ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War and Sacrifice : Route to the War

    ลำดับตอนที่ #37 : Drawing paper. ความทรงจำในภาพวาด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 52
      1
      20 ธ.ค. 58

               คุณรู้มั้ยทำไมผมถึงชอบวาดรูป เพราะมันทำให้ผมลืมความหมายของคำว่า”สงคราม”ไงล่ะ

                                                                                                         -Schweigen Aster-

    --------------------------------------------------------------------------

         ตึก..ตึก..ตึก...

         อเล็กซิสเดินไปมาในห้องๆหนึ่งที่เธอไม่เคยเข้ามาก่อนด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์อย่างหนัก มือทั้งสองยกขึ้นมากอดอกในขณะที่เดินไปมาตามนิสัยของเธอ ทั้งห้องดูเหมือนว่าจะไม่มีเสียงใดๆเลยนอกเสียจากเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากรองเท้าส้นสูงสีครีมที่เธอสวมอยู่ สายตาที่กำลังมองอยู่ทุกขณะจากนาซีคนหนึ่งที่ยืนเฝ้าเธออยู่หน้าประตูจ้องมองเธอราวกับเห็นหญิงสาวที่กำลังวุ่นอยู่กับบแหวนที่หายไปของเธอ

          "ให้ตายสิ จะให้ฉันอยู่ที่นี่ไปทั้งปีรึยังไงกัน!"ในที่สุดเธอก็เริ่มบ่นออกมา

         เสียงฝีเท้าหยุดลงอย่างกะทันหันตรงหน้าเขา ชายหนุ่มค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า

         "มีปัญหาอะไรเหรอไง"เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ"หยุดซักทีเถอะกับไอ้นิสัยเดินวนไปมาของเธอเนี่ย เห็นแล้วโครตจะปวดหัวเลยนะ"

         "อ้อเหรอ...ฉันนี่ทำอะไรไม่ได้เลยใช่มั้ยนอกจากนั่งเงียบๆ รอให้ไอ้ผู้กองนั่นมาหาฉันอีกน่ะ!?"

          เขาตัดสินใจก้มหน้าลงอีกครั้งพลางยกมือทั้งสองขึ้นมากอดอก อเล็กซิสหันมองเขาด้วยสายตาจิกเล็กน้อยก่อนจะถอยหลังกลับไปตามเดิม เห็นได้ชัดเลยว่าเธอกำลังควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ให้เดือดไปกว่านี้ ใช่...เธอต้องอดทนเอาไว้ก่อน...เก็บอารมณ์เอาไว้อเล็กซิส แล้วเธอจะได้ระบายมันใส่ไอ้คนที่ชื่อว่าชไวเกน แอสเตอร์ในเร็วๆนี้!

          "ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมฉันถึงโดนจับได้ ทั้งๆที่เล่นเนียนมาตลอด ว่าไง..."หญิงสาวลากเสียงพลางส่งสายตาไปยังบุคคลที่ประตูบานใหญ่"...นายชื่ออะไรนะ ชวาตส์?"

          "ฮานส์ ไม่ใช่ชวาตส์ครับคุณสายลับ"

          "แหม ชื่อพวกเยอรมันนี่อ่านยากแทบทุกคนเลยนะ ก็ได้ฮานส์..ตอนนี้ฉันอยากรู้ว่าร้อยเอกชไวเกนอยู่ที่ไหน ถ้าพาฉันไปหาเขาได้มันคงจะดีมากเลยล่ะ"

          "..."

          พูดไปก็เสียเวลาเปล่า เขาคิด อันที่จริงเธอไม่น่าจะฟังเขาพูดเลยด้วยซ้ำ เพราะดูจากท่าทางแล้วแม่สายลับนี่คงจะเห็นแก่ตัวสุดๆเลยกระมังนี่

          "อ่าว...ทำไมเงียบไปซะล่ะ อย่าให้ฉันเหงาคุยคนเดียวสิฮานส์--"

          เธอยังคงจีบปากจีบคอพูดกวนสมาธิเขาไปเรื่อยเพราะมันคืองานถนัดของเธอ แล้วคำพูดของเธอก็ได้ผล ฮานส์เงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างเซ็งๆโดยไร้ทางเลือก จริงๆแล้วเขาน่าจะปล่อยให้เธอพูดคนเดียวจนประสาทกินหัวเธอเองไปเลยน่าจะดีกว่า เพราะเขาก็เหนื่อยเหมือนกันที่ต้องมายืนฟังสายลับที่จับมาด้วยตนเองเดินบ่นไปมาอยู่แบบนี้ หน้าตาก็เหมือนกับผู้หญิงเรียบร้อย ไม่น่านิสัยแสบเลยนะเนี่ย

         "อยากได้อะไร? อิสระเหรอ อยู่นี่เธอไม่มีวันได้มันไปนอนกอดหรอกนะ แค่เธอไม่โดนมัดไว้กับเก้าอี้ก็ดีเท่าไรแล้วแม่คนขี้บ่น"

         บรรยากาศเงียบลงในทันทีหลังจบคำพูดของเขา อเล็กซิสค่อยๆเผยอยิิ้มมุมปากขึ้นด้วยแววตาที่ราวกับเธอเป็นผู้ชนะ สร้างความสงสัยให้กับเขาเป็นอย่างมาก

         "โธ่...ฮานส์ที่รัก"เธอกล่าวขึ้นพลางมองเขาด้วยสายตาหวานซึ้ง"ไม่เคยได้ยินเหรอว่า ความสงสัยทำให้แมวตายได้ นั่นน่ะ"

         "..."

         "นายจับฉันได้ ยังไงนายก็ไม่รอดจากฉันหรอกน่า"

        อีกฝ่ายมองหน้าเธอด้วยนัยน์ตาสีเทาของเขาสักครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังไปเปิดประตูบานใหญ่ที่เขายืนอยู่ออกไปด้านนอก แน่นอนเขาคงไม่อยากให้เธอออกไปด้วยแน่.. ฮานส์ปิดประตูลงทันทีแล้วล็อกกลอนเอาไว้จากอีกฝั่ง ฉะนั้นถ้าเธอต้องการที่จะออกไปด้านนอกคงต้องรอให้ประตูเปิดออกก่อน ว่าแต่...นี่เธอต้องรออีกแล้วเหรอ?

        "ในห้องนี้มีอะไรให้ฉันทำบ้างเนี่ย"

       อเล็กซิสพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงเซ็งจิตของเธอพลางสาวเท้าเดินไปรอบห้อง ห้องนี้ใหญ่พอควรเลยและโต๊ะที่วางอยู่ตรงหน้าเธอก็แสดงให้เห็นว่านี่คือห้องทำงานของใครสักคนหนึ่ง...ใครสักคนหนึ่งเหรอ งั้นเธอก็ค้นโต๊ะนั่นได้น่ะสิ!

        "เอาละ ในโต๊ะนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง..."

        ลิ้นชักโต๊ะไม้ตรงหน้าเปิดออกอย่างช้าๆด้วยมือทั้งสองของเธอเอง น่าแปลกที่ภายในลิ้นชักไม่มีอะไรสักอย่างเดียวที่น่าสนใจเลยแม้แต่นิดเดียวนอกจากกระดาษเปล่ากองใหญ่กับดินสออีกจำนวนหนึ่ง และเจ้ากระดาษพวกนี้เนื้อมันก็สากๆไม่เหมือนกับกระดาษที่เอาไว้พิมพ์เอกสารเลยสักนิดเดียว หากแต่ว่ามันเป็นกระดาษที่เอาวาดภาพ...แน่นอนเธอรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยเลยว่าเจ้าสิ่งของพวกนี้มันมาอยู่ในโต๊ะของชไวเกนได้อย่างไรกัน...

         เธอเปลี่ยนเป้าหมายไปยังลิ้นชักต่อไป เมื่อเปิดมันออกก็พบว่ามันไม่มีอะไรเลยอยู่ข้างในลิ้นชัก อเล็กซิสถอนหายใจออกมาเฮือกยาวอย่างเซ็งๆเมื่อพบว่าความพยายามครั้งที่สองของเธอก็ไม่ประสบผลอีกครั้ง

         "พับผ่า!"เธอสบถออกมาอย่างทนไม่ไหว นัยน์ตาสีมรกตคู่สวยเหลือบมองขึ้นด้านบนเพดานด้วยอารมณ์ที่กำลังเดือด"แน่ใจรึเปล่าว่านี่โต๊ะของเจ้าหน้าที่นาซีน่ะ แม้แต่ปลอกกระสุนก็ไม่มีเลยสักนิด!"

         หลังจากค้นลิ้นชักที่โต๊ะจนหมด เธอก็แทบหาข้อมูลอะไรสักอย่างไม่ได้เลยสักนิด.. มันดูเหมือนกับว่าเธอกำลังโดนเขาหลอกให้ค้นลิ้นชักเล่นทั้งๆที่มันไม่มีอะไรเลย เหมือนกับว่าเธอได้ยินเสียงหัวเราะสะใจของเขาดังอยู่แถวนี้เลยด้วยซ้ำ!

         อย่าให้เธอออกไปได้เถอะ จะป่วนให้เละเลย!

         เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองและนัยน์ตาเจ้าเล่ห์คู่นั้นค่อยๆสาวเท้าเดินตรงไปยังชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือจำนวนมากซึ่งแต่ล่ะเล่มก็คงเขียนเป็นภาษาเยอรมันกันหมดแน่ๆ อเล็กซิสเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาดูและเธอก็ต้องปวดหัวกับตัวอักษรที่โผล่ขึ้นตรงหน้าเมื่อเปิดหน้าถัดไป เธอรู้ดีว่าเล่มนี้คงไม่น่าสนใจอะไรหรอก...เว้นแต่ว่าจะเป็นเล่มนี้..

         ฟึ่บ...

         หญิงสาวหยิบหนังสือเล่มหนาเตอะเล่มหนึ่งออกมาเปิดดูเรื่อยๆ...จนหน้ากระดาษเปิดไปยังแผ่นสุดท้าย...มันมีกระดาษแผ่นหนึ่งซ้อนเอาไว้อยู่ภายในหนังสือเล่มนี้

         "อะไรเนี่ย..."

         กระดาษนั่นไม่ใช่กระดาษทั่วไปที่มีเนื้อกระดาษเรียบเนียนเฉกเช่นกับกระดาษที่เอาไว้พิมพ์หนังสือนี่ หากแต่เนื้อกระดาษให้ความรู้สึกสากๆ...เหมือนกับกระดาษวาดรูป อเล็กซิสไม่มัวรีรอ เธอรีบเปิดกระดาษออกจากกันอย่างรวดเร็ว...

         และภายในกระดาษนั่นคือรูปวาดรูปหนึ่ง...ซึ่งเจ้าของรูปก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก...

         ...เธอ?

         เอี๊ยด...

         ...!

         เธอรีบหันหน้าไปมองที่ประตูทันทีหลังจากที่เสียงบานพับประตูเงียบลง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นจ้องมองเธออยู่อย่างปราณี..ในขณะที่ใจของเธอเต้นสะท้าน!

         "ไอรีน"

         เขาเรียกเธอเบาๆในขณะที่ค่อยๆเอียงตัวไปพิงกับราวบันไดพลางยกมือขึ้นกอดอก นัยน์ตาคู่นั้นดูส่องประกายสว่างในความมืด..มันจ้องมองเธอเหมือนกับดวงตาของเสือสีกำลังจ้องลูกกวางตัวเล็กๆ...

         "ชไวเกน...?"

         "ยอมเรียกชื่อผมซักทีสินะ"เขาพูดพลางส่งเสียงหึในลำคอ"ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ยอมเรียกชื่อจริงผมซักทีทั้งๆที่รู้จักกันมานานแล้ว หรือคุณอาจไม่สนิทกับผมสินะ ใช้มั้ย...อเล็กซานดร้า"

         "..."

         "ใช่...คุณไม่คิดว่าผมเป็นเพื่อนซะด้วยซ้ำละมั้งนั่น"เขาพูด ใบหน้าของเขาค่อยๆก้มลงมองบนพื้น"น่าสงสารเนอะ พยายามแสดงละครให้ผมเชื่อว่าจริงๆคุณเป็นใคร...แล้วผมก็ดันโง่ เชื่อคนอย่างคุณได้ง่ายๆ"

         อเล็กซิสใส่รูปภาพกลับเข้าที่เดิมก่อนจะวางหนังสือเอาไว้บนโต๊ะของเขา ชไวเกนช่างดูไม่เหมือนกับชไวเกนที่เธอเคยเจอมาก่อนในชีวิต เหมือนกับว่าเขาถูกควบคุมไปด้วยรังสีอัมหิตรอบตัวเขาเองที่แม้แต่เธอก็ไม่สามารถต้านทานได้ เขาอาจจะ...

        "รูปสวยใช่มั้ย"เขาถาม รอยยิ้มนั่นเต็มไปด้วยความเยือกเย็น"ผมชอบการวาดรูปที่สุดเลยล่ะ"

        "ชไวเกน...ฉัน.."

        "รู้มั้ยทำไมผมถึงชอบวาดรูป..."

        เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธออีกครั้ง ใบหน้านั่นดูเหมือนจะมีคราบน้ำตาติดอยู่

         "...เพราะมันทำให้ผมลืมความหมายของคำว่าสงครามไงล่ะ"

         "งั้นคุณรู้มั้ยทำไมฉันถึงเลือกจะหลอกคุณ"

         "..."

         "..เพราะคุณมันอ่อนต่อโลกไง ผู้กอง"

          หญิงสาวหัวเราะเบาๆ พลางปรายตามองชไวเกนช้าๆ

          "ไม่งั้นก็คงไม่โดนหลอกมาตั้งนานเป็นปีๆขนาดนี้หรอก ใช่มั้ย?"

          เขาจ้องมองไปยังใบหน้าของเธอก่อนจะตัดสินใจสาวเท้าเข้าไปหาช้าๆ เสียงฝีเท้าของเขาดังก้องในความเงียบ...ตอนแรกเธอนึกว่าเขาจะเดินมาหาดธอเสียอีก แต่เขากลับเปลี่ยนเป้าหมายเดินไปหนังหลังโต๊ะของเขาแทน ชไวเกนสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไปบริเวณโต๊ะของเขา ภายในลิ้นชักก็อยู่ไม่เรียบร้อยเหมือนเมื่อก่อนที่เขาเคยจัดเอาไว้ และไม่มีคำอธิบายไหนจะดีกว่าประโยคที่ว่า เธอค้นโต๊ะของเขา อีกแล้ว

         "มาสิ"ชายหนุ่มผายมือมาตรงหน้าของตนเองซึ่งเป็นเก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง"เชิญนั่งก่อนครับ ผมไม่แน่ใจว่าเราจะมีเรื่องอีกมากแค่ไหนที่จะต้องคุยกันให้กระจ่าง"

          "ฉันว่ามากเลยล่ะ.."

          เขาหยิบกระดาษจดออกมาจากในลิ้นชักของเขา ถ้าจะให้เธอเดานั่นก็ต้องเป็นกระดาษวาดรูปในลิ้นชักของเขาแน่ๆ

          "อย่างแรกผมขอชื่อคุณ...ชื่อจริงๆ"

          เขาเหลือบตาขึ้นมองเธอสักครู่ ก่อนจะตัดสินใจก้มลงไปจดจ่อกับกระดาษตรงหน้าตามเดิม

          "อเล็กซานดร้า รูดอล์ฟฟ์"

          "คุณทำงานให้ใคร"

          "ฉันเป็นสายให้โซเวียต"

          "ครอบครัว"

          อเล็กซิสก้มหน้าลงก่อนจะตอบ"ฉันไม่มีครอบครัว"

          "คุณโกหก คุณมีพี่ชายไม่ใช่เหรอ"

          ชไวเกนเลิกสายตาขึ้นมองหญิงสาวผมบลอนด์ตรงหน้าของเขาเองอีกครั้งพลางขมวดคิ้ว...ใช่ เธอคิดว่าเขาไม่รู้เรื่องของเธอเหมือนกับที่เขาไม่รู้ตัวตนของเธอ แต่เธอคิดผิดแล้วล่ะ...เพราะ..ครั้งนี้เขาเตรียมตัวมาหมดแล้ว ทั้งข้อมูล คำตอบ หรืออะไรก็ตาม ไม่ว่าจะอย่างไร..เขาจะต้องทำให้เธอคายความจริงออกมาให้ได้..

         "คุณไปเอามาจากไหนว่าฉันมีพี่ชาย"

         "ผมให้คุณตอบ--ไม่ใช่ให้ถาม"เขาพูดก่อนจะวางดินสอลง"...อเล็กซิส"

         "โอเคก็ได้ ฉันมีพี่ชาย จบรึยัง"

         เขาก้มหน้าลงไปอีกครั้ง หญิงสาวเหล่ตาลงไปมองบนกระดาษแล้วเธอก็พบว่า..ไอ้ที่เขาก้มหน้าลงเขียนอะไรนั่นเขาไม่ได้เขียนอะไรเลยสักนิด เขาวาดรูปต่างหากล่ะ!

         ให้ตายสิ ทำไมเธอรู้สึกเปลืองกระดาษแทนเขามากขนาดนี้นะ

         "ใช่..."

         เธอเงยหน้าขึ้นพลางขมวดคิ้วด้วยความฉงนกับคำพูดของเขาที่อยู่ดีๆเขาก็พูดออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มีอะไรอีกล่ะพ่อจิตรกร?

          "...หือ?"

          "คุณรู้รึเปล่าว่าทั้งชีวิตที่ผมแต่งเครื่องแบบนี่ ผมได้ทำอะไรมาบ้าง"

         "นาซีก็ต้องเป็นนาซีวันยังค่ำ"อเล็กซิสยิ้มนิดหน่อย"ดูถูก ข่มเหง ขู่เข็ญ ฆ่า..อะไรอีก ล่ะเนี่ย ความเลวของนาซีนี่มันเยอะมากเลยนะว่ามั้ย พูดทั้งวันก็ยังไม่หมดหรอกผู้กอง"

         ไม่แปลกหรอกที่เขาจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรเลยกับคำพูดของเธอที่เธอพูดออกมา เขารู้ดีว่านิสัยของหญิงสาวตรงหน้าเป็นอย่างไร...เธอไม่ใช่เป็นแค่ผู้หญิงชาวรัสเซียธรรมดา แต่เธอเป็นสายลับที่มีพี่ชายเป็นทหารในกองทัพแดง..และทุกๆคำพูดของเธอ..มันมักจะมีอะไรบางอย่างแฝงไว้อยู่ด้วยเสมอ ซึ่งมันเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องคอยตั้งใจฟังและวิเคราะห์คำพูดพวกนั้นออกมา...ไม่แน่เขาอาจได้อะไรเพิ่ม

          "เปล่า"

          "งั้นอะไรล่ะ สิ่งที่คุณเคยทำมาน่ะ"

         ชไวเกนยกมือขึ้นเท้าคางพลางใช้สายตาจับจ้องไปยังคู่สนทนาของเขา และแล้วก็มีรอยยิ้มเกิดขึ้นมาอย่างช้าๆ..

         "ผมเคยแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่ง.."คำพูดของเขาทำให้แววตาของอเล็กซิสเปลี่ยนไป "ล่าสุดคือผมพยายามจะมัดใจเธอด้วยของขวัญที่จะให้เธอในวันเกิด..."

         มือของหญิงสาวที่เคยกำมัดแน่นมาตลอดนั้นค่อยๆคลายหลวมลงทันทีเมื่อได้ยินประโยคพวกนั้นที่ออกมาจากปากของเขา แน่นอน...เธอรู้ดีว่าผู้หญิงที่เขากำลังพูดถึงในตอนนี้คือใคร

          "...แต่ผมก็พลาด"

          "..."

          "พลาดแล้ว..พลาดอีก มันเหมือนกับว่าความพยายามของผมมันไม่มีวันเป็นไปได้"

         ครืน...ครืน..

         ทั้งสองหันไปสนใจที่บรรยากาศภายนอกหน้าต่างทันทีหลังจากที่เสียงฟ้าร้องเงียบลง ฝนกำลังจะตกในเวลาไม่ช้านี้แล้วแน่ๆ

         ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างช้าๆ เขาหันหลังเดินไปที่หน้าต่างด้านหลังของเขาพลางมองมันอย่างสนใจ ข้างนอกฝนเริ่มจะตกแล้ว..ความหนาวเหน็บเคลื่อนที่ผ่านเข้ามาทางกระจกหน้าต่างอย่างเห็นได้ชัด เขายังคงยืนอยู่ที่หน้าต่างราวกับกำลังรอคอยว่าอากาศด้านนอกจะเป็นอย่างไรต่อไป 

         "คุณหมายถึง..."

         อเล็กซิสกล่าวขึ้นเบาๆด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ไม่ใช่ว่าเธอกลัวหรอกนะ..เธอหนาวต่างหาก

         "ใช่"เขาพูดก่อนจะหันหน้ากลับมามองเธออีกครั้ง"..คุณนั่นแหละ"

         ซ่า...ซ่า...

         ราวกับว่าฝนด้านนอกหน้าต่างมันจะตกหนักกว่าเดิมอีก น้ำฝนสาดเข้ามาติดกระจกหน้าต่างเป็นหยดน้ำหยดเล็กๆ ชไวเกนหัวเราะเบาๆกับสีหน้าของเธอ..มันดูเหมือนกับว่าเขาขำมาก แต่เสียงหัวเราะนั่นมันช่าง...เยือกเย็น

         "ไม่ๆ แอสเตอร์ คุณกำลังหมายถึง..."

         "..."

        "..คุณชอบฉัน..งั้นเหรอ?"


        "ให้ตายสิ ให้มันได้อย่างนี้สิปารีส! จะตกอะไรกันตอนนี้วะเนี่ย"

        ฮานส์สบถออกมาเบาๆอย่างหัวเสียด้วยน้ำเสียงสั่นระริก ฝนตกเป็นอะไรที่น่ารำคาญมากสำหรับเขา แถมตอนนี้เขายังรีบอีกด้วย...ไม่อยากจะคิดเลยว่าต้องวิ่งข้ามไปจริงๆ

        "เอาวะ ยังไงก็ได้--"

        ชายหนุ่มมองตรงไปยังด้านหน้าด้วยสายตาที่พร่ามัวไปกับเม็ดฝนก่อนจะตั้งท่าวิ่ง แต่แล้วนั้นก็มีบางอย่างที่เขาต้องเลิกล้มการกระทำนั้น...

         "จะไปไหนเหรอคะ?"

         มันเป็นเสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง เขาหันไปตามต้นเสียงทันที

         "ขอโทษนะ แต่ผมไม่ถนัดพูดอังกฤษ"

         "ไม่เป็นไรค่ะ..."เธอพูด พลางเผยอปากขึ้นยิ้ม"...ฉันพูดเยอรมันได้"

        ฮานส์จ้องมองไปยังใบหน้าสะสวยของหญิงสาวคนนั้น ไม่ว่าจะดูอย่างไรเธอก็ไม่ดูเหมือนสาวแดนน้ำหอมเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาลองพิจารณาใบหน้านั่นอีกครั้งมันก็ทำให้เขารู้ว่า...เธอเป็นอเมริกัน

        "อเมริกันเหรอ?"

        "อ้อ! ใช่ค่ะ ฉันมาจากซานฟรานซิสโก"เธอพูดพลางยื่นมือไปหาเขาอย่างช้าๆพร้อมกับรอยยิ้มที่แสดงถึงความเป็นมิตร"สเตซี มิลเลอร์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก..."

         เธอลากเสียงพลางใช้ดวงตาจ้องมองอีกฝ่าย

         "ร้อยตรีเฟดริก ฮานส์ครับ"

         "อ๋อค่ะ"เธอหัวเราะนิดหน่อย"คุณอยากข้ามไปฝั่งนั้นเหรอคะ"

         "ก็...เอ่อ ใช่ แต่ผมคงไม่วิ่งฝ่าฝนไปแบบนี้แน่ ผมยิ่งมีเครื่องแบบตัวเดียวซะด้วยสิ"

         หญิงสาวเจ้าของผมสั้นสีน้ำตาลแดงกระตุกยิ้ม เธอใช้มือชี้ร่มที่ตนเองกำลังถืออยู่

         "จะไปพร้อมฉันมั้ยคะ ฉันก็จะข้ามไปเหมือนกัน"

         "ขอบคุณครับ หวังว่าหัวหน้าผมจะไม่ตะคอกใส่หน้าผมเพราะข้ามถนนกับสาวอเมริกันนะ ฮะๆ"

         เขาอาสาเป็นคนถือร่มให้เธอก่อนที่ทั้งสองจะเดินข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม น่าแปลกที่เธอไม่พูดอะไรเลยในระหว่างที่กำลังเดินอยู่ ใช่..มันอาจจะเพราะว่าเธอข้ามถนนกับพวกเยอรมัน แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ในเมื่อเธอบอกเขาเอบว่าจะพาเขาข้ามไปด้วย และอีกอย่าง...จากการสังเกตแล้ว เธอก็ดูเป็นหญิงสาวทั่วไปนั่นแหละ

         ..แต่เขาก็ประมาทไม่ได้ 

         "ขอบคุณมากนะครับ ที่พาผมข้ามถนนมาด้วย"

         "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ"เธอพูด นัยน์ตาของเธอฉายแววอะไรบางอย่าง"อย่างน้อยคุณก็ไม่ต้องโดนหัวหน้าคุณว่าแล้วนี่"

         หญิงสาวในชุดคลุมสีครีมกล่าวพลางหัวเราะ ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นหลุบลงมองด้านล่างราวกับว่าเธอกำลังเศร้า ฮานส์เลิกแขนเสื้อขึ้นดูนาฬิกา...มันได้เวลาเขาต้องไปแล้ว

         "ขอโทษนะครับ แต่..ผมต้องไปแล้ว"

         "ค่ะ ลาก่อน"เธอยิ้ม"ฮานส์.."

         ที่ๆเธอกำลังจะไปอยู่ทางตรงข้ามกับเขา หญิงสาวปมสั้นสีน้ำตาลคนนั้นทิ้งรอยยิ้มไว้ให้เขาเป็นสิ่งสุดท้ายจนเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอเป็นใครและมาจากไหนกันแน่ ทั้งๆที่เมืองนี้มีแต่พวกนาซีเดินพล่านเต็มไปหมด..เธอผ่านพวกนั้นเข้ามาในปารีสได้อย่างไรกัน บางทีเขาอาจจะต้องนึกสงสัยเธอบ้างไม่มากก็น้อย หรือว่า..เธอเป็นสายลับ?

        มันก็ไม่แน่นะ ฮานส์คิด แต่ถ้าเธอไม่ขัดขวางการทำงานของเขาละก็ เธอก็รอด

        ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบหยิบเศษกระดาศออกมาจากกระเป๋า มันเป็นเศษกระดาษเล็กๆที่ถูกพับไว้หลายๆชั้นและมีข้อความด้านในถูกเขียนเอาไว้ การทำหน้าที่ส่งสารของเขาสำคัญมากที่สุด ถ้าหากไอ้กระดาษแผ่นเล็กนี่หายไปหรือถูกชิงไปเสียก่อนนั่นก็หมายความว่าชีวิตของเขาก็คงมาได้เท่านี้ล่ะ...

        ...

        กึก..

        เขาชะงัก เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กำลังเดินตามเขามาจากด้านหลัง...ฮานส์ตัดสินใจหันไปดูแต่ว่านั่นก็มีเพียงแต่ความว่างเปล่า...

        ฝนก็ตก แถมฟ้ายังมืด..นี่มันฉากในหนังสยองขวัญชัดๆ!

        "กรี๊ด!"

        ฮานส์สะดุ้งราวกับถูกช็อตด้วยไฟฟ้า เขาหันไปรอบๆตัวด้วยความไม่ไว้ใจสถานที่.. เสียงกรีดร้องของหญิงสาวเมื่อครู่มันก็คล้ายๆกับฉากในหนังฆาตกรโรคจิตที่เขาเคยดูตอนยังเด็ก และตอนนี้เขาก็ได้รับบทเป็นคนโง่ที่เดินผ่านมาและกำลังจะเดินไปทางต้นเสียงกรีดร้องนั่น

         กระดาษแผ่นเล็กถูกเก็บลงในกระเป๋าอย่างรวดเร็วในระหว่างที่มืออีกข้างค่อยๆเลื่อนลงไปแตะปืนที่อยู่ในซองอย่างช้าๆ หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะในทุกๆครั้งที่ก้าวเข้ามาในซอยเปลี่ยวเช่นนี้ และสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็แทบจะทำให้หัวใจของเขาล่วงไปที่ตาตุ่ม...มันคือร่ม 

         ใช่...ร่ม และเป็นร่มของหญิงสาวที่เขาเจอเมื่อครู่...

         "สเตซี.."

         เขาเผลอหลุดปากพูดชื่อเธอออกมาในระหว่างที่ใช้สายตามองดูรอบๆ เธอคนนั้นอยู่ที่ไหนกัน..?

        แต่แล้วทันใดนั้น เงาบางอย่างก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของชายหนุ่มโดยที่เขาไม่รู้ตัว..พร้อมกับแสงสะท้อนของบางอย่างในมือของมัน!

        พลั่ก!

        สิ่งๆนั้นถูกฟาดมายังท้ายทอยของเขาอย่างรวดเร็ว ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของฮานส์ค่อยๆล้มลงไปกองบนพื้นอย่างช้าๆ ในขณะที่บุคคลด้านหลังของเขากำลังปรากฏตัวขึ้น...

        "สเตซีเป็นนามแฝงของฉันน่ะ.."

        หญิงสาวพูด เธอเดินไปที่ร่างของเขาก่อนจะหยิบปืนของเขาออกมาจากซอง

        "ชื่อจริงๆของฉันคือ..."เธอลากเสียง นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นส่อแววออกมาทันที

               "เรน่า ฮิลล์"

        

         แกรก..แกรก...แกรก..

         อเล็กซิสปลายตามองไปยังบนกระดาษแผ่นนั้นที่กำลังถูกละเลงด้วยเส้นดินสอสีดำเป็นครั้งที่สาม เธอจำได้ดีเลยว่าเมื่อครู่บุคคลตรงหน้าของเธอบอกอะไรกับเธอมาบ้างทั้งๆที่เธออยากจะลืมมันใจแทบขาด ขาข้างหนึ่งของเธอถูกยกขึ้นมาไขว่ห้างบนขาอีกข้างหนึ่งเมื่อราวๆห้านาทีที่แล้ว ฝนด้านนอกยังคงตกลงมาราวกับท้องฟ้ากำลังรั่วทั้งยังมีแสงจากฟ้าผ่าแปลบปลาบปรากฏขึ้นมาเป็นระยะๆ อุณหภูมิลดลงทีละน้อยจนเธอรับรู้ได้ถึงความหนาวเย็นยะเยือกด้วยผิวหนังของตนเอง...ทำไมเธอถึงรู้สึกสยดสยองอะไรขนาดนี้กันนะ?

        เสียงแกรกๆยังคงดังขึ้นเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ แอสเตอร์เอาแต่นั่งที่โต๊ะทำงานของเขาจดจ่ออยู่กับกระดาษวาดเขียนตรงหน้าตนเองท่ามกลางสายตาอันแสนอึดอัดของสายลับรัสเซียผมบลอนด์ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงมุมห้อง พวกเขาเอาแต่เงียบไม่พูดคุยกันเลยหลังจากจบประโยคนั่น และดูเหมือนว่าคนที่จะแย่ที่สุดในตอนนี้อาจจะเป็นอเล็กซิสก็ได้ คำพูดของชายหนุ่มตรงหน้ามันหลอกหลอนเธอเสียยิ่งกว่าภาพสยองขวัญเลยนะนี่!

         "แอสเตอร์"

        ในที่สุดเธอก็เป็นฝ่ายปริปากก่อนเสียได้ แต่มันก็เท่านั้นล่ะนะ..คำพูดของเธอมันแทบไม่ได้สะกิดตัวเขาเลยสักนิด

        "..."

        "..ฉัน"

        ยังไม่ทันทีเธอจะได้กล่าวอะไรต่อ ดินสอดำในมือของเขาก็ถูกวางลงกับโต๊ะ...สร้างความสงสัยให้เธอเป็นอย่างมาก

         "เรียกผมว่า.."และแล้วเขาก็ตัดสินใจพูด หลังจากที่เงียบมานาน"...ชไวเกน"

          หญิงสาวพยักหน้า เธอยังคงไม่เลิกที่จะปลายตามองเขา

         "งั้นคุณก็คงเรียกฉันว่า อเล็กซิส"

         "ไม่หรอก"

         ชไวเกนเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงานของเขาก่อนจะมองไปยังหญิงสาวผมบลอนด์ตรงหน้าของตนเองอย่างช้าๆ นัยน์ตาของเธอสะท้อนเงาอีกด้านหนึ่งของเขา...

         "คุณเป็นสายให้โซเวียตสินะ"

         "..."

         "ทุกสิ่งที่ฮานส์เจอในห้องของคุณ มันบอกกับผมว่าคุณเป็นสายลับ"

        เสียงฟ้าร้องดังขึ้นมากกว่าเดิม แสงฟ้าแลบด้านนอกหน้าต่างก็ยังคงปรากฏมาให้ตก ใจเล่นเป็นระยะๆ อเล็กซิสสัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บที่มากับสายฝนอย่างชัดเจน ตัวของเธอเริ่มสั่นเทา..แต่สิ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนั้นไม่ใช่เพราะว่าเธอหนาว ดูราวกับว่าบุคคลรู้จักตรงหน้าของเธอในตอนนี้กำลังทำให้เธอรู้สึกหวั่นเกรงเขาอยู่น้อยๆ...ถ้าให้จริงละก็เธอยอมตกใจกรี๊ดกับเสียงฟ้าผ่าดีกว่าที่จะต้องมานั่งกลัวเขาอยู่ในห้องนี้

        ใจดีสู้เสือเข้าไว้อเล็กซิส...ชไวเกนก็คือชไวเกน เขายังคงเป็นเขา!

        อเล็กซิสเริ่มยืดอกขึ้น มือทั้งสองยกขึ้นมากอดอกวางท่า..สายตาของเธอจ้องไปยังใบหน้าใต้เงามืดนั่น

        "ช..ใช่ ฉันเป็นสายลับให้กับโซเวียต และฉันจะบอกอะไรคุณอย่างนึงนะ"

        เห็นได้ชัดเลยว่าเธอกำลังพยายามใช้สายตาสะกดเขาเอาไว้ด้วยความกลัวจากก้นบึ้งจิตใจของเธอเอง ถึงแม้จะรู้ว่าการทำแบบนั้นมันเปล่าประโยชน์ก็ตาม

        "ฉันเกลียดนาซี"

        "..."เขาไม่ได้พูดอะไร ได้แต่จ้องมองเธอ

        "...และฉันเกลียดคุณ"

        ...

        ในที่สุดเธอก็สามารถพูดตวามในใจออกไปเสียได้ หญิงสาวหลับตาลงช้าๆ...เธอเห็นภาพความทรงจำมากมายลอยละล่องเต็มหัวเธอ ในภาพพวกนั้นคือภาพในวันที่เธอและเขาเจอกันในทุกช่วงเวลาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งในตอนที่ฉลองวันเกิดของเธอครั้งแรกของเขา...ชไวเกนไม่มีวันลืมวันเกิดของเธอเลย เขาได้เพียงแต่ส่งคำอวยพรจากผ่านจดหมายที่ส่งถึงเธอเสมอ ใช่...เขาไม่เคยได้ฉลองวันเกิดของอเล็กซิสอย่างจริงๆจังๆเลยาสักครั้งหนึ่ง และในปีนี้...เขาตั้งใจไว้ว่าจะฉลองวันเกิดของเธอด้วยการพาเธอไปทานมื้อค่ำ แต่ที่แย่นั่นก็คือ..

         ..เธอพังมันลงในเวลาไม่กี่นาที ด้วยมือของเธอเอง ทั้งการฉลองและจิตใจของเขา

        คำถามที่อเล็กซิสมีอยู่ในตอนนี้คือ..ทำไมเธอถึงทำแบบนั้นลงไปได้?

        "ผมนึกอยู่แล้วว่าคุณต้องพูดแบบนั้น"

        ชไวเกนพูดขึ้น เขาก้มหน้าลงราวกับไม่อยากมองหน้าอีกฝ่าย...

        "งั้นเหรอ แต่คุณดูไม่สะท้านอะไรเลยนี่ใช่มั้ย"

        "..."

        "เลิกทำตัวเป็นเบิร์ต คาร์ลสักทีเถอะ คุณไม่เหมือนเขาเลยสักนิด!"

        "โอเค ก็ได้!"

        เขาร้องออกมาพลางกำหมัดทุบโต๊ะดังตึง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว...เสียงของเขาทำให้อเล็กซิสถึงกับสะดุ้งแล้วมองหน้าของเขา ชไวเกนค่อยๆคลายหมัดลงอย่างใจเย็นทั้งๆที่ตนเองกำลังเดือด แล้วเขาก็หยิบบางอย่างออกมาจากเครื่องแบบ...มันคือกุญแจ เขาเอามันไขอะไรบางอย่างในลิ้นชักของเขาซึ่งนั่นก็คือช่องลับอีกชั้นหนึ่ง ในนั้นมีซองเอกสารอยู่...

        ฟึ่บ..

        ซองเอกสารสีน้ำตาลอ่อนถูกหยิบออกมาจากลิ้นชักก่อนจะนำมาวางไว้บนโต๊ะทำงานไม้ของเขา ชไวเกนผายมือไปยังมันให้หญิงสาวดูอย่างช้าๆ

        "อ..อะไรน่ะ"อิเล็กซิสถามเบาๆ สายตาของเธอจับจ้องไปยังมันอย่างสนใจ..

        "ข้อมูลไง คุณเป็นสายลับไม่ใช่เหรอ นี่ไงข้อมูล"

        เขาพูดท่าทางเหมือนกับประชด แต่มันก็ดูจริงใจมากในสายตาเธอ

        "..เอาไปซะ เอาไปให้คนในกองทัพคุณ แล้วบอกให้พวกนั้นมาล้างเผาพันธุ์เรา"

        "..."

        "นั่นใช่มั้ยเป้าหมายของคุณ เอาไปสิ...มันอยู่ตรงหน้าคุณแล้วนี่ไง!"

        อเล็กซิสลุกขึ้นทันทีก่อนจะสาวเท้าเดิรตรงไปยังโต๊ะทำงานของเขา มือเรียวข้างหนึ่งเอื้อมไปขว้าซองเอกสารนั่นมาถือเอาไว้ แต่แทนที่เธอจะหยุด...หญิงสาวกลับเดินตรงไปยังหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ด้านหลังชไวเกน เธอใช้ปากคาบซองเอกสารเอาไว้พลางใช้มือทั้งสองเปิดหน้าต่างออกไป...ดูเหมือนว่าฝนด้านนอกจะซาลงแล้วนิดหน่อย เธอก้มลงไปมองด้านล่างหน้าต่าง...มีสระน้ำอยู่ด้านล่างนี่ เอาล่ะ..สงสัยนี่คงจะเป็นทางหนีของเธอกระมัง 

        หญิงสาวค่อยๆปีขึ้นหน้าต่างอย่างระมัดระวังโดยไม่สนใจเขาที่นั่งอยู่เลยเสียด้วยซ้ำ แต่ก่อนที่จะกระโดดลงไป..อเล็กซิสก็ได้หันกลับมายังเขาที่นั่งหันหลังให้เธออยู่ด้วยแววตาที่แสดงให้เห็นถึง"ความสำนึกผิด"อย่างสุดซึ้ง...

        "แอสเตอร์..."

        "..."

        "..ฉัน"

        ลมพัดผ่านเข้ามายังหน้าต่างปะทะกับเธอเข้าอย่างจัง มันคือสัญญาณที่กำลังเร่งเธอให้รีบก่อนที่พายุจะมาอีก

       อเล็กซิสถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอไม่คิดหรอกนะว่าเธอจะได้เจอเขาอีก..ฉะนั้นนี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้

        "ฉัน...ขอโทษ"

        ฟึ่บ!

        ร่างเพรียวระหงของเธอกระโดดลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นปิดหน้าต่างทันทีหลังจากที่เธอกระโดดลงไปแล้ว เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาโหว่งๆอย่างไรชอบกล แต่ก็ช่างเถอะ..ยังไงๆเขาก็ไม่มีวันได้เจอเธออีก ไม่มีวัน...

        เขาหลับตาลงพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังชั้นหนังสือ ชไสเกนหยิบหนังสือเล่มเดิมออกมาก่อนจะเปิดหน้ากระดาษที่ถูกคั่นเอาไว้ด้วยรูปภาพของเธอ...ชายหนุ่มหยิบมันออกมาคลี่ออกจากกัน รูปวาดที่เขาวาดเอาไว้กะว่าจะให้เป็นเซอร์ไพรส์วันเกิดเธอ เขารู้ดี--มันไม่ทันแล้วล่ะ

        "ผมก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณอีกนะ..."

        ชไวเกนพูดกับรูปภาพเบาๆ เขารับรู้ได้ถึงพายุที่กำลังจะก่อตัวขึ้นเป็นครั้งที่สองด้านนอกหน้าต่าง...

         "...อเล็กซิส"

         -------------------------------

        

         

         

          


             





    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×