางอย่าง..มันทำให้พวกเขารีบเดินเข้าไปหลบในป่าสนข้างทาง
"หิมะหนาเกินไป เราต้องหยุดก่อน"
"..."
ลมพัดแรงมากขึ้น...บรรยากาศภายนอกดูเหมือนกับว่าพายุหิมะกำลังก่อตัว ภาพ ลางๆที่เคยเห็นกลับกลายเป็นสิ่งที่ถูกปกคลุมด้วยสีขาวในที่สุด เบิร์ตหยิบบุหรี่ขึ้นมาก่อนจะจุดไฟแช็กในมือ แต่ทว่ามันกลับจุดไม่ติด...ท่าทางเหมือนกับว่ามันจะหมดประโยชน์กับเขาแล้สล่ะในระยะเวลานี้ เขาเก็บมันเข้ากระเป๋าในที่สุดและกำลังจะเก็บบุหรี่ใส่กล่อง...
ฟึ่บ..
ไฟแช็กอีกอันถูกปามาไว้ที่มือของเขาซึ่งเขาเองก็ใช้มือรับมันไว้ตามสัญชาตญาณก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่กำลังส่งยิ้มเล็กๆบนใบหน้าให้กับเขาอยู่ ชายหนุ่มหยิบบุหรี่ออกมาแล้วจุดไฟแช็กทันที
"คราวนี้คงบอกได้แล้วสินะว่ากังวลเรื่องอะไร"
แอดเลอร์กล่าวพลางกลั้นหัวเราะ ชายหนุ่มมองหน้าเธอสักครู่ก่อนจะหลับตาลง
"...ฉลาดดีนี่ แต่ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า..."
"ห้ามพกบุหรี่ แต่ฉันไม่ได้พกบุหรี่เลยนี่"
"หึๆ..."
ท่ามกลางลมหนาวที่พัดผ่าน ชายหนุ่มพ่นควันสีขาวออกมาจากปากช้าๆในขณะที่มืออีกข้างยังคงคีบมวนบุหรี่เอาไว้ เธอมองบุหรี่ในมือสลับกับใบหน้าของเขาซ้ำไปซ้ำมา
"คุณ..อยากรู้จริงๆเหรอ"
"ใช่ ฉะนั้นบอกมาซะว่าคุณกังวลเรื่องอะไร"
เบิร์ตหัวเราะหึๆในลำคอ เขารู้สึกชื่นชมนิสัยนี้ของเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ
"..เชื่อเถอะคุณไม่อยากรู้หรอก"
"คาร์ลไม่เอาน่า..เรื่องที่คุณกังวลคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆแน่เลยล่ะสิ"
"..."
เขาใช้สายตาแน่นิ่งมองเธอสักครู่ก่อนจะหันไปมองหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมาข้างนอกนั่น
"...ความจริงไง มันคือสิ่งที่ผมกังวลอยู่"
"ความจริงเหรอ"เธอทวนคำของเขาซ้ำพลางครุ่นคิด"...ขยายความหน่อยได้มั้ย"
หิมะสีขาวข้างนอกนั่นมันทำให้เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาในหัว ภาพของหญิงสาวนัยน์ตาสีฟ้าในชุดเครื่องแบบโรงเรียนชื่อดังที่นั่งอยู่ในบาร์พร้อมกับแก้วไวน์ในมือ ภาพที่เธอนั่งอยู่ในห้องดนตรียามเย็นบนเก้าอี้ไม้ตัวเล็ก มือเรียวยาววางลงบนคีย์เปียโนสีขาวสลับดำพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคิดมากมาย เขายังคงจำภาพเหล่านั้นได้แม้จะเป็นภาพที่เธอคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลุมศพของพ่อตนเองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา...เหตุผลทั้งหมดที่ทำให้เธอเปลี่ยนจากเด็กสาวในชุดนักเรียนมาเป็นทหารหญิงที่ถูกเติมเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น...มันมีแค่สิ่งเดียวเท่านั้น...
...ความจริงนั่น
"เรื่องของดร.ไคลร์ไงล่ะ ความจริงที่จะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของคุณ"
"...คุณจะบอกฉันเหรอ"
"แน่นอน...มันใกล้ถึงเวลาที่คุณต้องรู้มันแล้วล่ะ"
มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกใคร่รู้มากขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอจะได้รู้มันจักกับมันแล้วเหรอ.. ความจริงทั้งหมดที่จะอธิบายว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้...
"..."
"แต่ผมอยากจะให้คุณรู้ไว้ข้อนึงนะ"
แอดเลอร์หันมามองเขาทันทีที่จบคำพูดของเขา อะไรก็ตามที่เธอควรจะรู้ก่อนจะรู้จักกับความจริงนั่น...มันต้องสำคัญมากแน่
"..."
"ทุกความจริงน่ะ..มันน่าขยะแขยง"เขาโยนไฟแช็กกลับมาให้เธอ"...แต่คุณต้องยอมรับมันให้ได้ นั่นล่ะสิ่งที่เป็นอยู่บนโลกใบนี้"
"..ก็ยังดีล่ะที่คุณยังไม่ได้คิดจะบอกฉันตอนนี้"
หญิงสาวก้มหน้าลงมองพื้นดินแห้งๆที่เต็มไปด้วยเกล็ดหิมะสีขาวบริสุทธิ์ มันเหมือนกับว่าเธอจะคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
"เพราะว่า..ฉันยังไม่พร้อมที่จะฟังมัน"
"..."
พายุสงบลงแล้วหลังจากที่โหมกระหน่ำพัดเอาเกล็ดหิมะสีขาวมาปกคลุมไปทั่วบริเวณ บรรยากาศอันแสนเงียบสงบบวกกับความหนาวสะท้านทะลุเครื่องแบบหนาทำให้แอดเลอร์เริ่มจะนึกถึงกาแฟร้อนๆในถ้วยกาแฟที่เธอเคยดื่มมันในสภาพอากาศเช่นนี้เมื่อราวๆ 4-5 ปีก่อน ช่วงเวลานั้นเธอยังคงจำได้ดี...แสงอาทิตย์สีทองอันแสนอบอุ่นสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบกับถ้วยกาแฟซึ่งวางอยู่บนโต๊ะไม้ตรงหน้า แต่ในตอนนี้...ทั้งหมดนั่นก็เป็นได้แค่ฝันที่ไม่อาจเป็นจริงได้
หลังจากคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปแล้ว บุคคลตรงหน้าก็ยกมือขึ้นมาเป็นสัญญาณว่าให้หยุดนิ่ง เธอหยุดตามสัญญาณนั่น
"คุณได้กลิ่นอะไรมั้ย"
"...ห๊ะ..?"
ชายหนุ่มค่อยๆย่อตัวลงบนพื้นหิมะ มือข้างหนึ่งแตะลงบนพื้นเบาๆ...บนพื้นนั่นมีรอยบางอย่างที่รูปร่างเหมือนกับ...
"รอยเท้าเหรอ...?"แอดเลอร์พูดขึ้นหลังจากที่มองตามการกระทำของเขา
"ดูเหมือนว่า..จะมีคนมาก่อนเรานะ"
หญิงสาวขมวดคิ้วขึ้นพลางทำสีหน้างง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าเธอตามเขาไม่ทัน แต่อาจจะเป็นตลอดเวลาที่ผ่านมาเลยกระมังที่ทุกๆคำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าเธอเดินช้ากว่าเขาก้าวนึงเสมอมาน่ะ มันอาจจะเป็นเพราะเธอยังไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่างกระมัง
"รอยเท้าของพวกเยอรมันที่ผ่านทางนี้ก็ได้นิ"
"พื้นรองเท้าแบบนี้ไม่ใช่ของเยอรมันและของอเมริกันอะไรหรอกน่า"เขากล่าวเบาๆพลางตั้งใจแกะรอยเท้านั้นให้ละเอียดขึ้น"...อาจจะเป็นของพวกกองทัพแดง"
เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็ยิ่งงงมากขึ้นไปอีก
"ด..เดี๋ยวนะ นี่คุณเป็นทหารหรือว่าพวกอินเดียนแดงกันแน่เนี่ย นี่ฉันควรพูดว่าไงดีล่ะ...ฉันตามคุณไม่ทันเลยนะรู้มั้ย"
"นั่นก็แล้วแต่คุณ"เขาเว้นวรรค"...แล้วก็จำไว้เสมอล่ะว่า..วิธีไหนก็ใช้ได้ทั้งนั้นล่ะไม่ว่ามันจะเก่าหรือใหม่ก็ตาม"
"ให้ตายสิฉันเริ่มจะ...ช่างมันเถอะ มันก็แล้วแต่คุณด้วยละกัน"
เขาฟังเธอพลางเพ่งมองไปยังรอยเท้าบนพื้นหิมะหนา มันเป็นรอยเท้าของคนๆเดียวที่เดินกลับไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเขา ซึ่งจริงๆแล้วมันก็ไม่น่าจะมีรอยเท้าเดี่ยวๆแบบนี้อยู่บนพื้นเสียด้วยซ้ำ...อย่างน้อยมันควรจะมาเป็นกลุ่ม...
แต่จะอย่างไรก็ตาม...เขาก็ควรระวังไว้
ฟึ่บ..
เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะหันมามองเธอนิดหน่อยด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
"แต่ก็นะ...จะว่าไปแล้ว..ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณอ่านประวัติศาสตร์ของชนพื้นเมืองพวกนั้นด้วย คุณควรจะเป็นคนที่...ไม่ชอบประวัติศาสตร์ไม่ใช่เหรอ"
แอดเลอร์ถอนหายใจออกมาเบาๆพลางเบนสายตาไปมองทางอื่น แต่แล้วเธอก็หันไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเคลื่อนที่มาทางเธอด้วยความเร็ว!
พลั่ก!
ร่างบางในเครื่องแบบชนเข้ากับอะไรบางอย่างเข้าอย่างจัง หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีทองค่อยๆใช้มือความหาแว่นขี้นมาสวมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา ซึ่งในตอนนี้แอดเลอร์ควรจะคิดว่าเธอได้ล้มตามกันไปกับร่างของเธอผู้นั้นแล้วแต่ไม่เลย...เธอยืนอยู่ข้างหลังของเขาต่างหาก
แต่แล้ว..เมื่อเธอเพ่งมองร่างบนพื้นหิมะชัดๆอย่างตั้งใจแล้วนั้น เธอก็จำใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นได้พร้อมกับเรียกชื่อเธอออกมาด้วยความตกใจปนๆกับความรู้สึกงงงวย
"...น..นาตาชาร์..?"
หญิงสาวเจ้าของชื่อพยายามเพ่งมองไปยังใบหน้าทั้งสองจนในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าพวกเขาทั้งสองคือใครกันแน่
"แอดเลอร์!..และ...เอ่อ..นี่ใครเหรอ?"
"อะไรนะ นี่เธอจำเขาไม่ได้รึไงเนี่ย!?"
นาตาชาร์เผลอปล่อยหัวเราะออกมาเมื่อพบว่าเพื่อนสาวหลงกลคำพูดของตนเองในที่สุด เสียงหัวเราะของเธอพลอยทำให้คนข้างๆรู้สึกขำไปด้วย...แต่ทว่า อีกคนหนึ่งกลับยังคงยืนหน้านิ่งเช่นเดิม มันทำให้เธอค่อยๆหยุดหัวเราะลงแล้วเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มสดใสปนๆกับความวิตกกังวลเล็กน้อยแทน
"เอ่อนี่ คุณ..ไม่คิดจะขำกับเธอบ้าง..."
นัยน์ตาสีครามเหลือบเทาที่ดูราวกับเพชฌฆาตมองตรงมาที่เธอแทนคำตอบ เบิร์ตยืนมือไปจับแขนของนาตาชาร์ก่อนจะพยุงให้เธอลุกขึ้นยืน
"นี่เธอหนีอะไรมาเนี่ย"
หญิงสาวก้มหน้าลงราวกับว่าไม่ค่อยรู้สึกอยากตอบคำถามนั่นทำไรนัก
"ค่ายที่ฉันอยู่โดนถล่ม"
"..."
"..ด้วยพลซุ่มยิงเพียงคนเดียว"
แอดเลอร์หันไปมองหน้าคู่หูของตนเองหลังจากที่ได้ฟังคำตอบ..ใบหน้าของเขาดูไม่มีความสงสัยอะไรเลยสักนิดเดียว
"ตอนแรกฉันได้ยินเสียงระเบิดแล้วทุกคนก็ดูยุ่งไปหมด...เอ่อ..เพื่อนของฉัน...เขาบอกให้ฉันหลบอยู่ก่อนแล้วเขาก็วิ่งตามพวกนั้นไป..."
"..."
"ในวินาทีนั้น...ฉันได้ยินเสียงระเบิดอีก"
...
..
.
..
.
- 10 นาทีก่อนหน้านี้ -
ตู้ม!
หลังจากเสียงระเบิดครั้งแรกได้เงียบไปเสียงระเบิดอีกครั้งก็ตามมาอีก พวกทหารพากันวิ่งหนีตายกระจายไปคนละคนละทางราวกับผึ้งแตกรัง นาตาชาร์จำได้ว่าเธอวิ่งตามเพื่อนของเธอไปหลบ ณ ที่ใดที่หนึ่งซึ่งห่างไกลจากอันตรายในค่าย เธอจำคำพูดของเขาได้ทุกคำ...
"รอ..อยู่นี่นะ!"
"เดี๋ยวสิ! แล้วคุณจะไปไหนล่ะ!?"
"...เดี๋ยวผมกลับมา!"
โดยไม่มีคำตอบอะไรเลยออกมาจากปาก ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบทหารสีเข้มก็วิ่งกลับเข้าไปในค่ายซึ่งกำลังถูกถล่มด้วยบุคคลไม่ทราบฝ่ายอย่างรวดเร็ว หญิงสาวค่อยๆทรุดตัวลงนั่งก่อนจะเอามือปิดหูเอาไว้ ในใจเธออยากจะตามไปแทงตายแต่ยังไงมันก็ทำไม่ได้
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เธอลุกขึ้นยืนทันที
"บาร์นี!"
ตึกๆๆๆๆ
ในตอนนั้นเธอลืมคำทั้งหมดที่ชายหนุ่มบอกว่าให้หลบอยู่ตรงนี้ หญิงสาวตัดสินใจกระโดดออกจากที่กำบังก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในค่ายโดยที่ไม่ห่วงเลยว่าตัวเธอเองจะไม่รอดก็ตาม ภายในค่ายของเธอเต็มไปด้วยไฟและกลิ่นไหม้คละคลุ้งจนเธอต้องไอออกมาสายตาพยายามมองหาบาร์นีซึ่งวิ่งหายกลับเข้ามาในค่ายนี่ และแล้วทันใดนั้น...
ตู้ม!
นาตาชาร์พยายามหันไปหาต้นเสียงแต่แล้วทันใดนั้นร่างของใครคนหนึ่งก็กระเด็นมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ!
"..."
หญิงสาวพยายามจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาของร่างไหม้เกรียมนั่น...นัยน์ตาที่แทบจะไม่มีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่...แล้วทันใดนั้น...
"เคลเลอร์! ผมบอกให้คุณไปหลบก่อนไงจะกลับเข้ามาทำไมอีกเนี่ย!"
เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งที่ดังขึ้นมันทำให้เธอหันกลับไปทางต้นเสียงทันทีทันใด โชคดีที่ร่างไหม้เกรียมนั่นไม่ใช่บาร์นี
"ให้ตายสิคุณจะบ้ารึไงเนี่ย ทำไมคุณไม่หนีไปกับฉันล่ะ!?"
เขาก้มหน้าลง..
"ผมทิ้งเพื่อนของผมไว้ไม่ได้"
"อะไรนะ!?"
หญิงสาวมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นคู่นั้นก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อย เธอรู้อยู่แล้วว่าถ้าหากเขาเลือกที่จะกลับไปช่วยเพื่อนของเขานั้นชีวิตของเขาอาจจะจบได้...แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นเธอก็คงห้ามเขาไม่ไหว
"คุณหนีไปซะ"
"บ..บาร์นี..."
ชายหนุ่มส่งยิ้มเล็กน้อยให้กับเธอก่อนจะหันหลังกลับไป...
..และ..
..นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นเขา
...ครั้งสุดท้ายจริงๆ
...
..
.
"แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รอดนะ"
"..."
แม้ว่าเพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอจะพูดอย่างนั้นก็ตามมันก็ดูเหมือนว่าจะไม่ดีขึ้นเลยสำหรับตัวเธอเอง นาตาชาร์ได้แต่ก้มหน้าลงอย่างเศร้าๆ
"เขาเลือกเส้นทางชีวิตแบบนั้นเอง"
นาตาชาร์เงยหน้ากลับขึ้นมาทันทีหลังจากที่เจ้าของเสียงทุ้มนั่นพูดจบ น่าแปลกที่จริงๆแล้วเขาควรจะเงียบตั้งแต่ต้นจนจบมากกว่าการออกความคิดเห็นอะไรแบบนี้นะ
"เดี๋ยวนะคะ...คุณหมายความว่า..."
เธอพยายามจะเดาใจเขาให้ออกแต่ทว่า...
"..ถ้าเขาเลือกที่จะไปตายมากกว่าการมีชีวิตอยู่"
"..."
"นั่นก็คือเส้นทางที่เขาเลือกเดินเอง"
แล้วเธอก็เงียบไปอีกครั้ง
"คาร์ล! นี่คุณไม่รู้จักการพูดปลอบใจคนแบบอื่นแล้วจริงๆเหรอเนี่ย!?"
"ผมไม่ได้พูดปลอบใจ"
ชายหนุ่มค่อยๆหันมามองหญิงสาวอีกคนด้วยใบหน้าเรียบเฉยราวกับไม่สะทกสะท้านอะไรใดๆเลยแม้แต่น้อย ท่าทางแบบนั้นมันทำให้เธอเริ่มโมโหขึ้นมากกว่าเดิมอีก
"...แต่ผมพูดความจริง"
"เธอกำลังเศร้าอยู่นะ! ฉะนั้นได้โปรด..ถ้าไม่อยากช่วย..."
"..."
"ก็เชิญไปทำตัวมีประโยชน์ที่อื่นซะ"
แทนที่จะสวนกลับด้วยคำพูดทำนองเดียวกัน เบิร์ตกลับคลี่ยิ้มบางๆแทน..ซึ่งมันทำให้เธอถึงกลับขมวดคิ้ว
"ท่าทางคุณจะยังคงไม่เข้าใจ...คำพูดของผมนะแอดเลอร์"
"ฉันเข้าใจคำพูดของคุณทุกคำ และ..รู้มั้ยมันหมายความว่ายังไง"เธอเว้นวรรคสักครู่แล้วกระตุกยิ้ม"...มันหมายความว่า..."
"ครีนัส..."
"คุณน่ะ..."
"หยุด.."
"..."
"กำลังจะบอกว่า เขายินดีที่จะไปตายมากกว่าการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสงครามยังไงล่ะ!"
"หยุด!"
ในที่สุดหลังจากการพยายามของเธอที่ผ่านมา...คำพูดของเธอก็สามารถหยุดการ กระทำของเพื่อนสาวไม่เลวร้ายไปกว่านี้ได้ นาตาชาร์เสมองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้ทั้งสองเห็นคราบน้ำตาบนใบหน้าของเธอ ในหัวยังคงคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาอย่างไม่มีหยุด
"ได้โปรดเถอะ...ฉัน.."
"โอเคๆ แนต...ฉันหยุดแล้ว ทุกสิ่งมันจะต้อง..."
...
..ปัง!..
มันเหมือนกับว่าเป็นเหตุการณ์อันแสนเลวร้ายที่สุดในชีวิต ร่างของใครคนหนึ่งกระโจนเข้ามาคว้าตัวเธอเอาไว้ก่อนจะร่วงลงไปกองบนพื้นหิมะซึ่งบัดนี้เปรอะไปด้วยของเหลวเหนียวสีแดง แอดเลอร์ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาทีละน้อยจากพื้นหิมะที่ล้มลงอยู่... และถาพที่เธอเห็นคือร่างของอดีตเพื่อนสาวของตนเองที่กำลังล้มลงบนพื้นสีขาวอย่างช้าๆ
...ในวินาทีนั้น เธอร้องเรียกชื่อของหญิงสาวด้วยแรงทั้งหมดที่มีอย่างสุดเสียง
"นาตาชาร์!"
"..."
"ไม่ ไม่ ไม่ ไม่..!"
แอดเลอร์ตะเกียกตะกายเข้าไปประคองร่างของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมบลอนด์เอาไว้แนบตัว บริเวณลำตัวของเธอมีบาดแผลสาหัสที่ยากจะรักษาอยู่พร้อมกับรอยเลือดสีแดงสดที่ไหลทะลักออกมาไม่หยุด ที่สำคัญคือไม่มีลูกกระสุนฝังอยู่ในแผลของเธอเลย...เหมือนกับว่ามันทะลุออกมา หญิงสาวมองไปยังใบหน้าของนาตาชาร์ซึ่งในตอนนี้มันดูไม่เหมือนกับนาตาชาร์คนเก่าที่เธอรู้จักเลย...
"วิถีกระสุน...มาจากข้างหลัง"
เบิร์ตหยิบปืนซุ่มยิงออกมาเตรียมเอาไว้บางพลางหันไปรอบๆตัวเพื่อหาเจ้าของวิถีกระสุน แต่หิมะที่หนาจนเกินไปทำให้เขามองไม่เห็นอะไรแม้แต่น้อย
"..อ..แอด..เลอร์.."
"เธอจะต้องไม่เป็นอะไร! อยู่กับฉันก่อน!"
"..หึๆ...ดูเหมือนว่าเขามาตามล่าฉันแล้วล่ะ..."
"เขา? ใครนาตาชาร์!?"แอดเลอร์หันมองซ้ายขวาอย่างกระวนกระวาย"..ใครทำร้ายเธอ!?"
ด้วยรอยยิ้มสุดท้าย มือเปื้อนเลือดของเธอค่อยๆล้วงเข้าไปในเครื่องแบบแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา...มันคือไบเบิล..
"ฉ..ฉันฝากนี่...ไว้..ห..ให้เธอก่อน..นะ"
"..."
โดยไร้ทางเลือกใดๆ แอดเลอร์ตัดสินใจรับคัมภีร์เล่มเล็กนั่นมาเก็บเอาไว้ก่อนจะก้มลงไปมองใบหน้าที่กำลังจะไร้วิญญาณของหญิงสาวด้วยน้ำตา
"ฉันเชื่อ...น..ในพระเจ้า..."
"นาตาชาร์...ไม่.."
"ต..แต่..ฉัน...ก็..."
นาตาชาร์รวบรวมลมหายใจเฮือกสุดท้าย ภาพความทรงจำในอดีตค่อยๆแล่นเข้ามาในหัวอย่างช้าๆจนในที่สุดแล้วมันก็ชัดขึ้น...ภาพที่เต็มไปด้วย...ความสุข
"...เชื่อในตัวเธอนะ"
"...!"
...
..
.
..
.
"แนตนี่เพลงอะไรเนี่ย"
"เธออยากฟังไม่ใช่เหรอ"
"..แต่ฉันไม่คิดว่า..."
...
ท่ามกลางหิมะสีขาวบริสุทธิ์กับอากาศหนาวยามเดือนมกราคม แอดเลอร์ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองบนฟากฟ้าสีหม่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา...และแล้วทันใดนั้นหูของเธอก็ได้ยินอะไรบางอย่างที่ดังมาตามลม...เสียงเพลงนี้...เธอจำได้..
...
..
Amazing Grace, how sweet the sound..
..That saved a wretch like me...
....
...
..I once was lost, but now I'm found.
...
"เธอ..ตายแล้วแอดเลอร์"
"..."
...
Was blind...
..
"คุณทำอะไร..."
But now...
"..."
"ทำไมคุณถึงไม่ช่วยเธอ"
I see...
"ทำไม...?"
"คุณพูดอะไรของคุณแอดเลอร์ คุณ..บ้าไปแล้วเหรอ"
ใบหน้าของหญิงสาวที่เดิมนั้นถูกเติมเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและความเศร้า..บัดนี้เธอกลับถูกเติมเต็มไปด้วยความโกรธที่สุมเต็มจิตใจของเธอจนแทบจะระเบิดออกมา แอดเลอร์หันไปก่อนจะสาวเท้าเดินไปทางเขาอย่างรวดเร็วและ...
...
เพี่ยะ!
"ทำไมคุณถึงไม่ช่วยนาตาชาร์!?"
"..."
"คุณช่วยฉันทำไม.."
ชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะลงบนใบหน้าของตนเองที่มีรอยแดงเรื่อติดอยู่เบาๆก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ นัยน์ตาสีครามมองตรงไปยังหญิงสาวตรงหน้าซึ่งกำลังตกอยู่ในวังวนบางอย่างอยู่
เธอ..กำลังสับสนอย่างหนัก
"คุณอยากตายมากขนาดนั้นเลยเหรอ"
"..ฉัน..."
"ว่าไง พูดมาสิ คุณอยากจะให้ผมช่วยคุณหรือว่านาตาชาร์กันแน่"
"ฉ..ฉัน...ไม่..."
เบิร์ตก้าวเท้าไปตรงหน้าก่อนจะยกมือทั้งสองขึ้นจับไหล่เธอแล้วเขย่าเบาๆ ตอนนี้สติเธอเริ่มจะไม่อยู่กับตัวเธออีกแล้ว
"คุณ...อยากตายนักใช่มั้ย"
"...ฉัน.."
...
..
.
ปัง!
...
..
..
.
ร่างบางในเครื่องแบบสีขาวค่อยๆโน้มตัวลงมาซบที่ไหล่ของเขาก่อนจะล้มลงกองบนพื้นเฉกเช่นเดียวกันกับร่างของเพื่อนสาว เบิร์ตก้มลงไปดูร่างที่ดูไร้เรี่ยวแรงนั่นก่อนจะเอ่ยชื่อของเธอ...ด้วยน้ำเสียงที่เขาไม่เคยใช้มาก่อนในชีวิต
"แอดเลอร์...!"
เขามองไปยังบาดแผลสาหัสบริเวณท้องของเธอสลับกับใบหน้าของหญิงสาว ชายหนุ่มไม่รอช้า..เขารีบใช้มือกดแผลของเธอเพื่อไม่ให้เลือดไหลออกไปมากกว่านี้ก่อนจะรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับหญิงสาวอย่างใจเย็น...แต่ทว่าเหมือนกับโชคชะตากำลังเล่นตลกกับเขา หิมะตกหนักกว่าเดิม..มันคือสัญญาณของการกลับมาของพายุหิมะ
ฟึ่บ!
เบิร์ตรีบช้อนตัวเธอขึ้นก่อนจะเดินฝ่าหิมะเข้าไปทั้งๆที่มองไม่เห็นอะไรเลย เขาไม่รู้ว่าเขาจะรอดจากสภาพอากาศแสนโหดร้ายนี่ได้หรือเปล่า...แต่เธอจะต้องมีชีวิตอยู่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รอดก็ตาม
สวบ...สวบ..สวบ...
พายุก่อตัวขึ้นในที่สุด...ตอนนี้วิสัยทัศน์ของเขาไม่ชัดเจนอีกต่อไปแล้วนอกจากเห็นเพียงแค่ก้อนสีขาวรวมกลุ่มกันตรงหน้า แต่แล้วทันใดนั้นมันก็ยังมีความหวังเล็กๆอยู่บ้าง เขาเริ่มสังเกตเห็นบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลเท่าไรจากจุดยืนของเขา ท่ามกลางพายุหิมะที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่นี่มันทำให้เขาคิดว่าการเข้าไปหลบในนั้นอาจเป็นความคิดที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็ได้...
ชายหนุ่มก้มลงมองใบหน้าของหญิงสาวช้าๆ...ก่อนจะพูดกล่อมเธอเบาๆ
"ผมไม่ยอมให้คุณตายหรอกนะ..."
...
..
.
..
"ครีนัส..."
------------------------------------------------------
ความคิดเห็น