คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [QUEEN] Ordinary World (3)
Ordinary
World (3)
[
C I V I E S ]
“ได้โปรด...”
ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าคำขอร้องนั่นจะเป็นไปไม่ได้ก็ตามที
แต่ฉันไม่รู้เลยว่าทำไมตัวเองถึงเลือกที่จะเอ่ยแบบนั้นไป
บาดแผลบริเวณหัวเข่ายังคงปวดระบม แม้จะเป็นแค่รอยแผลเล็กๆ
แต่มันก็ทำให้ฉันสติแตกได้
ดวงตาคู่นั้นยังคงจ้องมองลงมา
มีดพกในมือของเขาค่อยๆ กำแน่นมากกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด แขนข้างนั้นเกร็งตัว
ความรู้สึกลังเลแฝงอยู่ในสายตาเย็นยะเยือกนั่น
ฉันได้แต่หวังว่าน้ำตาของตัวเองจะทำให้เขาเปลี่ยนใจ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นโจร
ทว่าลึกๆ แล้วฉันก็หวังให้เขายังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม...
“เฮ้! นายเจออะไรงั้นเหรอ!”
เสียงตะโกนดังมาจากด้านนอก
ลืมไปได้ยังไงกันว่าไอ้สองคนที่เหลือยังเฝ้าอยู่ด้านหน้าร้าน
ฉันเห็นเขาหันกลับไปทางต้นเสียงเล็กน้อย
ทีแรกนึกว่าเขาจะร้องตอบพรรคพวกแล้วบอกกับคนพวกนั้นว่า 'เจอเธอแล้ว!' อะไรทำนองนี้
แต่มันกลับไม่ใช่ ตรงกันข้ามเลยล่ะ เขาเงียบ แล้วก็หันกลับมามองฉันอีกรอบ
แต่แล้วทุกอย่างก็เริ่มจะพังทลายเมื่อฉันเห็นคมมีดนั่นขยับ
พระเจ้า
เอาจริงเหรอ?
“ข..ขอล่ะ ฉ...ฉัน”
ริมฝีปากสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาแลกกับชีวิตตัวเองดี มือก็ยังกอดกล่องรองเท้าแน่น
แต่ทันใดนั้นเองก็คิดออก
”น...นี่!”ฉันปลดสายสะพายเป้ลงจากไหล่
อีกฝ่ายชะงักเล็กน้อยอย่างระแวดระวังตัว ฉันค่อยๆ
หยิบเสบียงที่ตัวเองหามาได้เมื่อกี้แล้วยื่นให้เขา...ทั้งหมด”ฉ...ฉันให้ของที่ฉันมีหมดเลย ด...ได้โปรดล่ะ! อย่า—“
ชายสวมฮู้ดยังคงอยู่ในระหว่างการตัดสินใจ
ฉันเห็นทรวงอกของเขาขยับขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจอันแสนเย็นยะเยือก
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มยังมองมาอย่างไม่ลดละเสียจนน่ากลัว
มือของฉันที่ยื่นอาหารกระป๋องไปสั่นระริกมากกว่าเดิม
ใบหน้าอาบด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว บาดแผลบริเวณเข่ายิ่งเจ็บแสบมากขึ้นไปอีก แม้จะพยายามห้าม...แต่สุดท้ายแล้วฉันก็แอบมองกลับไปที่ด้ามมีดในมือของเขาอยู่ดี
ทุกสิ่งที่หามาได้ตลอดการเดินทางตั้งแต่เช้า
ไม่ว่าจะเป็นอาหารกระป๋องหรือน้ำดื่ม
ตอนนี้ฉันกำลังใช้สิ่งของที่มีทั้งหมดแลกกับชีวิตตัวเอง
แม้จะไม่รู้ความคิดในหัวของไอ้โจรตรงหน้าก็ตาม
ทันใดนั้นเองร่างนั่นก็ย่อตัวลง
...เดี๋ยวสิ!
ฉันก้มหน้า
หลับตาอย่างหวาดกลัว มือทั้งสองสั่นระริกมากกว่าเดิมจนเห็นได้ชัด
แม้แต่กล่องรองเท้าสเก็ตก็ยังสะเทือน
ในวินาทีต่อจากนั้นคือฉันรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างที่ยื่นลงมา
ราวกับสิ่งนั้นกำลังจะพยายามเอาของๆ ฉันไป ทีแรกฉันหวังให้เขาเอาอาหารกระป๋องหรือขวดน้ำไปก็ได้
แต่ทว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น
ร่างสูงตรงหน้าหยิบกล่องกระดาษที่ฉันกอดเอาไว้แน่นออกไป
เขาไม่เอ่ยอะไรทั้งสิ้นขณะเปิดฝากล่องดูอย่างใจเย็น...และสิ่งที่พบด้านในนั้นก็ทำให้คิ้วภายใต้หน้ากากไอ้โม่งขยับขึ้น
รองเท้าสเก็ต
นั่นล่ะคือสิ่งที่เขาเห็น
รองเท้าสเก็ตสีดำสนิทราคาแพง อุปกรณ์กีฬาชั้นดีสำหรับหน้าหนาวหิมะตกแบบนี้
มันคงขำน่าดูเลยล่ะสิ?
แต่...
บ้าเอ้ย...นี่มันบ้า!
ในระหว่างที่เอาแต่ตั้งคำถามว่า
“จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้”
ฉับพลันเขาก็ตัดสินใจปิดฝากล่อง
น่าประหลาดใจเหมือนกันที่หมอนั่นกลับเลือกที่จะยื่นกล่องรองเท้าคืนให้
แม้จะไม่ไว้ใจ แต่สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะเอื้อมมือไปรับมันมากอดเอาไว้ตามเดิม
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้ง
ตอนนี้ความรู้สึกเย็นยะเยือกก็ไม่ได้แฝงอยู่ในดวงตาของเขาอีกแล้ว
แต่มันเป็นความรู้สึกอันแสนคุ้นเคยบางอย่างที่ฉันเคยเห็นมาตลอด
ใช่..มันเป็นแววตาเดียวกันกับที่ฉันเคยเห็น
ในตอนที่แฟนคลับกว่าพันคนจับจ้องมาที่ฉันขณะโลดแล่นอยู่บนลานน้ำแข็ง...แววตาแห่งความชื่นชม
สุดท้ายแล้วโจรคนนั้นก็ลุกขึ้น
ฉันได้ยินเสียงรองเท้าบูทหนังดังออกไปสองสามก้าวก่อนจะหยุดนิ่ง
อะไรบางอย่างบอกให้ฉันเงยหน้าขึ้นไป แล้วคำพูดของเขาก็ดังขึ้นในความเงียบ
มันฟังดูราวกับเสียงกระซิบแต่เสียงกระซิบนั่นก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัวมาจนถึงตอนนี้
“แล้วเจอกัน”
"แค่นั้นเหรอ?"
"ใช่"ฉันพยักหน้า"แค่นั้นแหละ"
"โอ้พระเจ้า..."
คราวนี้สองคนนั้นเล่นทำหน้างงกันใหญ่
ทั้งสตีฟและเดวิสหันไปมองหน้ากัน
เหมือนกับว่าไอ้เรื่องทั้งหมดที่ฉันเล่าไปเมื่อกี้นี้มันไร้ความหมายอะไรแนวนั้นเลย
ฉันทำได้แค่เพียงถอนหายใจดังๆ เพราะยังไงซะตอนนี้ตัวเองก็ไม่ได้อยู่ข้างนอกแล้ว
ใช่...หลังจากเดินทางล่าเสบียงอาหาร
ที่ต้องเสี่ยงกับทั้งเชื้อโรคแล้วก็พวกคนเลวทั้งหลาย ในที่สุดฉันก็สามารถกลับมาที่พักได้อย่างมีชีวิต
มหัศจรรย์สุดๆ
ไปเลยใช่มั้ย? ทีแรกก็นึกว่าตัวเองจะไม่รอดแล้วซะอีก
ยังไงซะ
ฉันก็ขอแนะนำให้รู้จักกับรูมเมทร่วมโลกอีกสองคนก็แล้วกัน สตีฟกับเดวิส
อันที่จริงพวกเราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนหรอก แต่เพิ่งจะมาเจอกันก็ตอนเกิดเรื่องทั้งหมดนี่ล่ะ
สตีฟเป็น รปภ. ของตึกที่เราอาศัยอยู่ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าภายนอกเขาจะดูเหมือนกับตำรวจก็ตามเถอะ
แต่ด้วยความที่เขาเป็นยามประจำตึก ดังนั้นสตีฟถึงรู้ทุกซอกทุกมุมของที่อยู่ของเรา
และสามารถหาทางหนีออกไปได้เมื่อเกิดปัญหาขึ้น
ส่วนเดวิส
เดวิสเป็นเด็กเนิร์ดสวมแว่น ผมบลอนด์ ร่างกายผอมแลดูปวกเปียก ผิดกับสตีฟที่มีหุ่นยังกะนักกีฬา
เขาเป็นนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งชิคาโก ก่อนที่จะได้รู้จักกันจริงๆ
ฉันคิดว่าเดวิสเป็นพวกชอบเก็บตัวเงียบซะอีก แต่ที่ไหนได้ ไอ้หมอนี่กลับพูดมากแบบสุดๆ
แถมยังชอบคิดสันนิษฐานอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในตอนนี้เป็นว่าเล่น
ส่วนสตีฟ...เขาไม่ใช่พวกเก็บตัวก็จริง แต่ก็ไม่ได้พูดมากเหมือนเดวิส
แถมยังรอบคอบแบบสุดๆ
ที่สำคัญคือสองคนนี้รู้จักกับฉันในฐานะ 'ควีน'
"บ้าเอ้ย.."เดวิสอุทาน ใบหน้าของเขาแลดูวิตก"เธอแน่ใจนะว่าตอนมานี่ไม่ได้มีใครแอบตามมาน่ะ"
"ไม่มีหรอกน่า!"
"แต่ยังไงก็ต้องมั่นใจเอาไว้ก่อนนะ"สตีฟออกความเห็น
"ฉันรู้...ไม่มีใครตามมาหรอก ฉันแน่ใจ"
ไม่สงสัยเลยว่าทำไมสองคนนี่ถึงกังวลนักหนา
เพราะไอ้โจรที่เพิ่งไปเจอเอาเมื่อกี้นี้ก็คือกลุ่มของพวกนอกฎหมายที่เรียกว่า "คาร์เทล"
นั่นล่ะ สตีฟเล่าว่าตอนที่เกิดโรคระบาด
มีการคนย้ายนักโทษหลายร้อยคนจากเรือนจำทุกแห่งในชิคาโก
แต่ในระหว่างนั้นเกิดความชุลมุนวุ่นวายอย่างหนัก พวกนักโทษทั้งหมดจึงหลุดออกมาได้
"ให้ตายสิ"เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนุ่มถอนหายใจ สตีฟหวนนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นเสมอ"ฉันยังจำได้แม่นเลย
ตอนที่ไอ้โจรพวกนี้หลุดออกมาจากเรือนจำน่ะ"
"แถมเมื่อกี้ควีนยังไปจ๊ะเอ๋เจอกับพวกมันอีก"
ก็นะ
ฉันรู้ว่าสองคนนี้เคร่งเครียดแค่ไหนเรื่องที่หลบภัย
ห้องนี้เป็นเพียงที่เดียวที่พวกเราเหลืออยู่ แถมมันยังปลอดภัยแบบสุดๆ อีกด้วย
ฉันไม่อยากลากพวกคาร์เทลมาที่นี่
ทุกอย่างแย่มามากพอแล้วและมันคงไม่ดีแน่ถ้าเกิดว่ามันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก
พวกเราสามคนนั่งทำกิจกรรมของตัวเองไปตามปกติ
ฉันปลีกตัวออกมาอยู่ในห้องครัวเพื่อชงอะไรอุ่นๆ กิน
ในหัวยังคงนึกวนเวียนถึงเหตุการณ์ที่เกือบจะพลิกชะตาตัวเอง
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโจรนั่นถึงไว้ชีวิตฉันไว้ เพราะคำขอร้องเหรอ? ฉันคิดขณะคนช้อนกาแฟในมือ
ไออุ่นจากถ้วยกระเบื้องซึมซาบออกมา พอคลายหนาวได้บ้างในสภาพอากาศแบบนี้
แต่ยังไงซะ...กาแฟถ้วยเดียวคงไม่ช่วยให้ลืมเรื่องนั้นแน่
เดวิสมีคอมพิวเตอร์อยู่เครื่องหนึ่ง
เขามักจะนั่งอยู่หน้าจอเสมอเมื่อมีเวลาว่าง ตอนเดินออกมาจากห้องครัว
ฉันเห็นสตีฟนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา จ้องมองไปยังจอทีวีตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย
ฉันมองถ้วยกาแฟอีกสองถ้วยในถาดสลับกับใบหน้าเพื่อนร่วมห้อง
ก่อนจะตัดสินใจเดินไปเสิร์ฟให้สตีฟเป็นคนแรก
เมื่อถ้วยกาแฟถูกวางลงตรงหน้า
เขาก็หันมาหาฉัน
"เผื่อ...จะช่วยให้เลิกคิดมากได้บ้างล่ะนะ"ฉันเม้มปากเป็นเส้นตรง
"ขอบใจมากนะ คิว"
ฉันพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเรียกเดวิส
ซึ่งตอนนั้นเขาดูท่าทางตื่นเต้นกับบางสิ่งเป็นอย่างมาก
ทำเอาทั้งสตีฟและฉันถึงกับขมวดคิ้วไปตามๆ กัน เขาน่าจะเจออะไรน่าสนใจอยู่ในคอมพิวเตอร์นั่นแน่
ด้วยความที่ไม่อยากกวน ฉันจึงวางถ้วยกาแฟของเขาเอาไว้ข้างๆ แทน
"กาแฟของนาย"
"ขอบคุณมากควีน...แต่นี่เจ๋งกว่ากาแฟเยอะ!"
"อะไรล่ะ"ฉันหันไปหาสตีฟ เขายักไหล่ ประมาณว่าก็ไม่รู้สิ
เดวิสซึ่งดูท่าทางดีใจแบบสุดๆ
เลื่อนจอคอมพิวเตอร์มาให้เราสองคนดู
ฉันกับสตีฟเพ่งอ่านตัวอักษรสีเหลืองพวกนั้นอยู่นานถึงจะเข้าใจ...
ประกาศฉุกเฉินจากรัฐบาล
เรียนผู้รอดชีวิตทุกท่านที่ยังอยู่ในเขตชิคาโก
ในวันพรุ่งนี้ ทางรัฐบาลจะจัดเตรียมเสบียงอาหาร น้ำสะอาด รวมถึงชุดปฐมพยาบาลเอาไว้
ณ จุดต่างๆ ของเมือง เพื่อเป็นการช่วยเหลือและสนับสนุนโดยเบื้องต้น
หากท่านได้รับฟังประกาศฉุกเฉิน กรุณาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยเดินทางไปยังจุดแจกเสบียงที่อยู่ใกล้ที่สุด
หมายเหตุ : เจ้าหน้าที่ของเราจะเดินทางเข้าไปในเขตหมายเลขศูนย์ในเวลา
08:00 ของวันพรุ่งนี้
ท่านมีเวลาทั้งวันในการรับเสบียงอาหาร ขอให้เตรียมตัวให้พร้อม
กรุณารักษาชีวิตของตนเองเอาไว้จนกว่าทุกสิ่งจะกลับมาเป็นปกติ
ขอพระเจ้าคุ้มครองท่าน
ประกายแห่งความหวังดูเหมือนจะถูกจุดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
แน่นอน ฉันเห็นแววตาแบบเดียวกันเมื่อหันไปหาสตีฟ
ครั้งล่าสุดที่รัฐบาลปล่อยเสบียงเอาไว้ก็ราวๆ วันคริสต์มาส
หลังจากนั้นก็ไม่มีวี่แววของประกาศฉบับใหม่อีกเลยจนกระทั่งวันนี้ เดวิสดูท่าทางจะเนื้อเต้นแบบสุดๆ
ฉันกับสตีฟก็เช่นเดียวกัน พวกเราทั้งสามคนหันมา
เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนเริ่มจะวางแผงอะไรบางอย่างเข้าให้แล้ว
"งั้นก็ข่าวดีมากเลยล่ะ"สตีฟเอ่ย"พวกเราเองก็ควร...เตรียมตัวให้พร้อม"
"ใช่ๆ สตีฟ นายบอกว่านายมีปืนใช่มั้ย"
ชายหนุ่มเงยหน้า"ทำไม"
"ก็เผื่อไว้ไง! หวังว่าคืนนี้ควีนจะไม่ได้แอบพาหนุ่มเข้าบ้านนะ"
"หุบปากไปเลยเดฟ!"
ฉันหัวเราะแห้งๆ
สองคนนั้นเองก็หัวเราะเช่นเดียวกัน เมื่อหันไปมองหน้าปัดนาฬิกา
ตอนนี้เกือบจะหกโมงเย็นแล้วและยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้
ฉันคงต้องไปหาอะไรทำฆ่าเวลาเสียก่อนล่ะ
อีกอย่างก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม...เพื่อรอรับเสบียงในตอนเช้าด้วย
...เรายังไม่โดนคนทั้งโลกทอดทิ้งหรอก
ความคิดเห็น