ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZERO ZONE

    ลำดับตอนที่ #6 : [QUEEN] Ordinary World (3)

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 62


    Ordinary World (3)

    [ C I V I E S ]

     

    ได้โปรด...

    ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าคำขอร้องนั่นจะเป็นไปไม่ได้ก็ตามที แต่ฉันไม่รู้เลยว่าทำไมตัวเองถึงเลือกที่จะเอ่ยแบบนั้นไป บาดแผลบริเวณหัวเข่ายังคงปวดระบม แม้จะเป็นแค่รอยแผลเล็กๆ แต่มันก็ทำให้ฉันสติแตกได้

    ดวงตาคู่นั้นยังคงจ้องมองลงมา มีดพกในมือของเขาค่อยๆ กำแน่นมากกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด แขนข้างนั้นเกร็งตัว ความรู้สึกลังเลแฝงอยู่ในสายตาเย็นยะเยือกนั่น ฉันได้แต่หวังว่าน้ำตาของตัวเองจะทำให้เขาเปลี่ยนใจ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นโจร ทว่าลึกๆ แล้วฉันก็หวังให้เขายังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม...

    เฮ้นายเจออะไรงั้นเหรอ!

    เสียงตะโกนดังมาจากด้านนอก ลืมไปได้ยังไงกันว่าไอ้สองคนที่เหลือยังเฝ้าอยู่ด้านหน้าร้าน ฉันเห็นเขาหันกลับไปทางต้นเสียงเล็กน้อย ทีแรกนึกว่าเขาจะร้องตอบพรรคพวกแล้วบอกกับคนพวกนั้นว่า 'เจอเธอแล้ว!' อะไรทำนองนี้ แต่มันกลับไม่ใช่ ตรงกันข้ามเลยล่ะ เขาเงียบ แล้วก็หันกลับมามองฉันอีกรอบ

    แต่แล้วทุกอย่างก็เริ่มจะพังทลายเมื่อฉันเห็นคมมีดนั่นขยับ

    พระเจ้า เอาจริงเหรอ?

    ข..ขอล่ะ ฉ...ฉัน

    ริมฝีปากสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาแลกกับชีวิตตัวเองดี มือก็ยังกอดกล่องรองเท้าแน่น แต่ทันใดนั้นเองก็คิดออก

    น...นี่!”ฉันปลดสายสะพายเป้ลงจากไหล่ อีกฝ่ายชะงักเล็กน้อยอย่างระแวดระวังตัว ฉันค่อยๆ หยิบเสบียงที่ตัวเองหามาได้เมื่อกี้แล้วยื่นให้เขา...ทั้งหมดฉ...ฉันให้ของที่ฉันมีหมดเลย ด...ได้โปรดล่ะอย่า—“

    ชายสวมฮู้ดยังคงอยู่ในระหว่างการตัดสินใจ ฉันเห็นทรวงอกของเขาขยับขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจอันแสนเย็นยะเยือก ดวงตาสีน้ำตาลเข้มยังมองมาอย่างไม่ลดละเสียจนน่ากลัว มือของฉันที่ยื่นอาหารกระป๋องไปสั่นระริกมากกว่าเดิม ใบหน้าอาบด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว บาดแผลบริเวณเข่ายิ่งเจ็บแสบมากขึ้นไปอีก แม้จะพยายามห้าม...แต่สุดท้ายแล้วฉันก็แอบมองกลับไปที่ด้ามมีดในมือของเขาอยู่ดี

    ทุกสิ่งที่หามาได้ตลอดการเดินทางตั้งแต่เช้า ไม่ว่าจะเป็นอาหารกระป๋องหรือน้ำดื่ม ตอนนี้ฉันกำลังใช้สิ่งของที่มีทั้งหมดแลกกับชีวิตตัวเอง แม้จะไม่รู้ความคิดในหัวของไอ้โจรตรงหน้าก็ตาม

    ทันใดนั้นเองร่างนั่นก็ย่อตัวลง

    ...เดี๋ยวสิ!

    ฉันก้มหน้า หลับตาอย่างหวาดกลัว มือทั้งสองสั่นระริกมากกว่าเดิมจนเห็นได้ชัด แม้แต่กล่องรองเท้าสเก็ตก็ยังสะเทือน ในวินาทีต่อจากนั้นคือฉันรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างที่ยื่นลงมา ราวกับสิ่งนั้นกำลังจะพยายามเอาของๆ ฉันไป ทีแรกฉันหวังให้เขาเอาอาหารกระป๋องหรือขวดน้ำไปก็ได้ แต่ทว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น

    ร่างสูงตรงหน้าหยิบกล่องกระดาษที่ฉันกอดเอาไว้แน่นออกไป เขาไม่เอ่ยอะไรทั้งสิ้นขณะเปิดฝากล่องดูอย่างใจเย็น...และสิ่งที่พบด้านในนั้นก็ทำให้คิ้วภายใต้หน้ากากไอ้โม่งขยับขึ้น

    รองเท้าสเก็ต

    นั่นล่ะคือสิ่งที่เขาเห็น รองเท้าสเก็ตสีดำสนิทราคาแพง อุปกรณ์กีฬาชั้นดีสำหรับหน้าหนาวหิมะตกแบบนี้ มันคงขำน่าดูเลยล่ะสิ?

    แต่...

    บ้าเอ้ย...นี่มันบ้า!

    ในระหว่างที่เอาแต่ตั้งคำถามว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ฉับพลันเขาก็ตัดสินใจปิดฝากล่อง น่าประหลาดใจเหมือนกันที่หมอนั่นกลับเลือกที่จะยื่นกล่องรองเท้าคืนให้ แม้จะไม่ไว้ใจ แต่สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะเอื้อมมือไปรับมันมากอดเอาไว้ตามเดิม เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้ง ตอนนี้ความรู้สึกเย็นยะเยือกก็ไม่ได้แฝงอยู่ในดวงตาของเขาอีกแล้ว

    แต่มันเป็นความรู้สึกอันแสนคุ้นเคยบางอย่างที่ฉันเคยเห็นมาตลอด

    ใช่..มันเป็นแววตาเดียวกันกับที่ฉันเคยเห็น ในตอนที่แฟนคลับกว่าพันคนจับจ้องมาที่ฉันขณะโลดแล่นอยู่บนลานน้ำแข็ง...แววตาแห่งความชื่นชม

    สุดท้ายแล้วโจรคนนั้นก็ลุกขึ้น ฉันได้ยินเสียงรองเท้าบูทหนังดังออกไปสองสามก้าวก่อนจะหยุดนิ่ง อะไรบางอย่างบอกให้ฉันเงยหน้าขึ้นไป แล้วคำพูดของเขาก็ดังขึ้นในความเงียบ มันฟังดูราวกับเสียงกระซิบแต่เสียงกระซิบนั่นก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัวมาจนถึงตอนนี้

     

    แล้วเจอกัน

     



    "แค่นั้นเหรอ?"

    "ใช่"ฉันพยักหน้า"แค่นั้นแหละ"

    "โอ้พระเจ้า..."

    คราวนี้สองคนนั้นเล่นทำหน้างงกันใหญ่ ทั้งสตีฟและเดวิสหันไปมองหน้ากัน เหมือนกับว่าไอ้เรื่องทั้งหมดที่ฉันเล่าไปเมื่อกี้นี้มันไร้ความหมายอะไรแนวนั้นเลย ฉันทำได้แค่เพียงถอนหายใจดังๆ เพราะยังไงซะตอนนี้ตัวเองก็ไม่ได้อยู่ข้างนอกแล้ว ใช่...หลังจากเดินทางล่าเสบียงอาหาร ที่ต้องเสี่ยงกับทั้งเชื้อโรคแล้วก็พวกคนเลวทั้งหลาย ในที่สุดฉันก็สามารถกลับมาที่พักได้อย่างมีชีวิต

    มหัศจรรย์สุดๆ ไปเลยใช่มั้ย? ทีแรกก็นึกว่าตัวเองจะไม่รอดแล้วซะอีก

    ยังไงซะ ฉันก็ขอแนะนำให้รู้จักกับรูมเมทร่วมโลกอีกสองคนก็แล้วกัน สตีฟกับเดวิส อันที่จริงพวกเราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนหรอก แต่เพิ่งจะมาเจอกันก็ตอนเกิดเรื่องทั้งหมดนี่ล่ะ สตีฟเป็น รปภ. ของตึกที่เราอาศัยอยู่ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าภายนอกเขาจะดูเหมือนกับตำรวจก็ตามเถอะ แต่ด้วยความที่เขาเป็นยามประจำตึก ดังนั้นสตีฟถึงรู้ทุกซอกทุกมุมของที่อยู่ของเรา และสามารถหาทางหนีออกไปได้เมื่อเกิดปัญหาขึ้น

    ส่วนเดวิส เดวิสเป็นเด็กเนิร์ดสวมแว่น ผมบลอนด์ ร่างกายผอมแลดูปวกเปียก ผิดกับสตีฟที่มีหุ่นยังกะนักกีฬา เขาเป็นนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งชิคาโก ก่อนที่จะได้รู้จักกันจริงๆ ฉันคิดว่าเดวิสเป็นพวกชอบเก็บตัวเงียบซะอีก แต่ที่ไหนได้ ไอ้หมอนี่กลับพูดมากแบบสุดๆ แถมยังชอบคิดสันนิษฐานอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในตอนนี้เป็นว่าเล่น ส่วนสตีฟ...เขาไม่ใช่พวกเก็บตัวก็จริง แต่ก็ไม่ได้พูดมากเหมือนเดวิส แถมยังรอบคอบแบบสุดๆ

    ที่สำคัญคือสองคนนี้รู้จักกับฉันในฐานะ 'ควีน'

    "บ้าเอ้ย.."เดวิสอุทาน ใบหน้าของเขาแลดูวิตก"เธอแน่ใจนะว่าตอนมานี่ไม่ได้มีใครแอบตามมาน่ะ"

    "ไม่มีหรอกน่า!"

    "แต่ยังไงก็ต้องมั่นใจเอาไว้ก่อนนะ"สตีฟออกความเห็น

    "ฉันรู้...ไม่มีใครตามมาหรอก ฉันแน่ใจ"

    ไม่สงสัยเลยว่าทำไมสองคนนี่ถึงกังวลนักหนา เพราะไอ้โจรที่เพิ่งไปเจอเอาเมื่อกี้นี้ก็คือกลุ่มของพวกนอกฎหมายที่เรียกว่า "คาร์เทล" นั่นล่ะ สตีฟเล่าว่าตอนที่เกิดโรคระบาด มีการคนย้ายนักโทษหลายร้อยคนจากเรือนจำทุกแห่งในชิคาโก แต่ในระหว่างนั้นเกิดความชุลมุนวุ่นวายอย่างหนัก พวกนักโทษทั้งหมดจึงหลุดออกมาได้ 

    "ให้ตายสิ"เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนุ่มถอนหายใจ สตีฟหวนนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นเสมอ"ฉันยังจำได้แม่นเลย ตอนที่ไอ้โจรพวกนี้หลุดออกมาจากเรือนจำน่ะ"

    "แถมเมื่อกี้ควีนยังไปจ๊ะเอ๋เจอกับพวกมันอีก"

    ก็นะ ฉันรู้ว่าสองคนนี้เคร่งเครียดแค่ไหนเรื่องที่หลบภัย ห้องนี้เป็นเพียงที่เดียวที่พวกเราเหลืออยู่ แถมมันยังปลอดภัยแบบสุดๆ อีกด้วย ฉันไม่อยากลากพวกคาร์เทลมาที่นี่ ทุกอย่างแย่มามากพอแล้วและมันคงไม่ดีแน่ถ้าเกิดว่ามันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก

    พวกเราสามคนนั่งทำกิจกรรมของตัวเองไปตามปกติ ฉันปลีกตัวออกมาอยู่ในห้องครัวเพื่อชงอะไรอุ่นๆ กิน ในหัวยังคงนึกวนเวียนถึงเหตุการณ์ที่เกือบจะพลิกชะตาตัวเอง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโจรนั่นถึงไว้ชีวิตฉันไว้ เพราะคำขอร้องเหรอ? ฉันคิดขณะคนช้อนกาแฟในมือ ไออุ่นจากถ้วยกระเบื้องซึมซาบออกมา พอคลายหนาวได้บ้างในสภาพอากาศแบบนี้ แต่ยังไงซะ...กาแฟถ้วยเดียวคงไม่ช่วยให้ลืมเรื่องนั้นแน่

    เดวิสมีคอมพิวเตอร์อยู่เครื่องหนึ่ง เขามักจะนั่งอยู่หน้าจอเสมอเมื่อมีเวลาว่าง ตอนเดินออกมาจากห้องครัว ฉันเห็นสตีฟนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา จ้องมองไปยังจอทีวีตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย ฉันมองถ้วยกาแฟอีกสองถ้วยในถาดสลับกับใบหน้าเพื่อนร่วมห้อง ก่อนจะตัดสินใจเดินไปเสิร์ฟให้สตีฟเป็นคนแรก

    เมื่อถ้วยกาแฟถูกวางลงตรงหน้า เขาก็หันมาหาฉัน

    "เผื่อ...จะช่วยให้เลิกคิดมากได้บ้างล่ะนะ"ฉันเม้มปากเป็นเส้นตรง

    "ขอบใจมากนะ คิว"

    ฉันพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเรียกเดวิส ซึ่งตอนนั้นเขาดูท่าทางตื่นเต้นกับบางสิ่งเป็นอย่างมาก ทำเอาทั้งสตีฟและฉันถึงกับขมวดคิ้วไปตามๆ กัน เขาน่าจะเจออะไรน่าสนใจอยู่ในคอมพิวเตอร์นั่นแน่ ด้วยความที่ไม่อยากกวน ฉันจึงวางถ้วยกาแฟของเขาเอาไว้ข้างๆ แทน

    "กาแฟของนาย"

    "ขอบคุณมากควีน...แต่นี่เจ๋งกว่ากาแฟเยอะ!"

    "อะไรล่ะ"ฉันหันไปหาสตีฟ เขายักไหล่ ประมาณว่าก็ไม่รู้สิ

    เดวิสซึ่งดูท่าทางดีใจแบบสุดๆ เลื่อนจอคอมพิวเตอร์มาให้เราสองคนดู ฉันกับสตีฟเพ่งอ่านตัวอักษรสีเหลืองพวกนั้นอยู่นานถึงจะเข้าใจ...

     

    ประกาศฉุกเฉินจากรัฐบาล

    เรียนผู้รอดชีวิตทุกท่านที่ยังอยู่ในเขตชิคาโก ในวันพรุ่งนี้ ทางรัฐบาลจะจัดเตรียมเสบียงอาหาร น้ำสะอาด รวมถึงชุดปฐมพยาบาลเอาไว้ ณ จุดต่างๆ ของเมือง เพื่อเป็นการช่วยเหลือและสนับสนุนโดยเบื้องต้น หากท่านได้รับฟังประกาศฉุกเฉิน กรุณาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเดินทางไปยังจุดแจกเสบียงที่อยู่ใกล้ที่สุด

    หมายเหตุ : เจ้าหน้าที่ของเราจะเดินทางเข้าไปในเขตหมายเลขศูนย์ในเวลา 08:00 ของวันพรุ่งนี้ ท่านมีเวลาทั้งวันในการรับเสบียงอาหาร ขอให้เตรียมตัวให้พร้อม กรุณารักษาชีวิตของตนเองเอาไว้จนกว่าทุกสิ่งจะกลับมาเป็นปกติ ขอพระเจ้าคุ้มครองท่าน

     

    ประกายแห่งความหวังดูเหมือนจะถูกจุดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แน่นอน ฉันเห็นแววตาแบบเดียวกันเมื่อหันไปหาสตีฟ ครั้งล่าสุดที่รัฐบาลปล่อยเสบียงเอาไว้ก็ราวๆ วันคริสต์มาส หลังจากนั้นก็ไม่มีวี่แววของประกาศฉบับใหม่อีกเลยจนกระทั่งวันนี้ เดวิสดูท่าทางจะเนื้อเต้นแบบสุดๆ ฉันกับสตีฟก็เช่นเดียวกัน พวกเราทั้งสามคนหันมา เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนเริ่มจะวางแผงอะไรบางอย่างเข้าให้แล้ว

    "งั้นก็ข่าวดีมากเลยล่ะ"สตีฟเอ่ย"พวกเราเองก็ควร...เตรียมตัวให้พร้อม"

    "ใช่ๆ สตีฟ นายบอกว่านายมีปืนใช่มั้ย"

    ชายหนุ่มเงยหน้า"ทำไม"

    "ก็เผื่อไว้ไง! หวังว่าคืนนี้ควีนจะไม่ได้แอบพาหนุ่มเข้าบ้านนะ"

    "หุบปากไปเลยเดฟ!"

    ฉันหัวเราะแห้งๆ สองคนนั้นเองก็หัวเราะเช่นเดียวกัน เมื่อหันไปมองหน้าปัดนาฬิกา ตอนนี้เกือบจะหกโมงเย็นแล้วและยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ ฉันคงต้องไปหาอะไรทำฆ่าเวลาเสียก่อนล่ะ อีกอย่างก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม...เพื่อรอรับเสบียงในตอนเช้าด้วย

    ...เรายังไม่โดนคนทั้งโลกทอดทิ้งหรอก

           
    Z Y C L O N
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×